บทที่ 52: นี่เป็นกลยุทธ์ใหม่ของเจ้าสินะ
หัวหน้าเผ่ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกผู้ชายจะเชื่อฟังคำสั่งของหูเจียวเจียว แต่เขาต้องคอยดูแลความเรียบร้อยของเผ่าจึงไม่สามารถจับตาดูหญิงสาวได้ตลอดเวลา
อิงหยวนเป็นภูตที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า แม้ว่านิสัยของเขาจะหยิ่งยโสไปสักหน่อย แต่เขาก็เป็นคนที่อุทิศตนเพื่อเผ่าแห่งนี้มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นชายคนนี้จะเชื่อฟังคำพูดของชายชราอย่างแน่นอน
งานนี้จำเป็นต้องมีนกอินทรีหนุ่มคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น หูเจียวเจียวจึงจะสามารถควบคุมภูตคนอื่นได้
หัวหน้าเผ่าเป็นคนช่างคิดช่างวางแผน หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ไม่เปิดโอกาสใครได้โต้แย้งอีกต่อไป และเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ท่ามกลางฝูงชนที่อยู่เบื้องหลังนั้น มีเพียงสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ทำไมพวกเขาถึงไม่ใช่คนที่เทพอสูรมาเข้าฝันกัน!
แม่จิ้งจอกคนนั้นเป็นคนที่ทั้งขี้เกียจและน่าขยะแขยง ทำไมเทพอสูรถึงเลือกนาง!
ทางด้านหูเจียวเจียวเมื่อได้ข้อสรุปที่ไม่พึงพอใจ มุมปากของเธอก็กระตุก
ช่างเถอะ…
อิงหยวนมีออร่าของตัวเอก และด้วยความช่วยเหลือของเขา การเพาะปลูกครั้งนี้คงจะราบรื่นอย่างแน่นอน
ทันทีที่ชายผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเดินออกไป หูหมินและหูเฉียงซึ่งยืนอยู่ในฝูงชนก็เบียดตัวออกมาหาลูกสาวของตนอย่างตื่นเต้น
"เจียวเจียว สมกับที่เป็นลูกแม่ แม้แต่เทพอสูรยังมาเข้าฝันเจ้า เจียวเจียวของแม่เป็นผู้หญิงที่ได้รับพรจากเทพเจ้า" หญิงวัยกลางคนกอดลูกสาวสุดที่รักในขณะที่ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู
“ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเทพอสูรคงจะเลือกคนอื่นไปแล้ว ในเผ่าของเรามีภูตอยู่ตั้งมากมาย แต่ท่านยังเลือกเจียวเจียวของเรา เทพอสูรจะต้องคิดว่าเจียวเจียวดีที่สุดเหมือนกัน”
หูเฉียงรู้สึกภาคภูมิใจมากจึงเชิดหน้าขึ้นจนจมูกแทบจะชี้ไปบนฟ้า
เขาแทบจะอยากเขียนคำว่า 'เทพอสูรมาเข้าฝันลูกสาวของข้า' ไว้บนหน้าผากของตัวเองเพื่อที่ชาวบ้านทุกคนในเผ่าจะได้เห็น
เมื่อภูตที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่พูด พวกเขาก็อยากจะเปลี่ยนสายตาของตนให้กลายเป็นมีดคมหั่นร่างของหูเจียวเจียวเป็นชิ้น ๆ
ในเวลาเดียวกัน จิ้งจอกสาวเช็ดเหงื่อจากหน้าผากและเปลี่ยนเรื่องพูดไปอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้พ่อแม่ทำให้ชาวบ้านเกลียดเธอไปมากกว่านี้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมพวกพี่ ๆ ไม่มาด้วยล่ะ?”
“พวกเขาไปล่าสัตว์ ไม่ต้องห่วง ถ้าพี่ชายของเจ้ากลับมาแล้ว แม่จะบอกข่าวดีให้พวกเขารู้เอง เจ้าพวกนั้นจะต้องรู้สึกดีใจมากแน่ ๆ” หูหมินตอบลูกสาวอย่างอารมณ์ดี
ท่ามกลางเหล่าภูตที่กำลังแยกย้ายกันกลับ ลู่เมี่ยนเอ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็มองไปยังคนทั้ง 3 ที่กำลังมีความสุข ก่อนที่นางจะลดสายตาลงแล้วเดินออกไปพร้อมกับคนอื่น
ระหว่างที่หูเจียวเจียวกำลังพูดคุยกับหูหมิน ทันใดนั้นเธอก็ถูกเงามืดบดบังตัว
เมื่อหญิงสาวหันศีรษะไปมองเจ้าของเงา เธอก็พบอิงหยวนที่ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาตน เธอจึงเดินถอยหลังไป 2 ก้าวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหินว่า "วันนี้สายมากแล้ว การเพาะปลูกจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ให้เจ้าพาพวกผู้ชายไปทางทิศใต้ของเผ่า ข้าจะรออยู่ที่นั่น”
ยามนี้ใบหน้าของชายหนุ่มผู้แข่งแกร่งที่สุดในเผ่ามืดมนราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เขาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้าเพื่อกดดันอีกฝ่าย ในขณะที่ดวงตาสีเข้มและคมดั่งมีดจ้องเขม็งมองหน้าหญิงสาว
เขากัดฟันพูดประชดประชันว่า "หูเจียวเจียว นี่เป็นกลยุทธ์ใหม่ของเจ้าสินะ เจ้านี่มันน่าทึ่งมากจริง ๆ!"
"คิดว่าแค่เจ้าไปโน้มน้าวท่านผู้เฒ่าได้แล้วข้าจะชื่นชมเจ้างั้นรึ ขอบอกไว้เลยนะว่าฝันไปเถอะ!"
หลังจากพูดจบ อินทรีหนุ่มก็มองจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างแข็งกร้าว จากนั้นเขาก็หันหลังเดินกลับไปในทิศทางที่ลู่เมี่ยนเอ๋อเดินไป
การกระทำของชายคนนี้ทำให้หูเจียวเจียวมองตามอีกคนไปด้วยใบหน้าที่สับสน "..."
กลยุทธ์ใหม่?
ใครก็ได้ช่วยบอกเธอทีว่าเจ้าหมอนั่นกำลังคิดอะไรอยู่ เธอไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยสักนิด
"เจียวเจียว อิงหยวนมาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?" หูเฉียงเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้ากังวล
เมื่อสักครู่อิงหยวนจงใจลดเสียงลง จึงมีเพียงหูเจียวเจียวเท่านั้นที่ได้ยินเขาพูด
ก่อนที่หญิงสาวจะตอบกลับ หูหมินก็เม้มริมฝีปากและพูดอย่างเย็นชา "ฮึ เขาจะพูดอะไรได้อีก เขาจะต้องเห็นว่าเจียวเจียวของเราดีขึ้นมากแล้ว เขาเลยรู้สึกเสียดาย!"
"เหอะ ๆ"
หูเจียวเจียวหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะนิ่งเงียบไป
พ่อแม่ของเจ้าของร่างเดิมมั่นใจในตัวของลูกสาวคนนี้มากจริง ๆ… มากจนลูกโดนคนอื่นเขม่นแล้ว!
ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนที่สามารถแหกกฎทุกอย่างและไร้เหตุผลได้ขนาดนี้
ถัดมา จิ้งจอกสาวอยากจะเชิญผู้อาวุโสทั้ง 2 คนไปทานอาหารที่บ้าน แต่พวกเขากลับปฏิเสธอย่างหนักแน่นแล้วเดินหนีไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรอีก
หูเจียวเจียวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเดินกลับบ้านไปคนเดียว
ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกน้อยทั้ง 5 คนกำลังนั่งรอแม่อยู่ที่ประตูบ้าน
หลงหลิงเอ๋อนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพลางยกมือเท้าคางด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ "ทำไมท่านแม่ยังไม่กลับมาอีก..."
หลงเหยาที่นอนอยู่บนศีรษะของนางส่ายหัวอย่างเศร้าสร้อยเป็นการตอบกลับคำพูดของผู้เป็นพี่สาว
ในขณะที่หลงเซียวนั่งหลังตรงอยู่ที่ประตูซึ่งหาได้ยากที่เขาจะมานั่งอยู่ที่นี่ ดวงตาว่างเปล่าคู่นั้นมองทอดออกไปในระยะไกล และหูของเขาจะคอยฟังความเคลื่อนไหวภายนอกอยู่เสมอ
ส่วนหลงอวี้กับหลงจงเองก็ขมวดคิ้วมองออกไปนอกลานบ้านด้วยความคิดที่แตกต่างกัน
ผู้หญิงชั่วคนนั้นมีความสัมพันธ์กับชาวบ้านคนอื่นไม่ค่อยดีนัก ตอนที่นางออกไปข้างนอก นางจะถูกรังแกหรือเปล่า?
นางคงไม่ได้ถูกฆ่าไปแล้วใช่ไหม?
แล้วถ้านางถูกฆ่าอยู่ข้างนอก จะมีใครช่วยนำศพนางกลับมาหรือไม่?
ในตอนที่หูเจียวเจียวกลับมา เธอก็เห็นเจ้าตัวเล็กทั้ง 5 รออยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
เกิดอะไรขึ้น?
เธอออกไปทำงานนอกบ้านเพียงวันเดียว ทำไมเด็ก ๆ ถึงทำหน้าแบบนั้นกันล่ะ หรือว่าจะมีคนมารังแกพวกเขาระหว่างที่เธอไม่อยู่บ้าน?
เมื่อหญิงสาวนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็กังวลมากขึ้นจึงก้าวเท้ายาว ๆ เดินกลับบ้าน
พอเหล่าลูกน้อยได้ยินเสียงฝีเท้า ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นและเห็นผู้หญิงสวยสง่ากำลังเดินมาท่ามกลางแสงสีแดงเข้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน พวกเขาแทบจะหยุดหายใจยามที่เห็นภาพนั้น
นางมารร้ายยังไม่ตาย!
นางกลับมาแล้ว!
เด็กทั้ง 5 คิดอย่างพร้อมเพียงกัน ในขณะที่ดวงตาของหลงหลิงเอ๋อกับหลงเหยาเป็นประกาย จากนั้นทั้ง 2 ก็พุ่งตัววิ่งไปหาผู้เป็นแม่แทบจะในเวลาเดียวกัน
“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว!”
หูเจียวเจียวก้มลงอุ้มเด็กน้อย 2 คนที่วิ่งมาหาเธอ พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความกังวล
“แม่กลับมาแล้ว หลิงเอ๋อเป็นอะไรหรือเปล่า มีใครมารังแกเจ้าหรือ?”
หญิงสาวไม่เคยรู้สึกถึงการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวมาก่อนตั้งแต่เธอย้ายออกจากบ้าน ต่อจากนั้นเธอก็อยู่คนเดียวมาตลอดจนชินชาไปเสียแล้ว
แต่ ณ ตอนนี้ เมื่อมีลูก ๆ 5 คนมารอต้อนรับเธอกลับบ้าน มันกลับให้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ
ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่ม 3 คนก็เดินตามน้องสาวกับน้องชายมาเช่นกัน
ขณะนี้หลงหลิงเอ๋อกอดต้นขาของแม่จิ้งจอกและสบตากับพี่น้องของตนก่อนจะแลบลิ้นอย่างซุกซน “ไม่มีใครรังแกเราหรอก ข้าแค่... แค่คิดว่าถ้าท่านแม่ออกไปแล้วคงจะไม่กลับมา…”
ในอดีต 5 พี่น้องหวังอยู่ในใจเสมอว่านางจะไม่กลับมาอีก แต่พอวันนี้พวกเขาไม่ได้เจอนางเลยทั้งวัน ทุกคนกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด และพวกเขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปเสียมากกว่า
ประโยคที่ซื่อตรงของเด็กสาวทำให้จมูกของหูเจียวเจียวร้อนผ่าว
เด็กพวกนี้คงรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาที่เธอไม่อยู่บ้าน
ต่อมา เธอลูบหัวของหลงหลิงเอ๋อ "เด็กโง่ ทำไมแม่ถึงจะไม่กลับมาล่ะ"
คำถามนั้นไม่มีใครตอบได้ แต่ในใจของเด็กทุกคนกลับรู้สึกเบาสบายมากเมื่อได้เห็นท่าทางอ่อนโยนของผู้เป็นแม่
หลงเซียวที่ยืนอยู่ไกลที่สุดฟังเสียงของเธอ ไม่นานริมฝีปากที่เม้มแน่นก็ค่อย ๆ คลายลง
ขณะที่หลงเหยาบินไปตรงหน้าแม่จิ้งจอกและหมุนตัวไปมาหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น ซึ่งเผยให้เห็นหน้าท้องมันวับของเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะสัมผัสมันด้วยกรงเล็บมังกรน้อย 2 ข้าง
“ฮ่า ๆ!” หูเจียวเจียวได้แต่หลุดหัวเราะออกมาเพราะเธอเข้าใจภาษากายของเจ้าลูกชายคนสุดท้องได้อย่างรวดเร็ว “เหยาเอ๋อหิวแล้วหรือ เอาล่ะ ๆ เดี๋ยวแม่จะรีบไปทำอาหารเย็นให้พวกเจ้า”
ระหว่างที่เธอไม่อยู่บ้านทั้งวัน เด็กพวกนี้รู้ความมากจึงไปเก็บฟืนมาจนแทบจะเต็มลานบ้าน
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานในที่สุดอาหารเย็นก็พร้อม จากนั้นลูก ๆ ก็มานั่งเรียงแถวกันกินข้าวเหมือนปกติ
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย หูเจียวเจียวก็เก็บจานชามไปล้างที่แม่น้ำ พอกลับมาที่บ้านเธอก็ล้างเท้าให้เด็ก ๆ แล้วพวกเขาก็วิ่งไปนอนลงบนเตียงหญ้า
ภาพนั้นทำให้แม่จิ้งจอกรู้สึกโล่งใจไปชั่วขณะ เธอแอบบ่นในใจว่าเจ้าของร่างเดิมไม่รู้วิธีถนอมลูกที่ประพฤติตัวดีและมีเหตุผลเช่นนี้เลยจริง ๆ!
เมื่อหญิงสาวทำงานทั้งหมดเสร็จแล้ว เธอก็ผล็อยหลับทันทีที่เธอล้มตัวลงนอนบนกองฟาง
อาจเป็นเพราะเธอเหนื่อยมาทั้งวัน คืนนี้เธอจึงนอนหลับสนิทมาก
วันต่อมา หูเจียวเจียวตื่นมาทำอาหารเช้าไว้แล้วอธิบายให้เด็กทั้ง 5 คนฟังว่าวันนี้เธอจะออกไปทำอะไรและเดินทางไปยังทิศใต้ของเผ่าตามที่นัดแนะไว้กับอิงหยวน