ตอนที่ 77: เจอเพื่อนเก่า
ตอนที่ 77: เจอเพื่อนเก่า
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังอยู่ในขั้นตอนการลงทะเบียน หม่าเจี้ยนผู้ที่มีนิสัยใจร้อนก็ได้เข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมถามออกไปด้วยความกังวลว่า
“เซี่ยเฟยนายชอบสัตว์หรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าหม่าเจี้ยนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ด้วยเสียงที่ดุดันมันจึงทำให้ความรู้สึกของผู้รับฟังรู้สึกเหมือนถูกสอบสวนมากกว่าการสอบถามแบบทั่ว ๆ ไป
“เอ่อ…ผมคิดว่าผมน่าจะชอบนะครับ ตอนอยู่ที่โลกผมก็เคยดูสารคดีสัตว์โลกมาบ้าง” เซี่ยเฟยตอบ
เมื่อหม่าเจี้ยนได้ยินคำตอบของเซี่ยเฟยเขาก็แสดงออกถึงความดีใจขณะที่วางมือใหญ่ ๆ ของเขาบนไหล่ของชายหนุ่ม
“เยี่ยมมาก! ในเมื่อนายชอบสัตว์ งั้นนายก็ลงทะเบียนเข้าแผนกสัตว์อสูรของเราได้เลย!! ฉันคนนี้จะสอนวิธีเลี้ยงสัตว์อสูรให้นายเอง รับรองว่ามันจะต้องเป็นงานที่นายชอบมากแน่ ๆ”
ถึงแม้ว่าเจตนาเดิมของหม่าเจี้ยนจะเป็นสิ่งที่ดีแต่ด้วยประโยคที่ฟังดูเหมือนเป็นการบังคับแบบนี้ มันจึงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกปฏิเสธคำแนะนำ
นอกจากนี้เสียงของหัวหน้าแผนกสัตว์อสูรยังค่อนข้างดัง จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกครูใหญ่ตำหนิตลอดเวลา
“คุณบอกว่าผมชอบสัตว์ผมเลยต้องเข้าแผนกสัตว์อสูร คุณคิดว่ามันฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อยไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามขณะที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าภายนอกหม่าเจี้ยนจะดูเป็นคนที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ฟังคำถามจากเซี่ยเฟยเขาจึงคิดพิจารณาอยู่สักพักแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า
“ไม่นะ! ฉันไม่คิดว่ามันจะแปลกตรงไหนเลย”
แต่ทันใดนั้นหม่าเจี้ยนก็เหมือนนึกอะไรออกบางอย่าง เขาจึงพูดออกมาด้วยความรวดเร็วว่า
“ใช่แล้ว! บางครั้งเราก็ต้องมอบอะไรบางอย่างให้สัตว์เพื่อควบคุมพวกมันสินะ เซี่ยเฟยนายอยากได้อะไรพูดมาเลย ตราบใดที่ฉันมีมันฉันจะยกให้นายแน่นอน”
‘เขาคิดจะใช้วิธีฝึกสัตว์อสูรกับฉันใช่ไหม? นี่ทุกคนในแผนกสัตว์อสูรเป็นเหมือนเขาทุกคนเลยหรือเปล่า?’
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่หม่าเจี้ยนกล่าวออกมา
“ขอโทษนะครับแต่ผมเพิ่งเดินทางมาถึงค่ายฝึกและยังไม่ได้คิดว่าจะเข้าร่วมกับแผนกไหน แต่ด้วยคำแนะนำของคุณ ผมจะเก็บแผนกสัตว์อสูรไปพิจารณาแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบหม่าเจี้ยนพร้อมกับเผยรอยยิ้มการค้าออกมา
“จริงหรอ? ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นนายก็ลงทะเบียนไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเยี่ยมชมแผนกสัตว์อสูรของพวกเรา รับรองว่าถ้านายได้เห็นพวกมัน นายจะต้องหลงรักพวกมันทันที”
ด้วยความใสซื่อหม่าเจี้ยนจึงคิดว่าเซี่ยเฟยคิดเหมือนที่กล่าวออกมาจริง ๆ เขาจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
—
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้สลัดหม่าเจี้ยนหลุดแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังอาคารสำนักงานเพื่อทำตามขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับนักเรียนใหม่ให้เสร็จสมบูรณ์
ค่ายฝึกจัสทิสลีกเป็นค่ายฝึกที่มีความทันสมัยมาก ระบบทั้งหมดในค่ายนี้ต่างก็ล้วนแต่เป็นระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เซี่ยเฟยใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานเขาก็ได้รับเครื่องแบบและบัตรนักเรียนซึ่งเป็นการสิ้นสุดการลงทะเบียน
เมื่อเดินออกมาจากประตู เซี่ยเฟยก็ได้พบเย่เสี่ยวหานกำลังยืนรอเขาอยู่ตรงทางเดินด้วยใบหน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม
“อ้าว! สวัสดีครับพวกเราเจอกันอีกแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำทักทายจากเซี่ยเฟย เย่เสี่ยวหานก็พยักหน้าตอบกลับเล็กน้อยและเดินเข้ามาหาเขา
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่า คุณไม่ควรเข้าร่วมกับแผนกไหน ไม่ว่าจะเป็นแผนกสัตว์อสูร, แผนกลาดตระเวนหรือแผนกกลยุทธ์”
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินคำแนะนำจากเย่เสี่ยวหานเขาก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย เนื่องจากในวันนี้เขาได้พบหัวหน้าแผนกทั้งสามแล้วและหัวหน้าแผนกเหล่านั้นต่างก็เชิญชวนเขาเข้าร่วมแผนกของตนเอง แต่ในตอนนี้เย่เสี่ยวหานกลับมาบอกว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมแผนกเหล่านี้เลย
“นี่เป็นคำสั่งหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามขณะที่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
“ไม่ นี่เป็นเพียงแค่การแนะนำด้วยความหวังดี” เย่เสี่ยวหานตอบหลังจากคิดอยู่สักพัก
“ผมขอโทษด้วยแต่ผมคงต้องบอกคุณตรง ๆ ว่า ไม่ว่ามันจะเป็นคำสั่งหรือไม่ก็ตามผมไม่คิดที่จะปฏิบัติตามคำพูดของคุณ เพราะผมมีความคิดเป็นของตัวเองและผมก็ไม่ต้องการการแทรกแซงจากใคร”
เย่เสี่ยวหานไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซี่ยเฟยจะปฏิเสธคำแนะนำของเธออย่างชัดเจนขนาดนี้ เพราะถึงแม้ว่าค่ายฝึกจัสทิสลีกจะไม่ใช่โรงเรียนแต่ระบบที่นี่ก็ไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนมากนัก
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นการยากที่จะจินตนาการถึงนักเรียนที่กล้าปฏิเสธคำขอของครูและเธอยังเป็นครูที่หน้าตาดีอีกด้วย
“คุณได้พบหัวหน้าแผนกหม่าเจี้ยน, หัวหน้าแผนกโฮ่วไป๋ชานและหัวหน้าแผนกชิวเชียงจี่แล้วหรือยัง?” เย่เสี่ยวหานถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับกลับไปเป็นคำตอบ
“ในระหว่างการประเมินพวกเขาทั้งสามคนต้องการให้คุณเข้าไปยังแผนกของตัวเองและสร้างปัญหาให้กันมากมาย ถ้าหากคุณตกลงเข้าร่วมแผนกใดแผนกหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องยากที่อีกสองคนจะยอมรับ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งภายในระหว่างแผนกและมีผลกระทบต่อความสามัคคีของค่ายฝึก ทีนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง?” เย่เสี่ยวหานกล่าวอธิบาย
“ผมเข้าใจและผมก็รู้ด้วยว่าเหตุผลหลักของเรื่องนี้คือไม่มีหัวหน้าแผนกคนไหนเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ ความจริงมันไม่ใช่เพียงแค่การแย่งชิงตัวนักเรียน แต่เป็นเรื่องของหน้าตาและการแข่งขันภายใน” เซี่ยเฟยกล่าว
เย่เสี่ยวหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความสามารถในการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟย
เมื่อเทียบกับอายุแม้แต่ในดาวเคราะห์ที่พัฒนาแล้ว ชายอายุ 17 ปีก็เป็นเพียงแค่วัยรุ่นเท่านั้น แต่เซี่ยเฟยกลับแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและความฉลาดเทียบเท่ากับผู้ใหญ่หรือบางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้าแผนกทั้งสามถึงรู้สึกชื่นชอบในตัวเซี่ยเฟยมากขนาดนี้และในเวลาเดียวกันเธอก็อยากจะผ่าสมองของชายหนุ่มออกมาดูจริง ๆ ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
“ทั้ง ๆ ที่คุณอายุยังน้อยแต่ทำไมคุณถึงสามารถคิดวิเคราะห์ถึงปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขนาดนี้ คุณได้รับการฝึกพิเศษมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?” เย่เสี่ยวหานถามอย่างสงสัย
“อายุพิสูจน์ได้แค่ว่าคนเราใช้ชีวิตอยู่มานานแค่ไหน สิ่งที่สำคัญคือประสบการณ์ต่างหาก ถ้าคุณมีประสบการณ์เหมือนผมคุณก็จะเข้าใจเอง” เซี่ยเฟยตอบอย่างขมขื่น
“ประสบการณ์แบบไหน?” เย่เสี่ยวหานถาม
เธอรู้สึกว่าชีวิตในวัยเด็กของเซี่ยเฟยน่าจะไม่ดีนักและสิ่งนี้ก็คงทำให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้
“ขอโทษด้วย แต่ผมไม่จำเป็นต้องเล่าอดีตให้คุณฟัง”
หลังพูดจบเซี่ยเฟยก็เร่งฝีเท้าเดินผ่านเย่เสี่ยวหานไปโดยไม่หันกลับมามอง
“คุณได้คิดพิจารณาเรื่องทั้งหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของหัวหน้าแผนกทั้งสามหรือความสามัคคีของค่ายฝึกจัสทิสลีก แต่คุณได้คิดถึงความรู้สึกของผมหรือเปล่า?”
“ผมเป็นเพียงแค่จัสทิสฝึกหัดและการยอมรับคำเชิญจากใครสักคน อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้ผมได้รับการปกป้องจากค่ายฝึกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ แต่ถ้าผมปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดมันก็จะทำให้พวกเขาทั้งสามคนไม่ชอบขี้หน้าผมไปด้วย”
“ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณที่คุณมาเตือนสติ อันที่จริงผมไม่คิดที่จะไปแผนกสัตว์อสูร, แผนกลาดตระเวนหรือแผนกกลยุทธ์อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่เพราะคำเตือนของคุณ…มันเป็นทางเลือกของผมเอง”
“ผมถามจริง ๆ การปฏิเสธคำเชิญของหัวหน้าแผนกทั้งสามมันจะทำให้ค่ายฝึกรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวมากขึ้นหรือเปล่า? เรื่องนี้มันโคตรไร้สาระเลย! ใครมันจะไปสนเรื่องแบบนั้นกัน! ผมแค่อยากจะทำอะไรที่ผมต้องการแค่นั้นเอง!!”
เมื่อเซี่ยเฟยพูดจบเขาก็เดินออกไปทันทีเหลือเพียงแค่เย่เสี่ยวหานที่กำลังรู้สึกตกตะลึง
ถึงแม้คำพูดของเซี่ยเฟยจะไม่ได้กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังมากนัก แต่เมื่อเย่เสี่ยวหานได้ยินมันก็เสมือนกับตะปูเหล็กที่ตอกไว้กลางใจของเธอ
ทันใดนั้นเย่เสี่ยวหานก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาภายในหัวใจ พร้อมความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างเงียบงันและมันก็ทำให้เธอได้นึกถึงสิ่งที่เซี่ยเฟยเคยพูดไว้กับเธอ
‘ผมยอมรับว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่คุณรู้ไหมว่าคุณขาดอะไรไป?’
‘คุณขาดความเป็นมนุษย์!’
—
ค่ายจัสทิสลีกมีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 50,000 คน แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรหลายล้านคนภายในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ จำนวนคนที่สามารถเข้าค่ายฝึกได้ก็มีจำนวนน้อยมากอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นในแต่ละปีค่ายฝึกจะคัดนักเรียนที่ไม่ผ่านมาตรฐานออกจากค่ายและมีนักเรียนเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่สามารถฝึกอบรมภายในค่ายได้ครบทั้งห้าปี
ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบเข้าค่ายจัสทิสลีกถือว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพสูงมาก ด้วยเหตุนี้สมาพันธ์จัสทิสจึงได้ลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการฝึกอบรมเสาหลักในอนาคตของพวกเขา
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการศึกษา, การฝึกอบรม, สภาพแวดล้อมและครูฝึกต่างก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดของภูมิภาคดาว
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางมายังหอพัก เขาก็มองเห็นอาคารขนาดยักษ์จำนวน 6 หลังที่ถูกตกแต่งไปด้วยหินกรวดและมีผนังทำด้วยกระจกสีเงินความแข็งแรงสูง
อาคารแต่ละหลังสามารถรองรับนักเรียนได้ถึง 10,000 คน ภายในอาคารประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า, สถานบันเทิง, ร้านอาหารและบาร์อย่างมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พักอาศัย
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินเข้ามาภายในหอพัก มันก็มีนักเรียนหลายคนที่จดจำชายหนุ่มได้ พวกเขาจึงกระซิบกระซาบกันและมองมายังเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
เซี่ยเฟยไม่ชอบความรู้สึกในการเป็นจุดสนใจเหล่านี้เลย เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปยังห้องพักของเขา
เมื่อชายหนุ่มได้ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ 71 เขาก็รีบมองหาห้องพักตามทางเดินยาว ๆ ที่อยู่ตรงหน้า
จู่ ๆ ประตูที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรก็เปิดออกอย่างฉับพลันและมันก็ได้มีร่างของชายร่างกำยำที่เดินออกมา
ศีรษะของชายร่างกำยำคนนี้ถูกพันด้วยผ้าก๊อซ, แขนของเขาถูกดามไว้กับเหล็กและเบ้าตาของเขายังมีลักษณะเป็นสีเขียวช้ำ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเขากำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าในปัจจุบันดาวเฮกสตาร์จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ชายคนนี้กลับสวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นสีดำและเดินเท้าเปล่าซึ่งเผยให้เห็นกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาอย่างชัดเจน
“เซี่ยเฟย!” เฉินตงอุทานเมื่อเห็นเซี่ยเฟย
“เฮ้เพื่อน! มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันเนี่ย! ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา!?” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยเสียงหัวเราะ
“คนพวกนั้นไม่ได้เอาแต่หลบเหมือนนายแล้วกัน การต่อสู้กับนายมันน่าเบื่อสุด ๆ!” เฉินตงกล่าวตอบอย่างตื่นเต้นขณะที่เดินเข้ามาต่อยหน้าอกเซี่ยเฟยอย่างแรง
“ถึงมันน่าเบื่อ แต่เราก็สู้กันกว่า 21 วันเลยนะ! ถ้ามันสนุกเราไม่สู้กันตลอดชีวิตเลยรึไง?” มุมปากของเซี่ยเฟยโค้งขึ้นด้วยความอารมณ์ดี
หลังจากการประเมินครั้งล่าสุดนอกจากเซี่ยเฟยกับเฉินตงจะไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดชังกันแล้ว ในทางกลับกันพวกเขารู้สึกถูกชะตาและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดังนั้นทันทีที่ได้เจอกันพวกเขาทั้งสองจึงทักทายกันราวกับเพื่อนสนิท
“ทำไมนายเพิ่งมาถึง? ฉันอยู่ที่นี่มาตั้ง 2 เดือนแล้วนะ” เฉินตงกล่าวถาม
“ฉันเดาว่านายคงยุ่งตลอด 2 เดือนนี้เลยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยตอบกลับขณะที่มองดูผ้าก๊อซบนหัวของเฉินตง
ห้องพักของเซี่ยเฟยและเฉินตงนับได้ว่าแยกจากกันโดยใช้อีกห้องกั้นเท่านั้น เพราะพวกเขาพักอยู่ใกล้กันมาก
จากนั้นเซี่ยเฟยก็เปิดประตูห้องพักของตัวเองด้วยบัตรนักเรียนและเมื่อเขาเดินเข้าไปภายในห้องมันก็ทำให้เขาตกใจกับห้องที่ดูหรูหราเป็นอย่างมาก
ภายในห้องพักประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องนอน, ห้องซ้อม, ห้องทำงาน, ห้องครัว, ห้องทานอาหารและมีห้องน้ำถึง 4 ห้องด้วยกัน ซึ่งด้วยขนาดพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตรมันก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการพักอาศัยเพียงแค่คนเดียว แม้แต่การพาครอบครัวมาอยู่ที่นี่ก็สามารถพักได้อย่างสบาย ๆ
นอกจากนี้ภายในห้องยังมีโทรทัศน์ที่ทันสมัย, อ่างอาบน้ำหินอ่อนและระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขายืนอยู่ริมหน้าต่างเขายังสามารถมองเห็นสระน้ำใสที่อยู่ไม่ไกลและต้นไม้ที่เขียวขจีด้านข้างทะเลสาบอีกด้วย
เมื่อเปิดหน้าต่างอากาศบริสุทธิ์ก็ลอยเข้ามาภายในห้อง ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
ค่ายฝึกจัสทิสลีกจะดูแลนักเรียนของพวกเขาอย่างดีที่สุดและด้วยการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันก็จะทำให้เหล่านักเรียนสามารถอุทิศตนเองเพื่อการเรียนรู้และการฝึกอบรมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นใด
ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจุดบุหรี่และยืนอยู่ริมหน้าต่างเพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกอยู่สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงกริ่งที่ประตู
เมื่อชายหนุ่มได้เปิดประตูเขาก็ได้เห็นเด็กสาวอายุประมาณ 16-17 ปีที่ยืนอยู่อย่างเกียจคร้าน โดยลักษณะของหญิงสาวคนนี้ไม่ได้สูงมากนักและมีสัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์ตามแบบที่ผู้หญิงควรจะมี นอกจากนี้เธอยังถือแตงกวาอยู่ในมือและเคี้ยวแตงเสียงดังขณะที่เฝ้าดูเซี่ยเฟย
ขณะเดียวกันเมื่อเฉินตงเดินมายังห้องพักของเซี่ยเฟยและเห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้เขาก็ขมวดคิ้วทันที
“สวัสดีฉันชื่อ ‘เยว่เกอ’ ห้องฉันอยู่ระหว่างห้องนายกับเฉินตง” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่ยัดแตงกวาลงไปในกระเป๋า
หลังจากนั้นเธอก็เช็ดมือขาว ๆ เข้ากับกางเกงของตัวเองและยื่นมือออกมาหาเซี่ยเฟยเพื่อเป็นการทักทาย
ในมุมมองของชายหนุ่ม เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สวยมากและเธอก็พูดกับเขาอย่างสุภาพ มันจึงทำให้เขารู้สึกดีอยู่เล็กน้อย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มตอบขณะที่ยื่นมือไปจับเยว่เกอเพื่อเป็นการทักทายและเขาก็ได้พบว่ามือเล็ก ๆ ของเธอนั้นนุ่มมาก ซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่น่าจะเคยทำงานหนักมาก่อน
ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนมีฐานะและดูแลตัวเองอยู่เสมอก็ให้ลองสังเกตจากมือของคน ๆ นั้น เพราะเพียงแค่มือก็สามารถบ่งบอกได้ถึงตัวตนคร่าว ๆ ของเจ้าของมือได้บ้างแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามือของหญิงสาวคนนี้เป็นแบบคนมีฐานะ แต่ฉากที่เธอกำลังกัดแตงกวาก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอไม่ได้ดีแบบที่ควรจะเป็น
แต่สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่เคยรู้มาก่อนนั้นก็คือเยว่เกอถูกกำหนดให้เป็นสุภาพสตรีเพียงแค่เปลือกนอก แต่นิสัยและบุคลิกท่าทางของเธอกลับแมนยิ่งกว่าสุภาพบุรุษบางคนเสียอีก
เยว่เกอมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยเจตนาร้าย จากนั้นก็หันไปมองเฉินตงด้วยรอยยิ้มและถามออกมาว่า
“พวกนายกำลังจะจู๋จี๋กันอยู่หรือเปล่า? ฉันขอเข้าไปดูด้วยได้ไหม!?”
***************
หะ! ยัยผู้หญิงกัดแตงนี้มันเป็นใคร!!