ตอนที่ 1394 ชนะหรือพ่ายแพ้ถูกกำหนดไว้แล้ว
“ข้าต้องสู้ไม่ว่าจะกี่พันกี่หมื่นปีก็ตาม ข้าจะสู้ไม่มีวันยอมแพ้ และผู้ชนะคนสุดท้ายต้องเป็นข้า!” ความเชื่อมั่นของเทียนอี้ถึงระดับที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้
“ก็ดูกันต่อไป”ประมงเฒ่าสังเกตการณ์อย่างเงียบๆเขาส่ายหน้าและถอนหายใจไม่มองอีกต่อไปและนั่งกัดกินผลไม้ในมือ
เทียนอี้ระดมพลังโจมตีมารดาผู้ลึกลับแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการโจมตีที่ไม่ถูกต้อง แต่เขายังยืนกรานโจมตี
ไม่ว่าจะปล่อยหมัดออกไปกี่ครั้ง
ไม่ว่าจะถูกเป้าหมายหรือไม่
เขายังคงโจมตีต่อไป
เพราะเขาเชื่อว่าในที่สุดแล้วด้วยพลังโจมตีต่อเนื่องนี้ศัตรูจะต้องพังทลายเพราะเจตจำนงและพลังของเขา
“เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งพลังของโลกและแหล่งของพลัง ก็ไม่ต่างอะไรกับโคถึก ทำอย่างนั้นไม่มีความหมายเลย แต่เนื่องจากนี่เป็นทางเลือกของเจ้า ในฐานะคู่ต่อสู้ข้าไม่สนใจ” มารดาผู้ลึกลับรั้งมือกลับ นางใช้พลังชีวิตเปลี่ยนพื้นที่โลกแกนสมดุลกลายเป็นทะเลดอกไม้สีชมพูคลุมรอบตัวเทียนอี้ กฎพื้นฐานในที่ทะเลดอกไม้คือการสร้างชีวิตตรงข้ามกับการทำลายล้างก่อนที่เทียนอี้จะเจาะลึกเข้าใจความลึกลับของแหล่งที่มาแห่งชีวิต เขาจะไม่สามารถออกจากโลกดอกไม้ที่ดูเหมือนเปราะบางนี้ได้อย่างราบรื่น
“ทำลาย”เทียนอี้เชื่อมั่นว่าพลังที่เขาเชี่ยวชาญจะทำลายทุกอย่างได้
พลังเทพของเขาทำลายทะเลดอกไม้
แต่ดอกไม้กลับมีเพิ่มมากขึ้น
ในการทำลายชีวิตใหม่
เทียนอี้เหมือนกับยักษ์ใหญ่ที่ไม่เคยรู้วิธีเหวี่ยงหมัดได้แต่เหวี่ยงหมัดไปมาในทะเลดอกไม้
จื้อไจ้เทียนหลั่งน้ำตาและเขารู้ว่าเจ้านายตนเองตกอยู่ในความหลงงมงายและมองว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาไม่เชื่อใครนอกจากตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถช่วยเจ้านายไม่สามารถทนดูได้ ในสภาพที่หวาดระแวง อะไรก็ตามการต่อต้านเจตจำนงของเจ้านายจะถือเป็นข้อผิดพลาดไม่สามารถแก้ไขได้เลย
สายตาของเขามองผ่านเย่ว์ไตตันข้างหน้าและมองดูสหายของเขาจิวจื้อเทียนกำลังต่อสู้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างเจ็บปวด
บางทีจิวจื้อเทียนต้องการตายตอนนี้
แต่
นั่นเป็นแค่ความคาดหวัง
การยั่วยุและการต่อต้านนางพญาผู้พิชิตทั้งหมดจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาน่าสมเพช และจิวจื้อเทียนไม่มีความคาดหวัง
“ขอบคุณเจ้า”จื้อไจ้เทียนพยักหน้าให้เย่ว์หยาง “ขอบคุณที่เจ้ายังพยายามให้เกียรติข้าแม้ว่าเราไม่ใช่สหายที่ดีต่อกัน แต่อาจกล่าวได้ว่าเป็นศัตรูที่ดี”
“พักผ่อนอย่างสงบเถอะยุคสมัยของท่านจบแล้ว” เย่ว์หยางถอนหายใจ
“ลาก่อน”จื้อไจ้เทียนหันกลับไปมองเทียนอี้อีกครั้ง
เขาหันกลับมาน้ำตานองหน้าโดยไม่มีการต่อต้าน
วิญญาณของเขา
หดตัวลงในภายใต้พลังของเทพชะตาของเย่ว์หยางจนเหลือขนาดเท่าจุดแสงเล็ก เย่ว์หยางใช้มือจับวิญญาณจื้อไจ้เทียนร่างของจื้อไจ้เทียนค่อยๆ ถูกทำลายภายใต้กฎสวรรค์กลืนกินของโลกแกนสมดุลศัตรูผู้ภักดีต่อเจ้านายถูกผนึกอยู่ในกำแพงปราณ
จิวจื้อเทียนยังคงต่อสู้กับความเจ็บปวด
หากปราศจากการให้อภัยจากเฟ่ยเหวินหลีเขาจะต้องรับการลงโทษต่อไป.... แม้ว่าจะถูกตัดสินให้หลับใหลอย่างยาวนาน แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องทนทรมานอย่างไร้ขอบเขตเพื่อไถ่บาปจากการเข่นฆ่าที่ก่อไว้ในอดีต
“น่าขนลุก เจ้าใส่หมวกใบใหญ่ขนาดนั้น หัวโตขนาดนั้นเจ้าไปฆ่าคนอื่นมาจากไหน?” มังกรปีศาจรู้สึกชิงชัง
มีค้อนอยู่ในตัวของเขา
แม้แต่กระดูกก็ถูกทุบอย่างนี้จะไม่ให้ร้องได้หรือ? นี่แหละคน!
ในเวลานี้ฉงฉีมองไปที่พี่ใหญ่มังกรปีศาจด้วยใจชื่นชมและกระตือรือร้นต่อให้มังกรปีศาจพังพาบอยู่บนพื้นเหมือนกับดินเหลว เขาก็ยังดูหล่อเสมอ
ทั่วทั้งโลกแกนสมดุลยังคงมีกฎสวรรค์จากตำหนักกลางนับพันอยู่ แต่แสงเทพที่มีรัศมีเป็นหมื่นภายใต้เจตจำนงของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่(เย่เมิ่ง) และจักรพรรดินีราตรีค่อยๆ สลายจางลง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีดาบเทพพยัคฆราชและดาบเทพชะตาจากนั้นสุ่ยอู๋เหินกับหมิงเยี่ยกวงช่วยรับมือโดยใช้โล่เทพชะตาสร้างผลกระทบต่อกฎสวรรค์ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา จุ้ยมาวอี้ถือง้าวชะตาเข้าร่วมขณะที่ควงค้อนชะตาไม่หยุด อาหงใช้แส้ชะตาจากท้องฟ้า
เย่ว์หวี่อยู่ข้างหลังเล็กน้อยถือไม้เท้าเทพชะตา
โล่วฮัวยืนอยู่ด้านข้างนาง
นิ้วเรียวยาวดุจหยก
สวมแหวนเทพชะตาแทนเสวี่ยอู๋เสีย
เสวี่ยอู๋เสียเป็นผู้กำหนดแผนการต่อสู้ทั้งหมดนางถือมุกเทพชะตาขยายสนามพลังด้วยสำนึกเทพและเริ่มผนึกวิหารด้วยพลังปัญญาที่ไร้เทียมทาน...จื้อจุนรออยู่นานและพบว่าไม่มีความคืบหน้า นางแค่นเสียง “พิรี้พิไรมากความจริงๆ หลีกไปก่อน”
นางถือผนึกเทพชะตาลอยขึ้นไปในท้องฟ้าร่วมกับเจ้าแม่จันทราเปลี่ยนโลกแกนสมดุลเป็นสีขาวกับดำ
กฎของจื้อจุนครอบงำทุกอย่าง
ปัง!
เส้นทางเชื่อมวิหารแรกกับวิหารที่สองถูกจื้อจุนทำลายทันที
ใจกลางฝ่ามือของเสวี่ยอู๋เสียส่องแสงสว่างฉายไปที่ตำหนักกลางข้างหน้าโดยอัตโนมัติ
ประตูกลางเปิดออกทันที
เมื่อสูญเสียเจตจำนงสนับสนุนของเทียนอี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานสาวๆ ได้เป็นเวลานานวิหารที่หนึ่งประกาศว่าถูกทำลาย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบวิ่งนำหน้าเข้าไป นางพบว่านักรบสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนกำลังดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักนางตวาดพร้อมกับชูดาบเทพพยัคฆราชเรียกสายฟ้านับพันสายโจมตีไปที่นักรบประจำตำหนักกลางทั้งหมดกลิ่นเนื้อไหม้โชยคุกรุ่น
“เฮ้.....”นักรบหอทงเทียนเมื่อเห็นฉากภาพนี้ ต่างดีใจแทบคลุ้มคลั่ง
ราชันย์ปีศาจใต้และหมิงเยี่ยกวง
รวมทั้งเย่ว์ปิงอี้หนานและหลิวเย่ต่างติดตามเข้ามา พวกนางพยายามจะขึ้นหน้าเป็นที่หนึ่งให้ได้อาหงรวดเร็วที่สุด พอเข้าวิหารที่หนึ่งก็รีบผ่านไปวิหารที่สอง
ที่ด้านนอกสุ่ยอู๋เหินเข้าไปสมทบกับแม่สี่ พวกนางยืนอยู่นอกสนามรบรอคอยอย่างเงียบงันในใจพวกนางคิดว่าแค่มีเย่ว์หยางกับมารดายังสาวก็เพียงพอรับมือแล้ว
กฎสวรรค์ได้รับการยอมรับแต่แม่สี่ไม่ได้ยกเลิกการทำสัญญาคัมภีร์เทพยังลอยอยู่ข้างๆ นาง
เมื่อเห็นว่ากระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผนึกกำลังบุกฝ่าวิหารที่หนึ่งทันที
ใบหน้าของพวกนางมีรอยยิ้มที่พอใจ
พวกนางยิ้มหวาน
เมื่อผ่านวิหารแรกได้วิหารที่สองก็ง่ายดายขึ้น
เนื่องจากจักรพรรดิหัวซิ่วรี่และจักรพรรดินีราตรีใช้พลังสะกดข่มไว้ จื้อจุนและเจ้าแม่จันทราโจมตีใส่ตำหนักวิหารกลางที่ไม่มีพลังช่วยเหลือแต่ละวิหารจึงค่อยๆ ถูกทำลาย ในช่วงแรกๆต้องเปลืองมือเปลืองเท้า พอมีคนที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มนักรบสามเผ่าพันธุ์ใหญ่จากหอทงเทียนภายใต้การนำของมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกรเหมือนกับกระแสน้ำหลากเข้าโจมตีแต่ละวิหารในตำหนักกลาง
“ฆ่ามันฆ่ามัน” ฉงฉีผู้บ้าเลือดก่อนหน้านี้ไม่สามารถบุกเข้าวิหารในตำหนักกลางได้ทำได้แต่สู้กับถานไถถูเมี่ย ในที่สุดตอนนี้เขาได้เข่นฆ่าเต็มที่
“เจ้าพวกนี้เป็นของข้า ข้าร่วมด้วยช่วยอีกคน” มังกรสองหัวกู่อั๋งต้องสู้เพื่อชีวิตถ้าเขาไม่พยายามให้หนักในตอนนี้จะให้ทำเมื่อไหร่?
“ข้ามาแล้ว!” สาวน้อยกิเลนปิงหยินผู้น่ารักวิ่งตะลุยเข้าใส่พร้อมกับปล่อยหมัดน้อยๆนำหน้า
มีประตูวิหารมากมายที่ยังไม่เปิดถูกนางขวิดกระแทก
ต้องบอกว่า
เรื่องการใช้หัวทำลายประตูวิหารนางทำได้ดีกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพเสียอีก
“ยอมแพ้เรายอมแพ้แล้ว!”เทพสังหารถูซื่อและน้องชายถูว่านกลัวจนหน้าซีด
“เร็วเกินไปหรือเปล่าที่มาจำนนเอาในเวลานี้?”จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่จากแดนสวรรค์บนมองหน้าและยิ้มสถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้ได้ พวกเจ้าแค่บอกว่าขอยอมแพ้ แน่ใจนะว่าพวกเจ้าไม่ได้ล้อเล่น?
“.....”ถูซื่อและถูว่านมีสีหน้าลำบากใจ
ก็เมื่อครู่นี้
ชีวิตผู้น้อยยังตกอยู่ในเงื้อมมือของเทียนอี้
อย่าว่าแต่ยอมแพ้เลยแค่มีความคิดเล็กน้อยอาจตายอย่างไม่มีที่กลบฝัง
รอจนเทียนอี้ติดอยู่ในทะเลดอกไม้วิหารในตำหนักกลางแตก พวกเจ้าถึงค่อยกล้าพูดยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?
“ตาย!” ฉงฉีคำรามอย่างดุร้ายพลางกระโดดลงมาที่พื้นบัดซบ เขาอุตส่าห์ถอนสถานะอสูรอมตะเหมือนกับถอดกางเกงทิ้งพวกเจ้ายังกล้าพูดอย่างนี้หรือ?
“สวะจริงๆ” ประมงเฒ่าปวดหัวเมื่อเห็นเรื่องตลกนี้
โชคดีที่มีคนคอยควบคุม
มีเด็กหนุ่มตระกูลเย่ว์คอยจัดการเรื่องยุ่งๆนี้ได้ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม
ในทะเลดอกไม้เทียนอี้ยังคงระดมยิงโจมตีโดยรอบตัวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยพลังของเขาสามารถทำลายทะเลดอกไม้ได้ในทันทีแต่ในพริบตาทะเลดอกไม้ก็เกิดใหม่อีกครั้ง
“การประลองชะตาควรจบลงแค่นี้สู้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย” มารดาผู้ลึกลับเห็นว่าวิหารสุดท้ายถูกเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำลายนักรบประจำวิหารคนสุดท้ายถูกกลุ่มเจ้าอ้วนไห่ถล่ม นางส่ายหน้าและโบกมือส่งสัญญาณให้เทียนอี้ที่บ้าคลั่งหยุดการต่อสู้ “เจ้าไปเสียเถอะ เจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในฐานะศัตรูที่เป็นพยานในการเลื่อนระดับเป็นเทพจอมราชันย์ของข้า หวังว่าคำแนะนำของข้าจะทำให้เจ้าเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ในฐานะผู้เข้าต่อสู้ที่ได้ฝึกปรือมา เทียนอี้เจ้าไม่ได้ด้อยความสามารถ เจ้ามีดีพอ เพียงแต่ถือทิฏฐิมากเกินไป...”
“อย่ามาใช้คำพูดหลอกลวงข้าเลย”แม้ว่าวิหารในตำหนักกลางจะพังทลายไปหมดแล้วแต่สีหน้าของเทียนอี้ยังคงแสดงความมั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง
“ผลแพ้ชนะถูกกำหนดไว้แล้ว”มารดาผู้ลึกลับไม่อยากพูดต่อ
“ไม่ข้าจะไม่มีทางยอมรับ” เทียนอี้ยืนกราน
“นั่นก็ดีแล้วตอนนี้ให้ข้าสอนเจ้า ผู้ที่เรียกว่านักสู้อันดับหนึ่งในแดนสวรรค์” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้เหนื่อยล้าจากการต่อสู้หลายครั้งลากดาบของนางและเข้าไปในทะเลดอกไม้
“อาศัยเจ้าน่ะหรือ?”เทียนอี้ดูแคลนนาง หากนางไม่ได้รับบาดเจ็บ นางพญาผู้พิชิตนี้ก็คงน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้แม้แต่เด็กน้อยก็สามารถโค่นล้มนางได้ด้วยหมัดเดียว อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะรู้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเทียนอี้ไม่คิดจะฆ่าศัตรูเพิ่มอีกคนหนึ่ง ในสายตาของเขามีเพียงศัตรูที่ตายแล้วเท่านั้นที่เป็นศัตรูที่ดีที่สุด
“ถูกแล้วอาศัยข้านี่แหละ!” เฟ่ยเหวินหลีเงื้อดาบอย่างยากลำบาก
และฟันลงทันที
เทียนอี้ไม่เคลื่อนไหวปัดป้อง
เขาเหยียดนิ้วตามปกติแสงเทพพุ่งขึ้นราวกับจรวดเข้าที่ร่างของเฟ่ยเหวินหลี
เฟ่ยเหวินหลีไม่หลบบางทีพลังที่จะหลบนางใช้ไปกับการเหวี่ยงดาบในมือ ราวกับจะห้ำหั่นศัตรูให้ได้
แสงเทพนั้นเร็วกว่าดาบศึกเป็นพันเท่า
แต่เรื่องที่น่าแปลกก็คือ
ขณะที่ดาบฟันลงไปที่ไหล่ของเทียนอี้แต่แสงยังมาไม่ถึงใบหน้าของเฟ่ยเหวินหลี
“เป็นไปไม่ได้!” เทียนอี้มองดูไหล่ที่มีหลั่งเลือดเทพสีทองด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสวมเกราะเทพแต่ไม่อาจปกป้องต้านทานดาบของศัตรูได้ เขายิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าแสงเทพของเขาพลาดท่ายิงศัตรูไม่ถูก เมื่อเขามองอย่างพิจารณา เขาพบว่าแสงเทพของเขาค่อยๆเคลื่อนเข้าไปในทะเลดอกไม้ มันทำลายทุกอย่างในระหว่างทาง แต่ปล่อยให้ทะเลดอกไม้บานใหม่ที่ขวางทางชะลอให้ความเร็วช้าลงและสุดท้ายเหลือความเร็วที่ไม่ต่างจากทากคลาน
บึ้มบึ้ม บึ้ม แสงเทพทำลายที่ไร้เทียมทานยังมาไม่ถึงเฟ่ยเหวินหลี
ก็หายไป
หายไปไม่เหลือร่องรอย
นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มให้เขาอย่างเย็นชา “พลังทำลายล้างของเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าสร้างและพลังนิรันดร์ เจ้าตำหนักสูงสุดอย่างเจ้าไม่รู้ว่าพลังนิรันดร์ที่แท้จริงคืออะไร ช่างน่าสมเพชนัก!”
นางพูดจบก็หันหลังและทิ้งดาบศึกในมือนาง “ปรากฏว่านักสู้อันดับหนึ่งของแดนสวรรค์ก็แค่หนอนที่น่าสมเพชข้าไม่สมควรสู้ด้วยเลย!”
เทียนอี้รู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต
ไม่มีอะไรน่าอายมากไปกว่านี้แล้ว
ศัตรูหยุดสู้เพราะดูถูกตัวเขาและรู้สึกว่าพวกเขาไม่อยากลดตัวลงมาสู้ด้วย
“น่ารังเกียจนักเจ้ามีพลังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของข้า มีสิทธิ์ใดมาทำให้ข้าต้องอับอาย” เทียนอี้ไม่สามารถห้ามความโกรธได้แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมอย่างเต็มที่ แต่ความโกรธก็ยังพลุ่งออกมาจากใจของเราราวกับภูเขาไฟระเบิด
“เจ้าเป็นหนอนที่น่าสมเพชแน่นอน”เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขาและพยักหน้าเห็นด้วย “หนอนที่น่าสมเพชที่มีพลังมหาศาล”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” เทียนอี้โมโห
“เมื่อข้าทุบเจ้าจนจำแม่ไม่ได้แล้วข้าจะบอกเจ้า!” เย่ว์หยางมือจับคอเทียนอี้พร้อมกับยิ้ม ศัตรูที่ทรงพลังอย่างยิ่งที่เคยทุบตัวเขาลงไปนอนก่อนหน้านี้อย่างรุนแรงเหมือนกับยักษ์ที่บดขยี้คนแคระน้อยเขายกเทียนอี้จนสุดมือและทุ่มกับพื้นผิวทะเลดอกไม้
ระดมหมัดต่อยเหมือนสายฝน
ทั้งหมัดและเท้า
เสี่ยวเหวินหลีออกมาร่วมสนุกด้วย
ทั้งสองร่วมมือกันเอาทุบตีเอาชนะเทียนอี้ซึ่งมีพลังเทพมากมาย
เป็นไปไม่ได้นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเห็นได้ชัดว่ากำลังของฝ่ายตรงข้ามไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขา ศัตรูอ่อนแอและข้าแข็งแกร่งทำไมเขาถึงถูกข่มได้? นี่คือความฝัน? องค์หญิงเย่เมิ่ง (หัวซิ่วรี่)เล่นกลเขาหรือเปล่า? หรือเป็นภาพลวงตาของมารดาเย่ว์ไตตัน?
“ก่อนหน้านี้เจ้าทุบตีข้าไว้ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าคุณชายขอคืนให้เจ้าทั้งหมด!” เย่ว์หยางคว้าตัวเทียนอี้อย่างไม่ใส่ใจและตบหน้าเทียนอี้ “นี่แค่ดอกเบี้ย!”
“ฝันไปแน่ๆ!” เทียนอี้ไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้
“ฮะฮะเจ้านึกว่านี่คือความฝันหรือ! นี่เป็นความฝันแบบเดียวกับการฝึกฝนในแดนฝึกฝนด่านที่สิบพลังเทพขนาดมหึมานั้นมีอยู่จริง เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้าค้นพบหรือยัง? เจ้าไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากหนอนที่น่าสมเพช! เจ้ามีแต่พลังทำลายล้างแต่เจ้าไม่มีพลังสร้าง ไม่ต้องพูดถึงพลังนิรันดรที่แท้จริง! เจ้าไม่มีพลังนิรันดร์ที่เป็นของเจ้าเลยเจ้าเหมือนเป็นแค่คนง่อยที่ไม่มีมือมีเท้าเดินอย่างเดียวและหลงผิดคิดท้าชิงตำแหน่งเทพจอมราชันย์ เจ้ากำลังฝันไป!” เย่ว์หยางด่าทอเทียนอี้อย่างไม่เกรงใจ
“พอเถอะไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตามอย่าหัวเราะเยาะความพยายามของคนอื่นไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่ยังมีอีกหลายคนที่พากเพียรอย่างหนักเพื่อสิ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราควรจะเผชิญหน้าตรงๆ” มารดาผู้ลึกลับบอกว่าเทียนอี้แค่พยายามผิดทิศทาง นางไม่ได้ดูถูกอีกฝ่าย ไม่มีการเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามนางให้เกียรติต่อความพยายามทั้งหมดของพวกเขาจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่ว่าเขาจะถูกหรือผิด
“......”เทียนอี้ยืนขึ้น
เขาพบว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปกติเหมือนเดิมทันทีและเขากลับคืนความมั่นใจอีกครั้ง “นี่เป็นความฝันเจ้าไม่มีทางทำให้ข้าใจหวั่นไหวได้
เย่ว์หยางยักไหล่ผายมือ “สำหรับเจ้า นี่เป็นความฝันและเป็นฝันร้ายที่เจ้าไม่กล้าตื่นขึ้นมา หากปราศจากการสร้างเจ้าจะไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิตเจ้าจะไม่มีความนิรันดร์ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังเทพมากมายขนาดไหนก็ตามแต่ก็เป็นเพียงพลังที่คนอื่นมอบให้เจ้าเท่านั้น ปราสาททรายที่ซับซ้อนกันแบบนี้มีพลังเพียงผิวเผินไม่สามารถทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สง่างามได้ จงฝันต่อไปเถอะเทียนอี้ เราหายกันแล้ว ข้าไม่โกรธเจ้าอีกต่อไปแล้ว...”
ศัตรูที่เย่ว์หยางมีความเกลียดชังที่สุดในชีวิตจู่ๆ เขาก็พบว่าศัตรูของเขาตกอยู่ในสถานการณ์น่าสมเพชมาก
เขาจะไม่ทะเลาะโจมตี
แต่จะปล่อยไป
เพราะการรุกรานมากเกินไปจะปลุกความหวาดระแวงของศัตรู
แม้ว่าความเป็นไปได้จะมีน้อยมากแต่เขาไม่เต็มใจจะเสี่ยง
“หยุดนะ”เทียนอี้เห็นเย่ว์หยางเก็บพลังเทพชะตาและหันกายเดินจากไปเหมือนกับเฟ่ยเหวินหลี ความอัปยศอดสูในใจของเขายิ่งมากกว่า เขายอมถูกศัตรูทุบลงไปนอนกับพื้นดีกว่าจะเห็นศัตรูละเลยไม่สนใจเขา
“ลาก่อนเทียนอี้! ในชีวิตของข้าเจ้าเป็นแค่คนผ่านทางเท่านั้น” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเจ้าผู้นี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็น่าสมเพชเกินไป เขาไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่เขากักตัวไว้คนเดียวจนกระทั่งไม่นานมานี้ก็ตกหลุมพรางของตงฟางอย่างเต็มที่ ถ้าเป็นคนอ่อนแอก็ไม่เป็นไร แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพที่มีพลังเทพและมีสติปัญญาอันยอดเยี่ยมอย่างไม่มีใครเปรียบได้...คนอื่นจะพูดอะไรได้?
หัวเราะเยาะหรือสงสารเห็นอกเห็นใจ?
ใช่แล้วช่างมัน ลืมมันไปเสียเถอะ
ไม่ต้องไปสนใจเขา
เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายจิตใจน้อยๆที่บอบบางของผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เขาถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ผ่านมาเจอ!
อีกด้านหนึ่งเจตจำนงของเทพบรรพตมีอาการผันผวนเช่นเดียวกับทะเลมรณะ แม้แต่ประตูเทพก็สั่นไหวเล็กน้อย และเพิ่มขึ้นมารดาผู้ลึกลับปล่อยตนเองให้อยู่ในร่างเทพที่ขยายตัวอย่างไม่จำกัดในแสงเทพ
นี่คือการยอมรับอย่างเป็นทางการของกฎสวรรค์โบราณ
การประลองชะตาจบลงแล้ว
ชัยชนะ
ตกเป็นของนางนับแต่วินาทีนี้นางจะเป็นเทพราชันย์แห่งโลกแกนสมดุลคนใหม่!
******* ****