ตอนที่ 82: ตั้งตารอ
ตอนที่ 82: ตั้งตารอ
ในปัจจุบันเย่จิ่งชานกำลังนั่งอยู่ภายในห้องทำงานของเขาด้วยใบหน้าที่เย็นชา โดยฝั่งตรงข้ามของเขาคือร็อคกี้หัวหน้าแผนกเครื่องกล
สถานการณ์ภายในค่ายกำลังวุ่นวายเนื่องมาจากหัวหน้าแผนกทั้งสามทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงตัวเซี่ยเฟยเข้าสู่แผนกของตัวเอง
หลังจากนั้นก่อนที่การต่อสู้ระหว่างเซี่ยเฟยกับเฉินตงจะสิ้นสุดลง ลีโม่จากแผนกแนวหน้าก็ได้มาหาเย่จิ่งชานเพื่อแจ้งว่าเขาชื่นชอบความมุ่งมั่นในการต่อสู้และต้องการให้นักสู้จากดาวโลกเข้าสู่แผนกของตนเช่นกัน
ในตอนนี้แม้แต่ร็อคกี้จากแผนกเครื่องกลก็มาที่นี่เพื่อบอกกับเขาว่า การดัดแปลงของเซี่ยเฟยนั้นอยู่ในระดับนักปราชญ์และเขาก็ต้องการให้ชายหนุ่มเข้าสู่แผนกของตนด้วยอีกคน
แต่ร็อคกี้แตกต่างจากหัวหน้าแผนกทั้งสี่คนในก่อนหน้านี้ เพราะเขารู้ดีว่ารากฐานของแผนกเครื่องกลนั้นไม่ได้มีอำนาจเท่ากับแผนกอื่น ๆ และมันเป็นเรื่องยากที่จะดึงนักเรียนที่มีความสามารถในการต่อสู้เข้าสู่แผนก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเย่จิ่งชานเพื่อช่วยประสานงานกับแผนกอื่น ๆ และอนุญาตให้เซี่ยเฟยได้เข้าสู่แผนกเครื่องกล
“ร็อคกี้คุณกำลังจะบอกผมว่าเซี่ยเฟยมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดัดแปลงกลไกถึงระดับนักปราชญ์แล้ว?” เย่จิ่งชานถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ผู้บัญชาการเย่ ถึงแม้ว่าในแง่ของเทคโนโลยีเซี่ยเฟยจะยังไม่ถึงระดับนักปราชญ์ แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องจักรของเขานั้นสูงมาก มันจึงไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงหากจะบอกว่าเขามีฝีมืออยู่ในระดับนักปราชญ์แล้ว” ร็อคกี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"ทุกวันนี้ชิ้นส่วนอุปกรณ์จำนวนมากได้รับการพัฒนาจนขีดสุด สิ่งที่วิศวกรเครื่องกลจะต้องเผชิญคือการดัดแปลงและคัดสรรชิ้นส่วนเหล่านั้นในการประกอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”
“การติดตั้งชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจะเป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นอื่น ๆ เข้ามาภายในเครื่องยนต์ ซึ่งน้อยคนนักที่จะตระหนักได้ว่าฟังก์ชั่นที่เลือกนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ หรือเปล่า”
“เซี่ยเฟยสามารถจัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เขารู้ว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร ทำยังไงถึงจะบรรลุเป้าหมายได้และสามารถแบกรับความเสี่ยงได้แค่ไหน”
“ในหลายปีที่ผ่านมาผมไม่เคยพบนักเรียนที่โดดเด่นขนาดนี้มาก่อนเลย ผู้บัญชาการเย่แผนกเครื่องกลของเราต้องการผู้มีความสามารถอย่างเซี่ยเฟย ได้โปรดช่วยจัดการให้นักเรียนคนนี้เข้าสู่แผนกเครื่องกลของเราด้วย” ร็อคกี้กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
เมื่อเย่จิ่งชานได้ยินคำอธิบายที่ยืดยาวของร็อคกี้ เขาก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะเพื่อใช้ความคิด หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหนึ่งเขาก็ได้กล่าวออกมาว่า
“ร็อคกี้คุณไม่ใช่คนแรกที่ขอตัวเซี่ยเฟยเข้าแผนก ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคุณคือหัวหน้าแผนกคนที่ 5 แล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบจากเย่จิ่งชาน มันก็ทำให้ร็อคกี้ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
แผนกเครื่องกลถือได้ว่าเป็นแผนกที่มีอำนาจน้อยที่สุดภายในค่ายฝึก หากว่ามันได้มีแผนกอื่นที่ต้องการตัวเซี่ยเฟยเช่นกันร็อคกี้ก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีเลยว่าแผนกเครื่องกลของเขาไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะแผนกอื่นได้อย่างแน่นอน
“เอาเป็นว่าเราพักเรื่องที่คุณเสนอมาไว้ก่อน เพราะเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าแผนกใดก็ได้ที่เขาต้องการและไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งกับเขา ตอนนี้เชิญคุณกลับไปทำงานของคุณได้แล้ว” เย่จิ่งชานพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เมื่อถูกตัดบท ร็อคกี้ก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นกล่าวอำลาเย่จิ่งชานด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
หลังจากร็อคกี้จากไปเย่จิ่งชานก็ได้โทรหาโฮ่วไป๋ชานทันที หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีหัวหน้าแผนกลาดตระเวนคนนี้ก็ได้มาถึงห้องทำงานของเขา
“ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังสืบเรื่องของเซี่ยเฟยอย่างลับ ๆ?” เย่จิ่งชานถามอย่างตรงประเด็น
“ใช่ครับ ผมกำลังตรวจสอบข้อมูลของเขาแต่ผมไม่ได้ส่งใครไปติดตามเขา” โฮ่วไป๋ชานกล่าวตอบพร้อมกับพยักหน้า
“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับข้อมูลพวกนั้นหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ผมเพิ่งสืบความเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยได้แค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากการประเมินเขาได้มุ่งหน้าไปยังสุสานยานและได้รับยานรบรุ่นของกองทัพมา 1 ลำ โดยผู้ที่ประกอบยานให้กับเขาชื่อว่าพอตเตอร์ เป็นหนึ่งในเจ้าของอู่ต่อยานภายในดาว” โฮ่วไป๋ชานกล่าวอธิบาย
“แต่ถ้าคุณถามถึงเรื่องแปลก ๆ มันก็มีเพียงข้อมูลภูมิหลังของชายที่ชื่อพอตเตอร์คนนี้ที่เป็นข้อมูลปลอม” โฮ่วไป๋ชานกล่าวเสียงต่ำ
“หือ? ช่วยส่งผลการสืบสวนของคุณมาให้ฉันหน่อย” เย่จิ่งชานกล่าว
เมื่อได้ยินคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาโฮ่วไป๋ชานจึงหยิบไมโครคอมพิวเตอร์ออกมาและส่งข้อมูลที่เขารวบรวมมาทั้งหมดไปยังกล่องจดหมายของเย่จิ่งชานทันที
หลังเย่จิ่งชานเปิดดูข้อมูลและพลิกดูรายละเอียดต่าง ๆ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายของพอตเตอร์
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเย่จิ่งชานก็พูดกับโฮ่วไป๋ชานว่า
“หยุดการสืบสวนเรื่องเซี่ยเฟยซะ”
โฮ่วไป๋ชานพยักหน้าตอบรับและถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัยว่าทำไมเย่จิ่งชานถึงหยุดไม่ให้เขาดำเนินการสืบสวนต่อไป แต่ในฐานะหัวหน้าแผนกลาดตระเวน เขารู้ดีว่าอะไรที่ควรถามและไม่ควรถาม
หลังจากที่โฮ่วไป๋ชานจากไปแล้ว เย่จิ่งชานก็เอามือเท้าคางแล้วจ้องมองไปยังรูปของพอตเตอร์อยู่เป็นเวลานาน
“เขาสามารถใช้ท่าทางแปลก ๆ เพื่อหลบหลีกและโจมตีได้อย่างเหนือจินตนาการ นอกจากนี้เขายังสามารถทำให้เทพเครื่องจักรพอตเตอร์มาประกอบยานอวกาศให้กับเขาได้อีก…”
“เซี่ยเฟย… เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมเขาถึงมีความลับเยอะแยะมากมายขนาดนี้?” เย่จิ่งชานเอนกายลงบนที่นั่งพร้อมกับถอนหายใจขณะที่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
—--
กาลเวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนี้มันก็ได้มีเหล่าผู้ชื่นชอบเครื่องจักรได้มารวมตัวกันที่อาคารประกอบยานเป็นจำนวนมากและพวกเขาก็กำลังพูดคุยกันอย่างสงสัย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเฝ้ามองเซี่ยเฟยประกอบรถแข่งคันนี้มานานแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีใครสามารถเข้าใจการกระทำของเซี่ยเฟยได้แม้แต่คนเดียว
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหลและเทคนิคของเขาก็ไม่มีทางที่จะเป็นมือสมัครเล่นได้เช่นกัน
แต่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญคนนี้กลับกำลังประกอบรถแข่งที่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญสมควรจะทำ
ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนแบบ 3 ชั้นถูกถอดออกเหลือเพียงแค่ชั้นเดียว!
ระบบป้องกันในกรณีเกิดอุบัติเหตุถูกรื้อทิ้งทั้งหมด!
ท่อไอเสียถูกทำให้สั้นลงเหลือแค่ 2 ใน 3 จากขนาดเดิม!
ติดตั้งระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง 2 ชุดและเพิ่มระบบควบคุมด้วยมือ!
เพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อให้ใหญ่ขึ้นอีก 0.4 มิลลิเมตร!
…
ในทุกครั้งที่เซี่ยเฟยดัดแปลงชิ้นส่วนเหล่านี้อย่างบ้าคลั่ง มันก็จะมีเสียงอุทานและความสงสัยปะทุขึ้นภายในฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ
“อุปกรณ์ระบายความร้อนมันดัดแปลงไม่ได้แล้วนะ นี่คุณกำลังจะฆ่าตัวตายจริง ๆ ใช่ไหม?” ชายที่มีเคราอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนเซี่ยเฟยออกไปเสียงดัง
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าสนใจในความคิดเห็นของเขาเลย เนื่องจากเมื่อเขาเข้าสู่สถานะความมุ่งมั่นแบบ 200% สิ่งแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ จะกลายเป็นอากาศธาตุโดยปริยาย
เมื่อเห็นการกระทำของตนไร้ความหมายชายผู้มีเคราก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหันไปพูดกับชายผมหยิกข้าง ๆ ว่า
“เฒ่าแปง แกคิดว่ารถคันนี้จะขับได้จริง ๆ หรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันไม่ขับรถอันตรายแบบนี้ลงสนามแน่ ๆ” ชายผมหยิกตอบพร้อมยักไหล่
ชายทั้งสองคนนี้ถือเป็นเพียงแค่คนส่วนน้อยภายในฝูงชนที่รุมล้อมอยู่ ซึ่งผู้คนจำนวนมากที่เฝ้าดูต่างก็แสดงถึงความรังเกียจในการกระทำของเซี่ยเฟยอย่างชัดเจน
ยิ่งชายหนุ่มดัดแปลงชิ้นส่วนรถให้อันตรายมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งแสดงความรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น
ความเป็นจริงเซี่ยเฟยรู้ถึงความอันตรายจากการประกอบรถของเขาอยู่แล้ว แต่จากการคำนวณคร่าว ๆ ภายในใจ ความเสี่ยงในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เขายังพอรับได้
ไม่มีการประกอบรถคันไหนที่ให้ความปลอดภัยแต่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องหาสมดุลย์ของทั้งสองสิ่งนี้ให้ดีที่สุด
หากคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุด คุณก็จำเป็นที่จะต้องแบกรับความเสี่ยง
นี่คือทฤษฎีการแลกเปลี่ยนของเซี่ยเฟย!
เยว่เกอรู้สึกตื่นเต้นกับสถานการณ์ตรงหน้ามาก เธอจึงคอยรินน้ำและช่วยซับเหงื่อที่หน้าผากให้กับชายหนุ่มเป็นระยะ ๆ
น่าเสียดายที่ในตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังมุ่งมั่นในการทำงานเหมือนคนบ้า เขาจึงมักจะผลักเธอออกไปเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของตัวเองอยู่เสมอ
ผู้หญิงถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด เพราะยิ่งเซี่ยเฟยเย็นชากับเยว่เกอมากเท่าไหร่ หญิงสาวคนนี้กลับต้องการที่จะเข้าใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่การกระทำที่หยาบคายของเขาก็จะถูกตีความว่าเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับงานตรงหน้า
ในขณะเดียวกันไป๋เย่ที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงโยนเครื่องมือภายในมือลงบนพื้นแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เขาคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายที่สูงส่งมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะล้มเหลวในการเอาชนะใจเจ้าหญิงเท่านั้น แต่เจ้าหญิงของเขากลับยังวิ่งไล่ตามคางคกที่น่าเกลียดอีกด้วย ทำให้หัวใจของไป๋เย่บอบช้ำจนเกือบจะพังทลาย
“อาหาร” เซี่ยเฟยพูด 2 พยางค์ง่าย ๆ ออกมาจากปากโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“ในที่สุดนายก็หิวแล้วสินะ! อยากกินอะไรเดี๋ยวฉันจะไปซื้อให้เลย” เยว่เกอกล่าวขณะที่รีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม
“อะไรก็ได้” เซี่ยเฟยตอบขณะบิดสกรูเป็นจังหวะ
เมื่อได้ยินคำตอบของเซี่ยเฟยแล้วหญิงสาวก็หันไปหาเป๋ยไฮ่และหมานจุนก่อนจะสั่งการออกมาว่า
“พวกนายได้ยินแล้วใช่ไหม? ตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังหิว รีบไปซื้ออาหารมาให้เขาเดี๋ยวนี้!”
“อ้าว… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ เธอบอกเขาเองนี่ว่าจะไปซื้อมาให้” หมานจุนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนายบอกว่าประกอบรถแข่งได้ เซี่ยเฟยจะต้องมาทำงานหนักขนาดนี้ไหม!” เยว่เกอตะคอกกลับอย่างเย็นชา
การต่อกรกับผู้หญิงที่ไร้เหตุผลอย่างเยว่เกอไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก ดังนั้นเป๋ยไฮ่จึงรีบลากหมานจุนออกจากอาคารเพื่อมุ่งหน้าไปซื้ออาหารทันที
ยิ่งไป๋เย่เห็นสถานการณ์ตรงหน้านานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น เขาจึงเอามือไพล่หลังแล้วเดินออกจากอาคารโดยไม่หันกลับไปมอง
แฟนคลับที่ภักดีของเขาก็ยังคงรออยู่นอกประตูเป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเธอเห็นไป๋เย่เดินออกมาผู้หญิงเหล่านี้ก็เข้าไปรุมล้อมเขาในทันทีพร้อมกับบอกให้เขารักษาสุขภาพและดูแลตัวเอง
ในขณะเดียวกันไป๋เย่ก็รีบเดินตรงไปยังห้องพักโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาก็มีด้านที่เย็นชาด้วย เท่สุด ๆ ไปเลย” นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าวเหมือนกับอยู่ในภวังค์ขณะที่เอามือกุมที่บริเวณหน้าอกของตัวเอง
ไม่นานเป๋ยไฮ่และหมานจุนก็ซื้อกล่องอาหารกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันประกอบไปด้วยนักเก็ต, ไก่ทอดและขนมปัง
“ฉันบอกให้พวกนายไปซื้ออาหาร แล้วพวกนายไปเหมาอาหารขยะกลับมาทำไม! ของพวกนี้มันจะมีคุณค่าทางโภชนาการไหม!?” เยว่เกอบ่นขณะยืนเท้าสะเอวชี้ไปที่กล่องอาหาร
แต่ทันทีที่เธอพูดจบเซี่ยเฟยก็หยิบอาหารขึ้นมากินโดยไม่สนใจสิ่งที่อยู่ข้างในเลย
เซี่ยเฟยไม่เคยจู้จี้จุกจิกในเรื่องการกินอยู่แล้ว ตราบใดที่เขาสามารถกินได้อย่างเพียงพอ จะเป็นไก่ทอดหรือขนมปังก็ไม่ต่างไปจากอาหารอันโอชะในความคิดของเขา
ชายหนุ่มกินอาหารด้วยความรวดเร็วทำให้อาหารทั้งห้ากล่องหมดไปภายใน 3 นาที ซึ่งมันก็ได้ทำให้เป๋ยไฮ่ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกตกใจมาก
“แม่เจ้า! ความเร็วในการกินของนายแข่งยอดนักกินเร็วได้เลยนะ!!”
หลังจากเช็ดปากแล้วเซี่ยเฟยก็เริ่มทำงานอย่างจริงจังอีกครั้ง เนื่องจากรถแข่งข้างหน้ากำลังดึงดูดความสนใจจากเขาในทุกนาทีและถ้าหากว่าเขาไม่ประกอบมันให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เขาก็คงจะไม่สามารถนอนหลับสนิทได้อย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ความเร็วของเซี่ยเฟยยังคงสม่ำเสมอและความกระตือรือร้นในการทำงานของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ใครต่อใครหลายคนรู้สึกละอายใจ
ทันใดนั้นเฉินตงก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปที่ประตู
“นายจะไปไหน?” เยว่เกอถาม
“เซี่ยเฟยกำลังทำงานอย่างหนักจนฉันรู้สึกอึดอัดไปหมดแล้ว ตอนนี้ฉันอยากกลับไปซ้อมบ้าง” เฉินตงตอบขณะที่ยังคงเดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้เยว่เกอ
เซี่ยเฟยยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 10 ชั่วโมงโดยมีเวลาพักเพียงแค่ 3 นาทีที่เขาใช้ในการรับประทานอาหารเท่านั้น
ปัจจุบันกลุ่มคนที่อยู่รายล้อมเริ่มอ้าปากหาวและรู้สึกเบื่อหน่าย แต่มันก็ไม่มีใครอยากจะเดินออกไปเพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการดูว่าไอ้รถบ้า ๆ คันนี้จะออกมาหน้าตาเป็นยังไง
แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกผิดหวัง เพราะในตอนนี้เขาได้เริ่มขัดผิวด้านนอกของรถเพื่อให้รถบางลงและมีรูปทรงตามแบบที่เขาคิดเอาไว้
เมื่อใกล้บ่ายโมงในที่สุดสกรูตัวสุดท้ายก็ถูกประกอบเข้าไปในตัวรถแข่งทำให้ผลงานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์
หลังจากเสร็จงานเซี่ยเฟยก็นั่งจุดบุหรี่แล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมาอย่างผ่อนคลาย แต่เมื่อเขามองไปรอบ ๆ เขาก็ได้พบว่าเขากำลังถูกรุมล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“พี่ชายผมชื่นชมในความกล้าหาญของคุณจริง ๆ คุณกล้าดัดแปลงแม้กระทั่งระบบพลังงาน นี่คุณไม่กลัวว่ามันจะระเบิดถ้ามันร้อนเกินไปหรอ?”
“คุณใช้เวลาในการประกอบรถสุดโหดคันนี้เพียงแค่ 11 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังดัดแปลงส่วนประกอบแทบทุกชิ้น นี่คุณได้ทำลายสถิติการประกอบรถแข่งที่เร็วที่สุดไปแล้วรู้ตัวไหม?”
"พี่ชาย ๆ นี่คุณจะเป็นคนขับรถคันนี้เองหรือว่าให้คนอื่นขับหรอ?"
เหล่าฝูงชนที่อยู่ล้อมรอบเริ่มรุมคำถามจำนวนมากเข้าใส่เซี่ยเฟยเหมือนกับนักข่าวที่อยู่ในงานแถลงข่าว
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มเพียงแค่เล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขาเลย จากนั้นเขาก็รีบเบียดตัวออกจากชุมชนและเดินตรงไปยังห้องพักของเขาในทันที
“เซี่ยเฟย! นายนี่มันสุดยอดจริง ๆ นายรู้ไหมว่าไอ้พวกโง่พวกนี้ดูนายประกอบรถแข่งของเราไม่วางตาเลย” เยว่เกอกล่าวกับเซี่ยเฟยด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดตอบโต้กลับไป เพราะในตอนนี้ภายในหัวของเขายังคงคิดถึงขั้นตอนการประกอบรถแข่งเมื่อสักครู่นี้อยู่
แม้ว่าวิธีการประกอบรถแบบสุดขั้วนี้จะช่วยปรับปรุงสมรรถนะของมันได้เป็นอย่างมาก แต่มันก็มีปัจจัยที่ไม่เสถียรหลายอย่างที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
“วันนี้นายแต๊ะอั๋งฉันหลายรอบเลยนะ” เยว่เกอพูดเบา ๆ ขณะที่โอบแขนของเซี่ยเฟย
เมื่อได้ยินคำพูดของเยว่เกอชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วและดึงแขนของเขาออกจากอ้อมกอดของหญิงสาวด้วยความเร่งรีบ
“จะบ้าหรอ! เธอไม่ใช่ผู้หญิงแล้วทำไมฉันจะต้องแต๊ะอั๋งเธอด้วย”
“ไอ้บ้าเซี่ย! นายมัน… นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!!!” เยว่เกอตะโกนตอบโต้ด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเซี่ยเฟยก็รู้สึกเสียวสันหลังและเริ่มมีเหงื่อไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก
“ฮ่า ๆ ฉันแค่ล้อเล่นน่า นี่นายเชื่อฉันจริง ๆ หรอ” เยว่เกอพูดขณะที่เผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา
“แต่ฉันถูกใจหน้าตาจริงจังของนายมาก ๆ เลยนะ ไว้วันหนึ่งถ้าฉันไม่ชอบผู้หญิงเมื่อไหร่ฉันจะคิดถึงนายก็แล้วกัน”
เมื่อเซี่ยเฟยได้ยินคำอธิบายของเยว่เกอเขาก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและกระซิบกับตัวเองเบา ๆ ว่า
“แม่เจ้า! ขออย่าให้วันนั้นมาถึงเลย”
——-
เช้าตรู่วันต่อมาไป๋เย่ก็ได้เดินทางมาที่อาคารประกอบรถแต่เช้าพร้อมกับเหล่าบรรดานักเรียนหญิง นอกจากนี้รอยยิ้มที่สง่างามก็ได้กลับมาที่ใบหน้าของเขาแล้ว
แต่ในวันนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำเจ้าหญิงที่เขาอยากจะเจอมากที่สุดก็ไม่ปรากฏตัวเลยสักครั้ง
ตรงกันข้ามในบางครั้งมันจะมีผู้คนเดินเข้าไปสำรวจและพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นรอบ ๆ รถของเซี่ยเฟย
จากภายนอกรูปลักษณ์ของรถคันนี้ไม่ได้แตกต่างจากรถแข่งโดยทั่วไปมากนัก แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วรถแข่งคันนี้ซ่อนความบ้าคลั่งเอาไว้มากแค่ไหน
โดยปกติกลุ่มลูกหลานคนรวยหลาย ๆ คนมักที่จะพาคนรับใช้หรือแม่บ้านมายังค่ายฝึกพร้อมกับพวกเขาด้วยและแน่นอนว่าไป๋เย่ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
คนรับใช้ที่เขาได้พามาคือชายชราวัย 50 กว่า ๆ ที่มีรูปร่างผอมสูงและมีใบหน้าที่นิ่งเฉย
“การแข่งขันรถใกล้จะเริ่มในไม่กี่วันนี้แล้ว ฉันตั้งตารอคอยอยากให้วันนั้นมาถึงไว ๆ จังเลย” ไป๋เย่กล่าวขณะขยิบตาให้กับชายชราที่อยู่ข้าง ๆ
ในขณะที่เขาพูดเขาจงใจเน้นคำว่า ‘ตั้งตารอคอย’ เพื่อส่งสัญญาณและชายชราก็พยักหน้าให้เขาอย่างรู้ทัน
“ตาแก่คนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยงานนี้เช่นกันครับ”
***************
ตั้งตารอไรฟะ!!