ตอนที่แล้วบทที่ 434 ควบรวมวิถีธรรม? บุตรศักดิ์สิทธิ์เล่นเกมหมากรุกอันยิ่งใหญ่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 436 ศัตรูหัวใจในอนาคต

(ฟรี) บทที่ 435 ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลัง!


เหลิงอู่เหยียนเมินเฉยต่อโลกหล้ามากเกินไปและพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่

นางกังวลเพียงเรื่องการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์และไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างวิถีธรรมกับวิถีมาร ไม่ว่าวิหารโหยวหลัวจะเป็นอันดับหนึ่งหรือแปด มันไม่ได้สำคัญสำหรับนางเลย

เมื่อก่อนนางชอบที่จะต่อสู้หากไม่มีอะไรทำและทำให้นิกายมีชื่อเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ

แต่ตอนนี้นางไม่สนใจเรื่องการต่อสู้ใดๆ สิ่งเดียวที่นางสนใจคือการอยู่กับหลี่หราน...

มันไม่เหมาะสมกับสถานะของผู้นำนิกายแห่งวิถีมารเลยแม้แต่น้อย

เช่นเดียวกับหลี่หราน

เขามุ่งเน้นความสนใจไปที่อาจารย์ของเขา

หากไม่ใช่เพราะ ‘เงื่อนไข’ ขั้นต่ำของพวกนาง เขาคงไม่มีความสนใจในการบ่มเพาะเลย

แต่ถึงกระนั้น ด้วยพรอันยิ่งใหญ่ของเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์ เขายังคงทะลวงระดับต่างๆได้โดยง่าย

ถ้าเขาทำงานหนักกว่านี้ เขาคงเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่าไปแล้ว

แต่ผู้อาวุโสซุนแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

นางทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่รากฐานของนิกาย และทั้งหมดที่นางคิดได้คือทำอย่างไรจึงจะหาผลประโยชน์เข้านิกายให้ได้มากขึ้น

การทำให้วิหารโหยวหลัวเป็นนิกายอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์คือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของนาง

และในความเป็นจริงวิหารโหยวหลัวมีความสามารถนี้

ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของผู้นำนิกาย พรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ หรือพลังต่อสู้โดยรวม มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคู่ต่อสู้

หากจัดการอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของวิถีธรรมและวิถีมารในปัจจุบัน

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เหลิงอู่เหยียนกับหลี่หรานนั้นเกียจคร้านเกินไป ทำให้ความทะเยอทะยานของผู้อาวุโสซุนไม่เป็นรูปเป็นร่าง

แต่นางไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเหลิงอู่เหยียนได้…

ขณะที่ผู้อาวุโสซุนกำลังคิดว่าชั่วชีวิตของนางจะไม่มีวันได้เห็นวิหารโหยวหลัวกำราบนิกายระดับสูงสุดทั้งเจ็ด หลี่หรานก็มอบความหวังอันริบหรี่ให้นาง

ประการแรก เขาเปลี่ยนอดีตที่เรียบง่ายและเข้าสู่โลกด้วยทัศนคติที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ยึดครองมรดกในอาณาจักรลับ บดขยี้หลินหลางเยว่ ต่อต้านคลื่นสัตว์อสูร… ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนสั่นสะเทือนโลกหล้า ยกระดับชื่อเสียงของวิหารโหยวหลัวสู่ระดับที่ไม่มีใครเทียบได้

เขายังกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่คนรุ่นเยาว์

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด หลี่หรานได้กลายเป็นศิษย์ของอวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวน สังหารหัวหน้าศิษย์ของพระราชวังเต๋าสูงสุด และเฉินหยุนเต๋ายังได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเขา

โดยไม่รู้ตัว วิถีธรรมเกือบจะได้รับการทำความสะอาดแล้ว!

ผู้อาวุโสซุนมองไปที่หลี่หรานอย่างตื่นเต้น “บุตรศักดิ์สิทธิ์กำลังวางกลยุทธ์ แม้แต่หญิงชราคนนี้ก็ไม่ได้ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ ด้วยแผนการและพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเจ้า ยุครุ่งเรืองของวิหารโหยวหลัวย่อมอยู่ไม่ไกล!”

“......”

หลี่หรานเกาหัวและพูดอย่างหมดหนทาง “ผู้อาวุโสซุน ท่านคิดมากไปเอง ข้าไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย”

“จะเป็นไปได้ยังไง? บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่าโกหกข้าเลย”

ผู้อาวุโสซุนส่ายหัวและพูดว่า “เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงบูชาอวี้ชิงหลันและคนอื่นๆเป็นอาจารย์?”

อะแฮ่ม

หลี่หรานกระแอมในลำคอ “เพื่อชีวิตที่สะดวกสบาย การมีผู้สนับสนุนมากขึ้นย่อมไม่มีผลเสีย”

“ชีวิตที่สะดวกสบาย? ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เจ้าฆ่าเฟิงว่านเจียงกับจีชิงหยุนล่ะ เจ้าจะอธิบายยังไง?”

หลี่หรานยักไหล่ “ข้ามีความแค้นกับพวกมันและบังเอิญมีโอกาส ข้าก็เลยฆ่าพวกมันตามธรรมชาติ”

“แล้วการแสร้งปลอมตัวเป็นหลี่เถียจู่เพื่อยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างศาลาหมื่นดาบกับพระราชวังเต๋าสูงสุดล่ะ?”

“ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีนักตั้งแต่แรก สำหรับการปลอมตัว… มันเพื่อดูแลเซินหนิง”

“......” มุมปากของผู้อาวุโสซุนกระตุก

นางถามอย่างไม่ย่อท้อว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ล้อเล่นหรือเปล่า? ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่มีวันรั่วไหลแผนการออกไป”

หลี่หรานส่ายหัว “ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสซุนสามารถพูดออกไปได้ เพราะข้าไม่มีแผนใดๆเลย”

“การต่อสู้เพื่อครอบครองโลกมีอะไรดีกัน? ไปซื้อของกับท่านอาจารย์ทุกวันและนอน... แค่กๆ และพูดคุยกันไม่ดีกว่าหรือ?”

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ข้าจะไปคุยกับท่านอาจารย์แล้ว”

ขณะที่พูด เขาเดินผ่านผู้อาวุโสซุนและไปยังยอดเขา

ผู้อาวุโสซุนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแข็งทื่อราวกับรูปปั้นโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน

เดิมทีเจ้าเริ่มเกม แต่อยู่ๆก็บอกข้าว่าจะไม่เล่นแล้ว?

นี่มันเรื่องตลกอะไร!

นางไม่สามารถยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ชั่วขณะหนึ่ง

ผู้อาวุโสซุนกลับมามีสติ นางหันศีรษะไปมองและตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ “บุตรศักดิ์สิทธิ์โปรดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง! ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลัง!”

ถึงอย่างไรหลี่หรานก็เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของวิหารโหยวหลัว และเขาจะเป็นผู้นำนิกายคนต่อไปอย่างแน่นอน ตราบใดที่มันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับนิกายได้ นางก็ไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเขา

“ผู้อาวุโสซุนทำหน้าที่ของท่านไปตามปกตินั่นแหละดีแล้ว”

หลี่หรานโบกมือโดยไม่หันกลับมามอง เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจเลย

ตอนนี้เขายังจัดการปัญหาเรื่องความรักไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะมีเวลาไปครองโลกได้ยังไง?

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการอย่างนั้นจริงๆ ผู้อาวุโสซุนก็เหมือนมะเขือยาวที่ถูกทุบด้วยไม้ นางก้มหน้าลงและด้วยสีหน้าหดหู่

“ช่างเสียของจริงๆ!”

“ผู้นำนิกายและบุตรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ… ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ไร้ประโยชน์!”

“ผู้นำนิกายคงไม่สามารถโน้มน้าวได้ แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังเด็ก ดังนั้นควรจะยังมีโอกาส แต่ข้าจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ยังไง?”

ผู้อาวุโสซุนลูบคาง จมอยู่ในความคิดชั่วขณะ

หลี่หรานเดินจนถึงยอดเขาและมาถึงหน้าทางเข้าพระราชวัง

องครักษ์หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นเขา

“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์?”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาเมื่อไหร่? เรายังไม่ได้รับข่าวสารใดๆเลย”

ทั้งสองดูกระตือรือร้นมาก

หลี่หรานกล่าวว่า “ข้าเพิ่งกลับมาวันนี้… ท่านอาจารย์อยู่หรือเปล่า?”

“อยู่เจ้าค่ะ” องครักษ์พยักหน้า

องครักษ์อีกคนพูดด้วยรอยยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งกลับมาและมาเยี่ยมผู้นำนิกายทันที ศิษย์กตัญญูแบบนี้ช่างหายากจริงๆ”

“...มันเป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำ” หลี่หรานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและเดินเข้าไป

มองไปที่แผ่นหลังของเขา องครักษ์สองคนก็กระซิบกระซาบกัน

“มันไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแบบนี้ ไม่ว่ายังไงเราก็ควรจะรายงายผู้นำนิกายก่อน”

“รายงานอะไร? ก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ในพระราชวังตั้งนาน ผู้นำนิกายเคยห้ามเขาเสียเมื่อไหร่?”

“นั่นก็จริง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำนิกายกับบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นดีจริงๆ!”

หลี่หรานเข้ามาในพระราชวังและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“โชคดีที่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนจะออกจากนิกาย ดังนั้นองครักษ์จึงไม่ได้หยุดข้า”

“ถ้าพวกเขาแจ้งท่านอาจารย์ เกรงว่าวันนี้ข้าอาจจะไม่ได้เข้ามา”

เขาค่อยๆย่องไปตามทางเดินและมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง

พระราชวังมีขนาดใหญ่มากและเขาไม่รู้ว่าเหลิงอู่เหยียนอยู่ที่ไหน เขาไม่กล้าเรียกเสียงดังจึงได้แต่ตรวจดูทีละห้อง

แต่หลังจากเดินไปรอบๆเป็นเวลานานเขาก็ไม่เห็นร่างของเหลิงอู่เหยียน

“นางควรจะอยู่ในห้องนอนใช่ไหม? แต่ตอนนี้มันเร็วเกินไปที่จะพักผ่อน?”

เขามาถึงประตูห้องนอน เปิดออกอย่างระมัดระวังและมองไปรอบๆก่อน

ห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่สง่างามแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ที่นี่

“แปลก ท่านอาจารย์หายไปไหน?”

หลี่หรานเกาหัวและกำลังจะเดินเข้าไปเมื่อจู่ๆเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง

“ศิษย์อกตัญญู ใครให้เจ้าเข้ามา?”

“อา?” หลี่หรานหันศีรษะไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึง

เขากลืนน้ำลายและพูดด้วยความยากลำบาก “ทะ...ท่านอาจารย์…?”

/////