ตอนที่ 58 : มาถึงจินหลิง
ฉินหยุนมองดูคนทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม
อันที่จริงแล้วในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าก็มีงานที่เหมาะสมกับฉินเสี่ยวเทาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องไปเรียนรู้วิธีการเย็บเสื้อผ้า แต่ฉินหยุนมีแผนของเขาเอง
ในเขตชิงอู๋ สมาชิกในครอบครัวของเขาต่างก็อยู่ที่นี่กันทั้งหมด เขาสามารถปล่อยให้พ่อกับแม่และพี่สาวของเขาดูแลที่นี่ได้
แต่เมื่อเขาไปที่จินหลิง เขาต้องอยู่ตัวคนเดียว และการรับสมัครผู้จัดการหรือตำแหน่งอื่นๆ คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาทั้งสิ้น คาดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดูแลเรื่องต่างๆได้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงต้องหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อไปอยู่ที่ร้านที่เขากำลังจะเปิดขึ้นใหม่ เมื่อมีเรื่องอะไรก็ต้องสามารถรายงานเขาได้ตลอด
"ไปที่จินหลิงเพื่อเปิดร้าน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินกั๋วเหลียงและจางพ่านตี้ก็ผงะ
พวกเขารู้ว่าฉินหยุนได้เข้าเรียนที่มหาลัยในจินหลิง และยังเป็นมหาลัยระดับ 211 อีกด้วย
แต่พวกเขาก็ผงะไปเพียงครู่เดียว และตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จากมุมมองของพวกเขา ฉินหยุนเป็นสมาชิกที่มีแววมากที่สุดของตระกูลฉิน ในช่วงเวลาสั้นๆเขาได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ตลอดชีวิต เขากลายเป็นบอสใหญ่ที่มีพนักงานถึง 70 คน
การติดตามฉินหยุนโดยตรงนั้นดีกว่าการขลุกตัวอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ทั้งหมดก็เพื่อพัฒนาเส้นทางในอนาคตที่ดี
พวกเขาตื่นเต้นมากและก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ฉินเสี่ยวเทาซึ่งนั่งก้มหน้าอยู่ตลอด จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า "ฉันอยากไปที่จินหลิง!"
...
สองวันต่อมา ฉินหยุนเรียกแท็กซี่มารับและกำลังจะออกเดินทางอย่างเป็นทางการ
"เสี่ยวหยุน เมื่อลูกไปถึงจินหลิงแล้ว ลูกต้องใส่ใจกับความปลอดภัยให้ดี ลูกยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนั้น ดังนั้นห้ามไว้ใจคนแปลกหน้า เข้าใจไหมลูก" จ้าวเหมยกล่าว
"แม่ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ" ฉินหยุนรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อยกับคำกล่าวของจ้าวเหมย แต่เขาก็รู้ดีว่าแม่ของเขาเป็นห่วงเขามาก ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าให้ ถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเดินทางไกล
ในอีกด้านหนึ่ง ฉินกั๋วเหลียงก็กำลังกำชับกับฉินเสี่ยวเทา
"เสี่ยวเทา เสี่ยวหยุนน้องชายของแกเขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่ลูกไปถึงจินหลิง ลูกต้องฟังสิ่งที่เสี่ยวหยุนพูดทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะขอให้ลูกทำอะไร ถ้าลูกทำได้ก็ต้องทำให้เต็มที่ ถ้าแกกล้าขัดขืน ฉันจะไปตีขาแกถึงที่เลย" เขากล่าวด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมา
ถัดจากเขา จางพ่านตี้ก็กล่าวอะไรบางอย่างกับเขาต่อ
“ผมรู้แล้วครับ” ฉินเสี่ยวเทาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
ในที่สุดทั้งสองคนก็ขึ้นแท็กซี่
"พี่ใหญ่ ผมขอฝากเรื่องนี้ไว้กับพี่ด้วยนะ ถ้ามีเรื่องเล็กน้อยอะไร พี่จัดการเองได้เลย ส่วนเรื่องใหญ่ค่อยโทรหาผม" ฉินหยุนมองไปที่ฉินซวนแล้วกล่าวกับเธอ
ตอนนี้ฉินซวนเป็นผู้รับผิดชอบร้านค้าทั้งสี่แห่ง รวมถึงโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนและโรงงานผลิตรองเท้าที่กำลังจะตั้งขึ้นด้วย สิ่งต่างๆเริ่มใช้เวลาในการจัดการมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ร้านค้าทั้งสี่แห่งมีผู้จัดการร้านที่สอดคล้องกันแล้ว น้าสะใภ้เฟิงหลานรับผิดชอบร้านเสื้อผ้าหนึ่งร้านและอีกร้านเป็นพนักงานคนแรกของร้านขายเสื้อผ้า จางชิง ด้วยเงินเดือน 6,000 หยวนต่อเดือน
ส่วนร้านขายรองเท้าทั้งสองแห่งก็ยังมีผู้รับผิดชอบที่สอดคล้องกันเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปฟุ้งซ่านกับกิจการของร้านค้าทั้งสี่แห่ง ฉินซวนสามารถโฟกัสพลังงานส่วนใหญ่ของเธอไปที่โรงงานทั้งสองแห่งได้อย่างเต็มที่
และตอนนี้เงินเดือนของฉินซวนได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 หยวนต่อเดือนแล้ว!
ก่อนหน้านี้ฉินซวนก็จะปฏิเสธที่จะยอมรับมัน และฉินหยุนก็พยายามเกลี้ยกล่อมเธออยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายจ้าวเหมยก็บอกกับเธอว่า ‘ลูกแค่ยอมรับสิ่งที่น้องชายของลูกมอบให้ก็พอ’
เมื่อมีการเปิดกิจการร้านค้ามากขึ้น รายได้ของฉินหยุนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องลังเลถ้าเขาสามารถช่วยให้พี่สาวของเขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้
"เอาล่ะ เสี่ยวหยุน พี่จะดูแลที่นี้ให้ดีอย่างแน่นอน" ฉินซวนพยักหน้าอย่างจริงจัง
น้องชายของเธอจ่ายเงินเดือนให้เธอสูงมาก หลังจากกลับถึงบ้าน เธอบอกพ่อแม่สามีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพ่อแม่สามีก็ปฏิบัติกับเธอดีขึ้นมากกว่าเดิม เมื่ออยู่ที่บ้าน เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำความสะอาดบ้านและล้างจานอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงมีเวลาดูแลเสี่ยวจุนมากเยอะขึ้น
เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมงานหลายคนต่างก็รู้สึกอิจฉาเธอมาก
เนื่องจากน้องชายของเธอไว้ใจเธอมาก เธอจึงต้องพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับฉินหยุน
หลังจากกล่าวอีกสองสามคำ ในที่สุดแท็กซี่ก็ขับออกไปและเข้าใกล้จินหลิงอย่างรวดเร็ว
...
"พี่เสี่ยวเทา ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย เราไปหาอะไรกินก่อนกันเถอะ" อยู่บนรถแท็กซี่ฉินหยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อก่อนฉินเสี่ยวเทาไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ เขาเคยเป็นคนร่าเริง และช่างจ้อมาก
ในฐานะลูกคนโตสุดของตระกูลฉินในรุ่นเดียวกัน ฉินหยุนและคนอื่นๆคอยติดตามเขาอยู่เสมอเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก
หลังจากที่ฉินเสี่ยวเทาเรียนจบ เขาก็เปลี่ยนงานไปหลายที่ แต่เงินเดือนของเขาก็ยังไม่เพิ่มขึ้นสักที เมื่อเขาอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งกลายเป็นคนเงียบขรึมขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
“โอเค” ฉินเสี่ยวเทาพยักหน้า เขาก็เริ่มหิวเหมือนกัน
เขามองไปที่ฉินหยุน แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ความสำเร็จของลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ทำให้เขาต้องอึ้งทึ่งเสียวเป็นอย่างมาก
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับคนดังบางคนที่เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในตอนที่ยังเรียนอยู่มหาลัย แต่เขาไม่เคยได้ยินว่ามีนักธุรกิจระดับมัธยมปลายคนใดที่สามารถสร้างรายได้มากมายขนาดนี้
“เสี่ยวหยุน มีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้เลย นายไม่กลัวว่าฉันจะทำให้เรื่องของนายพังเหรอ?” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินเสี่ยวเทาก็เอ่ยถามขึ้น
ในเวลานี้เขารู้สึกกระวนกระวายใจมาก และเขาไม่มีความมั่นใจที่จะไปจินหลิงเลย
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าฉินเสี่ยวเทากำลังขาดความมั่นใจ ฉินหยุนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากศูนย์ แม้ว่าพี่จะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่พี่ก็แค่เรียนรู้มันไปอย่างช้าๆ ในเมื่อพี่เลือกทางนี้แล้ว พี่เสี่ยวเทา ผมเชื่อว่าพี่จะทำมันได้ดีแน่นอน"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน ฉินเสี่ยวเทาก็ผงะ นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินคำพูดของคนอื่นที่บอกว่าเชื่อในตัวเขา ส่วนใหญ่แล้วคำพูดทั่วไปที่เขาได้ยินในทุกวันต่างก็คือคำพูดบั่นทอนจิตใจ
กระแสน้ำอุ่นไหลผ่านหัวใจของเขา และฉินเสี่ยวเทาก็ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างตามที่ฉินหยุนสั่งอย่างจริงจัง
...
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงเมืองจินหลิง!
หลังจากลงจากรถ ฉินหยุนก็พาฉินเสี่ยวเทาไปที่บริษัทตัวกลางทันที
“สวัสดีครับ” เมื่อพวกเขามาถึงก็มีคนมาต้อนรับทันที
และที่นี่ ฉินหยุนก็บอกความต้องการของเขาโดยตรง
"กำลังมองหาผู้จัดการมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในแบรนด์ร้านขายเสื้อผ้าเหรอครับ?" เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตทางการก็มองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มตรงหน้าเขาดูเด็กมาก ซึ่งเขาคิดว่าฉินหยุนอาจมาที่นี่เพื่อสอบถามเกี่ยวกับบ้าน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ร้านขายเสื้อผ้า
‘เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นคนรวยรุ่นที่สองที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ?’ ชายวัยกลางคนคิดกับตัวเอง
เมื่อฉินหยุนมาถึงที่นี่ เขาได้กำหนดเงื่อนไขของตนเองไว้แล้ว โดยให้เงินเดือนผู้จัดการที่ได้รับคัดเลือกปีละ 200,000 หยวน นอกจากนี้ยังมีโบนัสสิ้นปีขั้นต่ำอีก 100,000 หยวน
สำหรับการเปิดร้านใหม่นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นคนรวยรุ่นที่สองที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ แต่เป็นบริษัทใหญ่บางแห่งที่เริ่มทำธุรกิจ คาดว่าคนที่มาที่นี่เพื่อสอบถามอาจจะไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ดูอายุยังไม่ถึง 20 ปีคนนี้
"คุณฉินครับ เราเข้าใจความต้องการของคุณแล้ว และเราจะช่วยคุณหาผู้สมัครที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด" ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ใช้เวลานานแค่ไหนครับ?" เมื่อมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าเขา ฉินหยุนเอ่ยถามโดยตรง
"อย่างช้าสุดสองวัน เราจะโทรหาคุณเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว" ชายวัยกลางคนครุ่นคิดเล็กน้อย
"สองวัน?" ฉินหยุนพยักหน้า
ในระยะเวลาสองวันนี้เขาสามารถรอได้ เพราะเขาจะใช้เวลาประมาณสองวันเพื่อยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่จะเปิดใหม่ทั้งสามแห่ง
เรื่องการมองหาผู้จัดการมืออาชีพ เขาคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้าร้านแรก เขาได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจและเอกสารต่างๆ เขารู้สึกปวดหัวกับมันมากจากการวิ่งไปรอบๆ แต่สุดท้ายก็ได้ฉินซวนมาช่วยจัดการให้ ซึ่งเขาก็ได้รู้แล้วว่าขั้นตอนมันซับซ้อนเพียงใด
และนั่นยังอยู่แค่ในเขตบ้านเกิดของเขาเอง
แต่ที่นี่คือจินหลิง และหากคุณไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ การจัดการเรื่องเหล่านี้อาจยากลำบากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
และยังไม่ใช่แค่ร้านเดียว แต่คราวนี้ต้องจัดการร้านขายเสื้อผ้าพร้อมกันทั้งสามร้าน!
แค่คิดถึงการทำสิ่งเหล่านี้ ฉินหยุนก็เริ่มรู้สึกปวดหัวแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการหาผู้จัดการมืออาชีพที่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมาช่วยอย่างด่วนๆ
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อร้านขายเสื้อผ้าทั้งสามแห่งเปิดทำการ เขาต้องหาผู้จัดการร้านที่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกันมาช่วยจัดการร้านด้วย
(จบตอน)