ตอนที่ 56 : ขยายฐานการผลิต
"ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง 1 จุด กับค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง 2 จุด?"
หลังจากเสียงระบบดังขึ้น ฉินหยุนก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หลังจากเดือนกันยายน เขาจะสามารถรับค่ายกลรวบรวมโชคลาภได้เดือนละ 3 จุดของทุกเดือน!
ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายกลรวบรวมโชคลาภทั้งสามนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพกว่าค่ายกล 4 จุดที่เขากำลังครอบครองอยู่!
ท้ายที่สุดแล้ว ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองอาจจะเทียบได้กับค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง 2 จุดอย่างแน่นอน!
ฉินหยุนรู้สึกตื่นเต้นพลางเอ่ยถามในใจอีกครั้ง "หลังจากระบบรวบรวมโชคลาภได้รับการอัพเกรดเป็นระดับที่สามแล้ว จะมีค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สามไหม? นอกจากนี้ ในแต่ละเดือนจะได้รับค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองกี่จุด แล้วก็ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งกี่จุด?"
เขามีความกระตือรือร้น ดูเหมือนว่ายิ่งเวลาผ่านไป จำนวนค่ายกลรวบรวมโชคลาภเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
"โฮสต์มีอำนาจไม่เพียงพอสำหรับคำตอบที่ต้องการ" เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันทำให้ความตื่นเต้นในใจของฉินหยุนลดลงทันที
"โลภเกินไปหน่อย ตอนนี้ค่อยๆทำไปทีละขั้นก็แล้วกัน"
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ฉินหยุนก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และตอนนี้ในใจของเขาก็มีความคาดหวังต่ออนาคตมากขึ้น
...
หลังจากได้รับค่ายกลรวบรวมโชคลาภจุดที่ 4 แล้ว ฉินหยุนก็เปิดร้านขายรองเท้าที่เพิ่งจัดวางค่ายกลเสร็จในทันที
เช่นเดียวกับร้านค้าทั้งสามแห่งก่อนหน้า ร้านขายรองเท้าร้านนี้ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
ธุรกิจของร้านค้าทั้งสี่แห่งล้วนแล้วแต่เฟื่องฟู ในขณะที่ชื่อเทียนหยุนก็แพร่กระจายไปทั่วในพื้นที่เล็กๆอย่างเขตชิงอู๋
ท้ายที่สุด ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนแค่กลุ่มเดียวจะแวะเวียนมาที่ร้านค้าทั้งสี่แห่งอยู่ทุกวัน ถึงอย่างไรเขตชิงอู๋ก็ยังถือว่าค่อนข้างใหญ่ จึงมีผู้คนจำนวนมากที่เริ่มรู้จักชื่อนี้
...
"เสี่ยวหยุน แกบอกว่าจะขยายฐานการผลิตของโรงงานเหรอ? และจะเพิ่มจำนวนคนงานเป็นห้าสิบเลย?" ฉินซวนมองไปที่น้องชายของเธอแล้วเอ่ยถาม
หลังจากเปิดร้านขายรองเท้าเรียบร้อยแล้ว ฉินหยุนก็เรียกฉินซวนมาพูดคุยกันโดยตรงเกี่ยวกับการขยายฐานการผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า
"ปัจจุบันกำลังการผลิตของเราก็เพียงพอแล้วนะ เราสามารถผลิตเสื้อผ้าได้เกือบ 5,000 ตัวต่อเดือน และตอนนี้ทางร้านขายเสื้อผ้าก็ต้องการเสื้อผ้าเพียง 4,000 ตัวต่อเดือนเท่านั้น" ฉินซวนรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนสามารถขายเสื้อผ้าได้ประมาณ 60 ตัวต่อวัน และเกือบ 2,000 ตัวต่อเดือน
ตอนนี้มีร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่สองร้าน ดังนั้นจึงต้องการเสื้อผ้าแค่ 4,000 ตัวต่อเดือนเท่านั้น
ด้วยกำลังการผลิตปัจจุบันของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน มันสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเต็มที่
โดยทั่วไปแล้ว ชั่วโมงการทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นถือว่าเยอะมาก แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงให้พนักงานทำงานแค่แปดชั่วโมงต่อวัน และไม่ได้ให้คนงานทำงานล่วงเวลา
หากความต้องการกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เช่น การเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพิ่มอีกแห่ง ก็อาจจะเพิ่มชั่วโมงการทำงานไปสัก 2-3 ชั่วโมง ในกรณีนี้ กำลังการผลิตก็จะเพิ่มขึ้นแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ้างคนจำนวนมากมาเพิ่ม
"ตอนนี้เรามีร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสองสาขาในเขตชิงอู๋แล้ว และผมวางแผนที่จะเปิดอีกสามสาขาในจินหลิง" ฉินหยุนพูดเข้าเรื่องทันที โดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม
“ที่จินหลิง?” ฉินซวนผงะ
นั่นคือมหานครที่แท้จริง เป็นเมืองชั้นหนึ่งแห่งใหม่ที่มีประชากรมากกว่าเจ็ดล้านคน!
เมื่อเทียบกับเขตชิงอู๋ ซึ่งมีประชากรเพียงไม่กี่แสนคน ตลาดที่นั่นใหญ่กว่าอย่างแน่นอน
"ดังนั้น กำลังการผลิตของเราจึงต้องตามให้ทัน เพราะผมจะจัดส่งเสื้อผ้าที่ผลิตในโรงงานแห่งนี้ไปให้ที่จินหลิงเป็นประจำ" ฉินหยุนอธิบาย
อีกเพียงแค่หนึ่งเดือน ระบบรวบรวมโชคลาภก็จะได้รับการอัพเกรดแล้ว!
และเมื่อวันที่ 1 กันยายนมาถึง เขาก็จะได้รับค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งเพิ่ม 2 จุด และค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองเพิ่ม 1 จุด!
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ประสิทธิภาพของค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง แต่คาดว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะมีประสิทธิภาพประมาณสองเท่าของค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง! หรือมันอาจจะมากกว่านั้นหลายเท่าด้วยซ้ำ!
หากนับแค่สองเท่า ก็เท่ากับว่าในวันที่ 1 กันยายน ฉินหยุนจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่จินหลิงได้ถึงสี่ร้าน และจะขายเสื้อผ้าได้เกือบ 8,000 ตัวต่อเดือน!
เมื่อรวมร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองร้านในเขตชิงอู๋ด้วย พวกมันก็จะมีความต้องการเสื้อผ้าประมาณ 12,000 ตัวต่อเดือน!
และขณะนี้กำลังการผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน อยู่ที่ประมาณ 5,000 ตัวต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อความต้องการในการขยายสาขาได้อย่างแน่นอน
ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป ฉินหยุนก็ต้องเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และความต้องการเสื้อผ้าก็จะมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน บางทีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนในเขตชิงอู๋ก็อาจจะไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้เมื่อขยายไปสู่ตลาดขนาดใหญ่
เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนแห่งที่สองในจินหลิง
ผลประกอบการประจำปีของแบรนด์ใหญ่อย่าง Nike และ Adidas นั้นน่าประหลาดใจมาก โดยบริษัทเหล่านั้นมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขามีโรงงานทั้งหมดกี่แห่งที่ตั้งอยู่ในโลกนี้
แน่นอนว่ายังเร็วเกินไปที่เสื้อผ้าเทียนหยุนในปัจจุบันจะไปถึงขั้นนั้นได้
หลังจากได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน ในที่สุดฉินซวนก็เข้าใจแผนของเขา
"โอเค พี่จะรับสมัครคนเพิ่มทันที!" เธอพยักหน้า
เธอพบว่าเธอเริ่มไม่เข้าใจน้องชายของเธอมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่เมื่อคิดอีกที เธอก็ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ เธอแค่ทำตามที่ฉินหยุนพูดก็พอ
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจทั้งหมดของฉินหยุนนั้นถูกต้องเสมอ
หลังจากตัดสินใจรับสมัครพนักงานเพิ่มแล้ว ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า "พี่ใหญ่ อีก 2-3 วันข้างหน้า ผมวางแผนที่จะไปจินหลิง ผมต้องไปเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับทร้านค้าทั้งสามร้านที่จะเปิดขึ้น ตอนนี้เรามีเงินให้ใช้ได้เท่าไร?"
เขารู้ว่าเงินในบัญชีมีเท่าไหร่ แต่มันไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด
เงินเดือนพนักงานเอย ค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักรเอย ค่าซื้อผ้าเอย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งสิ้น
เมื่อหลายๆร้านทำการเปิดสาขาเพิ่ม ห่วงโซ่เงินทุนของพวกเขาก็จะขาดสะบั้นกระทันหันและพังทลายลง เพราะการจัดการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายได้ไม่ดี จึงทำให้ค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินตามปกติของแต่ละร้านมีปัญหา ปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากจุดใดจุดหนึ่ง ก็สามารถสร้างความตื่นตระหนก กระทบกระเทือนทั้งระบบได้เลยทีเดียว
ฉินซวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "ตอนนี้เรามีเงินในบัญชีมากกว่า 1.5 ล้านหยวน แต่ในวันที่ 3 จะต้องนำเงินออกมาประมาณ 200,000 หยวน ส่วนอีก 1.3 ล้านหยวน สามารถนำเงิน 900,000 หยวนออกมาใช้ได้ โดยที่เหลือจะถูกเก็บไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆอีกที"
ฉินซวนรู้สิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี เธอจึงคำนวณและกล่าวออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนเดือนสิงหาคม ร้านค้าทั้งสามแห่งของฉินหยุน สร้างกำไรให้เขาได้ 800,000 หยวน แต่นั่นเป็นกำไรสุทธิที่คำนวณโดยระบบ อันที่จริง เงินในบัญชีต้องมากกว่าที่ระบบคำนวณออกมา
เพราะอีก 400,000 หยวน เป็นยอดเงินจากบัตรแทนเงินสด
ไม่ว่าในกรณีใดๆก็แล้วแต่ จะต้องเก็บเงินจำนวนนี้ไว้
มิฉะนั้นหากลูกค้าจะขอคืนเงินแต่ในร้านไม่มีเงินที่จะคืนให้ลูกค้าได้ คาดว่าตำรวจคงจะมาหลังจากที่ได้รับสายโทรศัพท์จากลูกค้าแน่ ซึ่งสิ่งนี้จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เพิ่งเปิดใหม่ และทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จนลูกค้าคนอื่นๆกลับมาขอคืนเงินกันหมด
นอกจากนี้ หากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนต้องการขยายฐานการผลิต โรงงานจะต้องสั่งซื้อเครื่องจักรชุดใหม่อย่างแน่นอน และจะต้องนำเข้าผ้ามามากขึ้นด้วย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
โดยปกติแล้วก็สามารถเหลือเงินไว้สัก 400,000 หยวนได้ ถึงอย่างไรลูกค้าทุกคนก็คงจะไม่มาขอคืนเงินพร้อมกันทีเดียวหรอกใช่ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้น หากร้านค้าทั้งสี่ยังคงอยู่ในสถานการณ์เดิม ยอดขายต่อวันก็จะมากกว่า 40,000 หยวน และเงินในบัญชีของทางร้านก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากคิดอย่างเงียบๆ ฉินหยุนก็กล่าวว่า "เอาไว้ในบัญชีสัก 500,000 หยวนแล้วกัน ผมจะเอาไปที่จินหลิงสัก 800,000 หยวน"
แม้ว่าจินหลิงจะได้รับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้ว และที่ดินทุกตารางนิ้วก็มีราคาแพงหูฉี่ แต่การเปิดร้านค้าแค่สามแห่งก็มีต้นทุนเพียงค่าเช่าและค่าตกแต่งเท่านั้น เสื้อผ้าในร้านก็เป็นของจากโรงงานของเขาเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปหาที่ตลาดค้าส่ง
(จบตอน)