ตอนที่ 116 มุ่งสู่อาณาจักรเย่วฮวา
ตอนที่ 116 มุ่งสู่อาณาจักรเย่วฮวา
ผู้ส่งสารที่มาจากเมืองซวนเย่ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับ 6
ต่อหน้าทหารพืชระดับ 7 เขาคงทำได้เพียงหลบหนี
เมื่อเห็นว่า หลิน ยู มีทหารระดับ 7 2 ตัวอยู่ข้างๆเขา นึกไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะหวาดกลัวขนาดไหน ความสงสัยของเขาเกี่ยวเมืองโม่หยวนก็สลายไปอย่างสิ้นเชิง
"นายงั้นเหรอคือคนที่เจ้าเมืองซวนเย่ส่งมา?"
หลิน ยู เดินเข้าไปในโถงท่ามสายตาของคนนับไม่ถ้วน
แม้ว่าเขาจะเป็นราชันระดับ 6 แต่ออร่าที่เขาเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความอหังกาลทำให้ผู้ส่งสารของถอยหลังออกไปครึ่งก้าว ไม่กล้าที่จะมอง หลิน ยู ตรงๆ
สุดท้าย ชายชราที่มีอายุมากที่สุดเดินเข้ามาคำนับ หลิน ยู
"เรียนท่านเจ้าเมือง ข้าได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองซวนเย่ ให้มาร่วมแสดงความยินดีกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหวงซา นี้เป็นขอบขวัญเล็กๆน้อยๆที่เราเตรียมไว้ หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะรับไว้"
"โอ๋ว มันคือของของขวัญอย่างงั้นเหรอ" หลิน ยู แปลกใจ
เขาไม่คิดว่าเจ้าเมืองซวนเย่จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอย่างเกี่ยวข้องกับเมืองโม่หยวน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่เมื่ออีกฝ่ายส่งของขวัญมาให้เขาจะไม่รับได้อย่างไร
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น ท่านช่วยบอกเจ้านายของพวกท่านด้วยว่า ฉันรับของขวัญไว้แล้ว หากเขามีเวลาก็สามารถมาหาฉันที่เมืองหวงซาได้ พวกเราเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจๆ"
"แน่นอนขอรับ!"
ชายชราพยักหน้าพลางเช็ดเหงื่อที่ออกบนใบหน้าของเขา
เขานั่งลง ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนจะตาย
ตอนนี้ จากที่ทุกคนรู้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมืองโม่หยวน นั้นเกี่ยวข้องกับชายที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างชัดเจน หากพวกเขาต้องต่อสู้กับเมืองหวงซา พวกเขาคงจะหนีไม่พ้นความตาย
แน่นอนด้วยคำพูดที่สุภาพของเขา เขาได้แต่ต้องทำมัน อีกทั้งยังไม่กล้าที่จะล่วงเกินหลิน ยู แม้แต่น้อย
เซียว ฉางกุ้ย และ เหว่ย กังที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพวกเขา
เพียงคำสั้นๆเพียงไม่กี่คำ มันก็ช่วยลดความเย่อหยิ่งของผู้ฝึกตนระดับ 6 เหล่านี้ลงได้ หากเป็นพวกเขาคงไม่มีทางทำได้
"เอาละ ท่านผู้การเซียว คุณรับผิดชอบพูดคุยกับพวกเขา ฉันยังมีหลายอย่างต้องไปทำ ดังนั้นฉันจะไปก่อน"
เซียว ฉางกุ้ย เจรจาเรื่องแบบนี้ได้ดีกว่าเขา ดังนั้น หลิน ยู จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป เขาทิ้ง มังกรราชาปิศาจไว้กับ หลิง ซีที่นี้
"ด้วยความยินดีขอรับนายท่าน!"
เซียว ฉางกุ้ยและ เหว่ย กัง ขานรับพร้อมกันทันที
หลังจากที่ส่ง หลิน ยู กลับด้วยความเคารพ เขาก็ยังเจรจากับผู้ส่งสารของเมืองซวนเย่ต่อ เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 เมือง
ด้วยทหารระดับ 7 ที่คอยดูแลที่นี้อยู่นั้น เหล่าผู้ส่งสารไม่กล้าทำสิ่งใดให้เกิดความขัดแย้ง
....
ในไม่ช้า หลิน ยู ออกจากโถงต้อนรับมายังด้านนอก
เมื่อเห็นผู้คนเดินกันไปมา ถนนพลุกพล่านกว่าเดิมมาก เข้าไม่ได้กลับไปยังดินแดนทันที เพียงแค่เดินไปตามถนนเรื่อยๆ
เหล่าชาวเมืองที่เห็น หลิน ยู พวกเขาก็เข้ามาทักมายอย่างอบอุ่น
"โอ้นายท่าน ท่านมาที่นี้"
"อรุณสวันต์ขอรับนายท่าน"
"ข้าน้อยได้เห็นนายท่านตัวเป็นๆ แล้ว !"
"นายท่าน ข้ามีซาลาเนื้่อที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆร้อนๆ ท่านต้องการหรือไม่"
คนเหล่านี้ที่เปิดร้านค้า และแผงลอยต่างๆ ตามท้องถนน เป็นชาวเมืองกลุ่มแรกๆที่ติดตามหลิน ยู ร่วมฝ่าฟันกับเขามา
ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพ หลิน ยู จากก้นบึ้งหัวใจ
ในตอนนี้นั้นเมืองหวงซาเริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเขามีการปรับปรุงบ้านและเริ่มค้าขายบนท้องถนนใช้ประโยชน์จากการที่พวกเขาเป็นชาวเมืองหวงซา
บางคนหน้าตาแจ่มใสเปิดเป็นร้านอาหารและโรงแรม ธุรกิจของเขากำลังเฟื้องฟูชีวิตของพวกเขาดีขึ้นอย่างมาก
ตอนนั้น เมื่อนึกย้อนกลับไปในตอนที่เขาเพิ่งมาถึงที่นี้เป็นครั้งแรก ชาวเมืองเหล่านี้ล้วนไม่เต็มใจที่จะกินเนื้อแต่เลือกที่จะเก็บไว้ หลิน ยู อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ความรู้สึกประสบความสำเร็จปรากฏขึ้นในใจของเขา
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงประทัดดังมาจากไกลๆ กลุ่มควันพร้อมกับพุไฟที่ระเบิดขึ้นราวกับมีงานเทศกาลขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนถนน ดึงดูดเหล่าผู้คนให้หยุดมองดู
จะเห็นว่าสุดปลายถนน มีชาวเมืองกลุ่มใหญ่ที่เดินอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มผู้เรียบง่ายดูใสซื่อสวมเสื้อคลุมสีแดง นั่งอยู่บนหลังม้าเดินนำหน้าขบวน ยิ้มและโบกไม้โบกมือให้กับเหล่าชาวเมืองบนถนน
มีเหล่าเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างร่าเริงพวกเขาดูมีความสุข ต่างพากันแย่งชิงของขวัญและขนมที่เจ้าของงานโยนให้
เหมือนกับ..เป็นงานแต่ง
หลิน ยู ประหลาดใจ
ในขณะที่เขายืนอยู่ข้างถนนนั้น เจ้าบ่าวที่นั่งอยู่บนนั่งม้าก็สังเกตุเห็น ดวงตาของเขาถึงกับเบิกกว้างขึ้นทันที
"นายท่าน ท่านมาที่นี้ได้ยังไงกันขอรับ"
เมื่อพูดจบ เจ้าบ่าวก็รีบลงจากหลังมาเดินเข้าไปหาหลิน ยู โค้งคำนับให้กับเขา
"แค่ผ่านมาน่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญของคุณ ถ้าจะคุกเขาก็ไปคุกเขาที่ห้องโถงเถอะ"
หลิน ยู พูดสนับสนุนชายคนนี้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เขาจำได้ว่าชายคนนี้คือคงที่อาสามาเป็นทีมขุดเหมืองคนแรกของเขา อีกทั้งเขายังขยันอย่างมากในการขุดคูคลอง
เผลอแป๊ปเดียวชายคนนี้ก็มีเมียซะแล้ว ดูเหมือนชีวิตของเขากำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
เมื่อ เถีย หนิว เห็นหลิน ยู พูดแบบนี้เขาก็มีความสุขเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยึดตัวขึ้นทันที เกาศรีษะพลางหัวเราะออกมา
"นายท่านขอรับ วันนี้เป็นวันที่ข้านั้นแต่งงาน ข้าขอเชิญท่านไปเป็นสักขีพยานให้ข้าได้หรือไม่"
หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองไปที่หลิน ยู ด้วยความคาดหวัง
เพราะเขานั้นรู้ดีว่า หลิน ยู เป็นคนที่ทำให้เขามีทุกวันนี้ ดังนั้น เขาจึงเคารพหลิน ยู จากก้นบึ้งของหัวใจ
หากเขาสามารถเชิญ หลิน ยู ไปเป็นสักขีพยานได้ มันจะเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับเขา
"ได้แน่นอน วันดีๆแบบนี้ฉันจะเข้าร่วมงานแต่งและดื่มซัก 2 3 แก้ว" หลิน ยู กล่าวด้วยรอยยิ้ม
สำหรับชายหนุ่มมีความขยันอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เขาไม่ปฏิเสธแน่นอน
"ท่านจะมาจริงๆ!?"
เมื่อ เถีย หนิว ได้ยิน เข้าก็อดที่จะดีใจไม่ได้
แม้กระทั่งคนรอบข้างก็ยังมองเข้าด้วยความอิจฉา
มีท่านเจ้าเมืองเป็นสักขีพยานการแต่งงาน มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับการแต่งงานครั้งนี้ มันดียิ่งกว่าเอาเงินมาให้ซะอีก
ในชั่วพริบตา ผู้คนจำนวนมากต่างออกมาแสดงความยินดีกับเขา ทั่วทั้งถนนรายล้อมไปด้วยเสียงดนตรี เถีย หนิว คิดว่าวันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิต
และแล้ว
พวกเขาต้อนรับหลิน ยู เหมือนกับญาติคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิด ของ หลิน ยู เข้าจึงไปเข้าร่วมงานทำหน้าที่เป็นสักขีพยานให้กับ เถีย หนิว จากนั้นเขาก็กินและดื่มนิดหน่อย จากนั้นก็ออกจากงานเลี้ยงกลับไปยังดินแดน
เสียงรอบข้างกับพลางจางลง
"มันดีจริงๆ...."
เมื่อมองไปยังหมอกควันที่ปกคลุมเมืองอยู๋ หลิน ยู ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ให้ฐานะราชัน เขาถูกกำหนดให้ชีวิตเต็มไปด้วยความอันตราย
ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายเมื่อไร อีกทั้งจะมีชีวิตรอดไปได้ถึงตอนไหนก็ไม่รู้
การแต่งงานหรือความรักนั้นเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยสำหรับเขา
บางทีวันหนึ่งในอนาคตเขาอาจจะได้พบอีกครึ่งหนึ่งในชีวิตของเขา แต่ไม่ใช่ตอนนี้
เขาส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขามาถึงดินแดน เขาก็เรียกหลิง ซี กับมังกรราชาปิศาจ 2 ตัว มังกรสนมปิศาจ 2 ตัวบินออกไปจากดินแดนด้วยกันมุ่งหน้าสู่อาณาจักรเยว่ฮวา
ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหวงซาค่อนข้างคนที่แล้ว
ถีงเวลาเปิดเส้นทางการค้าระหว่าง 2 อาณาจักร
สำหรับทหารระดับ 7 ตัวอื่นๆนั้นเขาทิ้งไว้ปกป้องดินแดน เพื่อที่เขาจะได้ออกไปข้างนอกอย่างสบายใจ