ตอนที่ 81: นักปราชญ์!
ตอนที่ 81: นักปราชญ์!
เซี่ยเฟยลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็หมุนข้อมือของตัวเองเบา ๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เพื่อเรียกสมาธิของตัวเองและเริ่มถอดชิ้นส่วนรถแข่งคันข้างหน้า
ชายหนุ่มเป็นผู้มีพลังสายความเร็วอยู่แล้ว มันจึงทำให้การถอดชิ้นส่วนแต่ละชิ้นรวดเร็วมากและด้วยทักษะการช่างที่เขามี มันจึงทำให้การแยกส่วนประกอบนี้ผ่านไปอย่างลื่นไหล
ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นตกลงมาจากรถแข่งเหมือนฝนที่ตกลงมาจากฟ้า จนทำให้เกิดเสียงดังอย่างชัดเจนเมื่อมันกระทบลงบนพื้น
บริเวณด้านข้างของรถแข่งมีกล่องเปล่าอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งด้วยการสะบัดข้อมือของเซี่ยเฟย มันก็ได้มีเพลาของรถปรากฏขึ้นมาภายในกล่อง โดยมันเป็นชิ้นส่วนที่ชายหนุ่มตั้งใจจะประกอบมันเข้าไปอีกครั้ง เขาจึงวางมันแยกเอาไว้
เยว่เกอ, เฉินตง, เป๋ยไฮ่และหมานจุนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิค, ความชำนาญหรือทักษะต่าง ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าก็มีมากกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาใช้เวลา 2-3 วันในการประกอบชิ้นส่วนแต่ละชิ้นให้กลายมาเป็นรถแข่งคันนี้ แต่เซี่ยเฟยกลับใช้เวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมงในการรื้อพวกมันลงมาและในตอนนี้มันก็เหลือเพียงแต่โครงของรถที่ว่างเปล่าวางอยู่บนพื้น
เซี่ยเฟยใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดเหงื่อที่ไหลมาจากหน้าผาก จากนั้นเขาก็จุดบุหรี่แล้วมองไปยังเครื่องขัดหลากหลายขนาดตรงบริเวณกล่องเครื่องมือ โดยเครื่องขัดเหล่านี้มีลักษณะเหมือนกับแปรงสีฟันที่มีหัวขัดติดอยู่ที่ปลายด้ามจับ
ทางค่ายไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันใช้ชิ้นส่วนจากภายนอก แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมถึงการดัดแปลงชิ้นส่วนเดิมที่มีอยู่แล้ว
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้หยิบลูกกลิ้งขับเคลื่อนขึ้นมาและใช้เครื่องขัดขนาดเล็กเพื่อดัดแปลงมันอย่างระมัดระวัง
ในตอนนี้เซี่ยเฟยได้แสดงท่าทีที่มุ่งมั่นและจริงจังเป็นอย่างมาก ประหนึ่งว่าเขาเป็นศิลปินที่กำลังแกะสลักประติมากรรมที่ทรงคุณค่า
ทันใดนั้นมันก็ได้มีนักเรียนชายรูปร่างอ้วนกลมคนหนึ่งค้นพบการกระทำของเซี่ยเฟยโดยบังเอิญ แล้วเขาก็เข้ามาจ้องมองการเคลื่อนไหวของนักเรียนชาวโลกด้วยความสงสัย
“เขากำลังทำอะไรอยู่?” เพื่อนร่วมทีมของชายอ้วนเดินเข้ามาถาม
“ไม่รู้สิ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังดัดแปลงลูกกลิ้งขับเคลื่อน” นักเรียนชายอ้วนกล่าวตอบขณะส่ายหัว
“แล้วทำไมเขาต้องดัดแปลงลูกกลิ้งขับเคลื่อนด้วย?”
“ฉันจะไปรู้รึไง”
หลังจากที่เซี่ยเฟยขัดลูกกลิ้งจนสมบูรณ์ตามที่ตั้งใจแล้ว ชายหนุ่มก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและทำการติดตั้งมันกลับเข้าไปในโครงรถ
เซี่ยเฟยจัดการแก้ไขชิ้นส่วนแต่ละชิ้นและติดตั้งพวกมันอย่างเป็นระเบียบตามความคิดของเขา โดยเขาไม่ได้ใช้ความเร็วที่มากจนเกินไปและค่อนข้างระมัดระวังในการกระทำเพื่อให้รายละเอียดทั้งหมดสมบูรณ์แบบตามที่เขาวางแผนไว้
ในตอนนี้ฝูงชนเริ่มมารวมตัวกันรอบ ๆ ตัวเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่แปลกประหลาดใจ
“ทำไมเขาถึงติดตั้งคอนเวอร์เตอร์พลังงานไว้ใกล้กับที่นั่งคนขับ แล้วยังดัดแปลงท่อแรงดันของคอนเวอร์เตอร์ด้วย” ชายผมบลอนด์อุทานออกมา
คนรอบข้างต่างส่ายหัวไปมาและพวกเขาก็ดูสับสนเช่นกัน
“แม่เจ้า! เขาลดคันโยกปรับความเร็วจาก 6 เกียร์เป็น 3 เกียร์ นี่เขาไม่รู้จักกฎการระเบิดพลังงานหรอ ถ้าจำนวนเกียร์น้อยเกินไปมันจะสร้างภาระให้เครื่องยนต์เพิ่มขึ้นนะ” นักเรียนชายรูปร่างใหญ่อุทานด้วยความประหลาดใจ
“แปลกมาก! ฉันไม่เคยเห็นใครประกอบรถแข่งแบบนี้มาก่อนเลย”
ต่อมานักเรียนที่ดูซื่อ ๆ คนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า
“ฉันดูกีฬานี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
เอ่อ…
เหล่านักเรียนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถกเถียงกันถึงการกระทำของเซี่ยเฟย แต่มันก็ไม่มีใครภายในกลุ่มเข้าใจเลยว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่
สถานการณ์ตรงหน้าได้ทำให้เหล่านักเรียนที่อ้างว่าตัวเองคือผู้เชี่ยวชาญต่างก็รู้สึกอับอาย เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นรูปแบบหรือเทคนิคที่เซี่ยเฟยใช้ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้เลย
สำหรับวิธีการประกอบรถแข่งของเซี่ยเฟยนั้นก็ถือว่าบ้าระห่ำมาก เนื่องจากเขาได้ดัดแปลงส่วนประกอบสำคัญหลาย ๆ อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่สามารถดัดแปลงได้ เช่น ตัวถ่ายเทพลังงานหรือตัวคุมระบบสมดุล
เมื่อรถแข่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด พวกมันจะสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วหลายกิโลเมตรต่อวินาที มันจึงทำให้ระบบสมดุลมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากรถเสียหลักแม้แต่เพียงเล็กน้อยมันก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้เลย
เมื่อพลังงานจำนวนมหาศาลระเบิดออกมาถึงแม้ว่านักแข่งจะได้ใส่ชุดป้องกันที่รัดกุมขนาดไหน แต่มันก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้มันจึงมีน้อยคนนักที่จะกล้าเสี่ยงเปลี่ยนตัวคุมระบบสมดุลเพราะว่ามันอันตรายเกินไป
ปกติแล้วการออกแบบรถจะถูกคำนวณโดยเหล่าวิศวกรและต้องผ่านการทดสอบบนท้องถนนซ้ำ ๆ โดยมุ่งเน้นความสำคัญของการออกแบบไปที่ความปลอดภัยของผู้ขับขี่
แต่เซี่ยเฟยกลับทำการดัดแปลงระบบความปลอดภัยตามความเข้าใจและสัญชาตญาณของเขาเอง
“นี่เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ สินะถึงกล้าติดตั้งตัวขยายพลังงานในระบบถ่ายเทพลังงาน เขาลืมไปแล้วหรือไงว่าเขากำลังประกอบรถแข่งไม่ใช่จรวด!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับกอดอก
“ฮ่า ๆ ๆ คนบ้ายังไงก็คือคนบ้าสินะ!”
“นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
"นายเคยได้ยินชื่อเซี่ยเฟยหรือเปล่าล่ะ?"
“เคยสิ เขาสู้กับเฉินตงนานกว่า 21 วันเลยนะ ฉันได้ยินมาว่าเขาเดินทางมาที่ค่ายแล้วด้วย” ชายฉกรรจ์พยักหน้าตอบรับ
“ใช่ ชายคนนั้นแหละ แล้วคนที่อยู่ข้างหน้านายตอนนี้ก็คือไอ้บ้าเซี่ยคนนั้นไงล่ะ”
“เขาเนี่ยนะ!? เขาไม่เห็นเหมือนคนในทีวีเลย เขาออกจะเอ่อ…ดูธรรมดาไปหน่อย” ชายฉกรรจ์อุทานอย่างไม่แน่ใจ
“ภาพในทีวีผ่านฟิลเตอร์ไหมล่ะ? ตัวจริงมันก็ต้องดูต่างจากในทีวีอยู่แล้ว”
“สรุปเขาคือไอ้บ้าเซี่ยคนนั้นจริง ๆ สินะ มันคงมีแต่คนบ้าแบบเขาเท่านั้นที่จะกล้าทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้” ชายฉกรรจ์พยักหน้าอย่างยอมรับ
เดิมทีฝูงชนต่างก็รุมดูและยกย่องทักษะของไป๋เย่กันอย่างท่วมท้น แต่ในปัจจุบันคนเหล่านี้กลับได้วิ่งมารุมล้อมเซี่ยเฟยและทำให้พื้นที่บริเวณรอบ ๆ หนุ่มเจ้าสำอางว่างเปล่า
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าไป๋เย่ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ และจ้องมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยความไม่พอใจ โดยในขณะนี้เขากำลังรู้สึกหงุดหงิดมากที่มีคนมาแย่งความสนใจไปจากเขา
ที่จริงแล้วเซี่ยเฟยไม่ได้สนใจฝูงชนรอบ ๆ ตัวเขาเลย เพราะเมื่อเขาจริงจังกับอะไรซักอย่างเขาจะทุ่มเทสมาธิทั้งหมดให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัวไร้ค่าไป ดังนั้นแม้ว่ามันจะมีผู้ชมมารุมล้อมเขามากกว่านี้แต่มันก็ไม่สามารถที่จะรบกวนชายหนุ่มได้อยู่ดี
ตอนนี้ในสมองของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับวิธีการประกอบรถแข่งและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมันให้ได้สูงที่สุด ดวงตาของเขาจึงจ้องมองไปเพียงแค่เครื่องจักรและชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ความจริงจังที่เซี่ยเฟยแสดงออกมาได้ทำให้เยว่เกอรู้สึกตื่นเต้นและดูเหมือนว่าเธอจะเห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะโบกมือทักทายให้กับพวกเธอแล้ว
ในขณะเดียวกันเมื่อหญิงสาวมองเห็นเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยเฟย เธอก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้เขาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับแก้มของเธอที่มีสีแดงจาง ๆ ขึ้นมา
แต่เซี่ยเฟยกลับปัดมือของหญิงสาวออกอย่างไม่ใยดีและผลักเธอออกไปโดยไม่สนใจถึงความเมตตาของเยว่เกอเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเขาอยู่ในสภาวะตื่นตัวสุดขีด การกระทำใด ๆ ที่จะส่งผลต่อการขัดจังหวะของเขาจะถูกปฏิเสธทันที แม้ว่ามันจะเกิดมาจากความหวังดีก็ตาม
แต่บังเอิญว่าการผลักของเขาได้ไปโดนเข้ากับซาลาเปา 2 ลูกที่อยู่บนหน้าอกของเยว่เกอเข้าพอดีและถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนักและดึงมือของเขากลับเพื่อทำงานอีกครั้ง
เยว่เกอรีบเอามือมาปิดหน้าอกพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เผยให้เห็นถึงความเขินอายและความโกรธในเวลาเดียวกัน
แต่ในไม่ช้าเธอก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของเซี่ยเฟยเป็นเพียงการตอบสนองแบบอัตโนมัติของร่างกาย ไม่ใช่การลงมือที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกชื่นชมในทัศนคติที่จริงจังของชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของไป๋เย่ที่อยู่ไม่ไกลและเขาก็กำลังกัดฟันด้วยความโมโหแล้วเผยให้เห็นดวงตาที่ดุร้าย
จากนั้นมันก็ได้มีชายวัย 50 ปีเดินเข้ามาภายในอาคารขณะที่มือไขว้อยู่ข้างหลัง ซึ่งชายคนนี้ก็คือ ‘ร็อคกี้’ ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเครื่องกลนั่นเอง
แผนกเครื่องกลของเขาได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 40 ทีม ซึ่งมันก็เป็นนักเรียนเกือบทั้งหมดของแผนก ด้วยเหตุนี้ร็อคกี้จึงหาเวลาว่างมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ของเหล่าลูกศิษย์และคอยให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าแข่งขันอยู่เสมอ
แผนกเครื่องกลถือได้ว่าเป็นแผนกที่เล็กที่สุดของค่ายฝึก โดยวิชาส่วนใหญ่ของแผนกมีไว้เพื่อฝึกอบรมวิศวกรเครื่องกลเท่านั้น
นอกจากการแข่งขันรถแข่งประจำปีแล้วแผนกเครื่องกลแทบที่จะไม่ได้รับความสนใจจากคนภายในค่ายเลย ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่คึกคักและน่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับร็อคกี้
“นั่นพวกเขากำลังมุงดูอะไร?” ร็อคกี้พูดกับตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติภายในอาคาร
จากนั้นเขาก็เดินไปยังฝูงชนบริเวณรอบ ๆ ตัวของเซี่ยเฟยทันทีและจ้องมองดูการประกอบรถของชายหนุ่มอย่างละเอียด
หลังจากดูไปซักพักเขาก็มีความรู้สึกคล้ายกันกับเหล่านักเรียนที่อยู่รอบ ๆ แต่เมื่อร็อคกี้ได้จ้องมองการประกอบรถของเซี่ยเฟยไปเรื่อย ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันและหัวใจของเขาก็กำลังเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
การเพิ่มประสิทธิภาพของรถแข่งก็เปรียบเสมือนกับฟันเฟืองที่ค่อย ๆ หมุนอย่างช้า ๆ ซึ่งมันจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาสักพักจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงการทำงานอย่างเต็มกำลัง
แต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยกลับกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อลดช่องว่างของเวลา หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังเพิ่มอัตราเร่งให้รถแข่งสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในเวลาที่น้อยลงกว่าเดิม
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเซี่ยเฟยได้ทำการดัดแปลงชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างมากมายและได้มีการปรับตำแหน่งการประกอบชิ้นส่วนเพื่อให้เกิดความสมดุล
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเซี่ยเฟยได้เลือกที่จะละทิ้งชิ้นส่วนของรถจำนวนมาก!
การละทิ้งชิ้นส่วนถือได้ว่าเป็นคำพูดที่ฟังดูง่ายแต่มันเป็นเทคโนโลยีการดัดแปลงขั้นสูงสุด!
การดัดแปลงรถแข่งไม่ได้หมายถึงการติดตั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์จำนวนมากเข้าไปในตัวรถ เพราะหากรถแข่งมีชิ้นส่วนอุปกรณ์มากเท่าไหร่การควบคุมก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้นและชิ้นส่วนที่ติดตั้งเข้าไปก็ยังทำให้ตัวถังของรถต้องคอยแบกรับน้ำหนักที่มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งมันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดของรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จู่ ๆ ร็อคกี้ก็ได้นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่เขาเคยได้ยินมานานเกี่ยวกับนักปราชญ์และชาวนาที่พบเจอกับดงหนามอันแหลมคมพร้อม ๆ กัน
ชาวนาเพียงแค่ชำเลืองมองและเดินฝ่าดงหนามโดยไม่ลังเล แม้ว่าขาของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกหนามเกี่ยวแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะเดินฝ่ามันออกไป ในขณะที่นักปราชญ์นั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและพยายามคิดหาวิธีฝ่าดงหนามเหล่านี้อยู่
นักปราชญ์คิดว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมากแต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเขาได้ถูกชาวนาทิ้งเอาไว้ข้างหลังแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเฟยเปรียบเสมือนกับชาวนาผู้กล้าหาญและเขาไม่เคยวางแผนที่จะชนะเกมนี้อย่างไร้บาดแผล
ในทางตรงกันข้ามเขากลับพร้อมที่จะจ่ายในราคาที่เท่าเทียมเพื่อชนะการแข่งขัน!
โลกนี้ไม่มีของฟรี ถ้าอยากได้ก็ต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ก่อน!!
เซี่ยเฟยเข้าใจสัจธรรมในข้อนี้ดี เขาจึงเลือกที่จะดัดแปลงรถแข่งคันนี้อย่างเมามันเพื่อปรับปรุงสมรรถนะของรถและละทิ้งชิ้นส่วนบางชิ้นแม้ว่ามันจะหมายถึงการลดความปลอดภัยของผู้ขับขี่ก็ตาม
เทคนิคการประกอบของเซี่ยเฟยนั้นไม่ได้ดีที่สุดและการดัดแปลงส่วนประกอบของเขาก็ไม่ได้ดีที่สุดเช่นกัน แต่การดัดแปลงของเขานั้นกลับนำหน้าคู่แข่งทั้งหมดอย่างคาดไม่ถึง
กล้าเสี่ยง!
กล้าพลาด!
นี่คือนักปราชญ์จักรกลที่แท้จริง!!
ขอบเขตของนักปราชญ์เป็นสภาวะแห่งความบ้าคลั่งที่อยู่เหนือคนทั้งปวง
หากคุณยังเข้าไม่ถึงขอบเขตของนักปราชญ์นั่นก็หมายความว่าคุณยังดื้อรั้นไม่พอ! ยังบ้าไม่พอ! ยังกล้าเสี่ยงไม่พอ!
นี่คือสังคมที่มีแต่คนกล้าเสี่ยงเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ และเซี่ยเฟยก็เป็นคนกล้าเสี่ยงที่บ้าที่สุดและดื้อรั้นที่สุด!
ร็อคกี้ขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกไปด้วยความสุข
“ปราชญ์จักรกล!”
“มันเป็นการดัดแปลงระดับนักปราชญ์แน่นอน!”
***************