ตอนที่ 1398 อาจารย์! รอข้าก่อน
“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”เย่ว์หยางอึ้งอยู่นานกว่าจะถามเสียงสูง เหมือนกับว่าไม่อาจยอมรับได้
“ฮื่อ..” มารดาสาวยิ้มและพยักหน้า
“ข้าคิดว่าท่านดูเหมือนน้องสาวมากกว่า!” เย่ว์หยางคิดว่ามารดาผู้ลึกลับดูแก่กว่าเย่ว์ปิงไม่เท่าไหร่อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นที่แอบมองอยู่ก็คิดเช่นนั้นแต่พวกเขาไม่กล้าแสดงความเห็นนี่คือมารดาผู้ลึกลับที่สุดและทรงพลังที่สุดในหอทงเทียนทั้งเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตของหอทงเทียน ดังนั้นไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องแสดงท่าทีที่เคารพมากที่สุด
“พูดอะไรอย่างนั้น!” แม่สี่ไม่พอใจท่าทางเกียจคร้านเฉื่อยชาของเย่ว์หยางที่พูดอย่างนั้น นางไม่เคยสั่งสอนลูกชายอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?
“ก็ได้!” คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่กลัวฟ้ากลัวดินแต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือกลัวแม่สี่โกรธ
“เรียกแม่สิ” แม่สี่สั่งเย่ว์หยาง
“เรียกแม่เลย เรียกแม่...” เป่าเอ๋อคอยก่อกวนอยู่ข้างๆนางกับซวงเอ๋อปีศาจน้อยทั้งสองคอยส่งเสียงร้องกระโดดเต้นด้วยความดีใจ
พวกนางก่อกวนสร้างความลำบากใจให้เย่ว์หยางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แรกทีเดียวเย่ว์หยางว่าจะแอบส่งเสียงกระซิบ แต่หลังจากนั้นเขาพูดไม่ออก เย่ว์หยางเองกังวลเล็กน้อย
มารดาผู้ลึกลับมีความอดกลั้นเป็นอย่างดีนางไม่รีบเร่ง ยืนยิ้มรอคอย
สาวหิมะที่สนิทใกล้ชิดเขาที่สุดยิ้มอย่างพอใจ “มีบางเรื่องที่ทำได้ยากมาก ข้าจะสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างก็ได้ ท่านแม่!”
นางส่งเสียงเรียกอย่างไพเราะรอจนนางลืมตาและยิ้ม มารดาผู้ลึกลับสวมกอดและจุมพิตนางด้วยความพอใจ “ดีมาก!”
“ท่านแม่!” แม่เสือสาวร้องเรียกอย่างสนิทสนมต้องทราบว่านางขาดมารดาผู้ให้กำเนิดตั้งแต่เด็กมาตลอด ตอนนี้เย่ว์หยางมีมารดาแล้วแน่นอนว่านางต้องการแบ่งปันด้วย มารดาผู้ลึกลับสวมกอดนางแนบอก นางมีสีหน้ายินดี “เป็นเด็กดีนะอย่าลืมมีหลานชายตัวอ้วนๆ ให้แม่อุ้มปีหน้าเล่า!”
“ขะ ข้า ข้าเป็นเด็กดี ข้าเป็นเด็กดีจริงๆ ข้าเรียกท่านว่า ท่านแม่ด้วยคน!” เป่าเอ๋อหน้าแดงเดินตัวลีบเข้ามาหามารดาผู้ลึกลับและกอดนาง
“อืม.. เจ้าเป็นเด็กฉลาดจริงๆ!” มารดาน้อยดีใจ
ทุกคนเดินเรียงแถวเรียกท่านแม่และแม้แต่เย่คง และเจ้าอ้วนไห่กับคนอื่นๆ ก็ตะโกนเรียกท่านแม่อยู่ห่างๆ
ในที่สุดเหลือเพียงเย่ว์หยางคนเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่สี่ คาดว่าเย่ว์หยางคงเผ่นหนีไปนานแล้วเพราะบรรยากาศเช่นนี้ทำให้เขาเขินอาย
ราชันย์ฟ้าบูรพาและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารีบเข้ามาช่วยตะเพิดเย่คงเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ที่เฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นนำนักรบของหอทงเทียนกล่าวอำลาเทพร่างเงาต่างๆ จากแดนสวรรค์และพวกมังกรสองหัวเป็นต้นและเชิญพวกเขาเข้าหอทงเทียนด้วยความยินดี อีกทางด้านหนึ่งจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรมองหน้ากันและหัวเราะ ขณะที่มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรเนื่องจากเป็นสหายศึกต่อสู้ร่วมกันจึงก่อเกิดเป็นมิตรภาพ พวกเขาจับกลุ่มกันอย่างมีความสุขไม่กดดันรุ่นผู้เยาว์อีกต่อไป ขณะที่จุนอู๋โหย่ว หมิงลี่ฮ่าวและมังกรปีศาจมองดูด้วยความพอใจและหัวเราะเป็นครั้งคราว
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนพี่ใหญ่อย่างข้า ยอมรับเขาด้วยตัวเอง ถ้าข้าไม่เป็นพี่ใหญ่เขาแล้วใครจะเป็นได้? นึกย้อนถึงวันคืนเก่าก่อนข้ามังกรปีศาจคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแดนสวรรค์” มังกรปีศาจโอ้อวดอย่างภูมิใจ แม้ทุกคนจะรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเขาคือมือสังหารอันดับหนึ่งของโลกแต่ไม่มีใครคัดค้านขัดใจ ทุกคนต่างคล้อยตามเอาใจเขา
“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ใหญ่ที่สุด เป็นพี่ใหญ่ของพี่ใหญ่อีกที” เจ้าอ้วนใช้ภาษาธรรมดาที่สุดกับมังกรปีศาจ
“เจ้าอ้วนงี่เง่า ไปตายให้กับข้าเลยไป!” สาวนางนวลสายลมยังปฏิเสธไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้
“โธ่ยาหยี อย่าโกรธนักเลยข้าจะให้เวลาเจ้า” เจ้าอ้วนไห่วิ่งหนี
“ข้ารู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง....”สาวนางนวลสายลมพูดไม่ออก
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ขณะนั้นนางอดนั่งบนพื้นหญ้าอย่างเหนื่อยอ่อนมิได้
มือน้อยๆ สีขาวราวกับหยกยื่นมาทางนาง
ด้านบน
ใบหน้านั้นประดับรอยยิ้ม
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจ้องมองอยู่ชั่วขณะและจากนั้นนางวางดาบคู่มือข้างตัวและจับมือน้อยนั้นจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้วที่มือนั้นยื่นออกมาอย่างนี้ และนางปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจ้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว”
เจ้าของมือยิ้มหวานพยักหน้าเห็นด้วย “นางพญาอสรพิษ เจ้าก็ไม่เปลี่ยน”
เฟ่ยเหวินหลีรู้สึกได้ทันที“โชคชะตาเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆใครจะคิดกันเล่าว่าชีวิตจะพัฒนากลายมาเป็นอย่างนี้”
“โชคชะตาลึกลับมาก” เจ้าของใบหน้าน้อยๆดึงนางพญาเฟ่ยเหวินหลีให้ลุกขึ้น “และดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติอย่างน้อยตอนนี้ก็ดูมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน”
“องค์หญิงเย่เมิ่งที่ปกติชอบชีวิตที่สันโดษเงียบสงบก็ชอบชีวิตที่กระตือรือร้นด้วยหรือ?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่อยากเชื่อ
“คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้”นางยิ้มเฉิดฉันชายตาไปทางเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว“องค์หญิงผู้โดดเดี่ยวอาจจะรักสันโดษ แต่ยิ่งเปลี่ยวเหงานานก็รู้สึกว่าตื่นเต้นไม่เลว ข้าไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใดมีบุรุษคนหนึ่งบ้าบิ่นมากๆ ชอบหาเรื่องกวนใจผู้อื่นจนบางครั้งอดไม่ได้ต้องเตะโด่งออกไปข้างนอกไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ดังนั้นข้าคิดว่าความตื่นเต้นมีชีวิตชีวาก็ไม่เลวเหมือนกัน แล้วเจ้าเล่า?”
“ข้าก็เหมือนเจ้านั่นแหละ”นางพญาอสรพิษจำได้ถึงฉากภาพที่นางถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งปลุกขึ้นหลังจากหลับมาหลายพันปีนางอดหัวเราะไม่ได้
ในโลกแกนสมดุลเหลือแต่ครอบครัวของเย่ว์หยางเท่านั้น
ไม่มีคนนอกเหลืออีกต่อไป
เย่ว์หยางรวบรวมความกล้าครั้งแล้วครั้งเล่าในที่ก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดเปล่งเสียง เขาต้องการเปล่งเสียงดังร้องเรียกแม่ แต่เสียงที่ดังออกมาถึงริมฝีปากดังไม่ต่างอะไรกับยุง “ท่านแม่.....”
ในที่สุดเย่ว์หยางค่อยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้อี้หนานและปิงเอ๋อที่กำลังมุงดูส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจดีใจยิ่งกว่าพวกนางได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แม้ว่าเสียงเรียกจะเบาเหมือนยุงแต่แม่สี่ก็ยังพอใจนางยิ้มเต็มหน้าอย่างมีความสุข ขณะที่มารดาผู้ลึกลับตาแดงระเรื่อนางรอคอยจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่นางลุกขึ้นกางแขนและโอบกอดทั้งเย่ว์หยางและแม่สี่ไว้ในอ้อมแขนนาง
อี้หนานปิงเอ๋อและเป่าเอ๋อต่างปลาบปลื้มตื้นตัน คนทั้งสามกลุ่มเข้ามาล้อมคนทั้งสามไว้ตรงกลางอีกชั้นหนึ่ง
ซวงเอ๋อเบียดตัวลงที่ด้านล่างและกอดขาเย่ว์หยางพร้อมกับหนูน้อยแพนด้า
หนูน้อยทั้งสองต่างทำหน้าล้อเลียนใส่กัน
แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้เรื่องอะไรอื่นแต่พวกเธอรู้ว่า ตราบเท่าที่อยู่ข้างๆ พี่ชายพวกเธอจะไม่มีเรื่องยุ่งยากลำบากใจ...
“เรียกอีกครั้ง” ท่านแม่สาวน้อยร้องขออีกครั้งเย่ว์หยางอดกอดศีรษะนางไว้ในอ้อมอกไม่ได้ ท่านแม่สาวน้อยเหมือนกับจะเอาแต่ใจเรียกร้องให้เขาเรียกนางอีกครั้ง ไม่มีทาง นี่ท่านแม่หรือ? ดูยังไงก็เห็นเป็นน้องสาวชัดๆ เขาไม่ได้เรียก เพียงแต่กอดนางไว้และจูบนาง มารดาสาวน้อยไม่ได้ปฏิเสธ แต่นางมีความสุขมาก“ทุกคน! เรียกข้าว่าแม่อีก ข้าอยากฟัง!”
“....” เย่ว์หยางแทบทรุดลงกับพื้น
แต่อย่างไรก็ตามการมีมารดาย่อมเป็นความรู้สึกที่ดี
แม้ว่านางจะดูน่ารักเหมือนดรุณีน้อยก็ตาม
เมื่อเทียบกับแม่สี่มารดาน้อยผู้นี้เหมือนกับดรุณีน้อยที่ยังไม่โตเต็มวัยเย่ว์หยางสงสัยว่าเข้าใจผิดหรือไม่ แม่สี่ควรจะเป็นพี่สาวไม่ใช่หรือ? ข้อสงสัยก็คือข้อสงสัยความจริงก็คือความจริง ไม่อย่างนั้นแม่สี่คงไม่แสดงความเคารพท่านแม่น้อยอย่างนั้นทั้งยังสั่งให้เขาเรียกนางว่าแม่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินไม่ชัดช่วยเรียกอีกครั้ง!” มารดาน้อยเกลี้ยกล่อมเย่ว์หยางเหมือนกล่อมเด็กน้อยโดยใช้ขนมลูกอมเข้าล่อเย่ว์หยางเห็นแล้วอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้ นี่ข้ามิใช่เด็กสามขวบนะ
“ท่านแม่!” เป่าเอ๋อและซวงเอ๋อขานรับพร้อมกัน
“ดีมาก” มารดาน้อยให้ลูกอมหวานแก่เด็กๆและชายตามองเย่ว์หยาง
“.....”เย่ว์หยางรีบหันมองดูว่ามีเครื่องเชิดหุ่นอยู่ในท้องฟ้าหรือไม่ ตัวเขาดูตัวโตแก่กว่าเมื่อเทียบกับนางในขณะที่นางเป็นมารดาสาวน้อยผู้น่ารักของทุกคน แม่สี่ปิดปากกลั้นหัวเราะ เช่นเดียวกันกับสาวหิมะแม่เสือสาวที่กลั้นหัวเราะเต็มที่และใช้ศอกสะกิดสาวโล่วฮัว “น่าจะวาดฉากภาพนี้ไว้แล้วแขวนไว้ที่ทางเดินเข้าออกเราจะได้เห็นทุกวัน”
“ข้าไม่กล้า”สาวงามโล่วฮัวอยากจะวาดภาพไว้เช่นกัน แต่นางกลัวเย่ว์หยางหวดก้น
“ไม่กล้าได้ไง!” แม่เสือสาวขึ้นเสียง
“พวกเจ้าทุกคนก่อกวนเรื่องอะไรอีกมีอาคันตุกะจากแดนไกลมาหา” เสียงของจื้อจุนดังขึ้นทำให้พวกนางตกใจทันที
เมื่อทุกคนแหงนหน้ามองก็เห็นนักพรตเฒ่าสวมชุดยาวสีเขียวไม่รู้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด กำลังเหาะเข้ามาช้าๆ เขาดูเหมือนกับคนธรรมดาไม่มีพลังปราณของนักสู้ไม่แต่น้อย แต่แม่สี่จักรพรรดินีราตรี จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ จื้อจุน เฟ่ยเหวินหลีและมารดาสาวหน้ารวมทั้งคนอื่นๆรีบแสดงความเคารพ
เย่ว์หยางตกใจ
นักพรตเต๋าเดินเข้ามาและเหยียดมือของเขา“เอากระบี่ประจำตัวข้าคืนมา”
รอจนก่อนที่เย่ว์หยางจะตั้งหลักได้ทันมือของนักพรตเฒ่าเปล่งแสงหลากสีอ่อนๆ มีรังสีกระบี่บินออกมาจากความว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นกระบี่อยู่ในมือของนักพรต เขาห้อยไว้ใต้เข็มขัด
อา..เทพธิดากระบี่ฟ้าจะถูกพรากไปเช่นนี้หรือ?
เย่ว์หยางรู้สึกอยากตายไม่อยากมีชีวิตต่อ เมื่อไม่มีเทพธิดากระบี่ฟ้า แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!
ในช่วงเวลาที่เขาใจสลายเขาพบว่าตัวของเขายืนอยู่ข้างๆ เทพธิดากระบี่ฟ้าที่เป็นเหมือนกับมังกรเทพยดายากพบพานและนางนำสาวน้อยปราณกระบี่และสองพี่น้องหงส์เพลิงออกมาทำความเคารพนักพรตเต๋าด้วยมารยาทคล้ายกับบุตรธิดาเคารพบิดาเย่ว์หยางตกตะลึงอีกครั้งทำให้เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่พอใจกับท่าทีโง่งมของเขาจนอดค้อนมิได้
สาวน้อยปราณกระบี่แอบป้องปากบอกเย่ว์หยางเขาพอจะจับใจความได้ว่า “เจ้าทึ่ม”
ตอนนี้เย่ว์หยางถึงได้รู้ตัวในที่สุด
เขารีบตอบสนองทันที
เขารีบกอดขานักพรตเฒ่าไว้แน่น “อาจารย์ ข้าอยู่นี่ ศิษย์คิดถึงท่านแทบตายแล้ว!”
เรื่องการกระทำที่หน้าด้านอย่างนี้แม้แต่แม่เสือสาวก็ทนดูไม่ไหวกับการเรียกอาจารย์อย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ใครเป็นอาจารย์เจ้า!” นักพรตเฒ่าดีดเย่ว์หยางกระเด็นไปไกล เมื่อเขาเห็นเจ้าเด็กหน้าด้านผู้นี้ก็อดอารมณ์เสียมิได้ ก่อนที่เจ้าเด็กผู้นี้จะลุกขึ้นเขาสะบัดหน้าจากไปด้วยความโกรธ
ขณะที่ปุยเฆมสีขาวลอยผ่านมาเขาเดินเหยียบย่างไปตามปุยเมฆสีขาว
ในพริบตาเดียว
ร่างของนักพรตเฒ่าลอยห่างขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุหายเข้าไปในมิติว่างทันที
เย่ว์หยางเหลียวมองนักพรตเฒ่าจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวังจากนั้นมองดูเทพธิดากระบี่ฟ้าและสาวปราณกระบี่ พวกนางยังคงยืนนิ่งกับที่ ตราบใดที่พวกนางยังอยู่ที่นั่น ถ้ากระบี่บินหายไปแล้วเขาไม่สามารถใช้พลังกระบี่ได้อีก แต่มีเทพธิดากระบี่ฟ้าอยู่ด้วยเขาก็คงผ่านชีวิตไปได้โชคดีจริงๆ มารดาผู้ลึกลับเคาะศีรษะเขาเบาๆ “เด็กโง่...เจ้าช่างโง่งมจริงๆ!”
การเคาะศีรษะครั้งนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกมีชีวิตชีวาทันที
เขากระโดดตะโกนลั่น “อาจารย์! รอข้าก่อน!” เขาหันกลับไปทางสาวๆ “พวกเจ้ารออะไร รีบตามข้ามา, ไปพร้อมกับข้าเลย!”
**** *** ****
จบแล้วครับ เวลา 4 ปี กับเรื่องแปล 3 เรื่อง(เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์, ยอดยุทธไร้เทียมทาน, Panlong)
ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วต้องสารภาพกันตามตรงว่าผมไม่ใช่นักแปลพื้นฐานทางภาษาแค่พอกล้อมแกล้ม เพียงแต่ตอนเริ่มแรก อยากจะลองประสิทธิภาพของโปรแกรมของกูเกิลว่าใช้ได้ดีแค่ไหน ปรากฏว่าแรกๆมีกลิ่นอายสไตล์ซับนรก จนบางทีคนอื่นก็คิดว่าไปลอกงานใครมาก็ไม่รู้
สุดท้ายปรับเปลี่ยนใหม่ ใช้กูเกิลนี่แหละ แต่อาศัยที่พิมพ์งานได้ค่อนข้างเร็วจัดปรับแต่งสำนวนใหม่ ตรงไหนกูเกิลแปลไม่รู้เรื่องก็ใช้ Dic ออนไลน์แก้ไขจนสำนวนเป็นอย่างที่เห็น
ส่วนภาษาจีนยิ่งแล้วใหญ่ เอาแค่รู้แบบพออ่านหนังสือแบบpinyin ได้เท่านั้นแล้วดูพวกชื่อเฉพาะ หรือตัวละครจากการอ่านพินอินในกูเกิล(อีกแล้ว) และใช้หลักการที่ว่า เอาแค่สื่อความให้ทราบว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร มีทั้งตัดบ้างเติมบ้าง ก็เลยได้อย่างที่เป็นอยู่
เพราะฉะนั้นชื่อบล็อกจึงตั้งไว้ว่าสปอยล์ผมไม่ใช่นักแปล เป็นแค่นักจัดเรียงจัดระเบียบเนื้อความแล้วพิมพ์รัวๆ เท่านั้น กะว่าจะสปอยล์เล่นสนุกๆ แต่หลวมตัวสปอยล์อย่างละเอียดไป3 เรื่อง
สำหรับผู้อ่านที่ถามถึงระดับพลังของตัวละครต้องบอกตรงๆ ครับไม่ได้ทำบันทึกแยกไว้เป็นคู่มือเกม เป็นการแปลวันต่อวัน ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลยอีกอย่างช่วงหลังๆ ระดับพลังไม่ค่อยมีสเกลที่แน่นอนอีกทั้งผมค่อนข้างคุ้นกับการอ่านนิยายจีนรุ่นเก่าๆ อย่างของกิมย้ง หวงอี้ อึ้งเอ็งซึ่งก็ไม่มีระดับพลังเหมือนในเกมคอมฯ ผมก็เลยไม่ได้บันทึกไว้ครับ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาโดยตลอด ช่วงนี้ขอพักก่อนครับ