ตอนที่ 1391 ข้าทนเจ้ามานานแล้ว
“ในเมื่อการประลองชะตาเริ่มขึ้นแล้วอย่างนั้นเราก็มาสู้กันเถอะ!” ฉงฉีคุ้นกับการใช้พลังปีศาจควบคุมตนเอง
เขาเพิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น
เขาต้องใช้เวลา
อย่างไรก็ตามหลังจากรอเวลาคุ้นเคยกับพลังเล็กน้อยเขาก็วิ่งเข้าหาถานไถถูเมี่ย
“พัศดีคุกโลกหิตถานไถถูเมี่ยมาลองกำลังกันอีกครั้ง”จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกว่าพวกเขา พวกเขาไม่พูดอะไรในการต่อสู้ที่เป็นอิสระ แม้ว่าฉงฉีจะได้รับการปลดผนึกพลังแต่ใจพวกเขาก็ต้องการสู้กับถานไถถูเมี่ย
“ข้าจะฝังพวกเจ้าไว้ในวิหารนี้ตลอดไป” ถานไถถูเมี่ยไม่กล้าลำพองอีกต่อไป เขาเพิ่งเห็นฉงฉีได้รับการผนึกไว้และจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรได้รับการปลดปล่อยพลัง ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของเขาพลังของจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรที่ปลดปล่อยออกมานั้นทำให้ทำให้เขากลัว ฉงฉีที่ตอนแรกเขาไม่กังวลเลยแม้แต่ก็มีความเปลี่ยนไป เป็นการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน ถ้าไม่ใช่เพราะมีกฎสวรรค์ประจำตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มากมาย เขาคงไม่มั่นใจว่าจะสามารถโค่นทั้งสามได้
“เฟ่ยเหวินหลี! เจ้ายังจะมีพลังต่อสู้หรือเปล่า?” ปรมาจารย์ฉีหังตั้งใจสู้กับนางพญาผู้พิชิตซึ่งมีโอกาสเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่อสู้ได้มากที่สุด
“น่าขัน”นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเงื้อดาบในมือ
เจตจำนงสูงสุดของนางมิอาจท้าทายกันได้
นอกจากนี้เส้นทางสู่ความสำเร็จของนางถูกกำหนดว่าสร้างขึ้นจากซากศพของศัตรูไม่ว่าจะเป็นเหนียนหัวหรือปรมาจารย์ฉีหัง
สีหน้าของเทียนอี้ไม่แยแสอะไรแต่สายตาของเขามองดูที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะ เทพพิทักษ์ทะเลมรณะวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างรุนแรง แต่เทียนอี้ยังคงหวังจะได้รับการสนับสนุนจากยอดนักสู้ผู้นี้อีกมาก
ตราบเท่าที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะทุ่มพลังต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นศัตรูแบบไหน
รวมทั้งที่แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิ์ไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
ล้วนแต่ล้มลงแทบเท้าของเขา
นี่คือเทพยอดนักสู้ระดับสูงเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
“ฆ่า!”ไม่ต้องรอให้เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะแสดงจุดยืนของเขา เพราะเย่ว์หยางเลือกให้แล้วเย่ว์หยางทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ใช้เจตจำนงราชันย์กำจัดการปิดล้อมของกฎสวรรค์ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่ในโลกแกนสมดุลพลังทั้งหมดควบแน่นเป็นดาบและมุ่งไปทางปรมาจารย์ฉีหังที่กำลังสู้กับเฟ่ยเหวินหลี อีกด้านหนึ่งเจ้าแม่จันทราและเสวี่ยอู๋เสียระเบิดพลังทั้งหมดและผนึกพลังเข้าด้วยกัน แม้ว่าปรมาจารย์ฉีหังจะได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแต่พลังของเขายังแข็งแกร่ง
ปรมาจารย์ฉีหังต่อสู้อย่างหนักพลังเทพของเขาทำให้เย่ว์หยางกับคนอื่นๆ ใจสั่นสะท้านแต่ตัวเขาเองถึงกับกระอักโลหิต
“กระโดดลงมาแล้วหรือเจ้าพวกตัวตลกที่สมควรตาย จงตายทั้งหมด!” เมื่อเห็นปรมาจารย์ฉีหังกระอักโลหิตเทียนอี้โกรธจัด
เขาเหยียดมือออก
แสงเทพสามพันหกร้อยสายที่น่ากลัวพุ่งออกมาจากร่างของเขา แสงแต่ละสายมีพลังที่น่ากลัวพุ่งไปหาศัตรูรอบตัวทุกคนราวกับกระสุน
ในขณะเดียวกันกฎสวรรค์ตาข่ายฟ้าก็รวบแน่นเข้ามาเตรียมบีบรัดศัตรูให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน พลังเจตจำนงของเทียนอี้ กฎสวรรค์ของตำหนักกลางนับไม่ถ้วนผสานรวมกันกลายเป็นวังวนพลังเทพที่ใช้กักและดูดกลืนศัตรูทุกคนที่ติดอยู่ในตาข่ายฟ้า
ภายใต้ความโกรธจัดของเทียนอี้ที่ระเบิดพลังออกมา
หลังจากนั้นเขามีความเสียใจเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าเขาควรจะฆ่าศัตรูทั้งหมดในครั้งเดียวเพราะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อจริงๆ
ในการประลองชะตานี้มีการพลิกผันเปลี่ยนแปรหลายครั้งเขาควรทรมานศัตรูให้ตายทีละคน ปล่อยให้วิญญาณของแต่ละคนยอมจำนนรับความเจ็บปวดไม่อาจตาย ไม่อาจรอด จากนั้นมีแต่ความเกลียดชัง สำหรับกลยุทธ์ที่เจ้าตลกตงฟางใช้ เป็นแค่เรื่องตลก! เขาต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดบอกเขาให้รู้ว่าวิถีแห่งราชาที่แท้จริงนั้นคืออะไร!
ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์บนหรือดินแดนชั้นล่างโลกเทิดทูนพลังเท่านั้น!
“บิน!”
มารดาผู้ลึกลับรวบนิ้ว
รังสีสามพันหกร้อยสายและวังวนพลังเทพที่สร้างขึ้นโดยตาข่ายฟ้าและกฎสวรรค์ประจำตำหนักกลางกลายเป็นกลีบดอกไม้ไปในทันที
นักรบจากสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนที่เกือบจะถูกฆ่าทันทีรู้สึกว่าร่างกายเบาและทุกคนหายใจโล่ง
คนที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านั้น
ในท่ามกลางสายฝนกลีบดอกไม้
ร่างที่บาดเจ็บฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเหมือนรักษาด้วยน้ำอมฤต
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงและนักรบอื่นๆที่นอนหมดแรงลุกพรวดพราดขึ้นยืนอย่างต่อเนื่องพลังของพวกเขาปะทุออกมาราวกับลาวาระเบิดเหมือนกับน้ำพุที่ผุดออกมาอย่างไม่มีวันหมดสิ้น
“นี่คือพลังสร้าง”ปรมาจารย์ฉีหังเข้าใจว่าถ้าเทียนอี้มีพลังทำลายมากกว่า อย่างนั้นสาวน้อยฝ่ายศัตรูนี้มีพลังสร้างมากกว่า
แม้ว่าพลังโจมตีของนางจะไม่แข็งแกร่งเท่า แต่พลังสร้างของนางถึงระดับมหัศจรรย์น่าเหลือเชื่อ
แม้แต่พลังทำลายล้างของศัตรูก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นพลังสร้างของตนเองได้
นอกจากนี้นี่เป็นพลังสร้างชนิดพิเศษ น้ำพุแห่งชีวิต
เผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่งใหญ่
เห็นอย่างนี้แล้ว
ปรมาจารย์ฉีหังไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เขารีบตะโกนไปทางเทียนอี้ที่ยังอยู่ในอาการตกใจ“ไม่ต้องห่วงพวกเรา เจ้าแค่รับผิดชอบประลองชะตาก็พอ ชัยชนะของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เทียนอี้, จงคลายความโกรธตั้งสติเพิ่มพลังสร้างในพลังทำลายของเจ้าใช้กฎสวรรค์ประจำตำหนักกลางรักษาพลังของเจ้าไว้ใช้เจตจำนงราชันย์ขับเคลื่อนพลังเทพของเจ้า อย่าปล่อยให้ศัตรูทำลายสมาธิของเจ้าศัตรูเชี่ยวชาญในเรื่องลวงตา เจ้าต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้”
“เข้าใจแล้ว”เทียนอี้ได้รับคำแนะนำจากสติปัญญาของปรมาจารย์ฉีหังมาตลอดชีวิตของเขา เมื่อปรมาจารย์ฉีหังเปิดเผยความจริงเขาได้เหตุผลและความมั่นใจกลับคืนมา
“เจ้าไม่ได้เข้าใจอะไรจริงๆ...” มารดาผู้ลึกลับยิ้มและส่ายหน้า
เทียนอี้เตรียมจะปล่อยหมัด
ทันใดนั้นเขาพบว่าตนเองมาอยู่ในสวนโดยไมรู้ตัวตั้งแต่เมื่อใด
สวนมีขนาดไม่ใหญ่แต่มีบุปผาชาติเบ่งบานอยู่ทุกที่ ผีเสื้อหมู่ภมรบินตอมเหล่าสกุณชาติกระโดดร่าเริงอยู่บนกิ่งพฤกษา มองดูเบื้องบนมีเมฆใหญ่สีขาวก้อนหนึ่งในท่ามกลางท้องฟ้าโลกทั้งหมดดูสดชื่น มารดาผู้ลึกลับยืนอยู่ด้านตรงข้ามดูไม่เหมือนผู้จะเข้าประลองชะตาแต่ดูเหมือนสาวน้อยผู้เดินชมธรรมชาติใต้แสงอาทิตย์มากกว่า
“ภาพเสมือนฝัน? ข้าจะทำลายมันเอง!” เทียนอี้คาดว่านี่คือความฝันที่แท้จริงเหมือนกับที่องค์หญิงเย่เมิ่งสร้างขึ้น
เทียนอี้ระเบิดพลังเทพออกทันที
เพียงพอจะทำลายภูผาและทะเลได้
แต่
พลังระเบิดที่ดังอยู่ในสวนไม่ได้รับผลกระทบกระเทือน แค่เพียงมีฝนตกโปรยปรายเล็กน้อย
เทียนอี้ไม่อยากเชื่อคลื่นแรงระเบิดจากพลังเทพที่ครอบคลุมกวาดไปทั้งโลกแกนสมดุลแต่กลับกลายเป็นแค่ลมพัดใบไม้ไหว
มารดายังสาวโบกมือ “พลังสังหารของเจ้าเหนือกว่าพลังสร้างของเจ้ามากเกินไปเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้าให้ความสนใจกับพลังกร้าวแกร่งตนเองมากเกินไป เหมือนกับการเดินด้วยเท้าข้างเดียวย่อมมิอาจดำเนินไปได้ไกล เจ้าอาจพากเพียรอย่างหนัก ทุ่มเทไปมากเกินแต่น่าเสียดายที่ความพยายามของเจ้าใช้ผิดทาง...”
“หุบปาก”เทียนอี้พยายามระงับความโกรธเต็มที่ และดึงสติความมีเหตุผลกลับคืนมา
“นี่คือความเหนือชั้นกว่าใช่ไหม?”เย่ว์หยางถาม
“ใช่แล้ว!” ฝ่าบาทพยักหน้า
“ข้าบอกไปก่อนแล้วว่าความสามารถของเขายังตามเจ้าไม่ทันเพราะเขาฝึกฝนผิดแนวทาง และไม่สามารถหวนย้อนกลับคืนมาได้”เสวี่ยอู๋เสียถอนหายใจเบาๆ “แต่เดิมด้วยพรสวรรค์ของเขาควรจะสูงส่งมากกว่านี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาจเป็นเพราะข้อมูลผิดพลาดของตงฟางทำให้เขาฝึกฝนผิดแนวโดยไม่รู้ตัวการฝึกฝนหนักเป็นหมื่นปีและการเสียสละนับไม่ถ้วนได้มาแค่เพียงพลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานมันน่าอายจริงๆ ทุกคนต้องจำไว้เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด”
“.......”ดวงตาของเทียนอี้แทบมีเปลวไฟพวยพุ่ง แต่เขายังมีสติสำนึกถึงเหตุผลในใจ “ไม่ว่าพวกเจ้าจะพูดยังไงก็ตามก็ไม่มีทางทำให้ข้าหวั่นไหวได้ จะเป็นภาพลวงตาหรือฝันเสมือนจริงก็เป็นแค่การตบตา ในการประลองชะตาครั้งนี้ข้าจะต้องชนะแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกอย่างที่พวกเจ้าทำมานั้นล้วนเปล่าประโยชน์!”
“พูดได้ดีมากเจ้าโง่!” มังกรปีศาจปรบมือ
“โง่”ฉงฉีตามมาติดๆ
“ฮ่าๆๆข้ามันโง่จริงๆ แต่อย่าถามว่าข้าโง่ขนาดไหน อุตส่าห์ทรมานตนเองมาเป็นหมื่นปีแต่กลับล้มเหลว..” เจ้าอ้วนไห่ส่ายก้นมหึมาล้อพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงนี้เหล่าสหายของเขาไม่ยอมปล่อยผ่าน เย่คงหยิบแอบหยิบไม้ขึ้นมาท่อนหนึ่งเตรียมพร้อมจะหวดเจ้าอ้วนงี่เง่า ใครจะทราบกันเล่าว่าสาวนางนวลสายลมยิงพลังไฟฟ้าเข้าที่หัวเจ้าอ้วนไห่รอจนเจ้าอ้วนไห่ตัวดำเป็นตอตะโกนางเตะเขากระเด็นไปอยู่ขอบโลก
ปรมาจารย์ฉีหังเห็นว่าเทียนอี้ติดอยู่ในค่ายกลบุปผาของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถออกมาได้ เขารีบขอความช่วยเหลือจากเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ “เราร่วมมือกันฆ่าเย่ว์ไตตันเถอะ”
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะไม่มีความมั่นใจเท่ากับปรมาจารย์ฉีหัง
ท่าทีเขาดูเคร่งขรึม
หลังจากพยักหน้าให้ปรมาจารย์เทพฉีหังเขากล่าว “ข้าจำเป็นต้องได้กลุ่มแสงอีกกลุ่มหนึ่ง ถ้ามีแสงเทพแค่สามสายก็ไม่มีผลอะไร อย่างนั้นพลังของข้าคงจบเพียงเท่านี้ บางทีสวรรค์อาจเปิด ข้ารู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี..แม้แต่เจ้ากับข้าก็ตระหนักรู้ถึงความเป็นความตายในโลกนี้มีบางอย่างที่ก้าวข้ามเหนือความเป็นความตาย เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”
“ข้ารู้”ปรมาจารย์ฉีหังเหลือบมองไปที่เทียนอี้ที่โจมตีอยู่ในสวนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายม่านพลัง มุมปากของเขามีความมุ่งมั่น “นั่นเป็นวิธีที่เราเลือกเส้นทางในตอนนั้น เราเดินเส้นทางนี้และทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อสิ่งนี้ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับ มีแต่ต้องก้าวต่อไป”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้โชคดีขอให้สวรรค์เปิดรับพวกเจ้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะพยักหน้า
“ขอบคุณ” ปรมาจารย์ฉีหังดึงแสงเทพสีขาวกลุ่มหนึ่งออกมาจากหน้าผากของเขาสีขาวสะอาดเจิดจ้า
หลังจากแสงเทพขาวถูกปลดปล่อยออกมาจากจิตวิญญาณแล้วปรมาจารย์ฉีหังเหมือนกับผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมาก หลั่งเหงื่ออีกทั้งแววปัญญาในดวงตาของเขาจางลงมาก กลุ่มแสงเทพเล็กๆ นี้เขายังค่อนข้างน่าเสียดายแต่เขาตัดใจมอบให้เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะ
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะรับมาถือไว้
แสงเทพซึ่งรายล้อมโดยแสงสีแดงและทองเป็นหนึ่งเดียวกับแสงขาว
ทันใดนั้นโลกแกนสมดุลถูกแบ่งออกเป็นสามสีท้องฟ้าทั้งสองข้างเป็นสีแดงกับทอง ส่วนตรงกลางเป็นสีขาว
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมีร่างเทพสูงถึงหกหมื่นเมตรวางแสงเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสีไว้ที่หน้าผากและจุดไฟเทพให้ลุกโชนในบัลลังก์เทพทำให้ลุกเป็นไฟภายใต้แสงเทพสามสี...
“แสงเทพสามสี แสงเทพสามสี” เย่ว์หยางน้ำลายหก
ตามหามานานในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงเทพอีกสามสี
แม้ว่าจะยังอยู่ในมือของศัตรูก็ตาม
อย่างไรก็ตามการรวมแสงเทพทั้งห้าเข้าด้วยกันเป็นเรื่องแน่นอนอะไรที่เป็นของเขา เขาจะต้องเอาคืนมาให้ได้!
เย่ว์หยางยังคงอยู่กับที่ปรากฏว่ามีมือยักษ์ในท้องฟ้าทุบใส่หัวเขาราวกับยอดเขาถล่ม...ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีฝ่าบาทที่รีบกลับไปที่สนามรบไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
เขามีแสงเทพสามสี
คอยต่อต้านป้องกันทุกคน
ในชายขอบแสงเทพองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่สามารถฝ่าแสงเทพเข้าไปในเขตรบเพื่อร่วมกับเย่ว์หยางสู้กับเทพพิทักษ์ทะเลมรณะในภายในได้
ในอีกมุมหนึ่งของสนามรบโดยได้รับความช่วยเหลือจากกฎสวรรค์ของตำหนักกลาง พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยใช้พลังหมัดสุริยันต์โจมตีรุกไล่ฉงฉีจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรและเดินหน้าทีละก้าว เทพสังหารถูซื่อสู้กับมารสัมฤทธิ์ฟ้า ร่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าเต็มไปด้วยรอยแผลรอยช้ำบาดเจ็บถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่เทพและมีโล่ของจักรพรรดิมังกรคอยช่วยป้องกันมารสัมฤทธิ์ฟ้าคงล้มตายไปแล้ว
พลังกฎสวรรค์ของตำหนักกลางทำให้นักรบหอทงเทียนไม่สามารถใช้พลังได้ถึงหนึ่งในสิบ
แม้แต่เจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นๆ ต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก
เสวี่ยทางหลางและองค์ชายเทียนหลัวปล่อยพลังพร้อมกัน
สนับสนุนกันอย่างเต็มที่
โชคดีที่นักรบหอทงเทียนจากสามมหาอาณาจักรใหญ่ได้รับตราสัญลักษณ์จากเย่ว์หยางคู่กับพลังเทพที่ไม่มีสิ้นสุดเทียบเท่ากับการมีบัลลังก์เทพทำให้พวกเขาสามารถใช้พลังเทพของบัลลังก์เทพของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาชีวิตพวกเขาไว้
“เย่ว์ไตตันเจ้าใช้กลยุทธ์อย่างนี้เองหรือ?” มือยักษ์ของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะคลุมทั้งศีรษะของเย่ว์หยาง
“เขาเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้”ปรมาจารย์ฉีหังที่บาดเจ็บสาหัสระเบิดพลังเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อกดข่มร่างยักษ์หมื่นเมตรของเย่ว์หยางเพื่อให้เทพพิทักษ์ทะเลมรณะสามารถโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขาและไม่ว่าต้องใช้ความพยายามใดๆก็ต้องฆ่าบุรุษหนุ่มที่มีพรสวรรค์คนนี้ซึ่งเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพจอมราชันย์อีกคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความจริงโดยรวมแต่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะก็มีลางสังหรณ์ และลางสังหรณ์นั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเขารู้สึกเสมอว่ากุญแจสู่ชัยชนะในการต่อสู้อยู่ที่บุรุษหนุ่มที่ดูอ่อนแอนี้
“ถ้าเจ้าไม่มีกลยุทธ์อย่างอื่นก็เตรียมสั่งเสียได้เลย!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะรู้สึกเสียใจที่เขามุ่งความสนใจไปที่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ หากเขาค้นพบตั้งแต่เนิ่นๆและสังหารบุรุษหนุ่มคนนี้สถานการณ์อาจไม่พัฒนามาถึงระดับที่เป็นอยู่นี้
“....”เย่ว์หยางยังอยู่ในมือยักษ์ของฝ่ายตรงข้ามที่จับมาจากด้านบน
เหมือนกับกลัว
เหมือนกับรูปปั้น
การแสดงออกของเขาทำให้ปรมาจารย์ฉีหังและเทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะรู้สึกสับสน
เป็นไปไม่ได้นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนกำลังจะตายควรจะมี ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างในที่นี้! แต่จะหยุดแค่นี้หรือ?
ฝ่ามือหนักทุบลงด้วยพลังเทพไร้ขอบเขต
มันกดลงบนตัวเย่ว์หยางอย่างง่ายดาย
ฆ่าได้สำเร็จ!
ปรมาจารย์ฉีหังรีบดูสีหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีผู้หยิ่งทระนงทำเป็นเหมือนกับไม่เห็นอะไรเลย องค์หญิงเย่เมิ่ง (หัวซิ่วรี่)ก็ทำเหมือนมองไม่เห็น มองไปทางมารดายังสาวผู้ลึกลับที่กำลังต้านเทียนอี้ด้วยพลัง ‘สร้าง’ สตรีที่กล่าวกันว่าเป็นมารดาของเย่ว์ไตตันเมื่อมองผ่านม่านคลุมหน้านาง นางยังคงยิ้มไม่มีร่องรอยของความเศร้าโศกเลย
ในที่สุดเขาหันไปมองทางภรรยาของเย่ว์ไตตันพวกนางยังดูเป็นปกติ
พวกนางไม่แสดงอารมณ์ใดๆกับการสูญเสียสามีแม้แต่น้อย!
“หลงกลแล้ว!” ปรมาจารย์ฉีหังตะโกนเร่งรีบ และเทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะหยุดยั้งการโจมตีทันที
“บังอาจ! เจ้าบังอาจพยายามฆ่าเทพจอมราชันย์ในอนาคต”พลังเทพนิรันดร์เกิดขึ้นจากใต้ฝ่ามือยักษ์ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่นี่คือเจตจำนงนิรันดร์ที่แท้จริงที่เกิดจากพื้นที่มิติปั่นป่วนจากการฝึกฝนผ่านด่านโบราณทั้งสิบ เธอหลับไปแล้วแต่เธอตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธเพราะเจ้านายของเธอถูกคุกคามโดยอำนาจสวรรค์ที่ตั้งใจทำลายวิญญาณและคุกคามด้วยความตาย
นั่นคือภูตน้อย
เหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อย
มีริบบินชีวิตพันอยู่รอบตัวเธอ
เธอไม่สามารถพูดได้แต่สำนึกวิญญาณและเจตจำนงของเธอเหนือสิ่งอื่นใด
เธอเกิดมาท่ามกลางมิติปั่นป่วนวุ่นวายในยุคโบราณและตั้งแต่วันที่เย่ว์หยางสร้างเธอขึ้นมาเธอมีเจตจำนงที่เป็นนิรันดร์และมีชีวิตที่เป็นอมตะ
ภายในร่างของเย่ว์หยางเดิมทีด้วยพลังเทพชะตาที่ผนึกปราณกระบี่ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ มือน้อยๆ ของเธอค่อยๆ ดึงออกมาถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดากระบี่ฟ้าผนึกไว้อย่างมั่นคงบางทีเย่ว์หยางยังคงบ่มตัวฝึกฝนต่อไปเพราะยังมีช่องว่างให้ก้าวหน้าอีกมากมายและจะทำให้เขาก้าวไปสู่ขอบเขตเทพจอมราชันย์ ศักยภาพทั้งหมดถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ และเข้าถึงจุดสูงสุดของการฝึกฝนในปัจจุบัน
พลังเทพชะตากว้างใหญ่ราวกับทะเลแม้ว่าจะมีการปลดผนึกเพียงเล็กน้อย แต่เย่ว์หยางก็มีการเปลี่ยนเอ็นผลัดกระดูกในร่างที่เป็นอมตะ
แม้ว่าเย่ว์หยางจะยังไม่สามารถใช้พลังเทพชะตาได้เต็มที่แต่ก็มีการเปิดช่องพลังในร่างเขาไว้แล้ว
ประตูหรือผนึกประตูที่เย่ว์หยางไม่สามารถเปิดได้ก่อนหน้านั้น
เขาไม่จำเป็นต้องปลุกยักษ์ชะตา
ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเทพชะตา
แต่เขาสามารถใช้พลังเทพชะตาได้เพิ่มเท่าที่ต้องการ...
“แย่แล้ว!” ปรมาจารย์ฉีหังนึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไป เขาพบว่าบัลลังก์เทพที่เขาไปทำให้ภูตน้อยโกรธถูกริบบินชีวิตทำลายโดยไม่คาดคิดเขาตกใจจนแทบเป็นลม
“อันตราย”อีกด้านหนึ่ง เทพพิทักษ์ทะเลมรณะได้รับผลกระทบจากเจตจำนงนิรันดร์ก็ยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้น
ร่างเทพหกหมื่นเมตรล้มลงกับพื้น
สมบัติเทพเกราะเทพ และอาวุธเทพในร่างระเบิดแตกหมด
โชคดีที่ยังมีแสงเทพสามสีเหลืออยู่
เอาไว้ปกป้องวิญญาณ
มิฉะนั้นแรงระเบิดนี้จะเป็นการทำลายชั่วนิรันดร์!
“แม่หนูน้อยยอดเยี่ยมมาก!” เป่าเอ๋อปรบมืออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นยกเว้นนางที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ทุกคนตกตะลึงรวมทั้งเย่ว์หยางไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองจะมีพลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาไม่ต่อต้านแต่กำลังรอให้เทพธิดากระบี่ฟ้าปลดปล่อยหรือเป็นเพราะสาวน้อยปราณกระบี่ยื่นมือช่วยกันแน่
คาดไม่ถึงเลยว่าเทพธิดากระบี่ฟ้าจะอดส่งเธอมาไม่ได้ แม่ตัวน้อยนี้หลับใหลตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธไล่ทุบสุดยอดเทพนักสู้จนถึงกับคลานหาฟันตัวเอง
นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
หลังจากล้มสุดยอดนักสู้ทั้งสองแล้ว
ภูตน้อยหาวอย่างน่ารักและกลายเป็นแสงอมตะกลับเข้าไปหลับอยู่ในวิญญาณของเย่ว์หยาง
ดวงตาของมังกรปีศาจและคนอื่นๆแทบร่วงตกไปอยู่บนพื้น ถ้าพวกเขารู้ว่ามีเทพอารักษ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ทำไมเขาถึงยังต้องปกป้องเย่ว์หยาง ก็แค่ผลักดันเขาออกไปก่อนเวลาอันควร นั่นจะทำให้เขาถูกทุบถึงตายไหม? มังกรปีศาจเกลียดนักในเวลานั้นถ้าเทพพิทักษ์เขากวงหมิงมาขัดขวางและผลักเย่ว์หยางออกไป เจ้าตัวเล็กก็คงจะต้องออกมาเร็วขึ้นที่ไหนเลยจะต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนต่อสู้จนถึงวันนี้บางทีจักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่ออาจไม่ตายก็ได้!
แน่นอนว่าถ้าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ตายเขาก็คงไม่ได้เป็นพี่ใหญ่ของเย่ว์หยาง
ฮึ่ย..ช่างมันเถอะ
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน!
มังกรปีศาจคิดเรื่องนี้เขารู้สึกว่า เขาเหมาะแล้วที่จะเป็นพี่ใหญ่
“เจ้าเป็นเทพจอมราชันย์แล้วหรือ?” ปรมาจารย์ฉีหังมองดูเย่ว์หยางราวกับเห็นผี
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น”เย่ว์หยางคุ้นเคยกับการดื้อของพลังเทพชะตาเนื่องจากพลังเทพชะตาถูกปลดผนึกมีมากเกินไป แม้ว่าจะเอามาใช้ชั่วคราวแต่ก็ยังควบคุมไม่ดีนัก
“เจ้าเป็นเทพจอมราชันย์แล้วทำไมเจ้ายังแข่งกับเราเพื่อชิงตำแหน่งเทพจอมราชันย์ในอนาคต?”เทพปรมาจารย์ฉีหังรู้สึกว่าบ้าเกินไป เด็กน้อยเจ้าเป็นเทพจอมราชันย์อยู่แล้วแต่ก็ยังมาสู้กับเทียนอี้แกล้งทำตัวเป็นผู้แข่งขันอื่นที่จะเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคต เจ้า เจ้าไม่โกหกหลอกลวงคน แล้วเจ้าจะตายไหม? ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังแกล้งทำตัวอ่อนแอปล่อยให้คนอื่นข่มขี่พฤติกรรมแบบนี้เป็นสิ่งที่เทพจอมราชันย์ควรทำหรือ?
“ข้ามีความลำบากใจ”เย่ว์หยางตอบอย่างจริงใจ
อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดากระบี่ฟ้าผนึกไว้เขาคงบินไปจากแดนสวรรค์ก่อนเวลาแล้ว
เด็กหนุ่มไม่ได้เลื่อนสถานะพลังก็ไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของเขาได้! นอกจากนี้เราคุณชายเป็นผู้มีคุณสมบัติหรือไม่นั่นพวกเจ้าพูดเองเออเองไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำ และไม่เคยยอมรับตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ!
ถ้าเจ้าจะตำหนิ ก็ต้องตำหนิที่ตงฟางเจ้าเล่ห์เกินไป
เขาหลอกให้พวกเจ้าวิ่งวนไปมา
พวกเจ้าต้องไปคิดบัญชีกับเขา!
อย่างไรก็ตามเขาฆ่าตัวตายไปแล้วในท้องฟ้าเหนือทะเลมรณะไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อย..
“อ่า...เรื่องเป็นเช่นนี้ข้าแค่ต้องการอนุโลมให้ความร่วมมือกับพวกเจ้า ยอมลงมาคลุกคลีด้วยโดยไม่คิดค่าตอบแทน” คำอธิบายของเย่ว์หยางทำให้ปรมาจารย์ฉีหังและเทพพิทักษ์ทะเลมรณะแทบกระอักเลือด
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร....” สิ่งที่ปรมาจารย์ฉีหังเสียใจที่สุดในตอนนี้ก็คือรับตงฟางคนทรยศเข้ามาในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
“บัญชีของตงฟางพวกเจ้าค่อยคิดคำนวณดูก่อนก็แล้วกันขืนใช้ปากกาข้าคำนวณจะทำให้ข้ากังวลมากขึ้น” เย่ว์หยางแตะหน้าของเขา “หน้าของเทพราชันย์อย่างข้า เทียนอี้ก็ต่อยมานับครั้งไม่ถ้วน เสียเลือดมาก็ไม่น้อยตอนนี้จะนับด้วยหรือไม่? ข้าจะพูดได้อย่างไรว่าข้าเป็นเทพจอมราชันย์ ถ้าเทพจอมราชันย์ถูกทำร้ายแล้วไม่โต้ตอบได้หรือ?แน่นอนนี่ไม่ใช่แบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆ แต่ข้าอยากจะบอกว่าข้าทนอดกลั้นมานานแล้ว...”
“อย่างนี้แย่แน่!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะตกใจแต่ไม่ใช่เพราะความโมโหของเย่ว์หยาง แต่เพราะเขาได้ยินเสียงสวรรค์
เสียงสวรรค์ไพเราะดังก้องผ่านจิตวิญญาณ
มีเพลิงสองกลุ่ม
ไม่ทราบว่าโผล่ออกมาจากขอบฟ้าตอนไหน
และเปลี่ยนเป็นหงส์เพลิงอมฤตสองตัวในทันที
ทั้งสองพุ่งเข้าหาแสงเทพสามสีของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะหางหลากสีสันพร้อมแสงเทพสามสีหงส์เพลิงบินวนเป็นวงลงมาจากท้องฟ้าเกาะที่ไหล่ของเย่ว์หยาง เมื่อโชคดีมาถึงสติปัญญาของเย่ว์หยางคมชัดว่องไวขึ้นเขานึกถึงแสงเทพสีดำและสีเขียว ในขณะเดียวกันก็จุดเพลิงอมฤตลุกโชนโชติช่วงขึ้นไปในท้องฟ้า
สองพี่น้องหงส์เพลิงหันไปทางเสาเพลิงอมฤตมีแสงเทพสามสีและแสงเทพสองสีถูกผนึกอยู่ภายใน
ในที่สุดมีเสียงระเบิดดังปัง
รอบเสาเพลิงอมฤต
แสงเทพสีแดงทอง เขียว ดำและขาวห้าสีฉายตรงขึ้นไปในท้องฟ้า
เย่ว์หยางตื่นเต้นดีใจจนอดโห่ร้องไม่ได้จากส่วนลึกของวิญญาณปราณกระบี่ที่คุ้นเคยผุดขึ้นมาลางๆในมือของเย่ว์หยางมีกระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัว กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนกระบี่ส้มเฉิงหงกวน กระบี่มังกรทองหลงหยวน กระบี่เขียวปี้ปอ กระบี่ฟ้าไท่หยวนเป็นกระบี่ที่ยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือนโลกในจิตใจของเย่ว์หยางเห็นได้ชัดว่าดูเหมือนว่าเขามองเห็นร่างเทพธิดากระบี่ฟ้าร่ายรำสองปราณกระบี่สุดท้ายที่ไม่เคยแสดงให้ดูกระบี่น้ำเงินหลานจางไห่ และกระบี่ม่วงจื่อซิงเฉิน
เก้ากระบี่กลายเป็นหนึ่ง
โลกแกนสมดุลดูเหมือนถูกแบ่งอีกครั้งและมีกฎสร้างขึ้นใหม่กลายเป็นความโกลาหล
บางทีอาจเป็นเวลาเพียงหนึ่งวินาทีบางทีอาจพันปี หรือหมื่นปี เมื่อเย่ว์หยางออกจากสภาวะภายใน เก้ากระบี่ก็หายไป
เพลิงอมฤตเริ่มจางลงและพี่น้องหงส์เพลิงที่บินรอบเพลิงอมฤตก็หายไปด้วย
ในท้องฟ้ามีแต่แสงเทพห้าสีเหลืออยู่แต่อ่อนนุ่มเหมือนขนนก
แสงเทพทั้งหมดเปลี่ยนใหม่อย่างสิ้นเชิง
มันไม่เหมือนเดิม
มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผสานจากห้าเป็นหนึ่ง
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยื่นมือไปรับแสงเทพห้าสีแต่มันกลับลอยออกไปจากฝ่ามือยักษ์ลงมาที่ศีรษะของเย่ว์หยางและเข้าไปอยู่ในบัลลังก์เทพของเขา....
+++++++ ++++