CD บทที่ 336 ความกังวลของจ้าวหยู่
ขณะที่นักสืบทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารสุดหรูโดยตรงจากสถานีตำรวจและไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ทุกคนก็แต่งตัวอย่างไม่เป็นทางการ บางคนสวมเครื่องแบบตำรวจด้วยซ้ำ
เหมี่ยวอิงก็ไม่ได้แต่งตัวเช่นกัน เธอเปลี่ยนเป็นชุดเดรสยาวสีน้ำตาลเรียบง่ายและสวมรองเท้าส้นสูงสีขาว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ประดับด้วยอัญมณี แต่เธอก็เป็นคนที่มีเสน่ห์ที่สุดในหมู่พวกเขา
ภายใต้แสงสลัว เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่สง่างามด้วยดวงตาที่สดใสและฟันที่เรียงขาวของเธอ เธอพูดคุยกับคนอื่น ๆ อย่างร่าเริงยิ่งทำให้ทุกคนหันไปมองด้วยความสนใจ
มีไวน์และอาหารรสเลิศบนโต๊ะอาหารราวกับภาพวาด แต่เมื่อมองไปที่อาหารอร่อยต่อหน้าต่อตาเขา พร้อมกับดื่มไวน์รสชาติล้ำลึก มันยิ่งทำให้จ้าวหยู่รู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนเขาเพิ่งจะตระหนักเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
นั่นก็คือช่องว่างระหว่างฐานะของพวกเขา
เขาคิดว่าเขาสามารถเอาชนะใจเหมี่ยวอิงได้จากการทำงานหนักของเขา เขาคิดว่าเขาสามารถทำให้เธอชอบเขาและมีโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อไป
แต่ทว่าในมื้อค่ำนี้ เขาสามารถเห็นช่องว่างระหว่างเขากับเหมี่ยวอิงได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่เรื่องการเงินเท่านั้น แต่ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ในเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย!
เหมี่ยวอิงสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว และเธอรู้วิธีชื่นชมวัตถุหายาก ในขณะที่จ้าวหยู่ เขาเป็นแค่คนบ้านนอกคอกนา เท่านั้น
เมื่อเทียบกับเหมี่ยวอิงเบื้องหน้าเขา นอกจากความเข้ากันได้ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ช่องว่างทางสังคมของพวกเขายังห่างออกไป และไม่อาจถมด้วยเรื่องแค่นี้ได้
ในขณะนั้น จ้าวหยู่ก็ตระหนักได้ว่าทำไมเหมี่ยวอิงถึงไม่เหมือนใคร แม้ว่าเหยาเจียจากชาติที่แล้วของเขาจะร่าเริงและหัวแข็ง แต่เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาท่ามกลางผู้หญิงคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เหมี่ยวอิงตรงหน้าเขาไม่ใช่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไป
ทันใดนั้น จ้าวหยู่รู้สึกถึงความด้อยกว่าที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาดูเงียบ ๆ ระหว่างทานอาหาร เขาไม่โหวกเหวกโวยวายเหมือนเมื่อก่อน แต่ทำตัวเหมือนเสือที่ป่วย ดูกระสับกระส่าย
“จ้าวหยู่ คุณได้รับบาดเจ็บจากควันยาสลบของฉิวซินหยางหรือเปล่า?” เหมี่ยวอิงสังเกตเห็นว่าจ้าวหยู่ไม่ทำตัวเหมือนปกติ เธอจึงยกแก้วของเธอมาให้เขา “มาสิ แสดงให้ฉันเห็นว่าคุณทำอะไรได้บ้าง ตกลงไหม?”
จ้าวหยู่ไม่ตอบ แต่จางจิงเฟิงซึ่งดื่มไปไม่น้อย เขาตบมือและให้กำลังใจจ้าวหยู่ว่า “เอาเลย จ้าวหยู่ ดื่มเลย! แด่นักรบผู้ยิ่งใหญ่สองคนของสถานีหรงหยางที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ที่จริงแล้ว สิ่งที่จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงทำนั้นไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันดีในสาขาหรงหยางเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปทั่วกองกำลังตำรวจฉินชานทั้งหมดด้วย! ‘สองนักรบผู้ยิ่งใหญ่’ เป็นเพียงฉายาที่ผู้คนตั้งให้พวกเขาสองคน แต่มันก็เป็นฉายา ดังนั้นมันจึงค่อนข้างหยาบคายที่จะพูดกับคน ๆ นั้นด้วยตัวมันเอง เหลียงฮวนได้ยินดังนั้นก็ปิดปาก0k’จิงเฟิงทันที
เหมี่ยวอิงไม่ได้ใส่ใจ แต่ยกแก้วของเธอขึ้นในขณะที่รอจ้าวหยู่
แม้ว่าจ้าวหยู่จะกังวล แต่เขาก็ไม่เคยกลัวที่จะดื่ม เขายกแก้วขึ้นดื่มกับเหมี่ยวอิง แล้วจิบมันลง พูดตามตรง ไวน์ดูเหมือนจะแพง แต่จ้าวหยู่รู้สึกว่ามันไม่สดชื่นเท่าการดื่มเบียร์
เหมี่ยวอิงดื่มอย่างกล้าหาญเช่นกัน
"เยี่ยม!" นักสืบโค้งคำนับและชมเชย พวกเขาเห็นหัวหน้าทีมสองคนดื่มอย่างอิสระ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มถือว่าไวน์ราคาแพงเป็นเบียร์ด้วย ทุกคนเริ่มอึกใหญ่ขึ้น บางคนเริ่มเล่นเกมท้าดื่ม
เหล่านักสืบสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจทีเดียว หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว พวกเขาก็สามารถทำให้ร้านอาหารชั้นสูงรู้สึกเหมือนแผงลอยริมถนน ดูเหมือนจะไม่มีข้อจำกัดในหมู่พวกเขา
เหมี่ยวอิงดื่มไปพอสมควร แก้มของเธอแดงก่ำ ทำให้เธอกล้ามากขึ้นเมื่อถึงจุดนั้น เธอไม่เพียงแค่เริ่มปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนพี่น้องของเธอเท่านั้น แต่เธอยังพับแขนเสื้อขึ้นจนสุดไหล่ เผยให้เห็นไหล่ที่ขาวราวกับหิมะของเธอด้วย
มื้ออร่อยพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน ในตอนแรก เหล่านักสืบต่างมองไปรอบ ๆ อย่างทำตัวไม่ถูก แต่สุดท้าย กลับเป็นฝ่ายบริกรต่างชาติที่ต้องเป็นทำตัวไม่ถูกแทน นั่นเป็นครั้งแรกที่บริกรเหล่านี้เห็นลูกค้าทำตัวตามใจ พร้อมส่งเสียงดังในขณะที่พวกเขารับประทานอาหารตะวันตก
หลังทานอาหารเย็น นักสืบส่วนใหญ่ก็ดื่มกันไปพอประมาณ แต่เมื่อมีคนแนะนำให้ไปร้องคาราโอเกะต่อ นักสืบทุกคนก็ตอบรับด้วยความกระตือรือร้น ดังนั้นทุกคนจึงเรียกรถแท็กซี่และไปที่ร้านคาราโอเกะระดับสูงในบริเวณใกล้เคียงและเริ่มร้องเพลง
จ้าวหยู่เป็นคนที่เงียบขรึมที่สุดเพราะเขาหมกมุ่นอยู่กับความกังวลมากเกินไป เขากังวลเกี่ยวกับตัวเขาและเหมี่ยวอิงที่อาจจะต้องพลัดพรากจากกัน ดังนั้นเขาจึงยังไม่มึนเมาจากแอลกอฮอล์ในตอนนี้
นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นรายละเอียดอื่น ตั้งแต่ต้นจนจบมื้อค่ำเหมี่ยวอิงไม่ได้จ่ายบิล เธอยังไม่ได้หยิบกระเป๋าเงินหรือบัตรเครดิตออกมาด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนร้านอาหารจะไม่ได้คัดค้านใด ๆ ราวกับว่าเธอสามารถรับประทานอาหารในร้านได้ฟรี
จ้าวหยู่ดูเหมือนจะพบช่องว่างอื่นที่แยกพวกเขาออกจากกันมากยิ่งขึ้น
‘ไม่ใช่แค่เธอรวยและมีรสนิยมเท่านั้น แต่เธอยังมีอำนาจอีกด้วย นี่มัน…’ เขาเริ่มคิด
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังถอนหายใจ เหมี่ยวอิงก็นั่งลงข้าง ๆ เขา แก้มของเธอแดงระเรื่อ ดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์ เธอตบไหล่ของจ้าวหยู่อย่างร่าเริงและพูดว่า
“เฮ้ ทำไมวันนี้คุณถึงเป็นคนน่าเบื่อในงานปาร์ตี้ล่ะ? ฉันรอให้คุณพูดเรื่องไร้สาระอยู่นะ ทำไมอยู่ ๆ คุณถึงกลายเป็นพวกเคร่งเครียดอย่างนี้ล่ะ? บอกฉันมา คุณไปก่อเรื่องอะไรไว้รึเปล่า?”
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นของเหมี่ยวอิง เขายิ้มเบา ๆ และตอบอย่างยียวนว่า
“หัวหน้าเหมี่ยว คุณพูดถูก! ฉันถ่ายรูปคุณแล้วเผลอโพสต์บนฟีดข่าวของฉันโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะ โทษทีนะ!”
“ฮิฮิฮิ… คุณนี่มัน!” เหมี่ยวอิงยิ้มจาง ๆ มันเป็นรอยยิ้มที่มีค่าสำหรับทั้งเมือง “เจ้านักเลง! ถ้าฉันไม่ดุคุณวันละสองสามครั้ง ฉันรู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ! เอานี่…”
เหมี่ยวอิงส่งขวดเบียร์ที่เปิดแล้วให้จ้าวหยู่และชวนเขาดื่ม
“หัวหน้าเหมี่ยว วันนี้คุณดื่มไปไม่น้อย ช้าลงหน่อย!” จ้าวหยู่กังวลว่าเหมี่ยวอิงจะดื่มมากเกินไป เขาจึงแนะนำเธอ
“ไม่เอา ฉันจะดื่มต่อ…” เหมี่ยวอิงชี้ไปที่หัวของจ้าวหยู่ด้วยนิ้วชี้ของเธอ เธอมองไปที่จ้าวหยู่พักหนึ่ง จากนั้น เธอก็พูดว่า “จ้าวหยู่ดูนี่สิ…” เธอยกมือขึ้นเพื่อมัดผมทรงเห็ดและถามว่า “ถ้าฉันมัดผมเป็นหางม้า มันจะดูดีกว่านี้ไหม?” เธอมัดผมขึ้นเพื่อจงใจเปิดหูของเธอ
‘ดูสิเขาจะทำหน้ายังไง?’
จ้าวหยู่มองไปที่เหมี่ยวอิงซึ่งเธอสวมต่างหูที่เขาซื้อให้เธอ เขาก็เข้าใจว่าเธอกำลังพยายามทำอะไร การพูดคุยเกี่ยวกับการไว้ผมของเธอเป็นเพียงข้ออ้าง ความจริงก็คือเธอต้องการอวดต่างหูของเธอต่างหาก!
ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็ตกตะลึงและถูกครอบงำด้วยอารมณ์ เมื่อมองไปที่เหมี่ยวอิงที่บอบบางและมีเสน่ห์ เขาอยากจะโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา แต่ที่นี่มีคนเยอะและเขามีปมในใจที่ยังแก้ไม่ได้ เขาจึงตอบไปว่า
“ไม่เห็นจะสวยเลย ทรงหัวเห็ดดูดีกว่าเยอะ!”
“งั้นเหรอ…” เหมี่ยวอิงดูผิดหวังเล็กน้อย เธอค่อย ๆ ปล่อยผมของเธอลง และทรงผมทรงเห็ดทรงเดิมของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม
“หัวหน้าทีมเหมี่ยวเร็วเข้า ถึงตาคุณแล้ว!” เสี่ยวหลิวตะโกนผ่านไมโครโฟน
เหมี่ยวอิงมองไปที่จ้าวหยู่อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปร้องเพลง...
…
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเที่ยงคืน จ้าวหยู่เห็นว่าเหมี่ยวอิงดื่มมากเกินไป เขาจึงอาสาส่งเธอกลับด้วยรถของเธอ แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะเมาไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้หมดสติ ก่อนหน้านี้ เธอโทรตามคนขับรถมาแล้ว แต่จ้าวหยู่ก็ไล่เขาออกไป
จ้าวหยู่คิดว่าเหมี่ยวอิงอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ร่ำรวยหรือวิลล่าในสวน เมื่อไปถึงที่หมายก็ต้องแปลกใจว่าแถวนี้มีแต่บ้านพักธรรมดา ๆ สิ่งที่แพงที่สุดคงจะหนีไม่พ้นรถของเธอ
“บ้านของคุณอยู่ที่ไหนเหรอ?” จ้าวหยู่ขับรถไปอย่างช้า ๆ
“ชั้นหก หน้าต่างที่สี่จากทางซ้าย!” เหมี่ยวอิงชี้ไปที่อาคารหลังหนึ่งข้างหน้าและพูดว่า “รอจนกว่าไฟในห้องจะสว่าง จากนั้นคุณสามารถขับรถกลับบ้านได้ ส่วนฉันจะนั่งรถแท็กซี่ไปทำงานพรุ่งนี้ มันดึกมากแล้ว ถ้าคุณทิ้งรถไว้ที่นี่ คุณคงจะกลับก็ลำบาก!”
“อืม…”
จ้าวหยู่ต้องการจะพูดอย่างอื่น แต่เหมี่ยวอิงโพล่งขึ้นว่า
“พอถึงบ้านแล้ว ช่วยส่งข้อความมาบอกฉันด้วยนะ แล้วคุณก็ดื่มไปไม่น้อยเหมือนกัน ขับดี ๆ ด้วยล่ะ”
“อืม…”
จ้าวหยู่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างอีกครั้ง แต่เหมี่ยวอิงยิ้มและพูดว่า
"หื้ม? คุณกำลังคิดเรื่องอย่างว่าอยู่หรือเปล่า? คุณป้ากับหลานสาวของฉันอยู่ที่นั่นด้วนนะ!”
"โอ้จริงเหรอ? ไม่ไม่!" จ้าวหยู่อธิบายว่า “ถ้าอย่างนั้น ควรจะไปที่ของฉันแทน! อืม… ลืมไป… ฉันแค่ล้อเล่น…”
“ฮิฮิ… ถึงคุณจะไร้ยางอายแต่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ” เหมี่ยวอิงเปิดประตูรถและออกไป
จ้าวหยู่นอนบนพวงมาลัยและรอ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ห้องก็สว่างขึ้น เหมี่ยวอิงมองมาจากหน้าต่างและโบกมือให้เขา
เขาเฝ้าดูเงาที่อยู่นอกหน้าต่างและรู้สึกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขากำลังคิดว่า
‘คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันขับพาเธอตรงไปที่บ้านของฉัน อืม… ไม่ ฉันทำไม่ได้!’
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าแม่ของเขายังอยู่ที่บ้านของเขา!
‘ฉันก็ไม่ได้ขาดเงินอยู่แล้ว ฉันควรจะพาเธอไปเปิดโรงแรมที่ไหนสักแห่ง’ เขาคิด
มันเป็นแค่ความคิดเท่านั้น จ้าวหยู่รู้จักตัวเองดีพอ แม้ว่าเขาจะหยิ่งยโส แต่เมื่อเขาพบเจอบางสิ่งที่ดึงรั้งหัวใจของเขา มันจะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะบอกว่าเขาดูน่ารักเมื่อเขาทำตัวไร้ยางอาย แต่จ้าวหยู่ก็สามารถรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นเมื่อเขาขับรถของเหมี่ยวอิงกลับไปที่ถนนชุนเฟิง จ้าวหยู่ก็ตัดสินใจว่า
‘เหมี่ยวอิง ฉันจะตามไปถึงจุดที่คุณอยู่ได้แน่นอน!’ เขาคิด ‘ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงิน เพื่อลดช่องว่างระหว่างเรา รอก่อนเถอะ สักวันคุณจะตกเป็นของฉัน!!!’