ตอนที่แล้วตอนที่ 5 : รวมรุ่น นายเงินเดือนเท่าไร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 : ของปลอม ส่งสาวสวยกลับบ้าน!

ตอนที่ 6 : พูดถึงเรื่องเล็กน้อยในสมัยมัธยม!


ตอนที่ 6 : พูดถึงเรื่องเล็กน้อยในสมัยมัธยม!

เมื่อเหล่านักเรียนพูดกันเช่นนี้ พวกเขาจึงมองไปที่หลินฝานด้วยสายตาที่เย้ยหยันโดยไม่รู้ตัว

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ลอบเว้นระยะห่างจากหลินฝาน

มันราวกับว่าการใกล้ชิดกับหลินฝานมากเกินไปเป็นการสูญเสียสถานะ

แต่ฉินอวี่ซวนก็เป็นข้อยกเว้น

หลัวจากเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว ดวงตาอันงดงามของฉินอวี่ซวนก็กวาดไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธอเห็นหลินฝาน เธอก็หยุดชะงักไปสองวินาที ทำให้สายตาของพวกเขาสบเข้าด้วยกัน

ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มออกมา ในเวลานี้เอง ความเงียบก็ดีกว่าคำพูด

ไม่นานนัก อาหารรสเลิศก็ถูกเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะใหญ่ มันมีทั้งซี่โครงเนื้อหอม ปลานึ่ง หมูย่าง และอื่นๆ อีกมากมาย

“ฉันคิดว่าจะมีคนมาแค่ไม่กี่คน… มันเป็นโอกาสที่หายากที่เพื่อนร่วมชั้นมอปลายของเราจะได้พบปะสังสรรค์กัน ฉันขอแนะนำให้เราทุกคนยกแก้วขึ้นเพื่อดื่มอวยพรกันหน่อย!”

“ชน!”

“ชน!”

การรวมรุ่นที่มีชีวิตชีวาจึงเริ่มต้นขึ้น

ไม่นานนักก่อนที่ทุกคนจะทำตัวลีบๆ เมื่อหูจินซ่งซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกเดินเข้ามา

ก่อนอื่นเขาวางกุญแจรถ BMW ของเขาไว้บนโต๊ะ

“ฉันขอโทษทีนะเหล่าอดีตเพื่อนร่วมชั้น พอดีฉันมาสายไปหน่อย รถติดมากเลย” เขาประสานหมัดของเขา

“ฉันจะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มไวน์สักแก้วเอง!”

หลังจากหูจินซ่งพูดจบ เขาก็รินไวน์แก้วหนึ่งแล้วเทลงท้องทันที

“หูจินซ่ง ไม่เลว! นายซื้อ BMW ได้แล้ว!” หวังเฮ่าถามด้วยความสงสัย

“มันก็แค่ BMW ซีรีย์ 5 เองน่า” หูจินซ่งโบกมือของเขาอย่างสบายๆ

“นั่นก็ยังเป็นรถหรูอยู่นะ!” หวังเฮ่าอุทานออกมา

“เหอะ นั่นไม่นับว่าเป็นรถหรูหรอก” หูจินซ่งโบกมือของเขาซ้ำๆ และกล่าวว่า “นายไม่รู้หรอกว่ามีรถแบบไหนจอดอยู่ข้างๆ ฉัน! ลัมโบร์กินี่อาเวนทาดอร์คันนั้นโคตรเท่เลย!”

“เชี่ย! ลัมโบร์กินี่อาเวนทาดอร์เหรอ? เรามีรถแบบนี้ในเจียงเป่ยด้วยเหรอ?” เซินเหลียงตกใจ

“ใช่ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน!” หูจินซ่งพยักหน้า “ลัมโบร์กินี่อาเวนทาดอร์มีราคาเกือบ 10 ล้านหยวนเลย! ฉันสงสัยว่ามันจังว่ามันเป็นของมหาเศรษฐีคนไหน!”

“BMW ของฉันมีกำลังเพียง 252 แรงม้า! ส่วนลัมโบร์กินี่มีเครื่องยนต์ V12 ที่มีกำลัง 700 แรงม้า และเร่งความเร็วศูนย์ถึงร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 2.8 วินาที มันคงรู้สึกเหมือนบินได้แน่ๆ!”

ยิ่งหูจินซ่งพูด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น และร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น

ต่อจากนั้น ดวงตาของหูจินซ่งก็กวาดไปทั่วห้อง

เมื่อเขาเห็นฉินอวี่ซวนที่เป็นเหมือนกับนางฟ้า ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา

“ฉินคนสวย ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสนใจมางานรวมรุ่นในวันนี้ด้วย ฉันไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว และเธอก็สวยกว่าเดิมซะอีก!”

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี่ซวนก็ยิ้มอย่างสุภาพออกมาเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรกับเขา

หูจินซ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอายเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองหยางเวิ่นซูที่แต่งหน้าจัด และสามีของเธอ

“หยางคนสวย ประธานตู้! ฉันไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพวกเธอสองคนที่นี่! วันนี้ฤกษ์ดีจริงๆ! มาชนแก้วกันหน่อย” หูจินซ่งยกแก้วไวน์ของเขาขึ้นและตะโกนออกมา

“หูจินซ่ง นายรู้จักสามีของหยางเวิ่นซูงั้นเหรอ?” หวังฮ่าวฉีถาม

“แน่นอนสิ! ประธานตู้เป็นคนดังจะตาย! ต้องขอบคุณประธานตู้ที่ทำให้ฉันได้ BMW ซีรีย์ 5 มา! นายรู้ไหมว่าประธานตู้ขับรถยี่ห้อไหน? ปอร์เช่ คาเยนน์!” หูจินซ่งกล่าว

“สุดยอดไปเลย! เขาขับปอร์เช่ด้วย นั่นมันรถสุดหรูเชียวนะ!” หวังฮ่าวฉีอุทานออกมา

“มันก็แค่ปอร์เช่ มันยังไม่ดีเท่ากับลัมโบร์กินี่คันนั้นเลย” ตู้เล่ยที่มีพุงพลุ้ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกวันนี้คนรวยไม่ได้สนใจเรื่องรถยนต์เท่าไรแล้ว พวกเขาสนใจในนาฬิกามากกว่า”

ในขณะที่ตู้เล่ยพูด เขาก็เผยให้เห็นนาฬิกาโรเล็กซ์สีทองบนข้อมือของเขา

“โรเล็กซ์!” หูจินซ่งอุทานออกมา “คุณมีกระทั่งโรเล็กซ์! ใช่ คนจนสนใจรถ ส่วนคนรวยสนใจนาฬิกา! ประธานตู้ คุณคู่ควรกับชื่อเสียงของคุณจริงๆ!”

“โรเล็กซ์งั้นเหรอ? นอกจากนี้ยังเป็นสีทองด้วย เห็นได้ชัดว่ามันแพง” ใครบางคนพูดด้วยโทนเสียงต่ำ

ตู้เล่ยพูดอย่างภูมิใจ “มันก็ไม่แพงขนาดนั้นหรอก มันก็แค่โรเล็กซ์ธรรมดาๆ ฮี่ๆ”

หูจินซ่งยกนิ้วโป้งให้กับเขา “ประธานตู้รวย ส่วนหยางเวิ่นซูก็สวย พวกคุณสองคนเหมาะสมกันจริงๆ! คู่สวรรค์สรรสร้าง!”

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เคยมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อหลินฝานอยู่ในรุ่นเดียวกับพวกเรา เขาเคยใช้ใบหน้าที่น่ารักของเขาเพื่อข่มเหงหยางเวิ่นซู โชคดีที่หยางเวิ่นซูไม่ยอมรับคำสารภาพของเขา”

เพื่อให้หยางเวิ่นซูและตู้เล่ยพอใจ หูจินซ่งจึงได้เปลี่ยนความล้มเหลวของหยางเวิ่นซูในการตามตื้อหลินฝานอย่างโรแมนติกให้กลายเป็นการไล่ตามอย่างไม่ลดละของหลินฝาน เขาเก่งจริงๆ เรื่องการบิดความจริง

“แน่นอนสิ ฉันไม่ยอมรับเขาหรอก!” หยางเวิ่นซูกล่าว

“หนุ่มหล่อจะมีประโยชน์อะไรเล่า? ฉันถูกกำหนดมาแล้วให้ต้องแต่งงานกับตู้เล่ย”

ในขณะที่เธอพูด หยางเวิ่นซูก็โบกกระเป๋ากุชชี่ในมือของเธอและมองหลินฝานด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม

มันราวกับว่าเธอกำลังพูดว่า 'หลินฝาน ไม่ใช่ว่านายปฏิเสธฉันในตอนนั้นเหรอ? ตอนนี้ ในสายตาของฉัน นายก็แค่คนขี้แพ้!'

เนื่องจากพวกเขาเอาแค่ค่อนแคะเขา หลินฝานจึงตัดสินใจเลิกสนใจความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

มิฉะนั้นคนอื่นจะคิดว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้เอาได้

หลินฝานแตะคางของเขาและนึกขึ้นมา “ฉันเป็นคนตามตื๊อหยางเวิ่นซูงั้นเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเริ่มคิดที่จะโชว์ส่วนหนึ่งของร่างกายของเธอให้ฉันดูใช่ไหม? โอ้ ฉันคิดว่ามันมีไฝอยู่สามเม็ดตรงนั้นด้วยนะ”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของตู้เล่ยก็บิดเบี้ยวไป

ไฝสามเม็ด?

มันเป็นส่วนลับที่สุดของหยางเวิ่นซู!

หยางเวิ่นซูเป็นคนโชว์ให้หลินฝานดูก่อนงั้นเหรอ?

ในอดีต ตู้เล่ยแต่งงานกับหยางเวิ่นซูเพราะเธอไร้เดียงสาและน่ารัก

ในตอนนี้ มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ไร้เดียงสาเลย

เธอมันนังแพศยา

“ที่รัก อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขานะ!” หยางเวิ่นซูรีบพูดออกมา

“ฮึ่ม!” ตู้เล่ยส่งเสียงฮึดฮัดออกมาและไม่สนใจเธอ

ในเวลานั้นเอง หูจินซ่งก็ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นการมาถึงของหลินฝาน เขาจึงกล่าวว่า “หลินฝาน นายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? หยางเวิ่นซูเป็นสาวสวยที่สุดในรุ่นของเรา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่นายชอบเธอ ใครในรุ่นของเราที่ไม่ชอบเธอบ้าง?”

“พวกเราแค่พูดถึงเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในสมัยมัธยมเท่านั้น นายไม่ต้องโมโหกับเรื่องนี้ก็ได้จริงไหม?”

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะบอกว่าหลินฝานกำลังสร้างเรื่องไร้สาระและใจแคบ

“งั้นฉันขอพูดถึงเรื่องเล็กน้อยในสมัยมัธยมบ้างสิ” หลินฝานกล่าว

“ทุกคนยังจำผู้จัดการหอพักของโรงเรียน ป้าหวัง ได้ไหม? ตอนที่หูจินซ่งอยู่มอปลายปีสอง เขาคบกับเธอนานมาก แล้วนายสองคนยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า?”

หวือ!

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หูจินซ่งด้วยความตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

ผู้จัดการหอพัก ป้าหวังมีอายุเกือบ 40 ปี เธอทั้งเตี้ยและอ้วน และว่ากันว่าเธอไม่เคยมีความรักมาก่อน

ในความเป็นจริงหลายคนเรียกเธอว่า 'ป้าเวอร์จิ้น' ด้วย

หูจินซ่งและผู้หญิงแบบนั้นอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่งงั้นเหรอ?

เขามีรสนิยมแปลกๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?

ในเวลานั้นเอง เพื่อนร่วมหอในโรงเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งของหูจินซ่งก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเล่นเกมกับหูจินซ่งในร้านอินเทอร์เน็ตจนถึงเที่ยงคืน

แม้จะเลยเวลาเคอร์ฟิวไปแล้ว แต่หูจินซ่งก็จะพาเขาเดินกรีดกรายเข้าไปในหอพักได้

ในเวลานั้นเขารู้สึกดีใจที่ผู้จัดการหอพักอย่างป้าหวังลืมปิดประตูไว้

แต่จากที่ดูตอนนี้ มันไม่ใช่ว่าป้าหวังลืมปิดประตูไว้ แต่เธอจงใจเปิดประตูทิ้งไว้ให้หูจินซ่งต่างหาก!

ใบหน้าของหูจินซ่งหน้าแดงก่ำในขณะที่เขาตะโกนว่า "หลินฝาน นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน!"

เมื่อฝูงชนเห็นการแสดงออกของเขา พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที

เรื่องทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด