ตอนที่ 76: ชัยชนะ
ตอนที่ 76: ชัยชนะ
หลังจากจัดการเรื่องราวภายในสุสานยานเรียบร้อยแล้วไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยจะได้เป็นเจ้าของยานรบชั้นยอดเท่านั้น แต่เขายังได้ครอบครองแหวนมิติที่มีขนาด 20 ลูกบาศก์เมตรอีกด้วย
เมื่อเซี่ยเฟยได้นำลูน่าเอคคลิปไปลงทะเบียนกับสมาคมเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยมีจุดหมายปลายทางเป็นสำนักงานใหญ่ของค่ายฝึกจัสทิสลีก
ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยพยายามที่จะเชิญชวนโบเดนออกเดินทางไปพร้อมกับเขา แต่โบเดนปฏิเสธและไม่ต้องการทิ้งพอตเตอร์ไป เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้
ส่วนทางฝั่งของมู่เหลย, คอลลินส์และเสี่ยวเทียน หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาช่วยพอตเตอร์ฝ่าอุปสรรคครั้งใหญ่ครั้งนี้เรียบร้อยแล้วพวกเขาก็กลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมา
เซี่ยเฟยไม่ได้คิดที่จะเชิญพวกเขาทั้งสามคนเดินทางไปกับตนเหมือนกับโบเดน เพราะสาเหตุที่เซี่ยเฟยประทับใจในตัวของโบเดนนั่นก็คือเขาเลือกที่จะยอมหย่าร้างมากกว่าทิ้งพอตเตอร์ให้อยู่ตัวคนเดียว ซึ่งสำหรับชายหนุ่มแล้วเขาให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีมากกว่าทักษะความรู้
เซี่ยเฟยนั่งประจำอยู่ตรงที่นั่งของกัปตันภายในห้องนักบินพร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นระรัวไปด้วยความตื่นเต้น
“กำหนดเส้นทางมุ่งสู่ดาวเฮกสตาร์ ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ เลือกใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา” เซี่ยเฟยกล่าวสั่งการคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ
“การตั้งค่าเส้นทางเสร็จสมบูรณ์ คุณต้องการเปิดโหมดนำทางอัตโนมัติหรือไม่?” เสียงผู้หญิงจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ถามเซี่ยเฟย
"ใช่!"
“เครื่องยนต์วาร์ปได้เริ่มทำงานแล้ว เครื่องยนต์กำลังทำงานด้วยกำลัง 90% พลังงานสำรองเหลืออยู่ 99% นับถอยหลังเข้าสู่การวาร์ปใน 15 วินาที”
15 วินาทีต่อมามันก็ได้ปรากฏรูหนอนเปิดออกบริเวณด้านหน้าของยาน ก่อนที่ลูน่าเอคคลิปจะพุ่งเข้าไปด้านใน
หลังจากนั้นครู่หนึ่งรูหนอนก็ปิดตัวลงและปรากฏอุกกาบาตหลากสีที่สวยงามด้านนอกตัวยาน
“การวาร์ปครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว เครื่องยนต์กำลังเริ่มเติมพลังงานสำหรับการวาร์ปครั้งที่ 2 ใน 45 นาที 37 วินาที” เสียงหญิงสาวจากระบบกล่าวอีกครั้ง
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่ขณะเอนกายลงบนที่นั่งของกัปตันพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการเดินทางในห้วงอวกาศที่สวยงาม
“ยานลำนี้สุดยอดจริง ๆ มันสามารถวาร์ปได้ครั้งละตั้ง 63,750 ปีแสง” อันธกล่าวหลังจากที่ได้อ่านข้อมูลบนแผงควบคุม
“กว่าจะได้ยานลำนี้มา ฉันใช้เงินไปมากกว่า 700 ล้านเลยนะ นี่ยังไม่นับเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 กับชิพโอเวอร์โหลดอีก แล้วมันจะไม่ใช่ยานที่สุดยอดได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“ตอนนี้นายมีแหวนขนาด 20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว เมื่อไปถึงค่ายฝึกจัสทิสลีก นายก็จัดการขายแหวนมิติอันเก่าซะ” อันธกล่าว
“ขาย? นี่ฉันยังเหลือเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 1,000 ล้านเลยนะ แล้วพวกเราจะรีบขายแหวนพวกนั้นไปทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความสงสัย
“อีกซักพักร่างกายของนายก็จะดูดซึมน้ำยาในก่อนหน้านี้จนหมด แล้วนายก็ต้องใช้ยาตัวใหม่เพื่อปรับปรุงความสามารถ แน่นอนว่าเงินในบัญชีของนายก็จะลดน้อยลงไปเป็นเรื่องธรรมดา” อันธเผยรอยยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ
“เดี๋ยวนะ! ก่อนหน้านี้นายบอกเองว่าพวกเรามีวัตถุดิบคุณภาพสูงอย่างวิญญาณหลวนอยู่แล้ว ทำไมพวกเราต้องซื้อวัตถุดิบยาเพิ่มด้วย?” เซี่ยเฟยถาม
“วิญญาณหลวนเป็นผลไม้ที่ดูดซับพลังงานจากดาวฤกษ์เข้าไปเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่านายใช้มันโดยตรง ร่างกายของนายก็จะไม่สามารถต้านทานความร้อนจากมันได้”
“ด้วยเหตุนี้มันจึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิญญาณหลวนร่วมกับผลึกน้ำแข็งอำพันหยางบริสุทธิ์ 1 ชิ้นและผลึกน้ำแข็งอำพันหยินบริสุทธิ์อีก 1 ชิ้น เมื่อเรานำพวกมันมารวมกันมันจะสามารถชดเชยข้อบกพร่องของกันและกันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความสามารถของนายได้มาก” อันธกล่าวอธิบาย
เมื่อเซี่ยเฟยได้เห็นอันธอธิบายเหตุผลมาอย่างยืดยาวและกำลังพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาคุย เขาก็รีบขัดคอแล้วพูดสวนต่อไปว่า
“โอเค ๆ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันน่าจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าสำหรับนายมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ!”
“นายพูดแบบนี้ได้ยังไง ของมันไม่ได้แพงขนาดนั้นสักหน่อย…แค่ประมาณ 2 พันล้านเอง” อันธกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา
—
ค่ายฝึกจัสทิสลีกตั้งอยู่ที่ชานเมืองออตเตอร์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในดาวเฮกสตาร์
เซี่ยเฟยเลือกที่จะนำลูน่าเอคคลิปจอดเทียบท่าที่สนามบินขนาดเล็กในเขตชานเมือง ซึ่งค่อนข้างที่จะเงียบสงบและอยู่ไม่ไกลจากค่ายฝึกนัก
เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ไม่ค่อยมียานรบคอยลาดตระเวนสำรวจความปลอดภัย มันจึงทำให้ค่าธรรมเนียมในการจอดเทียบยานถูกกว่าท่าเทียบยานอื่น ๆ
ค่าธรรมเนียมการจอดยานที่นี่คิดเพียงแค่วันละ 200 สตาร์คอยน์เท่านั้น ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้จ่ายค่าธรรมเนียมในการจอดเทียบท่า 100 วันล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึก
บริเวณรอบสนามบินมีต้นไม้มากมายและมีป่าอันเขียวขจีอยู่ไม่ไกล ซึ่งอากาศบริเวณนี้ให้ความรู้สึกที่สดชื่นและถือได้ว่าเป็นภูมิประเทศที่น่าอยู่มาก
เมื่อเทียบกับสภาพอากาศที่เลวร้ายของดาว ACG21 แล้ว สถานที่แห่งนี้ก็เปรียบดั่งสวรรค์และสิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกชื่นชอบในดาวเฮกสตาร์ คือมันใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองเพียงแค่ 23 ชั่วโมง 42 นาที ซึ่งมันเป็นเวลาที่พอ ๆ กับการโคจรของโลก ทำให้เขาไม่จำเป็นจะต้องปรับตัวมากนัก
บริเวณทางออกของสนามบินมีรถโฮเวอร์สีฟ้าจอดอยู่ตรงประตูและมีชายร่างผอมบางนั่งอยู่ภายในรถ ซึ่งเขาก็กำลังใช้นิ้วสัมผัสบนคอมพิวเตอร์มือถืออย่างสบายอารมณ์
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เปิดไมโครคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาตำแหน่งของที่ตั้งค่ายฝึกและเตรียมที่จะเดินทางมุ่งหน้าไปค่ายด้วยตัวเอง
สำหรับผู้ที่มีพลังพิเศษสายความเร็วแล้วระยะทางเพียงแค่นี้ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
แต่ทันใดนั้นชายในรถโฮเวอร์สีฟ้าก็ได้เหลือบไปเห็นเซี่ยเฟยเข้าเสียก่อน เขาจึงเปิดประตูและเดินมุ่งหน้ามาทางเซี่ยเฟย
“คุณคือเซี่ยเฟยใช่ไหม?” ชายแปลกหน้ากล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ” เซี่ยเฟยพยักหน้าด้วยความงุนงง
“สวัสดีฉันชื่อโฮ่วไป๋ชานเป็นหัวหน้าแผนกลาดตระเวนของค่ายฝึกจัสทิสลีก ฉันมาที่นี่เพื่อรับคุณ” โฮ่วไป๋ชานแสดงตราสัญลักษณ์ของเขาและยื่นมือออกมาแสดงท่าทางทักทาย
“สวัสดีครับ…แต่ผมไม่ได้แจ้งทางค่ายไว้นะครับว่าผมจะมาวันนี้ แล้วคุณรู้ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับยื่นมือขวาออกมาอย่างลังเล
“ฉันเป็นหัวหน้าแผนกลาดตระเวนนะ ตราบใดที่มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากรู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันหรอก มาเถอะ พวกเราไปขึ้นรถกัน” โฮ่วไป๋ชานตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
โฮ่วไป๋ชานขับรถโฮเวอร์บนถนนด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่ช้ากว่าการวิ่งของเซี่ยเฟยมาก
เมื่อโฮ่วไป๋ชานขับรถมาสักพักเขาก็เปิดโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติและเริ่มพูดคุยกับเซี่ยเฟย
“ค่ายฝึกจัสทิสลีกประกอบไปด้วยแผนกต่าง ๆ มากมาย โดยแต่ละแผนกจะมีตารางการสอนเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น แผนกลาดตระเวนของพวกเราที่จะฝึกฝนเรื่องสอดแนมโดยเฉพาะ ฉันได้เห็นทักษะของคุณในการประเมินแล้วและฉันก็รู้สึกชื่นชอบการปรับตัวกับความมุ่งมั่นของคุณมาก”
"เมื่อคุณได้เข้าสู่ค่ายฝึกคุณจะต้องเลือกทิศทางในการพัฒนาของตัวเองและการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมกับความสามารถก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก”
“คุณมีศักยภาพที่จะเป็นหน่วยสอดแนมที่ยอดเยี่ยม ฉันจึงหวังว่าคุณจะพิจารณาเข้าร่วมกับแผนกลาดตระเวนของพวกเราเป็นอันดับแรก ๆ” โฮ่วไป๋ชานกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและระบุเจตนาของเขาอย่างชัดเจน
ในระหว่างที่เขาแนะนำเขาก็กล่าวยกย่องแผนกลาดตระเวนภายในคำพูดอยู่เสมอ แต่คำอธิบายของเขาก็ยังดูคลุมเครือซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าทุกถ้อยคำที่เขากล่าวออกมาได้รับการคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่เขาก็ได้รับปากโฮ่วไป๋ชานไว้ว่าเขาจะพิจารณาคำแนะนำของหัวหน้าแผนกคนนี้อย่างจริงจัง
หลังจากที่โฮ่วไป๋ชานได้พูดจุดประสงค์ของตัวเองจนหมด เขาก็กลับมาบังคับรถโฮเวอร์เหมือนเดิมทำให้หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงทางเข้าหลักของค่ายฝึก
บริเวณทางเข้าของค่ายฝึกถูกแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ที่มีความกว้างหลายร้อยเมตรและมีตัวอักษรสีทองคำว่า ‘จัสทิส’ ขนาดใหญ่สลักอยู่ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของค่ายฝึกจัสทิสลีก
จากนั้นโฮ่วไป๋ชานก็หยุดรถโฮเวอร์แล้วพูดว่า
“ฉันพาคุณมาส่งเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีคนรอรับคุณอยู่”
ทันทีที่เขาพูดจบเซี่ยเฟยก็ได้เห็นชายชราร่างอ้วนที่มีอายุประมาณ 60 ปีเดินบิดตัวใกล้เข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“สวัสดีโฮ่วไป๋ชาน ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทางปล่อยให้เซี่ยเฟยเข้าแผนกกลยุทธ์ของฉันง่าย ๆ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะแอบติดต่อเขาเร็วขนาดนี้” ชายอ้วนกล่าว
“ช่วยไม่ได้ ก็ฉันอยู่แผนกลาดตระเวนนี่” โฮ่วไป๋ชานกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังกล่าวทักทายชายอ้วนก็ไม่ได้สนใจหัวหน้าแผนกลาดตระเวนคนนี้อีกต่อไป แต่เขาเลือกที่จะเดินไปหาเซี่ยเฟยและกล่าวทักทายชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีเซี่ยเฟย ฉันรอคุณมานานแล้ว ฉันชื่อชิวเชียงจี่เป็นหัวหน้าแผนกกลยุทธ์ของค่ายฝึกจัสทิสลีก”
ชิวเชียงจี่กล่าวทักทายเซี่ยเฟยเหมือนญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสิบปี ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกมึนงงมากเพราะก่อนที่จะเข้าสู่ประตูของค่ายฝึกเขากลับได้พบผู้บริหารระดับสูงของค่ายถึงสองคน
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
“ดูนี่สิ นี่คือรถรับส่งที่ใช้ภายในค่ายฝึกของเรา ซึ่งทุกคนสามารถใช้มันได้ฟรี มา ๆ คุณมาลองใช้มันดูสิ” ชิวเชียงจี่กล่าวแนะนำขณะที่พาเซี่ยเฟยมายังจุดจอดรูเล็ตบริเวณประตู
รูเล็ตคันนี้มีลักษณะเป็นจานดิสก์สีขาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50 เซนติเมตรและมีที่จับเป็นรูปตัวทีสีเงินอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับจักรยานแบบเลื่อนที่ไม่มีล้อ
ชิวเชียงจี่เดินขึ้นไปบนรูเล็ตอย่างงุ่มง่ามและแตะปุ่มที่บริเวณด้ามจับด้วยนิ้วมืออ้วน ๆ ทำให้รูเล็ตลอยตัวขึ้นมาและรักษาระยะห่างจากพื้นประมาณ 10 เซนติเมตร
“คุณเห็นตรงนี้ไหม? ตรงนี้คือด้ามจับที่สามารถควบคุมทิศทางได้ หากคุณหมุนคันเร่งด้านขวามันจะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าแต่ถ้าหากหมุนคันเร่งด้านซ้ายมันจะถอยหลัง ส่วนอุปกรณ์ทั้งสองอันนี้คือเบรก” ชิวเชียงจี่กล่าวอธิบายเซี่ยเฟยอย่างใจเย็น
“ค่ายฝึกจัสทิสลีกครอบครองพื้นที่มากกว่า 5,000 ตารางกิโลเมตรและนักเรียนหลายคนก็ไม่ได้มีความสามารถด้านความเร็วที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับคุณ ดังนั้นพวกเราจึงต้องพึ่งพารูเล็ตพวกนี้เพื่อเดินทางไปรอบ ๆ” ชิวเชียงจี่กล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยเป็นเพียงชายหนุ่มจากดาวบ้านนอกและความสามารถของเขาก็เพิ่งมาถึงระดับสตาร์เบสขั้นกลางเท่านั้น ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถด้านความเร็วที่ยอดเยี่ยม เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริงไปไกล
แต่รูเล็ตก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเซี่ยเฟย เขาจึงละทิ้งความสงสัยภายในใจและเลือกที่จะลองควบคุมของเล่นใหม่ดู
รูเล็ตทำหน้าที่คล้ายกับรถจักรยานยนต์แต่มันมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าหลายเท่า อีกทั้งมันยังไม่มีเสียงเวลาขับเคลื่อนและมีความคล่องตัวที่สูงมาก
ในระหว่างทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดลงทะเบียน หัวหน้าแผนกกลยุทธ์คนนี้ก็ได้แนะนำสถานที่และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ภายในค่ายฝึกให้กับเซี่ยเฟยอยู่เสมอ แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเชิญชวนเซี่ยเฟยเข้าสู่แผนกกลยุทธ์เลย
จิ้งจอกเฒ่าชิวเชียงจี่ไม่เหมือนกับโฮ่วไป๋ชาน เพราะเขาหวังที่จะซื้อใจเซี่ยเฟยก่อน แล้วค่อยชักจูงเด็กหนุ่มเข้าสู่แผนกของเขาทีหลัง
ระหว่างทางมันก็ได้มีนักเรียนบางคนชี้นิ้วมาที่เซี่ยเฟยและพูดคุยกระซิบกระซาบกัน ซึ่งมันก็ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจและไม่สบายใจเล็กน้อย
“ทุกคนในค่ายฝึกคงได้เห็นการต่อสู้ระหว่างคุณกับเฉินตงแล้ว ตอนนี้คุณมีชื่อเสียงอยู่พอตัวเลยนะเซี่ยเฟย” ชิวเชียงจี่กล่าวอธิบายด้วยความอารมณ์ขัน
จากนั้นชิวเชียงจี่ก็นำเซี่ยเฟยมาหยุดอยู่ตรงหน้าอาคารทรงกลม 3 ชั้นพร้อมกับหันไปบอกว่า
“ที่นี่คือจุดลงทะเบียนนักเรียนใหม่ คุณควรไปลงทะเบียนก่อนนะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากชิวเชียงจี่เซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับและกระโดดลงจากรูเล็ต
“เซี่ยเฟยจำเอาไว้ ไม่ว่าแผนกสัตว์อสูรหรือแผนกลาดตระเวนจะให้เงื่อนไขอะไร แผนกกลยุทธ์ของเราจะให้เพิ่มเป็นสองเท่า ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาดและคนฉลาดย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง” ชิวเชียงจี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังเฝ้ามองชิวเชียงจี่ลับตาไป มันก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้างหลังของเขา
“เซี่ยเฟยในที่สุดนายก็มาถึงสักที! ฉันเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว นายมาลงชื่อเข้าแผนกสัตว์อสูรของฉันได้เลย!!”
“เอ่อ…”
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกและเขาก็กำลังสงสัยว่า เขาไปตกลงปลงใจเข้าแผนกของชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…
***************
เพื่อน ๆ คิดว่าพี่เฟยจะเลือกแผนกไหน? หรือจะฉีกไม่เลือกซักแผนกในนี้เลย