ตอนที่ 79: การแข่งขันที่รุนแรง
ตอนที่ 79: การแข่งขันที่รุนแรง
จริง ๆ แล้วทีวีภายในห้องคือคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ เยว่เกอจึงเรียกดูประกาศเมื่อเดือนที่แล้วของค่ายฝึกจัสทิสลีก
ภายในประกาศมีรายละเอียดแจ้งว่าในสัปดาห์แรกทางค่ายฝึกจะจัดการแข่งขันประกอบรถแข่ง โดยทีมใดที่สามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้จะได้รับคะแนนจำนวน 5,000 แต้ม
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้สิทธิ์เข้าเยี่ยมชมค่ายชั้นในและสามารถใช้ห้องฝึกอบรมของค่ายชั้นในได้ถึง 24 ชั่วโมง
“งานแข่งนี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าพวกนายชนะ พวกนายก็จะได้รับคะแนน 5,000 แต้มและสามารถเข้าร่วมการฝึกในค่ายชั้นในได้ พวกนายสองคนสนใจเข้าร่วมทีมกับฉันไหม?” เยว่เกออธิบายด้วยรอยยิ้มในขณะที่แตะนิ้วบนหน้าจอ
“ไม่อ่ะ ช่วงนี้ฉันต้องทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อมแล้วฉันก็จะเข้าค่ายชั้นในด้วยพลังของฉันเอง” เฉินตงส่ายหัวตอบกลับอย่างแน่วแน่
เมื่อเยว่เกอได้ยินคำตอบของเฉินตง หญิงสาวก็แสดงความไม่พอใจออกมาพร้อมกับกล่าวว่า
“เจ้าเบิ้ม! นี่นายไม่เห็นรึไงว่านอกจากการเข้าค่ายชั้นในแล้วมันยังมีรางวัล 5,000 แต้มด้วย นายรู้ไหมว่าคะแนนพวกนี้มันสำคัญขนาดไหน!?”
แน่นอนว่าทั้งเซี่ยเฟยและเฉินตงต่างก็ส่ายหัวพร้อม ๆ กัน
“เฮ้อ! นี่พวกนายรู้อะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิตภายในค่ายบ้างเนี่ย!?” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
แม้ว่าเฉินตงจะอยู่ที่นี่มา 2 เดือนแล้วแต่ในช่วงที่ผ่านมานอกเหนือจากการฝึกฝนเขายังทำการท้าทายแทบทุกวัน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เคยอ่านระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของค่ายฝึกเลย ในขณะที่เซี่ยเฟยก็เพิ่งมาถึงวันนี้เขาจึงยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเช่นกัน
เยว่เกอควบคุมคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายภายในของค่ายฝึกจัสทิสลีกและเรียกดูข้อมูลระเบียบต่าง ๆ พร้อมกับกล่าวอธิบายว่า
“คะแนนพวกนี้ถือได้ว่าเป็นสกุลเงินสำหรับที่นี่ หากพวกนายไม่มีคะแนนพวกนายก็จะทำอะไรไม่ได้ เพราะแม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดจะฟรีแต่สิ่งอำนวยความสะดวกและการฝึกอบรมระดับสูงก็จำเป็นต้องใช้คะแนนแลกเพื่อเปิดใช้งาน”
“ยิ่งไปกว่านั้นคะแนนเหล่านี้ยังสามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ ภายในค่ายฝึกได้ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบระดับสูงหรืออาวุธอุปกรณ์” เยว่เกอแนะนำการแลกเปลี่ยนคะแนนให้กับเซี่ยเฟยและเฉินตง
เมื่อเซี่ยเฟยได้ยินคำอธิบาย ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปยังจอทีวีเพื่อตรวจสอบวัตถุดิบและอุปกรณ์ด้วยตัวเอง
“เยี่ยม! มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย มันมีวัตถุดิบที่ไม่มีขายในท้องตลาดด้วย!!” จู่ ๆ อันธก็ปรากฏตัวและพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
ในกระบวนการเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟย มันได้ทำลายศักยภาพการพัฒนาความสามารถของเขาไปด้วยเขาจึงสามารถเพิ่มระดับได้ด้วยการพึ่งพาน้ำยาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้วัตถุดิบระดับสูงจึงมีความสำคัญสำหรับเขามากกว่าคนอื่น
“เอาละ! คราวนี้พวกนายยินดีที่จะเข้าร่วมทีมกับฉันหรือยัง!?” เยว่เกอกล่าวขณะที่จ้องมองเซี่ยเฟยและเฉินตงด้วยความภาคภูมิใจ
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่สนใจ” เฉินตงยืนยันคำตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะนอกจากการฝึกฝนและการต่อสู้แล้วมันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับตัวเขาเลย
นอกจากนี้เขายังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คะแนนในการแลกเปลี่ยนอาวุธอุปกรณ์ใด ๆ เพราะเขาสามารถใช้พลังน้ำแข็งของเขาสร้างพวกมันขึ้นมาได้เอง
“คะแนน 5,000 แต้มและประสบการณ์ 1 วันในค่ายชั้นในนั้นน่าสนใจจริง ๆ แต่ถึงยังไงการแข่งขันใน 100 ครั้งที่ผ่านมาทีมจากแผนกเครื่องกลก็มีสถิติชนะสูงถึง 87% ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีข้อได้เปรียบกว่าเด็กจากแผนกอื่น ๆ”
“ยิ่งไปกว่านั้นมันก็มีโอกาสที่ทีมอื่นจะมีสมาชิกเป็นเด็กปี 4 ขึ้นไป ดังนั้นพวกเรามีโอกาสจะคว้าที่ 1 ได้ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยอธิบายอย่างใจเย็นหลังจากพิจารณาอยู่สักพัก
เนื่องจากเขาไม่ได้รู้สึกหลงใหลไปกับสิ่งล่อตาล่อใจเหล่านี้เลย แทนที่เขาจะไล่ตามเป้าหมายที่ไม่มีวันเป็นจริงสู้เขาทำตามแผนการที่วางไว้อย่างรอบคอบจะดีกว่า
ถึงแม้ว่าการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากค่ายจะเป็นการสะสมคะแนนอย่างช้า ๆ แต่ความพยายามก็ไม่เคยทรยศต่อคนที่มุ่งมั่นและตั้งใจ
“พวกนายไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเลยจริง ๆ” เยว่เกอจ้องเขม็งไปยังเซี่ยเฟยและเฉินตงด้วยความไม่พอใจ
“รู้ไหมว่าทำไมพวกเราถึงต้องมาอยู่ด้วยกัน มันเป็นเพราะพวกเราเป็นเด็กโควตาพิเศษ! เฉินตงนายอยู่ที่นี่มา 2 เดือนแล้วบอกฉันหน่อยว่ามันมีใครเคยเข้ามาทักทายนายก่อนบ้างไหม?”
เมื่อเฉินตงได้ยินคำถามเขาก็พยายามคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ
“อันที่จริงพวกเราถือว่าเป็นตัวประหลาดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในค่ายแล้ว คิดดูสิแม้แต่ฉันที่สวยขนาดนี้ยังไม่เคยได้ช่อดอกไม้จากใครเลย ทีนี้พวกนายเข้าใจถึงปัญหาแล้วหรือยัง!?” เยว่เกอพูดอย่างหลงตัวเอง
การลงทะเบียนโดยโควตาพิเศษจะทำให้ผู้ถูกคัดเลือกสามารถเข้าค่ายฝึกจัสทิสลีกได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการประเมินใด ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนคนอื่น ๆ จะมองว่าเด็กโควตาพิเศษเป็นกลุ่มคนที่แตกต่างออกไปจากตัวเอง
ท้ายที่สุดผู้ที่ได้เข้าร่วมค่ายฝึกจัสทิสลีกทุกคนจะต้องแสดงความแข็งแกร่งจนผ่านการประเมิน แต่เด็กโควตาพิเศษกลับไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย ด้วยเหตุนี้หากใครไม่สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งออกมาได้ นักเรียนคนอื่น ๆ ก็จะปฏิบัติต่อคน ๆ นั้นเหมือนกับเป็นพวกเด็กนอกคอก
เซี่ยเฟยเข้าใจถึงความหมายที่เยว่เกอต้องการจะสื่อได้เป็นอย่างดี เพราะว่าวันนี้ตลอดทั้งวันมีแต่คนชี้นิ้วมาที่เขาตลอดการเดินทาง
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ส่งเยว่เกอและเฉินตงออกจากห้อง ชายหนุ่มก็ได้นำสัมภาระของเขาเข้าไปเก็บไว้ในตู้แล้วเดินเข้าไปในห้องฝึก
การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะทำให้ปริมาณน้ำยาที่ตกค้างภายในร่างกายของเขาสามารถดูดซึมได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
หากเขาสามารถดูดซึมน้ำยาที่ตกค้างได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน เขาก็จะสามารถพัฒนาระดับความสามารถของเขาได้เร็วขึ้นหนึ่งวันเช่นกัน
สำหรับการแข่งขันประกอบรถแข่งที่เยว่เกอได้ชักชวนนั้น เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความสนใจมันเลยแม้แต่น้อย เพราะในความคิดของเขาโอกาสที่จะชนะไม่คุ้มค่ากับเวลาที่ต้องเสียไป
ค่ายฝึกจัสทิสลีกจะเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 กว่าวัน ซึ่งในช่วงเวลานี้กิจวัตรประจำวันของเซี่ยเฟยก็คือฝึกฝนในห้อง, ไปทานอาหารเย็นกับเพื่อน ๆ แล้วกลับมาอาบน้ำนอน
ช่วงบ่ายโมงตรงของวันหนึ่ง เซี่ยเฟยก็ได้เดินออกจากห้องพักตามปกติเพื่อที่จะไปรับประทานอาหารกลางวันกับเฉินตง, เยว่เกอและเด็กโควตาพิเศษอีกสองคนที่มีชื่อว่า ‘เป๋ยไฮ่’ กับ ‘หมานจุน’
เป๋ยไฮ่ถือได้ว่าเป็นน้องคนสุดท้องของเหล่าเด็กโควตาพิเศษในปีนี้ ซึ่งเขามีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น โดยเขาจะสวมแว่นตากรอบทอง รูปร่างผอมบางและมีผิวขาวเหมือนกับผู้หญิง
สำหรับหมานจุนเป็นคนอ้วนตัวใหญ่ที่ไว้หนวดเคราจนดูเหมือนกับลุงวัยกลางคน, แขนขาของเขาเต็มไปด้วยขนสีดำหนา ถ้ามองจากระยะไกลเขาก็ดูคล้ายกับหมี อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ชอบพูดจาเสียงดัง
ขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่ตรงโต๊ะริมหน้าต่างภายในร้านอาหาร นักเรียนคนอื่น ๆ ก็หลีกเลี่ยงเข้าใกล้พวกเขาโดยอัตโนมัติและดวงตาของนักเรียนพวกนี้ก็จ้องมองมายังกลุ่มของเซี่ยเฟยราวกับกำลังมองดูกลุ่มตัวประหลาด
เซี่ยเฟยเคยชินกับท่าทางของคนอื่นอยู่แล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกสนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าคำว่า ‘เด็กโควตาพิเศษ’ จะดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่อันที่จริงนักเรียนคนอื่น ๆ ก็เพียงแค่สงสัยในคุณสมบัติและรู้สึกอิจฉาพวกเขาเท่านั้น
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยกับเฉินตงก็ต้องการลุกขึ้นเพื่อกลับไปฝึกซ้อมตามปกติ แต่ทันใดนั้นเยว่เกอก็ได้ยื่นมือออกไปหยุดพวกเขาเอาไว้ก่อน
“รถแข่งของเราเสร็จแล้วนะ พวกนายสนใจไปดูไหม? ถึงยังไงพวกนายก็เป็นสมาชิกในทีม” เยว่เกอกล่าว
การตั้งทีมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันจำเป็นที่จะต้องมีสมาชิกให้ครบ 5 คนและเยว่เกอก็ไม่สามารถหาสมาชิกคนอื่นเข้ามาร่วมในทีมของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มชื่อเซี่ยเฟยและเฉินตงเข้าร่วมด้วย แต่ตามจริงแล้วสมาชิกภายในทีมมีเพียงแค่เยว่เกอ, เป๋ยไฮ่และหมานจุนเท่านั้น
“พวกนายไปดูหน่อยเถอะ รถคันนี้ฉันกับหมานจุนตั้งใจประกอบมันสุด ๆ อย่างน้อยพวกนายก็เป็นสมาชิกของทีม เผื่อมีอะไรจะแนะนำพวกเราได้” เป๋ยไฮ่กล่าว
“เฮ้เจ้าแว่น! ฉันก็ช่วยเยอะเหมือนกันนะ อย่ามาดิสเครดิตกันสิ” เยว่เกอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าเธอช่วยอะไรบ้าง!?” หมานจุนพูดอย่างโกรธเคือง
“ฉัน… เอ่อ… ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเราจะตั้งทีม 5 คนขึ้นมาได้ไหมล่ะ!” เยว่เกอกล่าวแย้งหลังจากที่ชะงักไปเล็กน้อย
“อันนี้ฉันไม่เถียง” เนื่องจากหมานจุนเป็นคนตรงไปตรงมาเขาจึงพยักหน้ายอมรับในเรื่องนี้
เมื่อได้ยินคำตอบของหมานจุน เยว่เกอก็ยิ่งรู้สึกได้ใจและเธอก็กำลังคิดหาคำพูดเพื่อโจมตีอีกครั้ง
แต่จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ยืนขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เอาล่ะถึงเวลาฝึกของฉันแล้ว ไว้คุยกันทีหลังนะ เอาเป็นว่าฉันจะคอยให้กำลังใจพวกนายตอนแข่งก็แล้วกัน”
“ถ้านายไม่ไป คืนนี้ฉันจะบุกไปหานายที่ห้อง! ไม่เชื่อก็คอยดู!!” เยว่เกอกล่าวอย่างเดือดดาลขณะยื่นมือไปกระชากคอเสื้อของเซี่ยเฟย
“...”
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบผู้หญิงแต่มันก็มีผู้หญิงบางประเภทที่เขาไม่ต้องการจะยั่วยุเช่นกัน ซึ่งเยว่เกอก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงเหล่านั้น
โชคดีที่โรงประกอบรถนั้นอยู่ไม่ไกลจากหอพัก เซี่ยเฟยจึงเลือกที่จะไปเดินเล่นหลังจากที่เขาทานอาหารค่ำเสร็จ
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเดินไปยังโรงประกอบรถอยู่นั้น เขาก็ได้เจอกับเย่เสี่ยวหานโดยบังเอิญ ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มเป็นการทักทายและเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร
เย่เสี่ยวหานรู้สึกลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเธอจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวออกมาว่า
“เซี่ยเฟยฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เยว่เกอสะกิดเซี่ยเฟยด้วยข้อศอกและส่งซิกด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะกระซิบออกมาเบา ๆ ว่า
“สาวคนนี้โคตรแจ่มเลย! ดูขาเรียวสวยนั่นสิ นายต้องแนะนำเธอให้ฉันรู้จักด้วยนะ”
เซี่ยเฟยรู้เรื่องรสนิยมทางเพศของเยว่เกอแล้วและเขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องนี้มากนัก ซึ่งหลังจากที่เขาหันไปมองหญิงสาวอย่างเอือมระอา เขาก็เดินเข้าไปหาเย่เสี่ยวหานทันที
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันแจ้งผู้บังคับบัญชาแล้วว่าให้เขาจัดการกับหัวหน้าแผนกทั้งสามคนนั้น ต่อไปนี้พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้มารบกวนคุณอีกและคุณก็สามารถเลือกแผนกได้อย่างอิสระ” เย่เสี่ยวหานกล่าวเบา ๆ
เมื่อได้ยินคำอธิบายเซี่ยเฟยก็ตระหนักได้ในทันทีว่า นี่คือเหตุผลที่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเขาไม่ได้พบเจอกับหัวหน้าแผนกทั้งสามเลย
ที่แท้มันเป็นฝีมือของหญิงสาวคนนี้นี่เอง!
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มและพยักหน้ารับเพื่อเป็นการรับทราบ ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินกลับไป
เมื่อมองดูเซี่ยเฟยเดินจากไปเย่เสี่ยวหานก็รู้สึกใจหายอย่างอธิบายไม่ถูก เธอจึงกัดริมฝีปากเบา ๆ และกระซิบกับตัวเองว่า
“ทำไมวันนี้เขาไม่พูดกับฉันสักคำ”
—
โรงประกอบรถเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ สำหรับแต่ละทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งพวกเขาจำเป็นที่จะต้องประกอบรถอย่างเปิดเผยเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธ์ใจ โดยทางค่ายจะได้จัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับพวกเขาอย่างครบครัน
ในขณะนี้มันได้มีผู้คนจำนวนมากภายในอาคารกำลังชี้ไปที่รถแข่งคันสีแดงคันหนึ่งอยู่
“ดูรถคันนั้นสิ! ภายนอกมันเป็นเหมือนกับรถธรรมดาแต่จริง ๆ ในลูกสูบถูกติดตั้งวาล์วแปรผันเอาไว้ พวกเขาไม่กลัวหรอว่าแรงดันจะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจนทำให้ลูกสูบระเบิด?” ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายชาวจีนกล่าวดูถูกขึ้นมาเสียงดัง
“นั่นมันอะไร? พวกเขาติดตั้งตัวควบคุมความเสถียรห่างจากเครื่องยนต์ไอออนตั้ง 5 เซนติเมตรเลยหรอ แบบนี้ถ้าเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วสูง มันจะทำให้โครงรถสะเทือนอย่างรุนแรง ถ้าหากว่ามันเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำในระหว่างการวิ่งขึ้นมามันอาจจะทำให้คนขับเสียชีวิตไปได้เลยนะ”
ท่ามกลางฝูงชนกลุ่มนี้มันก็ได้มีการพูดคุยกันอย่างคับคั่งและเซี่ยเฟยที่เพิ่งเดินเข้ามาก็กำลังมองดูรถด้วยความสงสัยเช่นกัน
ด้วยการที่โครงนอกของรถยังไม่ได้ถูกติดตั้ง มันจึงทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นส่วนประกอบภายในได้อย่างชัดเจน
เนื่องจากทักษะการซ่อมบำรุงของเซี่ยเฟยได้รับการขัดเกลาโดยพอตเตอร์และลูกศิษย์ทั้งสี่ มันจึงทำให้ทักษะของเขาสูงกว่านักเรียนภายในค่ายโดยทั่วไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถมองเห็นปัญหาของรถคันนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“นี่มันรถแข่งของทีมไหนกันเนี่ย! ฝีมือแค่นี้กล้าลงแข่งกับเขาด้วยหรอ ฉันคิดว่าพวกเขารีบไปถอนตัวตอนนี้ก็ยังทันนะ” เซี่ยเฟยหันไปกล่าวกับเฉินตงและเยว่เกอด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบเขาก็ได้พบว่าในตอนนี้เยว่เกอกำลังจ้องมองมาที่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขณะที่เป๋ยไฮ่และหมานจุนต่างก็พยายามหลบสายตาเขาด้วยความเขินอาย
“เอ่อ… มันคงจะไม่ใช่รถของพวกเธอใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
***************
5555555555555 รถทีมเอ็งนั่นแหละพี่เอ้ย!!!