(ฟรี) บทที่ 435 ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลัง!
เหลิงอู่เหยียนเมินเฉยต่อโลกหล้ามากเกินไปและพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
นางกังวลเพียงเรื่องการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์และไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างวิถีธรรมกับวิถีมาร ไม่ว่าวิหารโหยวหลัวจะเป็นอันดับหนึ่งหรือแปด มันไม่ได้สำคัญสำหรับนางเลย
เมื่อก่อนนางชอบที่จะต่อสู้หากไม่มีอะไรทำและทำให้นิกายมีชื่อเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ตอนนี้นางไม่สนใจเรื่องการต่อสู้ใดๆ สิ่งเดียวที่นางสนใจคือการอยู่กับหลี่หราน...
มันไม่เหมาะสมกับสถานะของผู้นำนิกายแห่งวิถีมารเลยแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับหลี่หราน
เขามุ่งเน้นความสนใจไปที่อาจารย์ของเขา
หากไม่ใช่เพราะ ‘เงื่อนไข’ ขั้นต่ำของพวกนาง เขาคงไม่มีความสนใจในการบ่มเพาะเลย
แต่ถึงกระนั้น ด้วยพรอันยิ่งใหญ่ของเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์ เขายังคงทะลวงระดับต่างๆได้โดยง่าย
ถ้าเขาทำงานหนักกว่านี้ เขาคงเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่าไปแล้ว
แต่ผู้อาวุโสซุนแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
นางทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่รากฐานของนิกาย และทั้งหมดที่นางคิดได้คือทำอย่างไรจึงจะหาผลประโยชน์เข้านิกายให้ได้มากขึ้น
การทำให้วิหารโหยวหลัวเป็นนิกายอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์คือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของนาง
และในความเป็นจริงวิหารโหยวหลัวมีความสามารถนี้
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของผู้นำนิกาย พรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ หรือพลังต่อสู้โดยรวม มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคู่ต่อสู้
หากจัดการอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของวิถีธรรมและวิถีมารในปัจจุบัน
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เหลิงอู่เหยียนกับหลี่หรานนั้นเกียจคร้านเกินไป ทำให้ความทะเยอทะยานของผู้อาวุโสซุนไม่เป็นรูปเป็นร่าง
แต่นางไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเหลิงอู่เหยียนได้…
ขณะที่ผู้อาวุโสซุนกำลังคิดว่าชั่วชีวิตของนางจะไม่มีวันได้เห็นวิหารโหยวหลัวกำราบนิกายระดับสูงสุดทั้งเจ็ด หลี่หรานก็มอบความหวังอันริบหรี่ให้นาง
ประการแรก เขาเปลี่ยนอดีตที่เรียบง่ายและเข้าสู่โลกด้วยทัศนคติที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ยึดครองมรดกในอาณาจักรลับ บดขยี้หลินหลางเยว่ ต่อต้านคลื่นสัตว์อสูร… ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนสั่นสะเทือนโลกหล้า ยกระดับชื่อเสียงของวิหารโหยวหลัวสู่ระดับที่ไม่มีใครเทียบได้
เขายังกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่คนรุ่นเยาว์
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด หลี่หรานได้กลายเป็นศิษย์ของอวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวน สังหารหัวหน้าศิษย์ของพระราชวังเต๋าสูงสุด และเฉินหยุนเต๋ายังได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเขา
โดยไม่รู้ตัว วิถีธรรมเกือบจะได้รับการทำความสะอาดแล้ว!
ผู้อาวุโสซุนมองไปที่หลี่หรานอย่างตื่นเต้น “บุตรศักดิ์สิทธิ์กำลังวางกลยุทธ์ แม้แต่หญิงชราคนนี้ก็ไม่ได้ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ ด้วยแผนการและพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเจ้า ยุครุ่งเรืองของวิหารโหยวหลัวย่อมอยู่ไม่ไกล!”
“......”
หลี่หรานเกาหัวและพูดอย่างหมดหนทาง “ผู้อาวุโสซุน ท่านคิดมากไปเอง ข้าไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย”
“จะเป็นไปได้ยังไง? บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่าโกหกข้าเลย”
ผู้อาวุโสซุนส่ายหัวและพูดว่า “เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงบูชาอวี้ชิงหลันและคนอื่นๆเป็นอาจารย์?”
อะแฮ่ม
หลี่หรานกระแอมในลำคอ “เพื่อชีวิตที่สะดวกสบาย การมีผู้สนับสนุนมากขึ้นย่อมไม่มีผลเสีย”
“ชีวิตที่สะดวกสบาย? ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เจ้าฆ่าเฟิงว่านเจียงกับจีชิงหยุนล่ะ เจ้าจะอธิบายยังไง?”
หลี่หรานยักไหล่ “ข้ามีความแค้นกับพวกมันและบังเอิญมีโอกาส ข้าก็เลยฆ่าพวกมันตามธรรมชาติ”
“แล้วการแสร้งปลอมตัวเป็นหลี่เถียจู่เพื่อยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างศาลาหมื่นดาบกับพระราชวังเต๋าสูงสุดล่ะ?”
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีนักตั้งแต่แรก สำหรับการปลอมตัว… มันเพื่อดูแลเซินหนิง”
“......” มุมปากของผู้อาวุโสซุนกระตุก
นางถามอย่างไม่ย่อท้อว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ล้อเล่นหรือเปล่า? ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่มีวันรั่วไหลแผนการออกไป”
หลี่หรานส่ายหัว “ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสซุนสามารถพูดออกไปได้ เพราะข้าไม่มีแผนใดๆเลย”
“การต่อสู้เพื่อครอบครองโลกมีอะไรดีกัน? ไปซื้อของกับท่านอาจารย์ทุกวันและนอน... แค่กๆ และพูดคุยกันไม่ดีกว่าหรือ?”
“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ข้าจะไปคุยกับท่านอาจารย์แล้ว”
ขณะที่พูด เขาเดินผ่านผู้อาวุโสซุนและไปยังยอดเขา
ผู้อาวุโสซุนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแข็งทื่อราวกับรูปปั้นโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
เดิมทีเจ้าเริ่มเกม แต่อยู่ๆก็บอกข้าว่าจะไม่เล่นแล้ว?
นี่มันเรื่องตลกอะไร!
นางไม่สามารถยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
ผู้อาวุโสซุนกลับมามีสติ นางหันศีรษะไปมองและตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ “บุตรศักดิ์สิทธิ์โปรดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง! ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลัง!”
ถึงอย่างไรหลี่หรานก็เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของวิหารโหยวหลัว และเขาจะเป็นผู้นำนิกายคนต่อไปอย่างแน่นอน ตราบใดที่มันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับนิกายได้ นางก็ไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเขา
“ผู้อาวุโสซุนทำหน้าที่ของท่านไปตามปกตินั่นแหละดีแล้ว”
หลี่หรานโบกมือโดยไม่หันกลับมามอง เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจเลย
ตอนนี้เขายังจัดการปัญหาเรื่องความรักไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะมีเวลาไปครองโลกได้ยังไง?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการอย่างนั้นจริงๆ ผู้อาวุโสซุนก็เหมือนมะเขือยาวที่ถูกทุบด้วยไม้ นางก้มหน้าลงและด้วยสีหน้าหดหู่
“ช่างเสียของจริงๆ!”
“ผู้นำนิกายและบุตรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ… ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ไร้ประโยชน์!”
“ผู้นำนิกายคงไม่สามารถโน้มน้าวได้ แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังเด็ก ดังนั้นควรจะยังมีโอกาส แต่ข้าจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ยังไง?”
ผู้อาวุโสซุนลูบคาง จมอยู่ในความคิดชั่วขณะ
—
หลี่หรานเดินจนถึงยอดเขาและมาถึงหน้าทางเข้าพระราชวัง
องครักษ์หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นเขา
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์?”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาเมื่อไหร่? เรายังไม่ได้รับข่าวสารใดๆเลย”
ทั้งสองดูกระตือรือร้นมาก
หลี่หรานกล่าวว่า “ข้าเพิ่งกลับมาวันนี้… ท่านอาจารย์อยู่หรือเปล่า?”
“อยู่เจ้าค่ะ” องครักษ์พยักหน้า
องครักษ์อีกคนพูดด้วยรอยยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งกลับมาและมาเยี่ยมผู้นำนิกายทันที ศิษย์กตัญญูแบบนี้ช่างหายากจริงๆ”
“...มันเป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำ” หลี่หรานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและเดินเข้าไป
มองไปที่แผ่นหลังของเขา องครักษ์สองคนก็กระซิบกระซาบกัน
“มันไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแบบนี้ ไม่ว่ายังไงเราก็ควรจะรายงายผู้นำนิกายก่อน”
“รายงานอะไร? ก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ในพระราชวังตั้งนาน ผู้นำนิกายเคยห้ามเขาเสียเมื่อไหร่?”
“นั่นก็จริง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำนิกายกับบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นดีจริงๆ!”
หลี่หรานเข้ามาในพระราชวังและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โชคดีที่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนจะออกจากนิกาย ดังนั้นองครักษ์จึงไม่ได้หยุดข้า”
“ถ้าพวกเขาแจ้งท่านอาจารย์ เกรงว่าวันนี้ข้าอาจจะไม่ได้เข้ามา”
เขาค่อยๆย่องไปตามทางเดินและมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
พระราชวังมีขนาดใหญ่มากและเขาไม่รู้ว่าเหลิงอู่เหยียนอยู่ที่ไหน เขาไม่กล้าเรียกเสียงดังจึงได้แต่ตรวจดูทีละห้อง
แต่หลังจากเดินไปรอบๆเป็นเวลานานเขาก็ไม่เห็นร่างของเหลิงอู่เหยียน
“นางควรจะอยู่ในห้องนอนใช่ไหม? แต่ตอนนี้มันเร็วเกินไปที่จะพักผ่อน?”
เขามาถึงประตูห้องนอน เปิดออกอย่างระมัดระวังและมองไปรอบๆก่อน
ห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่สง่างามแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ที่นี่
“แปลก ท่านอาจารย์หายไปไหน?”
หลี่หรานเกาหัวและกำลังจะเดินเข้าไปเมื่อจู่ๆเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
“ศิษย์อกตัญญู ใครให้เจ้าเข้ามา?”
“อา?” หลี่หรานหันศีรษะไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึง
เขากลืนน้ำลายและพูดด้วยความยากลำบาก “ทะ...ท่านอาจารย์…?”
/////