ตอนที่ 1392 เจ้าไม่เดียวดาย
ในที่สุดแสงเทพห้าสีก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางเจ้านายคนใหม่
มันทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
เปลี่ยนเป็นสายรุ้งที่ไม่เหมือนใคร
ด้วยความช่วยเหลือของเพลิงอมฤตคู่และปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ภายใต้ภาพลักษณ์ของดวงจันทร์ชะตาสิ่งนี้กลายเป็นนิรันดร
ปรมาจารย์ฉีหังและเทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองหน้ากันเองแสงเทพห้าสีที่แข็งแกร่งที่สุดไม่สามารถทำอะไรได้และถูกศัตรูยึดไป ศึกนี้ต้องการเขาจริงๆ หรือ?
“ไม่ข้าจะไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้” การต่อสู้ทางด้านนั้นจบลงแล้วและมารดาผู้ลึกลับปล่อยเทียนอี้ออกมาจากสวน เทียนอี้ออกมาจากสวนได้ยังมีความมั่นใจอยู่ เจตจำนงของเขาผันผวนไปแค่วินาทีเดียวจากนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิม เขายังมีพลังเทพที่ไม่มีใครเทียบ อยู่ในสวนเขายังไม่พ่ายแพ้คู่ต่อสู้ ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เขาแน่ใจว่าเป็นเพียงความฝันอันพร่าเลือนซึ่งไม่มีผลต่อตัวของเขา
“.....” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะซึ่งสูญเสียพลังไปทั้งหมดได้แต่เงียบ
โชคชะตาก็เป็นอย่างนี้
กำลังคนจะสามารถพลิกได้หรือ?
นอกจากนี้เย่ว์ไตตันที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพจอมราชันย์ในอนาคต และนี่เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธก็ตาม ด้วยกำลังของเขาเอง ด้วยพลังของเขาเองในปัจจุบันแม้เทียนอี้จะมีพลังมาก แต่เขาจะฆ่าเทพจอมราชันย์ได้อย่างไร... ไม่ เป็นไปไม่ได้! อย่าว่าแต่ฆ่าเลย ต่อให้เอาชนะก็ยังเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามฟ้าได้
ชะตาของเย่ว์ไตตันถูกลิขิตมานานแล้วและอยู่ในมือของเขาอย่างสิ้นเชิง
และชะตากรรมของตัวเขาและเทียนอี้
ยังไม่รู้
มีเพียงอย่างเดียวคือล้มเหลวสิ้นเชิง
“เวลาตายของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว”นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถือดาบศึกเปื้อนเลือดชี้ไปที่ศัตรูและออกคำสั่งตัดสินอย่างเย็นชา ที่อยู่ต่อหน้านางคือปรมาจารย์ฉีหังที่นอนอยู่กับได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตายเหลือแต่ลมหายใจรวยริน
ปรมาจารย์ฉีหังพยายามอย่างดีที่สุด แต่เขาไม่สามารถสู้ดาบศึกของนางพญาผู้พิชิตได้
เขาดิ้นรนและค่อยๆลุกขึ้นมาจากกองเลือดและใช้พลังอึดสุดท้ายมองดูเทียนอี้ “อย่ายอมแพ้ เทียนอี้เจ้าต้องรักษาความมั่นใจของเจ้าไว้ตลอดไปเจ้ายังเป็นหนึ่งในผู้มีคุณสมบัติประลองชะตา ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเจ้าเอง เจ้าจงทำให้ดีที่สุด ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าจะเสียสละเพื่อเจ้า”
หลังจากนั้นเขาไม่สนใจร่างกายทอดทิ้งชีวิตและขับพลังเทพรวมกับจิตวิญญาณทุ่มพลังเพื่อผู้อื่น
สร้างแสงสว่างที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา
ลอยเข้าหาเทียนอี้
หน้าของปรมาจารย์ฉีหังมีรอยยิ้มก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์
ไม่เหลือแม้แต่เศษธุลีราวว่าไม่เคยมีคนอย่างเทพปรมาจารย์ฉีหังอยู่ในโลกเขาหายไปไม่เหลือร่องรอย
เทียนอี้หลับตาด้วยความเจ็บปวดคนแรกคือเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง มาตอนนี้เป็นเทพปรมาจารย์ฉีหัง คนแล้วคนเล่าที่ต้องเสียสละไปและในที่สุดก็ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังนี่คือราคาที่ต้องทุ่มไปกับการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์อย่างนั้นหรือ?นี่คือกระบวนการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์หรือ? หลังจากทุ่มเทไปมากมายขนาดนั้นแล้วทำไมยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูไปให้ถึงเป้าหมายฝันได้เล่า?
เขายื่นมือรับกลุ่มแสงปัญญามาถือไว้ในมืออย่างแผ่วเบา
และค่อยๆ
ซึมซับแสงนั้นช้าๆ
เมื่อแสงปัญญาและพลังเทพหายไปอย่างสมบูรณ์ หมายความว่าอาจารย์ของเขาได้ช่วยให้เขาไต่ระดับขึ้นไปอีกและชีวิตของท่านจะหายไปตลอดกาล
“อ๊าคคคค...” เทียนอี้กู่ร้องก้องฟ้าขณะดูดซับพลังเทพและได้รับสติปัญญาใหม่
ไม่ว่าพลังเทพหรือพลังปัญญาล้วนมีความก้าวหน้าใหญ่อีกก้าวหนึ่ง
ตอนนี้เป็นจุดสูงสุดของชีวิต
เทียนอี้รู้สึกว่าตำแหน่งเทพจอมราชันย์เหลืออีกเพียงก้าวสั้นๆเท่านั้น
“ผู้ชนะคนสุดท้ายจะต้องเป็นข้าเทียนอี้ หากต้องเลื่อนระดับไปเป็นเทพจอมราชันย์มีแต่ข้าเทียนอี้ที่มีคุณสมบัติและมีแต่เพียงข้าเท่านั้นที่ถูกกำหนดให้เป็นเทพจอมราชันย์”ตอนนี้เทียนอี้ไม่มีความลังเลสงสัยเลยว่าจะเอาชนะศัตรูได้นี่ไม่ใช่ความมั่นใจที่เกิดจากพลังความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่เป็นการยืนยันจากการกลั่นตัวของปัญญาด้วย เขามีความรู้สึกว่าตนเองทุ่มเทคุณค่าลงทุนมากเกินไปกับตำแหน่งเทพจอมราชันย์ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวทุกอย่างนั่นเป็นกระบวนการที่ชอบธรรมอยู่แล้ว
ใช่แล้ว ตอนนี้เขามีความมั่นใจอีกครั้ง
ไม่ว่าเย่ว์ไตตันจะเป็นใคร
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอะไร
ตอนนี้เขามีความมั่นใจที่ทรงพลังไม่สั่นคลอน
เย่ว์ไตตันสามารถเป็นตัวแทนมารดาเขาได้หรือ? ไม่ นี่เป็นการประลองชะตาระหว่างเขากับนางไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้!
“มาสู้กันอีกครั้ง ตอนนี้ข้ามีระดับสติปัญญาที่สูงขึ้นกว่าเดิมมีระดับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ครั้งนี้พลังสร้างของเจ้าจะไม่มีทางทำอะไรได้!” เทียนอี้กวักมือเรียกมารดาเย่ว์หยาง
“สงครามครั้งนี้ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิงแต่ในเมื่อเจ้ายืนกราน ข้าจะให้โอกาสเจ้า” มารดายังสาวถอนหายใจ ราวกับว่ากำลังดูคนดิ้นรนและจมน้ำถลำลึก แต่ไม่อาจช่วยตัวเองได้ นางโบกมือส่งสัญญาณให้เย่ว์หยางจื้อจุนและเฟ่ยเหวินหลีให้ถอยกลับออกไปและตัดสินใจสู้ตามลำพังเพื่อให้เทียนอี้ที่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นพ่ายแพ้อย่างยินยอมพร้อมใจ
เทียนอี้ระเบิดพลังเทพทั้งหมด
พลังเทพที่เป็นเหมือนตาข่ายฟ้า
แผ่ไปทั่วพื้นโลกแกนสมดุลแม้แต่หยดน้ำก็ยังตกอยู่ภายใต้เจตจำนงของเขา
พลังกฎประจำตำหนักกลางที่มีเป็นล้านพุ่งออกมาทันทีแต่ละกฎมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครช่วยเพิ่มพลังเทพให้กับเทียนอี้อย่างมาก
ปัง
เทียนอี้ปล่อยหมัด
หมัดที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นแฝงไปด้วยพลังเทพพุ่งเป็นลำแสงตรงดิ่งไปที่มารดาผู้ลึกลับฝ่ายตรงข้าม
โลกแกนสมดุลส่วนใหญ่ถูกทำลายจากพลังทะลุทะลวงทำลายทุกอย่าง
ยังดีที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางทำลายล้าง
เย่ว์หยางและเจ้าแม่จันทราใช้พลังดวงจันทร์อมตะด้วยกัน
สามารถป้องกันสาวๆ ทุกคนไว้ได้
“......” ฝ่าบาท (เย่เมิ่ง)และจักรพรรดินีราตรีมองดูสนามรบด้วยความกังวล ภายใต้พลังโจมตีทำลายที่ไร้เทียมทานจะเกิดอะไรขึ้นกับมารดาผู้ลึกลับ? จื้นจุนและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองหน้ากันเอง พวกนางเองก็หาจุดสรุปในใจไม่ได้ พลังหมัดของเทียนอี้ครั้งนี้เกินคาดการณ์ของพวกนางไปมากมาย เทียนอี้ที่ได้พลังปัญญามาจากปรมาจารย์ฉีหังมีพลังก้าวหน้าเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัวน่าขนลุก
หมอกควันจางลง
พื้นที่ถูกทำลายเริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆตามกฎสมดุล มีเงาร่างหนึ่งลอยตัวอยู่ในอากาศ
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นปกติไม่หายไป
การพบเห็นที่คาดไม่ถึงนี้
แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไร?” เทียนอี้ถลึงตามอง
“แม้ว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าแต่ตราบใดที่เจ้าเลือกเป้าหมายผิดและเหวี่ยงกำปั้นขึ้นไปในท้องฟ้าเจ้าจะไม่สามารถทำอะไรดวงดาวบนท้องฟ้าได้แม้มันจะมีอยู่ทั่วจักรวาลก็ตาม เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย เจ้ายืนอยู่บนพื้น เจ้าสามารถเปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลแต่เจ้าไม่รู้ตัวว่าเจ้าไม่สามารถยกเท้าขึ้นจากพื้นได้” มารดายังสาวส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้าไม่เพียงแต่บินอยู่ในท้องฟ้าได้ข้ายังสามารถท่องไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว จากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งได้หมัดของเจ้าจะไม่มีทางโจมตีถูกข้า การประลองชะตานี้เป็นการประชันภูมิปัญญาและขอบเขตจิตวิญญาณ แต่ถ้าเจ้ากลับยอมทิ้งสิ่งนี้เลือกเอาแต่พลังที่แข็งแกร่งก็เท่ากับเจ้าทิ้งหยกและทองคำเลือกถือเอาแต่ก้อนกรวด ดังนั้นเริ่มตั้งแต่ที่เจ้าเลือกเส้นทางนั้นผลชะตาจึงถูกตัดสินออกมาแล้ว”
“ไม่, เลิกคิดโยกคลอนจิตใจข้าได้แล้ว”เทียนอี้คิดว่านี่อาจเป็นวิธีที่ศัตรูทำให้เขาสับสนแม้ว่านางจะซ่อนตัวหลบหมัดนี้ได้ แต่นางไม่มีทางหลบหมัดต่อไปได้แน่
“ข้าคิดว่า เจ้าอาจจะถูกพลังบางอย่างบังคับให้เข้าใจผิดตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เจ้าถูกกระทำให้เข้าใจผิดมาโดยตลอดรวมทั้งตงฟางและอาจารย์ของเจ้าแต่ละคนล้วนมีส่วนทั้งนั้นไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่มีเจตนาก็ตาม” มารดาผู้ลึกลับคาดการณ์เช่นนี้
“เจ้าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่พลังเท่านั้นที่เป็นความนิรันดร์ของข้า”เทียนอี้ไม่เคยเชื่อคำพูดของศัตรู
“เจ้าผู้นี้วิกลจริตไปแล้ว”ในตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจจนได้
เทียนอี้ผู้นี้ถูกสวมเขาเข้าให้แล้ว
ไม่ว่าคนมีสติปัญญาใดเตือนเขาจะไม่เชื่อ
หรือว่าเทียนอี้อาจมีความสงสัยในใจ แต่พลังของเขาแข็งแกร่งเกินไปและเขาเลือกจะเชื่อมั่นในพลังอย่างสิ้นหวัง ดังนั้นหากเขาหมกมุ่นไม่ถอนตัวออกมา เขาจะเข้าสู่ทางตัน
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะถอนหายใจ “การต่อสู้นี้จบแล้ว มันจบแล้ว”
เทียนอี้ตัดบทด้วยความโมโห “ยัง ยังไม่จบ เรายังมีอำนาจเรายังมีพลังที่จะสู้ต่อไป ตราบเท่าที่เรายังเพียรพยายามและอดทนสู้ต่อ ชัยชนะจะตกเป็นของเราแน่นอน เจ้าคือเทพชั้นผู้นำไม่ควรปล่อยให้ศัตรูรบกวนจิตใจ เรายังมีเปรียบทำไมถึงต้องยอมแพ้? ไม่ เราควรพยายามสู้ต่อและจะไม่มีทางยอมแพ้”
“ข้าเหนื่อยแล้ว” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมีรัศมีหมองลง “ข้า ข้าเหนื่อยจริงๆ....”
“ไม่, อย่าทำอย่างนี้” เทียนอี้ตะโกน
“บางทีการหลับยาวก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ข้าเริ่มเข้าใจเหตุผลที่รุ่นอาวุโสเลือกจะปล่อยวางและเข้าสู่ห้วงนิทรานิรันดร์เพราะพวกเขาเคยผ่านขั้นตอนนี้มาก่อน พวกเขาจึงตัดสินใจเลือกเช่นนั้น เราแค่เดินตามเส้นทางที่บรรพบุรุษของเราเคยเดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือเส้นทางที่พวกท่านเคยผ่านมาก่อนในชีวิต” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองเห็นแก่นแท้ของชีวิต
“ข้าไม่ยอมพังพินาศ ไม่ท่านจะจากไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้าไม่ยอม” เทียนอี้คำรามด้วยความโกรธ
หมัดของเขา
ระดมต่อยราวกับเม็ดฝน
เสียงระเบิดบึ้มขณะที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะกำลังก้าวลงทะเลมรณะ
เทียนอี้ที่ผิดหวังในตอนนี้ระดมหมัดใส่สหายศึกของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะสั่นสะเทือนและร่างมหึมาก็พังทลายเพราะพลังโจมตีทำร้ายของเทียนอี้ กล่าวให้ถูกก็คือเดิมทีเทียนอี้ก็มีพลังแข็งแกร่งมากอยู่แล้วหลังจากที่เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงและเทพปรมาจารย์ฉีหังอุทิศพลังให้เทียนอี้ทำให้เขามีพลังเหนือกว่าแข็งแกร่งกว่าร่างเทพสูงหกหมื่นเมตรของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง........
ร่างเทพแตกทำลาย
แต่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะไม่หลบไม่ทำการต่อต้าน เขาทนรับพลังโจมตีที่เกรี้ยวกราดของเทียนอี้เต็มที่
เปลวไฟของบัลลังก์เทพที่ด้านหลังค่อยๆ มอดดับลงไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของเทียนอี้ แต่เป็นเพราะความตั้งใจของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ เขายอมตายในเงื้อมมือสหายมากกว่าจะออกมาต่อสู้อีกครั้ง
“อ๊า... ทำไม? ทำไมกัน?” เทียนอี้ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง
“ข้าเหนื่อยแล้ว”เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“แต่เรายังคงมีพลัง มีความแข็งแกร่ง”เทียนอี้คำราม
“ใช่แล้ว,แต่ความแข็งแกร่งอย่างเดียวช่วยให้เจ้าอธิบายอะไรได้บ้าง? จักรพรรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีพลังที่ไม่ด้อยกว่าข้าเขาไม่ได้ต่อสู้กับข้า แต่เลือกจะแบกเทพบรรพตเพื่อเอาไปถมทะเลมรณะและตายอยู่ต่อหน้าข้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองกลับไปที่เทพบรรพต “ตอนนั้นข้าก็เหมือนกับเจ้า ไม่เข้าใจแต่ตอนนี้ข้าต้องการเข้าใจ พลังไม่ได้หมายถึงทุกอย่างมีเพียงสติปัญญาเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ เขาไม่ได้สู้กับข้าให้เด็ดขาดเพราะเขาเข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงเลือกสู้ทางอื่น... เขาเอาชนะข้ามานานแล้วโดยใช้สติปัญญาของเขาเพียงแต่ข้าไม่เข้าใจจนกระทั่งถึงตอนนี้!”
“การหลับยาวก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน”เย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอาชนะเทพพิทักษ์ทะเลมรณะตอนนี้อีกฝ่ายต้องการจะหลับใหลระยะยาว เย่ว์หยางก็ยินดีจะหยุดต่อสู้เช่นกัน
“ข้าอิจฉาจิ๋วซื่อจริงๆ!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองไปที่เทพบรรพต
เขายื่นมือออกไป
มองดูเหมือนเป็นการท้ารบศัตรู
แต่ในมุมมองของเย่ว์หยางนั่นคือการให้เกียรติมากกว่า
“ในชีวิตของเขามันช่างงดงามวิเศษเหลือเกิน ไม่ว่าเวลาใดก็มีคนห่วงใยและคิดถึงเขา แม้จะตายก็ยังรู้สึกพึ่งพากันได้ไม่เหมือนข้าที่ต้องตายอย่างเดียวดาย” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะอิจฉาความรักของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและเทพธิดาบุปผาเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าถอนหายใจ “อย่างน้อยเจ้าก็เคยมีความรักมาก่อน แต่ข้าไม่มีอะไร...”
“อาจาง!เจ้าไม่ได้เดียวดายเลย”
ทันใดนั้นมีรัศมีสว่างเจิดจ้าไม่คำนึงถึงขอบเขตพลังเทพที่เหนือกว่าของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะฉายออกมาจากทะเลมรณะ
ร่างเทพของเขาใหญ่โตสูงถึงแปดหมื่นเมตร เทพพิทักษ์ทะเลมรณะแต่เดิมมีความสูงถึงหกหมื่นเมตรก็ไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ร่างเทพของเขาเขายังเล็กกว่าร่างเทพที่เพิ่งมาถึง
ร่างเทพที่มีความสูงแปดหมื่นเมตรดูเหมือนกับร่างเทพของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
พี่น้องฝาแฝดในโลกนี้
ลักษณะของพวกเขา
เหมือนกันทุกประการ
“กลับไปกับพี่เถอะ, อาจางน้องข้าเจ้าไม่ได้เดียวดาย เจ้าไม่เคยเดียวดาย” ร่างเทพแปดหมื่นเมตรยื่นมือลูบศีรษะเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ ใบหน้าของเขาเปล่งประกายใจดี
**** *** ****