ตอนที่ 1393 กลับบ้าน!
“อย่าจับหัวข้าได้ไหมข้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว อาซี! ชีวิตของข้าขึ้นอยู่กับตัวข้าโปรดอย่าใช้เจตจำนงของเจ้าแทรกแซงการตัดสินใจของข้าได้ไหม? ไม่ว่าจะถูกหรือผิดนั่นคือทางเลือกของข้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของเขาด้วยสีหน้าจริงจังเป็นพิเศษ “ตั้งแต่วันที่เราแยกกันข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หวนกลับไปอีก แดนสวรรค์ไม่จำเป็นต้องมีสองชีวิตที่เหมือนกัน ข้าต้องการมีชีวิตของข้ามีเป้าหมายปลายทางของตนเอง
“อาจาง! เราทั้งสองเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกันเจ้ามีอิสระของเจ้าไม่มีใครปฏิเสธได้ นอกจากนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการถือกำเนิดของเรา ไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องอิจฉาเราความเป็นอยู่ที่ยอดเยี่ยมและลักษณะที่เหมือนกัน อาจางน้องรัก ข้าไม่เคยก้าวก่ายเจตจำนงของเจ้าและข้าไม่เต็มใจจะทำอย่างนั้นแม้แต่น้อย สำหรับเจ้าอาจางข้าชอบความรู้สึกจากก้นบึ้งของใจ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าให้เกียรติเจ้าเองก็รู้” ร่างเทพที่มีความสูงแปดหมื่นเมตร ‘อาซี’พยายามพูดโน้มน้าวใจอย่างอ่อนโยน “เจ้าจากบ้านมานานเกินไปแล้ว กลับกันเถอะ ตราบใดที่เจ้ายอมถอยออกมาและเลิกดื้อรั้นถือทิฏฐิเจ้าก็สามารถกลับไปยังที่อยู่ของเราได้”
“ถ้าย้อนกลับไปได้ข้าคงย้อนกลับไปนานแล้ว” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะส่ายศีรษะปฏิเสธ “ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว อาซี! ข้าไม่ใช่เงาของเจ้า ข้าเป็นตัวของตัวเอง”
“อาจาง! เจ้าไม่ใช่เงาของข้า และไม่เคยเป็น” ความไม่สบายใจปรากฏบนใบหน้าของอาซี “นี่เป็นอคติผิดๆ ของคนนอก”
“ไม่ว่ายังไงนั่นก็เป็นเรื่องจริง” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร ข้าไม่ดีเท่าเจ้าและเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ หลายปีผ่านไปข้าทำตัวสบายๆและไม่สนใจสายตาของคนนอกอีกต่อไป อย่างไรก็ตามข้าจะไม่กลับไปกับเจ้าสถานที่นี้เป็นของข้าไม่ใช่สถานที่ที่เรียกว่าแดนสวรรค์บน ที่นี่คือบ้านของข้า”
“ทำไม?”มีร่องรอยของความสับสนบนใบหน้าของอาซี “ทำไมเจ้าถึงทำตัวสุดโต่งและถือทิฏฐิอยู่เสมอ?”
“เพราะเจ้าไม่ใช่ข้า”เทพพิทักษ์ทะเลมรณะดันอาซีออกห่าง จากนั้นเขาหันหลังให้อาซี “ลาก่อน อาซีพี่ข้า เจ้าเป็นพี่ชายที่ดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด ในฐานะน้องชายของเจ้าสิ่งที่ข้าต้องการคืออิสระและความเป็นอิสระในการใช้ชีวิต ไม่ใช่เป็นเงาของคนอื่น”
“อาจาง, กลับมาเถอะ ตอนนี้ยังมีเวลาพอ”ดวงตาเทพหลั่งน้ำตาสีทอง
“ข้าไม่เคยเสียใจในทางเลือกของตนเอง!” ร่างของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะค่อยๆ จมลงในทะเลมรณะเพลิงเทพที่ลุกโชนอยู่บนบัลลังก์เทพค่อยๆ มอดลง “ขอบคุณที่ตามข้าในเส้นทางชีวิตที่แปลกประหลาดเช่นนี้พี่ชายที่แข็งแกร่งที่ข้านับถือที่สุด ข้าขอลาก่อน!”
“ลาก่อน” อาซีหลับตาอย่างเศร้าสร้อย
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยอมทอดทิ้งทุกสิ่ง
พลังเทพสลายไป
ในที่สุดเขาปิดผนึกชีวิตและจิตวิญญาณของเขาไว้ในก้นบึ้งทะเลมรณะเข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์กลายเป็นศิลาที่โดดเดี่ยวนิรันดร
ด้วยขนาดร่างกายแปดหมื่นเมตรของอาซีน้ำตาสีทองเหมือนสายฝนหลั่งรดทะเลมรณะ
ถ้าเขาต้องการ
หยุดยั้งห้ามปราม
น้องชายของเขาจะไม่มีจุดจบเช่นนี้
แต่เขาเคารพทางเลือกของน้องชาย แม้ว่าน้องชายของเขาเลือกจะจากไปตามลำพังในฐานะพี่ชาย เขาได้แต่ทำใจ
เขาส่ายหน้าถอนหายใจและยกมือมาทางมารดาผู้ลึกลับและเย่ว์หยาง“ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาแทรกแซงการประลองระหว่างพวกเจ้าตรงกันข้ามข้าเคารพในผลการประลองชะตาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ทั้งหมดในแดนสวรรค์บนของเรายินดียอมรับ”คำพูดของเขาเพิ่งขาดคำ เย่ว์หยางที่ใจแทบหล่นถึงกับถอนหายใจโล่งอก เทพพิทักษ์ทะเลมรณะก็ต่อสู้ได้ยากพอแล้วเพิ่มพี่ชายของเขาอีก นั่นยากจะบอกได้ นับว่าโชคดีจริงๆ....
อาซีนิ่งอยู่กับที่จากนั้นเขาคำนับไปทางเส้นทางโบราณและโพล่งทักทายชาวประมงเฒ่าผู้ถือข้องปลาและเบ็ดในมือทักทายเขาอย่างใจดี “ผู้อาวุโส, เรื่องส่วนตัวของข้าเล่าซีจบแล้วข้าขอล่วงหน้าไปก่อน”
“ไปเถอะ!”ประมงเฒ่าโบกมืออย่างสบายๆ “เราผู้เฒ่ามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องการตกปลากับเจ้าเด็กนั่น ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้า”
“ใครอยากจะคุยเรื่องตกปลากับเจ้าเล่า!” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินถึงกับอารมณ์เสีย
ในฐานะผู้อาวุโส
ท่านไม่ช่วยข้าสู้!
พอเรื่องจบลงแล้วเจ้าถึงค่อยมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องตกปลา เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คับขันเพียงไหน?
ประมงเฒ่าไม่โกรธ “เจ้ายังไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ข้ารอเจ้าได้ ข้าไม่รีบ... แม่หนู,เจ้าก็เหมือนกัน ไม่เป็นไร เจ้ากำลังยุ่ง ข้ามองหาเจ้าเด็กนี่เป็นหลักทุกคนไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ ข้ารำคาญเรื่องแบบนี้”
อาซีกลายเป็นประกายแสงเทพแล้วจากไป
ประกายความหวังอยู่ในใจขอเทียนอี้หายไปทันที
ยอดนักสู้ระดับเทพหรือพี่ชายของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะที่ทรงพลังแต่เขาไม่ใช่ตัวช่วยเขาที่ไม่คาดคิด
ไม่เพียงแค่นั้นเย่ว์ไตตันที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามยังได้ผู้อาวุโสมาช่วย แม้ว่าจะดูไม่แข็งแกร่งมากนักแต่ก็ยังเป็นผู้อาวุโสอยู่ดีบางทีอาจมีความยุ่งยากเล็กน้อยในการต่อสู้ในภายหลัง
“สังเวยชีวิต” เมื่อการต่อสู้หยุดลงถานไถถูเมี่ยคำรามลั่น
ดาบโลหิตนับพันแทงออกมาจากร่างของเขา
จากนั้น
ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะก่อนที่กระดูกเขาจะหักแหลกละเอียดถานไถถูเมี่ยตะโกนบอกเทียนอี้ “ท่านเจ้าตำหนักสูงสุด นี่เป็นสถานการณ์ที่ศัตรูกำหนดทุกอย่างไว้แล้วมันไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ โปรดกำจัดกฎแห่งชะตาและหนีเอาชีวิตรอด!”
ด้วยเลือดและชีวิตของเขาถานไถถูเมี่ยผู้จงรักภักดีได้ฉีกมิติในโลกแกนสมดุลอีกครั้ง
แม้ว่าจะน้อยกว่าที่เทพพิทักษ์เขากวงหมิงสร้างไว้แต่นี่คือเส้นทางที่เขาสร้างขึ้นจากความเจ็บปวด
แต่รอยแยกมิตินี้แลกมาด้วยชีวิต
สามารถกำจัดกฎแห่งชะตาในโลกแกนสมดุลได้ในเวลาสั้นๆ
“หาที่ตาย!” การลงมือของถานไถถูเมี่ยทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีโกรธนางฟันดาบศึกของนางและพลังทำลายล้างรุนแรงตัดผ่านท้องฟ้าและสามารถทำลายจิตวิญญาณของถานไถถูเมี่ยเทียนอี้ยิงพลังดรรชนีเป็นลำแสงเหมือนกระสุนป้องกันดาบศึกพลังเทพมืออีกข้างหนึ่งกันพลังเทพครึ่งหนึ่งไว้เป็นโล่ป้องกันจิตวิญญาณของถานไถถูเมี่ย
“อ๊าค.....”
อย่างไรก็ตามเทียนอี้ที่แข็งแกร่งกว่าไม่สามารถป้องกันวิญญาณถานไถถูเมี่ยให้ปลอดภัยได้
กฎสวรรค์โบราณของโลกแกนสมดุลสะท้อนพลังกลับทั้งหมด
ทำลายจิตวิญญาณอันเย่อหยิ่งลำพองที่ตั้งใจทำลายการประลองชะตาโดยตรง
ในท่ามกลางความโกลาหลพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยถูกสังหารทันทีและพลังอันยิ่งใหญ่ที่เคยภาคภูมิใจของฝ่ายหนึ่งหายไปเพราะแรงสะท้อนของกฎสวรรค์ประจำโลกแกนสมดุลแน่นอนว่าสิ่งนี้อยู่ในความคาดหวังของเขาอยู่แล้วแต่เพื่อให้เทียนอี้กำจัดสถานการณ์ที่เสียเปรียบต่อหน้าเพื่อให้เจ้านายของเขามีโอกาสกลับมาอีกครั้งพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยยอมเอาชีวิตและจิตวิญญาณเข้าแลก
เขาทำได้สำเร็จ
แม้ว่าจิตวิญญาณจะถูกทำลายล้างแต่รอยแยกมิติที่แลกมาด้วยชีวิตและวิญญาณยังคงปรากฏอยู่
จื้อไจ้เทียนและฮัวเล่อเทียนหลั่งน้ำตา
จิวจื้อเทียนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม
ทั้งหมดไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่มีอยู่ข้างหน้าได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าถานไถถูเมี่ยบริวารคนสำคัญผู้ซื่อสัตย์นี้เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานับพันปีเป็นเทพพิทักษ์ภูเขากวงหมิง ปรมาจารย์ฉีหังที่ทรงพลังมากกว่าเมื่อเผชิญกับเจตจำนงกฎแห่งโลกแกนสมดุลโบราณกฎเหล่านี้ไม่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหรือ?
“หนีไปเถอะเราจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อให้นายท่านได้หนีไป นายท่าน โปรดฉวยโอกาสนี้หนีเถอะ” จื้อไจ้เทีนคำนับเทียนอี้ด้วยความเคารพ
“โปรดจากไปเถอะ” ฮัวเล่อเทียนคำนับและขอให้เทียนอี้จากไป
“พวกเราคืออสูรพิทักษ์และเราจะไม่มีวันตาย ดังนั้นโปรดอย่ากังวลกับพวกเรา” จิวจื้อเทียนร่ำร้อง “การประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่ไม่มีความเป็นธรรมเราไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดของกฎสวรรค์โบราณ โปรดออกไปเร็วๆเราเชื่อว่าท่านมีสติปัญญาสูงสุด มีพลังสูงสุดแม้ว่าท่าจะไม่ได้รับการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์ในวันนี้แต่ท่านจะไปถึงสถานะนั้นได้ในอนาคต นายท่านโปรดอย่ารานความเสียสละของพวกเรา ได้โปรดจากไปโดยเร็ว!”
“......” เทียนอี้มือสั่น
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายแค่ไหน?
อย่างไรก็ตามเขาติดอยู่ในตัวเลือกที่ยากที่สุดอีกด้านหนึ่งคือการเสียสละอย่างไม่เห็นแก่ตัวของเทพพิทักษ์เขาหมิงกวงและเทพปรมาจารย์ฉีหังพวกท่านพยายามเตือนเขาให้รักษาความมั่นใจในตนเองอยู่เสมอในทางกลับกันถานไถถูเมี่ยและไจ้จื้อเทียนพวกเขาสละชวิตเพื่อเตือนตัวเขาเรียกร้องให้เขาหนีไปทันทีรักษาพลังความแข็งแกร่งไว้เพื่อรอโอกาสที่ดีกว่า
ตอนนี้ตัวของเขา
ไม่ว่าพลังหรือสติปัญญา
ทั้งหมดนั้นใกล้ความสมบูรณ์แบบเป็นรองเพียงเทพจอมราชันย์เท่านั้น
ควรยอมแพ้หรือยืนกรานสู้ต่อไป? เลือกที่จะหลบหนีจากโลกแกนสมดุลผ่านรอยแยกมิติที่ได้มาจากการแลกชีวิตและวิญญาณหรือจะสู้ต่อไปและยื้อจนถึงที่สุดเพื่อบรรลุเทพจอมราชันย์?
“ตอนนี้ข้างหน้าข้ามีทางเลือกสองทาง” เทียนอี้หลับตาและสูดหายใจลึกแสงเทพในดวงตาของเขาทำให้เขามั่นใจ เขายื่นมือไปหาจื้อไจ้เทียนละพวกราวกับจะแตะที่ศีรษะของพวกเขาและเสียงของเขาอ่อนโยนมาก “ข้ารู้ความตั้งใจดีของพวกเจ้าและถานไถถูเมี่ยที่เสียสละทุกอย่างเพื่อข้า ข้าหวังเช่นกันว่าการเสียสละของเขาจะมีค่ามากขึ้น แต่ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าข้าละทิ้งความมั่นใจในตัวเองละทิ้งโอกาสที่อยู่ตรงหน้าและกลายเป็นคนขี้ขลาดที่หนีไป ข้าจะไม่มีวันได้รับสิ่งที่ข้าเป็นอยู่ในทุกวันนี้คุณสมบัติสำหรับการประลองชะตา นั่นจะเป็นความล้มเหลวที่แท้จริงและจะทำให้การเสียสละของทุกคนไร้ค่า”
“แต่ แต่ว่า....” ไจ้จื้อเทียนตัวสั่น
“เพื่อทุกคนที่เสียสละสนับสนุนเรามาจนถึงทุกวันนี้เราจะต้องอยู่ต่อไป” เทียนอี้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ความจริง ต่อให้เจ้าต้องการจากไปเจ้าก็คงทำไม่ได้” เฒ่าประมงหยิบผลไม้ออกมาจากในแขนเสื้อและกัดกิน “ประตูเทพเจ้าถูกปิดลงแล้วและการต่อสู้ขั้นแตกหักจะเริ่มขึ้นใครก็ตามที่เข้าร่วมไม่มีทางจะหนีออกไปได้ประสาอะไรกับเจ้าที่เป็นตัวสำคัญในการประลอง”
“อย่างนั้นถานไถถูเมี่ยมิตายเปล่าหรอกหรือ?” เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินก็หัวเราะและยิ้มอย่างสบายใจ
“โอว, น่าสงสาร” เย่คงเสแสร้งถอนหายใจ
“ไอ้พวกบ้า” คนเดียวที่ไม่พอใจจริงๆก็คือฉงฉี เขาตัดบทไม่เกรงใจ เดิมทีถานไถถูเมี่ยเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี แต่ตอนนี้เพื่อช่วยให้เทียนอี้หนีเขาสังเวยชีวิตอย่างไร้ค่า
“นี่คือกรรมสนองผู้สมรู้ร่วมคิด” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกวาดตาไปทางจื้อไจ้เทียนละนักรบของตำหนักกลาง
“ฆ่า!” สามเผ่าพันธุ์ของหอทงเทียนนำโดยมารสัมฤทธิ์ฟ้ามีจิตวิญญาณนักสู้ปะทุขึ้นหลายพันเท่า
ที่อยู่แถวหน้าก็มีฮุยไท่หลางเจ้าสุนัขเถื่อน
เทียนอี้โกรธ
เขาเงื้อมือ
และพบว่าจื้อจุนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สายตานางเหมือนดาบ “เจ้าอย่าเคลื่อนไหวดีกว่ามิฉะนั้นแขนของเจ้าขาดแน่
เทียนอี้ไม่เคยถูกใครคุกคามมาก่อนในชีวิตความโกรธของเขาปะทุขึ้น ดวงตาของเปล่งพลังเทพและพลังเทพเปลี่ยนเป็นอาวุธเทพนับล้านโจมตีจื้อจุนและศัตรูทุกคนในโลกแกนสมดุล
“ทำลาย”มารดาผู้ลึกลับโบกมือและอาวุธเทพทั้งหมดหายไป
นางโบกมืออีกครั้ง “สร้าง”
พลังเทพทำลายล้างถูกสร้างขึ้นใหม่จากกฎสวรรค์โบราณของโลกแกนสมดุลและเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกไม้ตามความประสงค์ของมารดาผู้ลึกลับ
โปรยปรายอยู่ในอากาศลงยังพื้นดิน
กระจายอยู่ในทุกที่
โรยตัวลงทีละชิ้นๆ
อีกด้านหนึ่งจื้อจุนหายตัวไปอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยางและใช้พลังเหมือนดาบแทงเข้าไปในเสื้อเกราะเขา
ดาบแห่งชีวิตพุ่งออกมาจากหัวใจของเย่ว์หยางด้วยเจตจำนงสังหารและเลือดของเย่ว์หยางเสริมด้วยพลังเทพชะตาที่มิอาจต้านทานได้แทงฝ่าอากาศมาอย่างไม่หยุดยั้งฮั่วเล่อเทียนกระแทกฝ่ามือใส่จื้อไจ้เทียนละจิ่วจื้อเทียนหลบไปจื้อไจ้เทียนและจิวจื้อเทียนกู่ร้องเศร้าสร้อยดาบแห่งชีวิตแทงใส่หน้าผากของฮั่วเล่อเทียน...
ใบหน้าของฮั่วเล่อเทียนไม่มีความเศร้าโศกอยู่แล้วประสาอะไรกับการตื่นเต้นกับความตาย
เขายิ้ม
อย่างสงบ
เขาหันหน้าไปมองทางเทียนอี้อย่างลึกซึ้งและหันกลับมาโบกมือให้สหายไจ้จื้อเทียนและจิวจื้อเทียนช้าๆ “นี่คือผลที่ข้าหวังเป็นที่สุดตั้งแต่เกิดข้ารู้ชะตากรรมตนเอง อย่างไรก็ตามข้าซึ่งต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าเศร้าในอนาคตไม่คิดจะตายอย่างไร้ค่าดังนั้นข้าจึงสามารถช่วยพวกเจ้าได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ตามแต่ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“ฮั่วเล่อเทียน อย่ายอมแพ้ เราเป็นอสูรศึกพิทักษ์ เราจะไม่มีทางตายอย่างแท้จริง” จิวจื้อเทียนพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะปลอบโยนสหาย แต่เขาหลั่งน้ำตาไม่หยุด
“อสูรพิทักษ์จะไม่ตายอย่างแน่นอนแต่เมื่อฟื้นขึ้นอีก ข้าจะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว” ฮั่วเล่อเทียนยิ้มเล็กน้อย
“ลาก่อน,ฮั่วเล่อเทียนพี่น้องข้า” ไจ้จื้อเทียนโบกมือให้ฮั่วเล่อเทียน
“ลาก่อน”เสียงของฮั่วเล่อเทียนแผ่วเบาลง
“ข้ามีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเจ้าเป็นเวลายาวนานฮั่วเล่อเทียนพี่น้องข้า เชิญเจ้าล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง” ไจ้จื้อเทียนคำนับเทียนอี้ด้วยความเคารพ“นายท่าน! ศัตรูยิ่งใหญ่เหลือเกินเราต้องขออำลา พลังของเราอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยให้ท่านสมหวัง ข้าละอายใจจริงๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันหลายวัน แต่พวกเราทุกคนเคารพนายท่านอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านคือเกียรติยศยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา! ขอให้นายท่านโชคดี!”
“ขอให้โชคดี” จิวจื้อเทียนไม่เคยสุภาพขนาดนี้มาก่อนเพราะเขารู้ว่าวาระสุดท้ายมาถึงแล้ว
ผนึกในดาบแห่งชีวิตทำให้แสงเทพของฮั่วเล่อเทียนค่อยๆหมองลง
เปลวชีวิตโบกสะบัดเล็กน้อย
เป็นการกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย
เทียนอี้หลับตาอีกครั้ง
เขาไม่อาจทนดูสหายและบริวารของเขาต้องเสียสละและแยกจากตัวเขาไปแต่เขาเลือกเส้นทางเทพจอมราชันย์ ไม่มีทางเลือกที่สองอีก
รอยฉีกมิติที่ถานไถถูเมี่ยใช้ชีวิตและวิญญาณเปิดหายไปแล้ว และแสงประกายเทพของฮั่วเล่อเทียนดับไปแล้วเขาถูกดาบแห่งชีวิตของจื้อจุนและด้วยพลังเทพชะตาของเย่ว์หยางผนึกไว้ในใจกลางอักขระรูน ถ้าจื้อจุนและเย่ว์หยางไม่ตายอย่างนั้นฮั่วเล่อเทียนจะไม่ได้ออกมา
“อ๊าคคค... ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้เย่ว์ไตตัน ข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานอย่างเดียวกัน”เจ้าตำหนักเทียนอี้ตัดสินทำให้เย่ว์หยางต้องเดียวดาย
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”มารดาผู้ลึกลับเตือนเขา“ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นมาเป็นจำนวนนับร้อยนับพันล้าน และเจ้ามีความรู้สึกอย่างวันนี้ก็คงไม่เกิดการเข่นฆ่ามากมาย เป็นเพราะบาปกรรมที่เจ้าทำไว้ก่อนนั้น ตอนนี้เจ้าถึงต้องชดใช้ด้วยเลือดชีวิต ผลกรรมที่เจ้าพบเจอในวันนี้ต้องโทษตัวเจ้าเองอย่าได้โทษคนอื่น”
“ใช่แล้วเมื่อเจ้าเข่นฆ่าชาวบันไดสวรรค์ ก็ควรคิดถึงวันนี้ด้วย” ตาของจื้อจุนมองเป้าหมายถัดไป นั่นคือจื้อไจ้เทียนและจิวจื้อเทียน
“หยาดน้ำตาของพวกเขาไม่เคยได้รับการเห็นใจสงสาร วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้รับการอภัย”จักรพรรดินีราตรีมุ่งมั่น
“นั่นเป็นการรบ ความเป็นความตายถูกตัดสินแล้ว” เทียนอี้คำราม
ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับการยอมรับนับถือ
พลังของใครแข็งแกร่งกว่า
อย่างนั้นเขาก็คือผู้ชนะและเขาจะมีทุกอย่างโดยไม่มีการโต้แย้ง...
เทียนอี้ชูกำปั้น เขามีพลังมีเจตจำนงราชันย์ที่ไม่หวั่นไหว แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยากจะเอาชนะเขาก็ยังมีความมั่นใจและยืนยันต่อสู้ให้ถึงที่สุด “มา มา มาสู้กัน มาดูกันว่าใครจะเอาชนะข้าเทียนอี้ได้?เจ้าจะประลองชะตาด้วยไหม? นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีหรือ? หรือจะเป็นเย่ว์ไตตันที่อ้างตัวว่าเป็นเทพจอมราชันย์?เข้ามาพร้อมกันเลย ข้าเทียนอี้จะบอกพวกเจ้าเองว่าพลังคืออะไร ความไร้เทียมทานคืออะไร!”
**** *** ****