บทที่ 30 ปลดล็อคสัมผัสที่ 6
บทที่ 30 ปลดล็อคสัมผัสที่ 6
รอยล้มเหลวที่จะซ่อนตัวจากเธอ
เธอบังเอิญเจอเขาตอนที่เขากำลังแอบกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
การได้เห็นเขาในสภาพเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและเปื้อนเลือดพร้อมเต็มไปด้วยบาดแผลก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมา
เธอบ่นเขาก่อนจะรู้ตัวว่าเขาเป็นเจ้านายของเธอและเธอเป็นสาวใช้ของเขา ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาควรทำและไม่ควรทำ
ดังนั้นเธอจึงขอโทษเขาและทำแผลให้เขาอย่างเงียบ ๆ
เธอยังไม่ได้หายโกธร
เธอเลี้ยงคนสารเลวนี้มา 16 ปี แต่ได้อะไรตอบแทนมา? ด้วยการแอบหนีไปอย่างเงียบๆ!?
เขาอาจจะตายข้างนอกก็ได้ และเธอคงไม่มีทางรู้
เธอกำลังจะเป็นบ้าเพราะเป็นห่วงเขา เขานั้นจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย เธอแทบเป็นบ้าในการตามหาเขาหรือหาเบาะแสว่าเขาอยู่ที่ไหน
เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่แม้แต่จะคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกเธอว่าเขาไปเสี่ยงชีวิตเพื่อล่าสัตว์อสูรในป่า
เขาเห็นเธอสำคัญหรือว่าเป็นเพียงการคิดไปเองของเธอ?!
รอยรู้สึกแย่เพราะวิธีที่เธอปฏิบัติด้วยความไม่พอใจต่อเขา
เขาบอกเธอว่าเขาทิ้งจดหมายไว้ให้เธอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เธอกลับบอกว่าเขาโกหก
เธอไม่พบจดหมายที่เขาทิ้งไว้
รอยค้นหามันและพบมันอยู่ใต้เตียง สายตาที่ระแวดระวังของอมีเรียจับจ้องมาที่เขาขณะที่เขาคว้ามันออกมา
เขาทิ้งจดหมายไว้ในที่ๆสามารถมองเห็นได้ง่าย แต่ลมหนาวพัดมันมาใต้เตียง สร้างความเข้าใจผิดครั้งใหญ่นี้ขึ้น
เขาแสดงจดหมายที่เขาทิ้งไว้ให้เธอดู
หลังจากอ่านจบ เธอก็พบว่าเธอเข้าใจเขาผิดและสงบลงเล็กน้อย
รอยคว้าแขนของอมีเลียและทำให้เธอหันไปหาเขา เขาไม่แข็งกร้าวเกินไปและไม่อ่อนโยนเกินไปสำหรับการกระทำของเขา
ดวงตาของพวกเขาสบกัน
“ทีนี้เลิกโกรธข้าเสียทีได้ไหม”
รอยไม่มีใครคุยด้วยนอกจากเธอ แอร์โล่ออกจากมณฑลด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่มีใครรู้แม้แต่เคานต์ก็รู้เพียงว่าเขาไปที่ไหน อมีเลียเป็นคนแรกที่เขาพบในโลกนี้ เธอเป็นคนแรกที่เขาเปิดใจ เขาต้องการให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ต้องแย่ลงและกลับสู่ปกติเป็นดีที่สุด
อมีเลียสูดหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์และพ่นความโกรธออกมา “ท่านเข้าใจข้าผิด ข้าไม่โกรธท่าน สาวใช้จะโกรธเจ้านายของเธอได้อย่างไร ข้าแค่หวังว่าท่านจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ท่านรู้ไหมว่าข้ารู้สึกหวาดกลัวแค่ไหนเมื่อเห็นท่านเต็มไปด้วยเลือด ?หัวใจข้าหยุดเต้นไปชั่วขณะถ้าไม่ใช่เพราะท่านบอกว่าไม่ใช่เลือดของท่านแต่เป็นของคนอื่นข้าคงหน้ามืดเป็นลบไปแล้ว ข้ารู้ว่านายน้อยต้องการประสบการณ์ต่อสู้จริงเพื่อลับดาบให้คมเหมือนอัศวินคนอื่นๆแต่ได้โปรด อย่าเอาชีวิตของท่านไปเสี่ยง มีคนๆ หนึ่งซึ่งชีวิตไม่มีความหมายมากนักหากไม่มีท่าน เขาจะรอท่านอยู่เสมอ โปรดคำนึงถึงความรู้สึกของคนๆ นั้นด้วย นายน้อยของข้า”
เธอคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความจงรักภักดีต่อรอย
รอยเงียบไปพักหนึ่ง นี่ไม่ใช่นวนิยายหรือโลกปลอม อมีเลียเป็นคนจริงๆ เธอภักดีต่อเขา แถมยังปกป้องและห่วงใยมากเกินไปเมื่อมันเกี่ยวกับเขา นั่นคือสัญชาตญาณของแม่ เธอไม่ต้องการเห็นลูกของเธอตกอยู่ในอันตรายเมื่อเธอบอกไม่ให้ทำ
“ข้าไม่สามารถสัญญาอะไรกับเจ้าได้” รอยพูดและช่วยให้เธอยืนขึ้น สีหน้าของอมีเลียซีดลงเล็กน้อย และเธอไม่กล้ามองตาเขา เธอขาดความกล้าแม้แต่มองเขา ใบหน้าที่หดหู่ของเธอก็เพียงพอที่จะบอกเขาว่าเธอรู้สึกอย่างไร
เขาถอนหายใจ เดินจากไปและพูดต่อ "ข้าไม่อยากสัญญาปากเปล่า กับสหายเพียงคนเดียวของข้า"
สีหน้าของอมีเลียสดใสขึ้น เธอมองที่หลังของเขาอย่างมีความหวัง เขามองเห็นเธอจากหางตา
สายตาที่เธอมองเขากำลังพูดว่า "ข้ามีความหมายกับท่านมาก ท่านเลยไม่อยากโกหกข้างั้นเหรอ"
รอยหันไปหาเธอ แต่เขาไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหัวเลยสักนิด
เขาเป็นห่วงเธอหรือไม่? นั่นเป็นเรื่องยากที่จะพูด
เธอเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวสำหรับรอยคนเดิม แต่สำหรับคนๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนผสมของสองจิตวิญญาณของคนสองคนที่แตกต่างกัน เธอมีความหมายอย่างอื่น
สำหรับรอยคนเดิม เธอเป็นสาวใช้ที่มีความสามารถและเป็นเหมือนแม่
อย่างไรก็ตามสำหรับรอยคนนี้ เธอคือคนที่เขาต้องการจะปลดเปลื้องเธอจากความทุกข์ยากและผลักดันไปสู่ความรุ่งโรจน์
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาห่วงใยเธอ
มันแสดงถึงความปรารถนาที่จะตอบแทนเธอสำหรับสิ่งที่เธอทำเพื่อเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
รอยถามตัวเองด้วยคำถามหนึ่ง: เขาจะปกป้องเธอหรือไม่หากเธอตกอยู่ในอันตราย?
คำตอบที่เขาพบคือ ใช่ เขาต้องการปกป้องเธอ!
"อืม-อืม."
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของคำตอบรับก็ดังออกมาจากลำคอของเขา ทำให้รอยยิ้มที่สวยงามผุดขึ้นบนใบหน้าของอมีเลีย รอยกลืนน้ำลาย ในตอนนี้เธอดูสวยเกินไป เหมือนกลีบดอกซากุระ เขามองออกไปทันที การมองสาวใช้หน้าตาน่ารักคนนี้ไม่ใช่ความตั้งใจหรือความปรารถนาของเขาที่จะรักษาไว้งั้นหรือ
สามวันผ่านไปนับตั้งแต่ที่เขาขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าหมาป่าหิมะ
รอยตกลงใจนำศพสัตว์อสูรหลายสิบตัวที่เขาฆ่าไปที่ร้านขายเนื้อในตลาดท้องถิ่น มันเป็นสถานที่ขนาดใหญ่มากที่มีคนขายเนื้อหลายสิบคนที่เก่งในการชำแหละร่างสัตว์ พวกเขาจับมือกับลูกค้ารายอื่นแล้ว ดังนั้นแม้ว่ารอยจะเป็นลูกของเคานต์ แต่พวกเขาก็บอกให้เขากลับมาใหม่ในสัปดาห์หน้า รอยใช้เล่ห์กลเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขา เมื่อเขาสะบัดเหรียญทองหลายเหรียญไปทางพวกเขา มันเป็นเหมือนเงินตราในโลกก่อนหน้าของรอยเหรียญทองจะทำให้ทุกคนบ้าคลั่ง ดังนั้นพวกเขาสัญญาว่าจะผ่าชำแหละพวกมันทั้งหมดภายในเจ็ดวัน
ทางด้านแอร์โล่ยังคงไร้วี่แวว
สองสามวันที่ผ่านมาอมีเรียปรนนิบัติเขาอย่างดี ทาครีมรักษาบาดแผล เช็ดตัวเบา ๆ ด้วยน้ำอุ่น และใช้ช้อนป้อนอาหารให้เขา รอยฟกช้ำและอาการบาดเจ็บภายในจำนวนมากที่เขาได้รับจากการต่อสู้กับจ่าฝูงหมาป่าหิมะและฝูงของมันตอนนี้จางหายเกินกว่าจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาเกือบจะหายดีแล้ว
เขาเปิดหน้าต่างสถานะและดูรายละเอียดของตัวเอง
ชื่อ: รอย
อายุ: 16 ปี 9 เดือน
ฉายา: ลอร์ดหนุ่มผู้โหดเหี้ยม (เพิ่มค่าสถานะทั้งหมด 1 แต้ม), ผู้สังหารจ่าฝูงหมาป่าหิม (เพิ่มความเสียหายที่ทำได้ต่อหมาป่าหิมะ 30%) (เพิ่มความเสียหายที่ทำได้ต่อมอนสเตอร์ทั่วไป 10%) (สวมใส่)
แต้มประสบการณ์: 100
ระดับพลัง: ขอบเขตการฝึกปรือร่างกาย ระดับ 11 (0/1200 EXP)
สุขภาพ: 9/10
มานา: 0
ออร่า: 1100
ความไวต่อพลังงานโลก: 80%
ความแข็งแกร่ง: 50 (50)
ความแข็งแรง: 42 (42)
ความว่องไว: 38 (38)
การรับรู้: 7.5
ความทนทาน: 8.8
การป้องกันทางกายภาพ: 1.76%
การลบล้างความเสียหายเวทย์: 0.98%
คะแนนสถานะ: 10
คะแนนทักษะ: 8
รายการที่ติดตั้ง: ไม่มี
อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะหายดีแล้ว มีการปรับปรุงอย่างมากในตันเถียนของเขา เขาเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ ต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของจ่าฝูงหมาป่าหิมะคือ 50 คะแนน และมันเป็นมอนสเตอร์บอสระดับสิบ เพื่อกำจัดมันแม้แต่ผู้ฝึกหัดระดับ 10 สี่คนก็อาจไม่เพียงพอ แต่รอยก็มีสถานะเท่ากับมัน และเขาก็เป็นมนุษย์ โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถฉีกนักรบฝึกหัดได้ด้วยมือเปล่า เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
ชายหนุ่มที่น้ำหนักลดไปห้ากิโลกำลังถูกสาวใช้ติดตามอย่างใกล้ชิด การเผาผลาญพลังงานของเขาเพิ่มขึ้นเนื่องจากเขาไปถึงขั้นที่ 11 ของการฝึกปรือร่างกายแล้ว และในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขากินเหมือนวัว คือกินแต่ผักออร์แกนิค นั่นเป็นสาเหตุที่น้ำหนักของเขาลดลงอย่างมาก ถึงกระนั้นเขาก็ดูเหมือนเดิม การอดอาหารไม่ได้ส่งผลต่อไขมันมานามากนัก เวทมนตร์เท่านั้นที่สามารถทำได้ อย่างดีที่สุดน้ำหนักของเขาจะหยุดลดลงหลังจากที่เขาลดน้ำหนักได้สิบกิโลหรือมากกว่านั้น นั่นเท่ากับ 20-25 ปอนด์เท่านั้น
“นายน้อยสู้ไปกี่ตัวในวันนั้น”
"มาก."
"เท่าไหร่กันแน่?"
“บางเรื่องเจ้าไม่รู้จะดีกว่า”
รอยตบไหล่ของอมีเลียและยิ้มให้เธอ เธอสงสัยเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาทำในวันนั้นในทันที
“ถ้าไม่อยากบอกก็อย่าเลย มันไม่ใช่ว่าข้าอยากรู้”
"ใบหน้าของเจ้ากำลังบอกข้าเป็นอย่างอื่น"
“ฮึ่ม! ท่านต้องมีสัมผัสพิเศษอะไรแน่ๆ”
คำพูดเหล่านั้นแทบจะไม่ได้ยิน แต่รอยหัวเราะเบา ๆ เมื่อเขาได้ยินและพบว่าเธอก็มีด้านที่โง่เขลาและน่ารักเช่นกัน เขาพบว่ามันสนุกที่ได้แกล้งเธอ
เขาบีบจมูกของเธอ
"เอ๊ะ!" เธอตะโกนพลางหลับตา
เมื่อเธอเปิดตา เขาก็เดินออกไปแล้ว
"นั่นเพื่ออะไร?" เธอสงสัยว่าทำไมเจ้านายของเธอถึงทำอย่างนั้นกับเธอ
รอยมีแต้มสถานะสิบจุด
เขาใส่ทั้งหมดไว้ในสถานะการรับรู้ของเขา
ในระหว่างที่เขาต่อสู้กับหมาป่า เขาตระหนักว่าความรู้สึกเสียวซ่าที่ด้านหลังศีรษะของเขาที่บ่งบอกว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานะการรับรู้ของเขา เพราะสถานะนั้นสูงกว่าคนทั่วไปถึง 0.5 คะแนน
เขาจะสามารถแยกแยะอันตรายได้ดีขึ้นหากการรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้น
『ติ้ง! การรับรู้ของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 15.5 คะแนน』
『ติ้ง! ขอแสดงความยินดีกับการผลักดันสถานะการรับรู้ของคุณให้เกินขอบเขตของคนปกติ คุณได้รับสัมผัสที่หกแล้ว』
『การรับรู้ของคุณก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ พัฒนาไปสู่สัมผัสที่หกเช่นเดียวกับเอลฟ์ คนแคระ และสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอื่น ๆ คุณสามารถรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง คุณยังสามารถมองเห็นเส้นวิถีของพวกเขา คุณสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในโลก ความผันผวนของมานาและพลังงานของโลกที่อยู่รอบตัวคุณก็ไม่อาจรอดพ้นจากการสังเกตของคุณได้』
รอยพูดได้แค่ว่า "เชี่ย... นี่มันระบบที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งชื่อและความสามารถอย่างแท้จริง"
เอลฟ์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับธรรมชาติ คนแคระเกิดมาเป็นช่างฝีมือที่มีพรสวรรค์ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์เป็นอย่างมาก มีเผ่าพันธ์แฟรี่ในโลกนี้ แต่ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวในดินแดนตะวันตก พวกมันมีปีกตั้งแต่กำเนิดก็สามารถบินได้แล้ว...สำหรับมนุษย์นั้นพวกเขาไม่มีลักษณะเชื้อชาติที่โดดเด่นอะไร มันธรรมดา แต่รอย... โอ้ รอย เขาคืผู้ที่ทำลายบรรทัดฐานทางสังคม
และลักษณะทางเชื้อชาติโดยกำเนิดของเขาช่างน่าหัวเราะเยาะมากกว่าคนอื่นนัก!