ตอนที่ 1390 กบฏหรือไส้ศึก
เย่ว์หยางล้มลงกับพื้น
โลกแกนสมดุลกำลังสั่นสะเทือนพื้นที่ส่วนที่ถูกทำลายค่อยๆ ฟื้นฟูจากแหล่งพลังงานโบราณ โลกแกนสมดุลจะไม่ถูกทำลาย แต่สำหรับเย่ว์หยางและเทียนอี้ที่กำลังประลองชะตาอยู่นั้นนี่คือส่วนหนึ่งของชัยชนะและพ่ายแพ้โดยวัดกันที่พลัง ในขณะนั้นเองเหมือนกับปรากฏพลังที่มองไม่ชัดเจนในโลกแกนสมดุลเหมือนกับว่าแนวโน้มพลังจะตกหลุมพรางกับดักของเทียนอี้มีแนวโน้มเอียงไปทางเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มากขึ้น
ผลลัพธ์ที่ไม่ต้องสงสัยนี้ตกเป็นของเทียนอี้แน่นอน
ถ้าเย่ว์ไตตันสามารถต้านทานได้
สามารถพลิกสถานการณ์ได้
นั่นคงเป็นเรื่องแปลก
“โอว,ช่างเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อเหลือเกิน” เทียนอี้ถอนหายใจเบาๆและเขาเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับอารมณ์เดียวดายบางทีอาจมีแค่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้สนับสนุนเย่ว์ไตตันอยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่คู่ควรจะสู้กับเขา
“ลุกขึ้นยืนขึ้นมา....” มังกรปีศาจหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเย่ว์หยางที่เคยล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งจะสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ครั้งนี้เทียนอี้ใช้พลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา
ภายใต้การเพิ่มขึ้นของกฎสวรรค์จากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลายแสนกฎหลังจากดูดซับพลังเทพและพลังฝึกปรือที่เทพพิทักษ์เขากวงหมิงอุทิศให้อย่างไม่เห็นแก่ตัวภายใต้การแนะนำของเทพปรมาจารย์ฉีหัง และผู้อาวุโสรุ่นก่อน เทียนอี้จึงได้ตระหนักถึงตัวตนเองอย่างสมบูรณ์ พลังเหนือธรรมชาติของเขาถูกยกระดับขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีพลังมากถึงระดับนี้ได้
นี่คือระดับพลังที่โจมตีเต็มที่
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย
ต่อให้เป็นจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่พ่ายแพ้ไปก่อนหน้านั้นก็ยากจะต้านทานได้
เทพปรมาจารย์ฉีหังมองดูผลการต่อสู้อย่างลิงโลดดีใจเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย เขาพยักหน้าเงียบๆ และรู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษ
สถานการณ์โดยรวมถูกตัดสินแล้ว
แดนสวรรค์ต้องทุ่มเทความพยายามและเสียสละมากมายเพียงไหนในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกลับคืนมา
เทพจอมราชันย์ตกอยู่ในแดนสวรรค์อย่างเป็นทางการแล้ว ต้องผ่านมากี่รุ่น ต้องเสียสละทุ่มเทไปกี่รุ่นบัดนี้ตำแหน่งเทพจอมราชันย์จึงได้ตกอยู่กับตำหนักกลางแดนสวรรค์แห่งภูเขากวงหมิง เมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาหว่านปลูกด้วยมือตนเองในที่สุดก็เติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่านกลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่สุดสำหรับทำเสาค้ำฟ้า พวกเขาไม่ได้ทำผิดพลาดเทียนอี้คือผู้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดของแดนสวรรค์
“อ๊าคคคคค....”
เสียงร้องโหยหวนเศร้าสร้อยดังมาจากส่วนลึกของทะเลมรณะและพายุพัดกระชากกวาดผ่านทุกคน
ร่างยักษ์ใหญ่มหึมาของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะลอยตัวขึ้นมาจากทะเลมรณะ หน้าของเขาไม่มีร่องรอยดีใจของผู้ชนะ ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเขากลับบิดเบี้ยวน่าเกลียดดวงตาแฝงไปด้วยแววเศร้าโศกและสิ้นหวัง
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่ต้องพูดถึงนักรบตำหนักกลางทั่วไปแม้แต่เทพปรมาจารย์ฉีหังและเทียนอี้ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
ปรากฏว่านักรบในวิหารที่กำลังโห่ร้องดีใจฉลองกับชัยชนะถึงกับเงียบกริบมองดูเทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะ
“อ๊าค......พวกเจ้ามันโง่ๆ กันทั้งนั้น!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะดูราวกับคนวิกลจริต เขาคำรามตวาดร้องด้วยพลังทั้งหมดทำให้ทุกคนรวมทั้งปรมาจารย์ฉีหังและเทียนอี้แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ “และเจ้า เทียนอี้ เจ้ามันหยิ่งลำพองผยองเกินไปหมกมุ่นย่ามใจเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเกินไป เจ้าย่ามใจละทิ้งความอ่อนน้อมถ่อมตนไปทั้งหมดให้ตายเถอะ เจ้าได้แต่เต้นอยู่ในมือของคนอื่นก็ยังลำพองใจภูมิใจในตัวเอง มันน่าคลั่งใจจริงๆ หากเจ้าสงบจิตใจที่เอาแต่หลงตัวเองของเจ้าได้สักเล็กน้อยและมองดูสถานการณ์ทั้งหมด เจ้าคงไม่ทำตัวเฉยเมยแบบนี้”
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” ปรมาจารย์ฉีหังตกใจ
“เจ้ายังไม่เข้าใจที่ข้าพูดอีกหรือ? นี่เจ้าแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือ? พวกเจ้าทุกคนมัวแต่โอ๋เอาใจเขา ผลักดันเขากำจัดอุปสรรคให้เขาทั้งหมด เพราะคิดว่านี่จะเป็นการช่วยเขาได้ แต่พวกเจ้าคิดผิด นี่เป็นการทำร้ายเขาอย่างสิ้นเชิง! พวกเจ้าปูเส้นทางสว่างไสวให้เขาคิดว่าหอทงเทียนคือเส้นทางหลักอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าควรระมัดระวัง ไม่ควรประมาทต่างหากเล่า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะตะโกนราวกับคนบ้า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เทียนอี้ไม่สามารถเข้าใจได้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์คู่ต่อสู้ประลองชะตาของเขาพ่ายแพ้ให้ตัวเขาเอง การประลองชะตานี้เขาเป็นฝ่ายชนะ ทุกอย่างได้ผลสรุปแล้ว ยังมีอะไรต้องโกรธ?
“เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ คนที่ควรได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเจ้า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะคำรามราวกับฟ้าร้อง “เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ดีแล้วหรือ? เจ้าปล่อยให้นักรบหอทงเทียนที่อ่อนแอเหมือนมดหลอกลวงปล่อยให้เขาเอาเจ้ามาเล่นไว้บนฝ่ามือและเจ้ายังเพิกเฉย ในฐานะผู้มีคุณสมบัติแน่นอนว่าการประลองชะตาจะทำให้ได้รับการเลื่อนชั้นเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตได้แต่เจ้าก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ข้าสงสัยจริงๆ ในสมองของเจ้านอกจากกล้ามเนื้อแล้วมีอะไรอยู่บ้าง!”
“หลอก?”เทียนอี้ตะลึง
ใครกันที่หลอกเขาได้?
ตอนนี้ปลอดโปร่งโล่งใจแล้วคุณชายสามตระกูลเย่ว์แม้แต่ทารกก็เหวี่ยงหมัดฆ่าเขาได้ไม่ใช่หรือ?
หรือว่าจะเป็นนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีที่ต่อสู้กับเทพปรมาจารย์เหนียนหัวและบีบบังคับให้เขากักตัวเองอยู่ที่จัตุรัสเวลา?
เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะมองดูเทียนอี้ด้วยความโมโหฉุนเฉียวดวงตาขนาดใหญ่ของเขาแทบมีไฟพวยพุ่ง “เจ้าโง่! นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? คนที่เล่นงานเจ้าราวกับตุ๊กตาในฝ่ามือความจริงแล้วก็คือคนทรยศหอทงเทียนที่เจ้าไม่เคยมองเขาด้วยความระแวงอย่างตงฟาง! เจ้าคิดว่าเขาเป็นมดที่น่าสมเพช แต่เจ้างี่เง่าถูกมดเล่นงานแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว นั่นคือเจ้า เจ้าตำหนักสูงสุด นี่คือราคาที่เจ้าจะต้องชดใช้เพราะคิดว่าตนเองเหนือล้ำกว่า”
“ตงฟาง?”เทียนอี้เมื่อได้ยินชื่อนี้เขารู้แย่เล็กน้อย
“ตงฟางทำอะไร?” มังกรปีศาจนับสนเช่นกัน
หือ?
ไม่นะ!
ตงฟางคือผู้ทรยศของหอทงเทียนมาตั้งแต่แรกเริ่มมิใช่หรือ?เทพพิทักษ์ทะเลมรณะจะมาพูดว่าเชิดเทียนอี้อยู่ในฝ่ามือได้อย่างไร?
เสวี่ยอู๋เสียที่นำอี้หนานเย่ว์ปิงและสาวๆ ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงปราณจู่ๆก็ลุกขึ้นยืนชี้แจงด้วยท่าทีมากมารยาท “ผู้อาวุโสตงฟางนั้นเราคิดเสมอมาว่าเป็นคนทรยศต่อหอทงเทียน แต่หลังจากเข้าสู่ทะเลมรณะแล้วและได้รับรู้เจตจำนงของเขาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของทะเลมรณะในที่สุดเราก็เข้าใจว่าเขาไม่ใช่คนทรยศหอทงเทียนของเรา แต่เขาเต็มใจแบกรับความอับอายทำหน้าที่ไส้ศึก”
“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ เทียนอี้รู้สึกเหลือเชื่อ
กลับกลายเป็นว่าตงฟางคือไส้ศึกหรือ?
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
แต่เขาคือจอมโฉดชั่วร้ายที่ทำให้หอทงเทียนตกต่ำเขาวางแผนฆ่านักรบหอทงเทียนไปมากมาย
ก่อนเย่ว์ไตตันจะถือกำเนิดจักรพรรดิอวี้จ้านฟงยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดก็ตายภายใต้แผนการของเขาคนที่มือเปื้อนเลือดนักรบหอทงเทียนเผ่าพันธุ์เดียวกันมากมายจะกลายเป็นไส้ศึกได้หรือ?
“ผู้อาวุโสตงฟางเป็นสายลับไส้ศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหอทงเทียนที่อยู่ในแดนสวรรค์ของเรา”เสวี่ยอู๋เสียเปิดเผยความลับสุดยอดของหอทงเทียนที่ไม่มีใครรู้หรือคาดเดามานานนับพันปี “ผู้อาวุโสตงฟางอุทิศทุกอย่างในชีวิตของเขาเพื่อฟื้นฟูหอทงเทียนให้กลับมามีชีวิตและรุ่งเรืองอีกครั้งโดยยอมแบกรับความอื้อฉาวที่ไม่มีใครสามารถทนรับได้จากทุกการกระทำของเขาจนถึงทุกวันนี้”
“เรื่องนี้ใครจะพิสูจน์ได้?” ปรมาจารย์ฉีหังจิตใจปั่นป่วน แต่เขารีบสงบจิตใจทันทีและถามกลับอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยังมีผู้อาวุโสจักรพรรดิอวี้จ้านฟง” เสวี่ยอู๋เสียชี้ไปที่ผิวทะเลมรณะ “ในมรดกของผู้อาวุโสตงฟางมีสำนึกเทพที่บรรพบุรุษทั้งสองคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและจักรพรรดิอวี้จ้านฟงทิ้งไว้ พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าทุกอย่างที่ตงฟางกระทำลงไปนั้นเพื่อวางแผนนำไปสู่การประลองชะตาในปัจจุบันนี้”
“อย่างนั้นหรือ? แล้วยังไงต่อ?” เทียนอี้โกรธ
มีแค่ตงฟางเท่านั้นหรือ
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนทรยศหรือไส้ศึกแต่เขามีบทบาทในการวางแผนอย่างไร?
เขาสามารถสู้แทนเย่ว์ไตตันได้หรือไม่?เย่ว์ไตตันสามารถยืนขึ้นอีกครั้งและพลิกสถานการณ์จากที่พ่ายแพ้ได้หรือไม่?
ตงฟางเก่งทุกอย่างแต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ก็แค่มดแมลงที่อ่อนแอ หากต้องการทำลายการประลองชะตา อาศัยเขาน่ะหรือ? ยังไม่มีคุณสมบัติพอ!
“นี่แหละคือท่าน เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้หยิ่งผยองนี่แหละคือท่าน!” ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะพูดต่อเทพพิทักษ์ทะเลมรณะก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าเจ้าให้คุณค่ากับคู่ต่อสู้ทุกคน ต่อให้เป็นมดแมลง เจ้าก็ยังไม่ผ่อนคลาย ก็คงไม่ก่อให้เกิดเรื่องตลกน่าขันนี้ได้เลย! อย่างไรก็ตามเพราะความเย่อหยิ่งผยองของเจ้า เจ้าถึงได้ละเลยตงฟางและเจ้ามีอำนาจพลังปล่อยให้ตงฟางใช้การเสียสละที่บ้าคลั่งวางแผนเหลี่ยมคู! เจ้าควรทบทวนตัวเอง เทียนอี้ เจ้าควรมีสติรู้ตัวเองได้ดีจะได้ไม่ต้องถูกศัตรูล่อลวงให้สับสนไปโดยไม่รู้ตัว!”
“ข้าเลือกคู่ต่อสู้ผิดหรือ?” เทียนอี้สีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดทันทีขณะที่เขามองไปที่เย่ว์หยางที่ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย “ท่านหมายความว่าคู่ต่อสู้ประลองชะตาไม่ใช่เย่ว์ไตตันแต่เป็นนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีอย่างนั้นหรือ?”
“ผิดแล้ว”เทพพิทักษ์ทะเลมรณะตวาดลั่น “เจ้ายังค้นไม่เจอหรือ? คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเจ้าคือนาง!”
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยกมือ
และชี้นิ้ว
เป็นสตรีลึกลับผู้ลอยตัวขึ้นมาจากทะเลมรณะและนางสวมชุดที่คลุมถึงหน้า
มีดอกไม้ที่งดงามสามดอกงดงามจนอธิบายไม่ได้หมุนอยู่รอบตัวนางช้าๆ กลิ่นที่ปล่อยออกมาทำให้จิตใจที่ขุ่นเคืองบ้าคลั่งในทะเลมรณะได้รับการชำล้างในทันทีวิญญาณแค้นที่คลั่งแค้นอาฆาตล้วนสำนึกผิดทันทีและหายไปทีละดวงๆ
“อะไรนะ?”เทียนอี้มองไปทางสตรีลึกลับนางนี้และพบว่าสตรีผู้นี้เขาไม่มีข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับนางอยู่เลย นางเป็นใคร?
“นางได้รับสืบทอดเจตจำนงโบราณของโลกแกนสมดุลในเทพบรรพตและทะเลมรณะและยังได้รับการยอมรับจากคนรุ่นก่อนอีกนับไม่ถ้วน นางเป็นผู้มีคุณสมบัติอีกคนหนึ่งในการประลองชะตากับเจ้า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะบอกเทียนอี้ว่าความผิดพลาดของเขานั้นทำให้ผลที่ตามมาร้ายแรงมาก
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นนาง อย่างนั้นเย่ว์ไตตันเล่า?” เทียนอี้ไม่คิดว่าเขามีคู่ต่อสู้สองคน เขาไม่คิดว่าในการประลองชะตาอีกฝ่ายจะมีกันสองคน
“เจ้าหน้าโง่”
ในเส้นทางโบราณมีร่างเงาร่างหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ
เสียงของนางแหลมยิ่งกว่าคมมีดทะลวงหูของเทียนอี้เสียอีก “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? โง่อย่างเจ้านี้มิน่าเล่าตงฟางถึงหลอกเจ้าด้วยอุบายบัดซบได้ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าฝึกฝีมือมาแบบโง่ๆหรือเปล่า ความฉลาดก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด? บางทีอาจเป็นเพราะความมั่นใจในพลังที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองสิ่งที่เย้ายวนอย่างตำแหน่งเทพจอมราชันย์ทำให้จิตใจของเจ้าร้อนรุ่มจนลืมเรื่องนี้ไป”
นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีลอยตัวเข้ามาช้าๆตามเส้นทางโบราณ ร่างของนางเต็มไปด้วยบาดแผลเป็นพันๆ และผิวของนางแทบจะไม่สามารถปิดบังกระดูกได้
แต่ดาบศึกในมือของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก
รังสีฆ่าฟันแผ่ขยาย
เมื่อเห็นนางมาถึงม่านตาของเทียนอี้หดลีบลงเล็กน้อย
เมื่อเย่ว์หยางเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเขารีบเข้าไปประคองนางทันทีถ้าไม่รีบเอาใจนางตอนนี้ ครั้งต่อไปอาจไม่มีโอกาสเช่นนั้น
“ปรากฏว่าคู่ต่อสู้การประลองชะตาที่แท้จริงของข้าก็คือนางนั่นเอง!” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มองไปทางสตรีลึกลับโดยตรงอีกครั้ง จิตใจที่กระวนกระวายสับสนของเขากลับคืนสู่ความความเยือกเย็นอีกครั้ง “เจ้ามีทักษะความสามารถใดบ้าง? สามารถยืนต่อหน้าข้าแข่งขันชิงตำแหน่งเทพจอมราชันย์กับข้าหรือ? จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีจักรพรรดิอวี้จ้านฟง คนเหล่านี้ไม่ต้องพูดถึง แค่คุณชายสามตระกูลเย่ว์อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในรอบหมื่นปีทำไมเจ้าถึงสามารถแทนที่เขาได้และกลายเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตของหอทงเทียนได้เล่า?”
“ก็เพราะนางคือมารดาของคุณชายสามตระกูลเย่ว์”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากส่วนลึกของเส้นทางโบราณ
อย่างไรก็ตามนางไม่ใช่มาคนเดียวนางอยู่กับแม่สี่ที่เย่ว์หยางกังวลห่วงใยอีกด้วย
ข้างหลังแม่สี่มีเงาร่างที่งดงามซึ่งเย่ว์หยางคิดถึงมานานแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกับนาง นางเดินตามเงียบๆเช่นเดียวกับภรรยาที่เพิ่งเดินผ่านประตูวิวาห์ นางคือหมิงเยี่ยกวงหลังจากแยกจากกันที่หุบเขามนุษย์ ในที่สุดก็ได้พบกับสาวน้อยได้ในวันนี้เมื่อเย่ว์หยางมองไปทางนาง นางทำหน้าล้อเลียน และกระพริบตางดงามทำให้เย่ว์หยางรู้สึกมีความกระตือรือร้น
สำหรับฝ่าบาทผู้มีแสงดาวเปล่งประกายทั่วร่างจนแทบมองเห็นภาพไม่ชัดเจนนางมีความลึกลับยิ่งกว่าจักรพรรดินีราตรี ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงนางเย่ว์หยางไม่กล้ารับรู้ แน่นอนว่าทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกจากปากฝ่าบาทเย่ว์หยางไม่สนใจสิ่งอื่นทันที เขาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่สตรีลับลับที่มีดอกไม้สามดอกอยู่รอบตัว
อะไรนะ?
นางคือมารดาของเขาหรือ?
นางยังดูเหมือนอายุน้อยไม่เหมือนมารดา แต่เหมือนน้องสาวมากกว่า!
“เพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพคนเดียวในรอบหมื่นปีและได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนในจัตุรัสเวลา คนแรกที่สื่อสารกับโลกบูรพาได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์บูรพาต่างๆเป็นคนแรกที่เปิดผนึกบันไดสวรรค์ปล่อยให้พฤกษาโลกปรากฏรับแสงสว่างอีกครั้ง คนแรกที่ผ่านดอกไม้พฤกษาแห่งชีวิต ให้กำเนิดบุตรชายที่มีชีวิตไม่เหมือนใครในโลกเป็นคนแรกที่ใช้สติปัญญาที่ไม่มีใครเทียบ ได้รับตกทอดและทำสัญญากับคัมภีร์เทพเป็นผู้พิทักษ์หอทงเทียนเป็นคนแรกที่ผ่านด่านฝึกฝนทั้งสิบด่านและในเวลาเดียวกันก็ยังอบรมบ่มเพาะบุตรชายของนางให้เป็นโอรสเทพชะตาที่ไม่เหมือนใครเขาคือเทพจอมราชันย์ในอนาคต... เจ้าคิดว่านางมีคุณสมบัติพอหรือไม่?” แม่สี่ถือหนังสือเล่มใหญ่ในมือ
คัมภีร์เทพเล่มนี้คล้ายกับคัมภีร์เทพดินแดนทดสอบฝีมือของฝีมือแต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
สาวกิเลนปิงหยินและเสี่ยวเหวินหลีพวกนางเคยเห็นคัมภีร์เทพนี้ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยกฎสวรรค์ในมิติโบราณอยู่ในชั้นสี่ของหอทงเทียน
เทียนอี้ฟังเรื่องทั้งหมดอย่างโง่งม
มารดาของเย่ว์ไตตันยอดเยี่ยมขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของนางเลย?
ตงฟางไม่สิ ผู้อาวุโสมากมายในหอทงเทียน...ในที่สุดเทียนอี้ก็เข้าใจว่าตงฟางจงใจทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาความจริงแล้วกลับเป็นการลอบปกป้องมารดาเย่ว์ไตตันเต็มรูปแบบเพื่อให้นางได้มีโอกาสเติบโตขึ้น
ตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้ตงฟางมักจะมุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะอย่างคุณชายสามตระกูลเย่ว์
เขาใช้ประโยชน์จากจุดนี้
หลอกทุกคนได้สำเร็จ
“จำคำทำนายของเทพชราลึกลับได้ไหม?” เฟ่ยเหวินแค่นเสียงเยาะเย้ย “เทพจอมราชันย์คนต่อไปจะไม่ใช่บุรุษจากทวีปมังกรทะยานหรือสตรีจากเผ่าปีศาจแดนนรก เจ้ามีความสุขมากที่นี่ไม่ใช่เป็นจักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อไม่ใช่ข้าเฟ่ยเหวินหลี ไม่ใช่จักรพรรดิอวี้จ้านฟงแต่เจ้าคาดไม่ถึงเลยว่าเทพชราลึกลับจะหมายถึงสตรีจากบันไดสวรรค์ซึ่งเป็นผู้มีอยู่ที่เจ้าเพิกเฉย”
“ไม่,คำทำนายของเทพชราลึกลับกล่าวว่า”ไม่ได้มาจากหอทงเทียน”ปรมาจารย์ฉีหังยังหลอกตัวเอง นี่เป็นไปไม่ได้ เทพผู้นั้นกับเขาเป็นสหายกันมาเกือบแสนปีแล้ว และในเวลานั้นเขาไม่ได้หลอกลวงแต่เป็นการเสี่ยงทาย
“ประโยคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร?”นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหัวเราะ “เจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าทำไมถึงมีผู้มีคุณสมบัติประลองชะตาถึงสองคน อย่างไรก็ตามในฐานะผู้แพ้เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้เจ้าเพียงแค่รักษาความมั่นใจที่งี่เง่าและความเสียใจสิ้นหวังจากนั้นก็ตายไปซะ ข้าเฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถบรรลุสถานะเทพจอมราชันย์แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำได้แน่! เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถบรรลุพลังเทพจอมราชันย์ได้ด้วยพลังหรือ? น่าขันจริงๆใครเล่าไม่ทุ่มเท? ใครเล่าไม่เสียสละ และใครกันแน่ที่ไม่สำนึกตัว?สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงพื้นฐานการบรรลุพลังเทพจอมราชันย์อย่างแท้จริง ต้องเอาชนะตนเองและควบคุมโชคชะตาได้...เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะบอกศัตรูได้และเจ้ายังคงแข่งขันท้าทายเพื่อตำแหน่งเทพจอมราชันย์ เจ้าไม่กลัวเป็นตัวตลกให้หัวเราะเยาะหรือ?”
“สมดุลแห่งชะตาประลองชะตา ตอนนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว”มารดาผู้ลึกลับของเขาเอ่ยปากพร้อมกับเปล่งรัศมีทันที
กฎสวรรค์ประจำโลกแกนสมดุล
กระจายออกทันที
และกลั่นตัวบริสุทธิ์ขึ้นเป็นพันๆเท่า กลายเป็นตาชั่งชะตาที่มองไม่เห็นแต่เกิดจากพลังกฎสวรรค์อย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่งของตาชั่งชะตาคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้อีกด้านหนึ่งเป็นมารดาผู้ลึกลับและเย่ว์หยางที่รีบเข้ามาเพื่อทักทายแม่สี่
“บัดซบ”ถ้าเทียนอี้ยังไม่รู้ว่าเขาเข้าใจเป้าหมายผิด เขาก็คงเป็นคนงี่เง่า เขาโกรธมากแต่ก็มีความมั่นใจเพียงพอเพราะจากการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งแล้ว เขาเชื่อว่าเขาเหนือกว่าสตรีลึกลับฝ่ายตรงข้ามมาก และมีความมั่นใจว่าเขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ชัยชนะในที่สุด “การประลองชะตาที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว แล้วยังไงเล่า? ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ในการสู้กันครั้งนี้ผู้ชนะสุดท้ายก็ยังเป็นข้าอยู่ดี!”
“เจ้ามั่นใจจริงๆนะ” มารดาผู้ลึกลับของเย่ว์หยางยิ้ม “แต่เจ้าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ข้าได้ ถ้าข้าจะสู้กับเจ้า ดูเหมือนจะเป็นการรังแกเกินไปบ้าง แต่ในเมื่อเจ้ายืนยันจะสู้ข้าจะให้โอกาส”
“......”เทียนอี้ไม่เชื่ออย่างแน่นอน เขารู้สึกว่านี่เป็นแผนการของศัตรู
ต้องการทำให้เขาตกใจกลัวหรือ?
ไม่มีทาง
ข้าคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ข้าจะต้องชนะและกลายเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตแน่นอน!
แม่สี่ยังยืนอยู่ตรงนั้นนางพยักหน้าให้ก่อนยิ้มให้เย่ว์หยาง นางถือคัมภีร์เทพเข้าไปในสนามรบอย่างสบายๆ “ท่านพี่, ข้านำคัมภีร์เทพมาให้ท่านแล้ว”
“อาเซียงกฎแห่งเทพดั้งเดิมข้าบอกแล้วว่าข้าส่งให้เจ้าข้ามีคัมภีร์อัญเชิญเป็นของตัวเองแล้ว และในตำหนักทองลับของแดนสวรรค์ตะวันตก ข้าได้ทำสัญญากับกฎสวรรค์ดั้งเดิมอีกครั้งแล้ว” มารดาผู้ลึกลับไม่ใส่ใจที่จะแสดงว่าคัมภีร์เทพนี้เป็นของนาง
“เอื๊อก”
ไม่เพียงแต่มังกรปีศาจเท่านั้นที่แทบกระอักโลหิตในที่นั้น
แม้แต่จักรพรรดินีราตรีหรือนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็แทบทนไม่ได้
บ้าจริงๆทั้งแม่ทั้งลูกผิดปกติมนุษย์! แค่ลูกชายนางก็มีอย่างน้อยสามคัมภีร์ แต่ละเล่มก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกเล่มหนึ่ง ส่วนมารดายังสาวนี้ก็ผิดธรรมดาพอกันนางมีคัมภีร์เทพอย่างน้อยสองเล่ม แต่ละเล่มทุกคนได้แต่ฝันนี่นับว่าผิดปกติมากไปหรือไม่?
**** *** ****