ตอนที่ 229 ซูเซิ่งจื่อ ได้โปรด(ตอนฟรี)
ดวงตาของซือคงหลานเยวี่ยชุ่มชื้น“ข้า ข้ามาที่นี่เพื่อคุ้มกันเจ้า”
ซูสือแตะจมูกเขา“ข้าแค่ซึมซับเม็ดยา ไม่น่าจะต้องการคนคุ้มกันนะ?”
และนี่ก็ใกล้เกินไป
ด้วยกลิ่นหอมและความนุ่มนิ่มในอ้อมแขน เลือดลมของเขาจึงปั่วน และตอนนี้ทั้งตัวเขาก็ร้อนไปหมด
หัวของซือคงหลานเยวี่ยมึนงง
กล้ามเนื้อแกร่งนี่ทำให้นางเสียความสามารถในการคิด
ฐานบ่มเพาะทั้งหมดของนางกลายเป็นสิ่งตกแต่ง
“ข้าควรทำยังไง?”
ตอนนี้ นางนึกถึงจดหมายที่อาจารย์ทิ้งไว้…
[การไล่ตามความเป็นจริงของสวรรค์และดับความปรารถนาทางโลกไม่ใช่หนทางเดียว]
[ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตามหัวใจเจ้า]
“ทำตามหัวใจข้า?”
ซือคงหลานเยวี่ยกัดริมฝีปาก
นางลังเลและค่อยๆปล่อยการป้องกันทางใจ ไม่ต่อต้านอีก
เสียงหัวใจเต้นแรงงดังขึ้นในหูนาง ดูเหมือนจะสอดคล้องกับเสียงหัวใจเต้นของนาง
ตุบ ตุบ ตุบ
ท่ามกลางเสียงที่สอดคล้องถี่ยิบนี้ ยังมีความสงบสุขภายในด้วย
“หัวใจมนุษย์คล้ายกับทุกสิ่งในโลก มันเองก็ยุ่งเหยิง สวรรค์และโลกไร้สิ้นสุด ทุกอย่างเป็นหนึ่ง”
“หัวใจใสเหมือนน้ำ น้ำใสคือหัวใจ ไม่มีลม ไม่มีคลื่น..”
เห็นได้ชัดว่านางกำลังซบผู้ชาย แต่หัวใจเต๋านางกลับชัดเจน
ความคิดฟุ้งซ่านหายไป ความคิดนางใสกระจ่าง
“อาจารย์พูดถูก”
“มีเพียงการปล่อยตัวปล่อยใจเราถึงจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง ไม่งั้นเราจะติดอยู่กับที่ไปตลอด”
หลังภาระถูกยก ทั้งตัวของซือคงหลานเยวี่ยก็ผ่อนคลาย
ซูสือมองนางที่ซบอ้อมแขนเขาเงียบๆ“ท่านประมุขซือคง ท่านเป็นอะไรไหม?”
“ข้าไม่เป็นอะไร”
ซือคงหลานเยวี่ยยืนขึ้น
แม้สีหน้านางจะยังเขินอาย แต่ดวงตานางก็สดใสกว่าเดิม“ข้าพบคำตอบของคำถามข้าแล้ว”
ซูสือพูด”ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านประมุข เช่นนั้นแล้ว ดาวดวงนั้นก็คงไม่ส่งผลต่อท่านแล้วใช่ไหม?’
ซือคงหลานเยวี่ยพยักหน้า“ข้าเป็นอิสระแล้ว”
“จริงหรือ?”
ซูสือไม่สบายใจเล็กน้อย
ซือคงหลานเยวี่ยยิ้ม“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าจะลองอีกครั้งก็ได้..”
ก่อนจะพูดจบ รอยยิ้มนางก็หายไป
ทั้งตัวนางสั่นกระตุกก่อนจะล้มลงอีกอย่างหมดท่า
ซูสือกอดนาง“ไหนท่านบอกว่าเป็นอิสระแล้ว?ข้าแตะเขานิดเดียวเองนะ”
แก้มของนางแดงก่ำ
แม้หัวใจเต๋านางจะยังหนักแน่น แต่อาการสั่นกระตุกก็ยังทนได้ยาก
“ซูเซิ่งจื่อ..”
นางหยุดและกระซิบ“ข้าขออะไรอย่างได้ไหม?”
ซูสือพยักหน้า“ท่านประมุขซือคง โปรดพูด”
ใบหน้าสวยของซือคงหลานเยวี่ยเหมือนดวงตะวันตกดินที่สะท้อนบนผิวหิมะ“เว้นแต่จะจำเป็น อย่าพยายามแตะดาวเทียนเสวียน ไม่งั้นข้าจะถูกเจ้าทรมานจนตาย”
คอของซูสือแห้ง
มันง่ายที่จะเข้าใจคำพูดนางผิด!
พอเห็นเขาไม่พูดอะไร ซือคงหลานเยวี่ยก็คิดว่าเขาไม่อยาก
มือเรียวนางคว้าแขนเสื้อของเขา มองเขาด้วยสายตาเว้าวอน“รับปากกับข้านะ?”
เสียงของนางเบามากแม้นางจะโกรธ และใบหน้าขาวปนแดงก็หวานฉ่ำมาก
เลือดลมของซูสือปั่นป่วน
“ได้ ข้ารับปากว่าจะไม่แตะมันง่ายๆ”
“ขอบใจเจ้ามาก ซูเซิ่งจื่อ”
ซือคงหลานเยวี่ยถอนหายใจโล่งอก
นางรู้ว่านางกำลังกดดัน
แต่ไม่มีทางออกจริงๆ นางไม่มีทางต่อต้านมันได้เลย
พอตระหนักว่านางยังนอนในอ้อมกอดอีกฝ่าย ซือคงหลานเยวี่ยก็ยิ่งอายและรีบนั่ง ลดหัวต่ำ ไม่กล้ามองเขา
พอเห็นว่าบรรยากาศดูอึดอัด ซูสือก็กระแอมลำคอ“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ซือคงหลานเยวี่ยเรียกเขา“ซูเซิ่งจื่อ เจ้าสนใจจะเป็นที่ปรึกษาของสำนักข้าไหม?”
“ที่ปรึกษา?”
ซูสือตัวแข็ง
ไม่มีกำแพงที่เจาะไม่ได้ในโลกนี้
ข่าวการเดินทางมาศาลาเทียนจีของซูสือกระจายไปทั่วดินแดนเมฆาแล้ว
สายฟ้านับสิบที่ฟาดผ่าทำให้เหล่าสำนักธรรมะสับสน
เชี่ยวชาญในการหลอมยา และหลอมศาสตราเข้ากับตัว
ในวันเดียว เขาหลอมเม็ดยาสวรรค์ขั้นเก้า รวมถึงสมบัติกึ่งศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นสิบ!
และทั้งหมดนี้ คือฝีมือของชายหนุ่มอายุยี่สิบ!
นอกจากคำว่าสัตว์ประหลาด ไม่มีใครคิดหาคำอื่นได้
คนบนวิถีธรรมะคาดเดาว่าศาลาเทียนจีจะทำยังไง
ยั่วยุวิถีมาร?หรือแสดงเจตนาดี?
หรือจะแย่งตัวอัจฉริยะอย่างซูสือ?
ปฏิกิริยาของจักรพรรดินีมารจะเป็นอย่างไรถ้ารู้?
มันมีความรู้สึกเหมือนพายุกำลังจะมา
..
เมืองหลวงเว่ยหยาง
หลังได้รับรายงาน เฟิงเฉาเกอก็ตัวแข็ง“ซูสือคือผู้ถูกลิขิตจริงๆ?”
ขุนนางหญิงพยักหน้า“ซูสือได้พิสูจน์หัวใจเต๋าของเขาและเข้าใจเต๋าสรรพธาตุ ท่านประมุขเต๋าซือคงยังยอมรับเองว่าเขาคือผู้ถูกลิขิต”
ดวงตาของเฟิงเฉาเกอเหม่อลอย
ยี่สิบปีก่อน อาจารย์ของซือคงหลานเยวี่ยแผดเผาแก่นแท้ชีวิตตัวเอง สอดส่องสวรรค์และทำการทำนาย
มันทำให้เกิดความวุ่นวายมากตอนนั้น
ขุมอำนาจมากมายควานหาตัวผู้ถูกลิขิต อยากถือครองลิขิตสวรรค์ไว้ในมือ
เฟิงเฉาเกอเองก็ส่งคนไปค้นหาด้วย
แต่เป้าหมายนางคือฆ่า!
ไม่มีเหตุผลอื่น
คำว่า’ขี่หงส์และหลวน’เป็นการดูหมิ่นนาง!
ต่อให้เขาจะเป็นบุตรของสวรรค์ที่ควบคุมสรรพธาตุ นางก็จะยังฆ่าเขา!
แต่อย่างไม่คาดคิด คนคนนี้คือซูสือ?
“ถ้ามันเป็นเขา..”
“ข้าจะยอมรับก็ได้”
แก้มของเฟิงเฉาเกอแดง
ท่าทางสดใสเหมือนดอกไม้บานทำให้ขุนนางสาวตกใจ
..
ที่ชายแดนใต้ของโหยวโจว สำนักยักษ์มารขุมนรก
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้าใจเต๋าแห่งการหลอม!”
“ข้าไม่ได้สอนเขา ข้าเดาว่าเขาคงได้รับโอกาสมา”
ดวงตาของอวิ๋นฉีหลัวหรี่ลง“ดูเหมือนซือคงหลานเยวี่ยจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร”
หยูเจียวหลงก้มหัว“ฝ่าบาท เซิ่งจื่อจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?ให้ข้าไปพาตัวเซิ่งจื่อกลับมาหรือไม่?”
นางรู้สึกกังวลในใจ
ฝ่ายธรรมะและฝ่ายมารเป็นศัตรูกัน
ถ้าศาลาเทียนจีอยากทำอะไรเขาเล่า?
อวิ๋นฉีหลัวส่ายหัว“ซูสือจะไม่เป็นอะไร”
“ถ้าซือคงหลานเยวี่ยจะฆ่า นางคงทำไปนานแล้ว นางคงไม่เชิญเขาไปศาลาเทียนจี”
“การเดินหมากนี้แค่เพื่อพยายามเดาตัวตนของเขา’
เหมือนเฟิงเฉาเกอ
ซือคงหลานเยวี่ยอยากมอบตัวตนใหม่ให้ซูสือ
นี่คือเกมการเมืองของฝ่ายธรรมะ
เหนือสิ่งอื่นใด พรสวรรค์ของซูสือน่าทึ่งเกินไป
หากมีเวลา และถ้าเขาเติบโต เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามของฝ่ายธรรมะ
หยูเจียวหลงขมวดคิ้ว“เราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ?”
อวิ์นฉีหลัวส่ายหัว“ไม่ต้องทำอะไร”
หยูเจียวหลงงุนงง
ฝ่าบาทไม่กลัวว่าเซิ่งจื่อจะถูกลักพาตัวเลยหรือ?
อวิ๋นฉีหลัวมองออกไปด้านนอก ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไร