บทที่ 29 : ซื่อหยูหาน (1)
บทที่ 29 : ซื่อหยูหาน (1)
ตอนเที่ยง ลู่หยานมาถึงร้านอาหารมั่งคั่ง อาคารตั้งอยู่ในใจกลางของเมือง
นี่คือพื้นที่ศูนย์กลางของเมืองหลินอันทั้งหมด มันมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดีมาก
ร้านอาหารมั่งคั่งครอบครองพื้นที่ห้าชั้นทั้งหมดของอาคารและถือได้ว่าเป็นร้านอาหารระดับบนสุดในเมืองหลินอันทั้งหมด
เมื่อมองไปที่ความยิ่งใหญ่ของร้านอาหาร ลู่หยานก็เข้าใจใหม่เกี่ยวกับความมั่งคั่งของหยางเว่ย
เมื่อเข้ามาแล้ว บริกรก็ทำความเคารพเขาเป็นอย่างดี หลังจากรู้ว่าเขาเป็นแขกคนสำคัญของห้อง 303 บนชั้นสาม ผู้จัดการก็เป็นคนเดินไปส่งลู่หยานขึ้นไปชั้นบนเองโดยตรง
ผู้จัดการเปิดห้อง 303 และลู่หยานก็เห็นหยางเว่ยนั่งอยู่ข้างในโดยเอาขาไขว่ห้างและกำลังแคะขี้มูกอยู่
“พี่หยาน นายมาแล้ว!”
เมื่อเห็นลู่หยาน หยางเว่ยก็เดินไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นและโบกมือเพื่อส่งผู้จัดการออกไป จากนั้นเขาก็พาลู่หยานไปที่โต๊ะอาหารที่หรูหรามากด้านใน
“พี่หยาน ฉันสั่งอาหารไปแล้ว ฉันรอนายอยู่เลย”
ขณะที่เขาพูด หยางเว่ยก็ตบปุ่มบนโต๊ะอาหารและแจ้งให้พ่อครัวด้านล่างเริ่มทำอาหาร
ลู่หยานมองไปที่หยางเว่ยและดุด้วยรอยยิ้ม “ ไอ้สารเลว ก่อนหน้านี้นายยังเรียกฉันว่าหยานน้อยอยู่เลย แล้วทำไมจู่ๆ นายถึงมาเรียกฉันว่า
หยางเว่ยพูดทันทีว่า “ตอนนี้สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว พี่หยาน นายอาจไม่รู้ แต่วิดีโอการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนายดังกลายเป็นไวรัลไปแล้ว ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนรู้จักชื่อของนาย”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นเลย หลังจากที่พ่อของฉันรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับนาย เขาก็มอบเหรียญพลังงาน 5 ล้านเหรียญให้กับฉันโดยตรงเพื่อเป็นรางวัลสำหรับรสนิยมของฉัน”
“นี่นับเป็นเกียรติที่สูงที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาจากพ่อของฉันเลย และจากนี้ไป นายก็จะเป็นพี่หยานผู้แสนดีของฉัน! ความชื่นชมของฉันที่มีต่อนายนั้นประดุจดั่ง…”
ลู่หยานรีบยื่นมือออกมา “หยุด อย่าทำแบบนี้ นายไม่เคยสุภาพโดยไม่มีเหตุผล นี่มันแปลกเกินไป”
ลู่หยานรู้จักหยางเว่ยเป็นอย่างดี หากอีกฝ่ายต้องการจะกินข้าวกับเขา อีกฝ่ายก็จะเลือกทำตอนกลางคืนไม่ใช่ตอนเที่ยงแน่นอน
เมื่อหยางเว่ยได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แสดงสีหน้าอึดอัดใจ จากนั้นเขาก็มองไปที่ลู่หยานและพูดว่า “พี่หยาน นี่ไม่ใช่เพราะนายมีชื่อเสียงเกินไปเองหรอ?”
“นายคงไม่รู้ แต่หลายคนต้องการที่จะพบตัวนายในตอนนี้ พ่อของฉันเองก็ยังเป็นคนขอให้ฉันพานายมาทานอาหารด้วย”
“นายจะพาฉันกลับไปหาพ่อนายเพื่อไปกินข้าวด้วยกันหรอ? นี่มันเหมือนกับว่านายกำลังพาแฟนของนายกลับไปพบพ่อเลยนี่!”ลู่หยานมองไปที่หยางเว่ยและหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
หยางเว่ยยิ้มและพูดว่า “แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยากให้นายเป็นแฟนฉัน แต่ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะมีน้องสาวคนไหนในโรงเรียนของเราที่จะเต็มใจยอมปล่อยนายไปนะ”
“น้องสาวหลายคนหลงรักนายตั้งแต่ได้เห็นวิดิโอตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขอบอกว่าตอนนั้นนายโชคดีเพราะนายออกไปก่อนเวลา มิฉะนั้นแล้ว นายก็อาจจะได้กล่าวคำอำลากับความบริสุทธิ์ของนายไปแล้ว”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว บอกฉันมาสักทีว่าทำไมนายถึงชวนฉันมาทานอาหารตอนเที่ยง?”
หยางเว่ยพยักหน้าแล้วพูดอย่างเคอะเขินว่า “เรื่องมันเป็นแบบเอง พี่หยาน ในตอนนั้น ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นวิดีโอของนาย ดังนั้นฉันจึงโพสต์วิดีโอซ้ำๆ ลงบนโซเชียลมีเดีย และฉันก็ยังบอกในแคปชั่นด้วยว่านายเป็นเพื่อนของฉัน”
“จากนั้น เพื่อนคนหนึ่งก็มาหาฉันและขอให้ฉันพาเธอมาพบนาย”
ลู่หยานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “เพื่อนคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับนายใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นนายก็คงจะไม่พาเธอมาพบฉัน?”
หยางเว่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่หยานน~ นายนี่รู้จักฉันดีที่สุดจริงๆ ถ้าเป็นคนธรรมดา ฉันก็คงจะไม่สนใจ”
“แต่ครอบครัวของเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนกับครอบครัวของเรา และแม้ว่าเราสองคนจะเคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็สนิทกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ร้องขออย่างจริงจัง ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือก”
ลู่หยานตบไหล่หยางเว่ยเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “เอาล่ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันก็เป็นเพียงการพบปะ นายไม่จำเป็นต้องประหม่าก็ได้ ยังไงนายก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของฉัน นี่ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่หยาน หยางเว่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะเผยความรู้สึกประทับใจ
“ฮ่าฮ่า หยานน้อย ฉันรู้อยู่แล้วว่านายเป็นคนที่ดีที่สุด ฉันบอกให้เพื่อนคนนั้นรออยู่ข้างนอก และในเมื่อนายตกลงแล้ว ฉันก็จะบอกให้เธอเข้ามาเดี๋ยวนี้แหละ”
ลู่หยานพยักหน้า ในเมื่อหยางเว่ยพูดเช่นนั้น เขาก็ต้องยอมพบกับอีกฝ่ายโดยธรรมชาติ
ไม่นาน ประตูห้อง 303 ก็เปิดออก และมีหญิงสาวเดินเข้ามา
หญิงสาวคนนี้มีรูปร่างสมส่วนและมีออร่าที่อ่อนโยนดูจิตใจดี เธอสวมชุดสีอ่อนที่ทำให้ผู้คนประทับใจเธอตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร หญิงสาวก็มองไปที่ลู่หยานอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “รุ่นพี่ลู่หยานสวัสดีค่ะ ในที่สุดฉันก็ได้พบคุณตัวเป็นๆ”
หยางเว่ยยืนขึ้นและแนะนำตัวว่า “พี่หยาน นี่คือซื่อหยูหาน ลูกสาวคนที่สามของตระกูลซื่อแห่งมณฑลซูหัง”
“หยูหาน ฉันคงไม่ต้องแนะนำชายคนนี้ให้กับเธอหรอกใช่ไหม?”
ซื่อหยูหานยิ้มและยื่นมือไปทางลู่หยาน “สวัสดีค่ะรุ่นพี่ลู่หยาน”
ลู่หยานมองไปที่ซื่อหยูหานข้างหน้าเขาและพยักหน้า จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปจับมือเธอเบาๆ
มือของเธออบอุ่นเมื่อได้สัมผัสและดูราวกับจะไม่มีกระดูก มันทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
ต้องบอกว่าไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ ออร่า หรือรูปร่าง ซื่อหยูหานคนนี้ก็สมบูรณ์แบบมาก เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าหญิงสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนของลู่หยานอย่างสิ้นเชิง
“น้องหยูหาน เธอคงไม่ได้มาจากโรงเรียนของเราใช่ไหม?” ลู่หยานมองไปที่ซื่อหยูและถาม
ด้วยรูปลักษณ์ของซื่อหยูหาน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ลู่หยานจะไม่เคยได้ยินชื่อของเธอหากเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับเขา
ซื่อหยูหานยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง หนูมาจากโรงเรียนหลินอันหนึ่ง ตอนนี้หนูอยู่ชั้นมัธยมปลายปีสองแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่รุ่นพี่ลู่หยานจะไม่รู้เกี่ยวกับหนู”
ลู่หยานพยักหน้า โรงเรียนหลินอันหนึ่งถือได้ว่าเป็นโรงเรียนที่ทรงเกียรติ มันยังคงเป็นเรื่องปกติมากสำหรับซื่อหยูหานที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนนั้น
จากนั้นลู่หยานก็เหลือบมองไปที่หยางเว่ยที่อยู่ข้างๆ เขา ก่อนหน้านี้เขาประเมินภูมิหลังของชายผู้นี้ต่ำเกินไป
ครอบครัวของหยางเว่ยและซื่อหยูหานเป็นเพื่อนเก่าและน่าจะมีอำนาจมากมายเช่นกัน แบบนี้แล้วเหตุใดหยางเว่ยจึงเรียนโรงเรียนมัธยมอันดับสี่?
“รุ่นพี่ลู่หยาน หนูขอถามคำถามพี่หน่อยจะได้ไหม” ซื่อหยูหานมองไปที่ลู่หยานด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้
ลู่หยานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร หยางเว่ยที่อยู่ข้างๆ เขาก็พูดว่า “พี่หยาน ซื่อหยูหานชอบศึกษาเรื่องอันเดดมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอมุ่งมั่นมากที่จะได้เป็นเนโครแมนเซอร์”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเว่ย ลู่หยานก็มองไปที่ซื่อหยูหานอย่างแปลกประหลาด
ถ้ามันเป็นอย่างที่หยางเว่ยพูดจริงๆ งั้นซื่อหยูหานที่อยู่ข้างหน้าเขาก็แปลกจริงๆ
เนโครแมนเซอร์ขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพสายต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุด คนอื่นแทบจะรอไม่ไหวที่จะหลีกเลี่ยงอาชีพนี้ แต่กระนั้นเธอก็กลับชอบและอยากจะเป็นมัน?
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าลูกคนรวยเหล่านี้มีครูพิเศษส่วนตัวคอยแนะนำดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจึงสามารถเปลี่ยนอาชีพให้เป็นไปตามที่ต้องการได้
แม้ว่ามันจะไม่ 100% แต่มันก็ยังมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จ ครอบครัวของเธอคงจะไม่อยากให้เธอเป็นเนโครแมนเซอร์หรอกใช่ไหม?
ลู่หยานมองไปที่ซื่อหยูหานและพูดว่า “ว่ามาเลย ตราบใดที่ฉันสามารถตอบได้ ฉันก็จะบอกเธอทุกอย่างอย่างแน่นอน”
ซื่อหยูหานพยักหน้าและเริ่มถามคำถามลู่หยาน
คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามแปลกๆ เช่น ทำไมสกิลอันเดดของลู่หยานถึงทรงพลังมาก และมีวิธีเพิ่มเอฟเฟกต์ของสกิลอันเดตหรือไม่
ลู่หยานพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบคำถามทุกข้อที่สามารถตอบได้ สำหรับคำถามที่ไม่สามารถตอบได้โดยตรง ลู่หยานก็ใช้อาจารย์ของเขาเป็นข้ออ้างไป
ในขณะนี้ อาหารก็เริ่มมาเสิร์ฟแล้ว ทั้งสามคนพูดคุยและรับประทานอาหารกัน
รอยยิ้มบนใบหน้าของซื่อหยูหานเข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอพึงพอใจมากกับการสนทนากับลู่หยานในครั้งนี้
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเขาก็คุยกันต่ออีกสักพัก เมื่อเห็นว่าซื่อหยูหานถามเสร็จแล้ว หยางเว่ยก็จากไปพร้อมกับลู่หยาน
หลังจากที่หยางเว่ยและลู่หยานจากไปแล้ว ซื่อหยูหานก็นึกถึงบทสนทนาของเธอกับลู่หยานและแสดงสีหน้าตื่นเต้น
จากนั้นซื่อหยูหานก็มองไปที่ผ้าเช็ดปากที่ลู่หยานใช้เช็ดปากของเขาและดูค่อนข้างลังเล
อย่างไรก็ตาม เธอรีบหยิบผ้าเช็ดปากผืนนั้นขึ้นมาปิดจมูกอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ ซื่อหยูหานก็สูดดมและสัมผัสถึงกลิ่นอายของลู่หยาน มุมปากของเธอโค้งขึ้น และดวงตาของเธอก็กลอกขึ้น มันเผยให้เห็นถึงตาขาวของเธอ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างมาก
“ช่างเป็นออร่าอันเดดที่พิเศษจริงๆ อ้าา… ฉันต้องการเขา…”