ตอนที่ 1389 ลาก่อนศัตรูเก่าของข้า!
“รีบๆ ผนึกเลย เร็วเข้าไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป” ฉงฉีกังวลทันทีที่ถานไถถูเมี่ยมาถึงเขารีบเข้าไปหาเย่ว์หยางและรีบร้องเตือนเย่ว์หยางอย่าเอาแต่ดูเรื่องสนุกต่อไปกำลังเสริมของศัตรูยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากเขาไม่เริ่มผนึกจะไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงเช่นไร
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแม้แต่จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรก็กังวลเช่นกัน
แต่พวกเขาไม่กล้าตอแยเย่ว์หยาง
ได้แต่กระวนกระวาย
เย่ว์หยางมองลึกลงไปในเส้นทางโบราณขณะที่ยื่นมือกดลงที่ศีรษะฉงฉี
ในนามของเทพจอมราชันย์ในอนาคตพลังเทพสูงสุดไหลเข้าไปในตัวของฉงฉีโคจรอยู่ในร่างของฉงฉีโดยไม่มีการต่อต้านใดๆและในที่สุดก็กำหนดกฎสวรรค์ผนึกไปที่ข้อจำกัดพันธนาการทั้งหมดปิดกั้นผลชะตาในอนาคตตามหลักของการผนึก
“อ๊า......”
ฉงฉีร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด
มีโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา รองจากกฎเนรเทศแล้ว เมื่อเขาถูกผนึกสำเร็จแล้วเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงจากศีรษะถึงหางจากอสูรอมตะไปเป็นอสูรร้าย กฎสันติภาพถูกผนึกชะตาของเขาเปลี่ยนไป พลังที่ซ่อนอยู่ในร่างของเขาปะทุระเบิดออกจากทางด้านศีรษะ
พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ความเศร้าโศกที่ไม่รู้ที่มาลอยออกมาจากโลกมิติเวลา
กฎแห่งสันติภาพถูกผนึกอสูรอมตะเลือดบริสุทธิ์เปลี่ยนไปเป็นสุดยอดอสูรร้ายที่ทรงพลัง และทั่วทั้งโลกแกนสมดุลถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยพลังสังหารแห่งอสูรร้ายอำมหิตที่น่ากลัวและท้องฟ้าทั้งหมดอาบไปด้วยแสงสีโลหิต
โลกเป็นเหมือนขุมนรก ตำแหน่งที่ฉงฉียืนมีสารพัดอาวุธ มีทั้งดาบ ปืน กระบี่ ง้าว เขา เขี้ยว กรงเล็บและเกล็ดผุดขึ้นมาจากพื้นเปลี่ยนเป็นพลังกฎปีศาจของฉงฉี เมื่อไม่ถูกจำกัด พลังจะปล่อยออกมาโดยอัตโนมัติขนาดเจ้าของพลังอย่างฉงฉีที่เป็นเจ้าของพลังเองยังไม่อยากเชื่อว่าร่างของเขาเก็บพลังไว้มากมายขนาดนี้
“อ๊า.......” ฉงฉีทะลึ่งพรวดพราดและกระแสพลังปีศาจกวาดไปทั่ว โลกแกนสมดุลสั่นสะเทือน
อย่างไรก็ตามเขาหลั่งน้ำตาโลหิตอย่างคาดไม่ถึง
น้ำตาหยดลงพื้น
เปลี่ยนเป็นบ่อโลหิตที่ลุกไหม้
เสียงเหมือนกับเสียงคร่ำครวญเสียใจยิ่งมียิ่งมากขึ้นเย่ว์หยางที่ดูเหมือนไร้หัวใจยังอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นมีเสียงร่ำไห้มาจากทางด้านสาวๆ
“เจ้างี่เง่านี่ทำจริงๆ ด้วย ข้าเองยังไม่กล้าจัดการให้เขา!” สาวกิเลนปิงหยินปาดน้ำตาที่หางตา นางแค่นเสียงไม่พอใจนางเองรู้ว่าการผนึกนั้นง่าย แต่คิดจะทำให้ฟื้นคืนเหมือนเดิมได้นางเกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉงฉีเป็นอสูรกระหายเลือดและแข็งแกร่ง เขาคงต้องก่อบาปกรรมมากมายเพราะพลังยิ่งใหญ่ของเขาและคงไม่มีทางชดใช้ได้ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการกลับไปอยู่ในสถานะอสูรอมตะเขาคงเดินตามรอยมังกรปีศาจ
“พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ย บัดนี้ข้าขอท้าทายเจ้า” ฉงฉีแทบทนท้าทายศัตรูไม่ได้
ครั้งแรกต้องใช้มีด
พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยไม่สนใจเขา
ทำไมถึงไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้? ฉงฉีเหมือนกับชอบความรุนแรงอยู่แล้ว แต่เขาไม่ใช่คนโง่ แค่ใช้หัวแม่เท้าก็คิดออกสุดยอดหัวหน้าไม่ใช่ผู้ที่เขาท้าทายได้ มันเกินขีดจำกัดของเขาเขาได้แต่ท้าทายถานไถถูเมี่ยซึ่งเป็นขีดจำกัดปัจจุบันของเขา!
“และเราด้วย”จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร ได้รับการปลดผนึกจากเย่ว์หยาง ไม่มีผนึกอีกต่อไป
ภาพกาทองสามขาและเต่าดำเก้าหัวปรากฏ
หนึ่งซ้าย และหนึ่งขวา
ภาพขยายไปถึงขอบโลกแกนสมดุล
แม้ว่าจะไม่สามารถกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับอสูรอมตะด้วยการปลดปล่อยพลังของเย่ว์หยาง หลังจากจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรถูกเนรเทศและผนึกพลังไว้ พลังส่วนหนึ่งของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกมาในนามของเทพจอมราชันย์ในอนาคตซึ่งได้รับการยอมรับและอนุมัติให้กระทำการรบในสนามรบ
พลังเทพที่ร้อนแรงราวกับพระอาทิตย์พันดวงเปล่งรัศมีรังสีแสงดูราวกับกระบี่ที่สาดลงมาจากท้องฟ้า
นี่คือพลังเทพกาทองหลังจากจักรพรรดิทองได้รับการปลดปล่อยพลังและมีพลังเพิ่มขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งพลังเทพที่เปล่งออกมาจากร่างของจักรพรรดิอสูรมืดมิดราวกับคุกมืดกลืนความสว่างของท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ไฟปีศาจใต้พิภพเก้าชนิดที่สามารถเผาไหม้และกลืนกินได้แม้กระทั่งแสงเทพปรากฏอยู่ในมือของจักรพรรดิอสูรบางครั้งก็กลืนกินรัศมีทองที่จักรพรรดิทองฉายผ่านเข้ามาถึง
“โอว..”ราชามังกรสองหัวกู่อั๋งมองไปที่ฉงฉีจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรทั้งสามคนด้วยความอิจฉา
มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากเย่ว์หยาง
ส่วนที่เหลือแม้แต่ชาวเผ่าอสูรเก้าหัวและอสูรทมิฬก็ไม่ได้รับของขวัญอย่างเดียวกันประสาอะไรกับเผ่ามังกรฟ้าที่วางตัวเป็นศัตรูมาก่อน
ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานี้มีทางเลือกสองทางทางแรกคือกู่อั๋งและคนอื่นเลือกที่จะติดตามเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้านายใหญ่ผู้นี้ดูก็รู้จะต้องชนะอย่างมิต้องสงสัย ในฐานะบริวารของเขาแม้ว่าจะไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ที่ดีแต่อย่างน้อยชีวิตที่น่าสงสารยังได้หลักประกัน ถ้าไม่อยากเป็นมดแมลงของเทียนอี้ กู่อั๋งและพวกก็สามารถเลือกติดตามคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะพ่ายแพ้
ถ้าเย่ว์ไตตันสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างถ้าพวกเขาเลือกทางสายที่สอง อย่างนั้นจะเป็นปัญหาที่พิเศษ การได้รับผลประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดพวกเขาอาจได้เข้าไปสัมผัสโลกบูรพาได้
“พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือ?”ราชามังกรสองหัวกู่อั๋งต้องการปรึกษากับเผ่าอสูรทมิฬ แต่พวกอสูรทมิฬเข้าไปหาเย่ว์หยางกันหมด
“เฮอะ, พวกเจ้าค่อยๆคิดก็ได้ไม่ต้องกังวล” คนเผ่าอสูรทมิฬแค่นเสียงใส่
“เผ่าทมิฬเรายินดีตายเพื่อจอมราชันย์”ปีศาจหมูป่าและปีศาจหมีดำคุกเข่า
พวกเขาไม่ได้เทิดทูนบูชาเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
แต่เป็นเย่ว์หยาง
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์อสูรแม้ว่าอาจมีสายเลือดของเผ่าอสูรเบาบางจนไม่ได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิอสูรแห่งแดนสวรรค์บนแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขา พวกเขากลับมีความภาคภูมิใจ
ทั้งที่รู้ว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัยทั้งที่รู้ว่าจะต้องตายในการต่อสู้ แต่พวกเขาก็เลือกทางเลือกนี้ไม่มีความเสียใจ
“เจ้าหมูยังฉลาดกว่าเจ้าด้วยซ้ำ”ร่างเงาสีเขียวแค่นเสียง
“ตายเป็นตาย อย่างนั้นก็สู้กัน!” มังกรสองหัวกู่อั๋งและราชินีว่านกูซูมองหน้ากันเองและวิ่งไปคุกเข่าแทบเท้าเย่ว์หยางคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้มีพลังน้อยกว่าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มากมาย พวกเขาทิ้งทางเลือกแรกที่เอาชนะได้ก็จะปลอดภัยและเลือกเส้นทางที่สองซึ่งเป็นทางที่เสี่ยงต่อการพ่ายแพ้มังกรสองหัวคิดว่าเขาต้องบ้าไปแล้ว หรือไม่ก็คงสมองตายแน่ๆ
“พวกเจ้าเลือกทางนี้จริงๆ หรือ?” เทียนอี้สงสัยเล็กน้อย
“ข้ายังจะเลือกใหม่ได้อีกหรือ?”มังกรสองหัวย้อนถามเบาๆ ว่านกูซูผู้เป็นสหายยังรู้สึกอับอาย
“ใช่แล้วข้าผู้เป็นเทพจะให้โอกาสเจ้าเลือกใหม่” เรื่องโปรดของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้คือสู้กับเย่ว์หยางอย่างไร้ขีดจำกัด เพราะคนๆนี้เป็นศัตรูในชีวิตของเขาและเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตของเขา
“ไม่เหรอ?” มังกรปีศาจตะโกนลั่น “แม้แต่คนหน้าหนาอย่างข้าก็ยังทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“เงียบไปเลย,เรื่องนี้ควรพิจารณาให้รอบคอบไม่ใช่หรือ?” มังกรสองหัวกระวนกระวาย มิฉะนั้นเขาคงไม่กล้าตะโกนใส่มังกรปีศาจต่อให้เขากล้า ก็คงได้แต่ตะโกนใส่โอ่งน้ำ
“เจ้าจะเลือกอะไร?”เทียนอี้มองดูมังกรสองหัว
เผียะ เขาตบหน้าตัวเอง
สิ่งที่เขาต้องการคือตบหน้าด้วยผลของการทรยศนี้
สำหรับเย่ว์หยาง สิ่งที่เขาทำก็คือปล่อยให้เขาจมอยู่กับความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงและจากนั้นอยู่กับความเจ็บปวดและเสียใจอย่างไร้ขอบเขตเฝ้าดูเขาเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์ การประลองชะตาต้องการความสำเร็จนั่นคือชื่อของเทพจอมราชันย์ในอนาคต มีเจตจำนงและบารมีสูงส่งที่ไม่อาจตอแยและลบหลู่ได้!
มังกรสองหัวกลับมาที่ใจกลางของโลกแกนสมดุล
นั่งคอตก
ท่าทางเหมือนชั่งใจในการต่อสู้ระหว่างโลกและสวรรค์
ราชินีว่านกูซูในฐานะสหายอดเอามือปิดหน้าไม่ได้นางไม่สามารถทนดูการกระทำที่น่าอับอายนี้ได้
“ก็ได้ ข้าตัดสินใจเลือกแล้ว”มังกรสองหัวกู่อั๋งกำหมัดแน่น ในที่สุดเขาก็ทำใจได้เลือกเส้นทางในอนาคต
“ดีมาก บอกทุกคนให้ชัดว่าเจ้าเลือกทางไหน เจ้าบอกทุกคน ว่าอะไรคือทางเลือกที่ถูก”เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยิ้ม เขามีความมั่นใจมาก ตั้งแต่เริ่มต้นมังกรสองหัวเริ่มเปลี่ยนใจเขารู้ว่าเจ้ามดแมลงน้อยตัวนี้คงจะไม่เลือกคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“เจ้าคนทรยศ!” มังกรปีศาจสบถลั่นด้วยความโกรธ“อย่าตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าก็แล้วกัน มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
“.......”จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรมองดูมังกรสองหัวด้วยความเกลียดชัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ถานไถถูเมี่ยหัวเราะลั่น
“ข้า....” ราชามังกรสองหัวเสียงสั่นท่ามกลางสายตาที่งงงวยของราชินีว่านกูซู เขาตะโกนขึ้น “ทางเลือกของข้าและเป็นทางเลือกสุดท้ายก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์!”
“อะไรนะ?”นักรบตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดูเรื่องสนุกตาค้าง
“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?” มังกรปีศาจสะดุ้งเช่นกัน
“ว่าไงนะ?” ราชินีว่านกูซูไม่อยากเชื่อสหายผู้นี้ได้แต่มองอย่างงุนงง
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”เทียนอี้ไม่ได้โกรธ แต่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่หลังจากมองดูเย่ว์หยาง เขาถามประโยคนี้ด้วยท่าทางสบายๆ
“เพราะ เพราะ เพราะ..ข้า ...ข้าต้องการสู้กับพวกท่าน” มังกรสองหัวเสียงสั่น ภายใต้พลังกดดันของเทียนอี้ เขาตะโกนออกมา “ข้าต้องพึ่งพาคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แต่เดิมเขาเป็นศัตรูของข้าถ้าย้อนไปถึงเรื่องอดีต เขาจะไม่คิดบัญชีเก่ากับข้า เนื่องจากข้าเลือกข้างเขาข้าจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาประทับใจ และแสดงทัศนคติความภักดีต่อเขา”
เทียนอี้ยืนเงียบไปช่วงเวลาสั้นๆ
และพยักหน้าอีกครั้ง “คาดไม่ถึงจริงๆข้าไม่คิดมาก่อน เจ้าผู้เป็นเหมือนมดจะเล่นเล่ห์เหลี่ยมได้ เจ้าอาจจะใช้เดิมพันมากไปหน่อยก็ได้”
เหงื่อของมังกรสองหัวไหลออกมาจากหน้าผากราวกับน้ำ มือเท้าของเขาสั่นแต่เสียงของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติ “ข้าไม่พนันด้วย อยู่ฝ่ายท่าน ในที่สุดก็ตายอยู่ดี แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ข้าขอเลือกจะเป็นวีรบุรุษดีกว่าแม้ว่าจะเป็นได้แค่ชั่วคราวก็ตาม!”
“ดีมาก เจ้าเด็กน้อย ข้าชื่นชมเจ้า!” มังกรปีศาจหัวเราะจนจมูกพะเยิบพะยาบ
สำหรับเทียนอี้ นี่ไม่เพียงแต่เป็นการตบหน้าเขาแต่ยังทำให้มังกรปีศาจมีความสุข
หากไม่ใช่เพราะเคลื่อนที่ไม่ได้
เขาจะเข้าไปกอดมังกรสองหัวสักครั้ง!
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรหายโกรธแม้แต่ฉงฉีที่มองเขาอย่างดูถูกดูแคลนก็ยังยกนิ้วให้ อย่างไม่เคยทำมาก่อน คนฝ่ายเทียนอี้แสดงความเกลียดชังทันทีพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยในขณะนี้มองดูมังกรสองหัวเหมือนคนตายคนหนึ่ง
มองกลับมาที่ด้านของเย่ว์หยางมังกรสองหัวรู้สึกอึดอัดกลัวจนกางเกงเปียกชุ่ม
นั่นคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้!
ทำเหมือนตบหน้าเขาอย่างนี้
คิดว่าเขาไม่กลัวแม้แต่น้อยหรือ?ไร้สาระ
ในส่วนลึกของเส้นทางโบราณมีเงาร่างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงมาถึงในที่สุด
คนที่มาถึงเป็นยอดนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งแทบจะทัดเทียมเทพพิทักษ์เขากวงหมิงก่อนหน้านี้คนหนึ่งมาจากตำหนักแสงเจิดจรัสแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเป็นสหายของอาจารย์ของเทียนอี้ ปรมาจารย์เหนียนหัว ปรมาจารย์เสินเติ้งอีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์ฉีหัง สามปรมาจารย์เฒ่ารายล้อมนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ปรมาจารย์ฉีหังมีอีกชื่อว่าเทียนฉี
เขามีสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนอี้
นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปรมาจารย์ฉีหังจะมีสัมพันธ์ใดกับเทียนอี้ก็ตามแต่ทุกคนไม่มีความสงสัยบทบาทของเขาที่มีในประวัติชีวิตเทียนอี้ที่ผ่านมา
เทียนฉีมีพลังเทพและพลังกฎสวรรค์ในเส้นเดินทางที่ทรงพลังมากกว่าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง
เขาคืออัจฉริยะผู้จุดประกายนำเทียนอี้เข้าสู่เส้นทางเทพเจ้า
แม้จะไม่เป็นที่รู้จักของโลกภายนอก
แต่ปรมาจารย์ฉีหังก็เป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างมิต้องสงสัย
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายแต่เขารีบเร่งมาตามเส้นทางโบราณหวังจะใช้พลังเทพของเขาเลื่อนระดับให้ลูกศิษย์ของเขาเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
“อาจารย์” ในฐานะอาจารย์เทียนอี้ไม่เคยแสดงมารยาทสุภาพกับปรมาจารย์ฉีหังเพราะเทพพิทักษ์เขากวงหมิง แม้ว่าจะเคารพนับถือเหมือนกันแต่มีเพียงคนเดียวที่ทำให้เทียนอี้เชื่อฟังก็คือปรมาจารย์ฉีหังคนที่ให้เขาอาบแสงศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าต้องจบการประลองชะตาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้”ประโยคแรกของอาจารย์ฉีหังทำให้เทียนอี้รู้สึกหนักใจ “การต่อสู้ที่จัตุรัสเวลาจบลงแล้ว ปรมาจารย์เสิ่นเติ้งตายแล้วปรมาจารย์เหนียนหัวตัดสินใจกักขังตนเองที่จัตุรัสเป็นเวลาหมื่นปี นางพญาอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีแม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยความตั้งใจของนาง นางคงจะกัดฟันและเข้ามาช่วยที่นี่ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ เจ้าต้องจบการประลองชะตานี้ให้เร็วเท่าที่ทำได้ก่อนที่เฟ่ยเหวินหลีจะมาถึง...”
“ก็ได้” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ได้ยินว่าปรมาจารย์เสิ่นเติ้งตายแล้ว เขากำหมัดแน่นอย่างควบคุมตอนเองไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ภายในครึ่งวินาที
เขาฟื้นฟูเจตจำนงสูงสุดที่ไม่หวั่นไหวดุจภูผา
เขาชำเลืองมองดูปรมาจารย์ฉีหังที่ปฏิเสธรับพลังเทพเพื่อฟื้นฟูร่างเขาพยักหน้าและหันหน้าไปทางเย่ว์หยางคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้าม “ควรจะจบเรื่องตลกๆ นี้อย่างเป็นทางการได้แล้ว”
ไพ่ในมือของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังไม่เปิดเผยออกมา และด้วยพลังในปัจจุบันของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกสถานการณ์
การรบครั้งนี้จะต้องปรากฎผลชนะ
มังกรปีศาจที่ล้มอยู่กับพื้นเย่เมิ่งและราชันย์ไร้ใจยังไม่ปรากฏผลต่อสู้แตกหัก นางพญาอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีได้รับผลกระทบจากการต่อสู้แตกหักที่จัตุรัสเวลาสายเกินกว่าจะมาได้ทันและอสูรอมตะเด็กที่ยังอ่อนแอเหมือนมดแมลงมดแมลงเพียงไม่กี่ตัวนี้จะพลิกสถานการณ์ได้หรือ นั่นเป็นเรื่องตลกมาก! การประลองชะตาครั้งนี้หลังจากต่อสู้และมีการเสียสละอย่างมากมาย ในที่สุดก็ได้ผลตอบแทนในอนาคตคืนมาเสียที
สถานะเทพจอมราชันย์กำลังรอตัวเขาในอนาคต
“ทุกท่านที่เสียสละโปรดพักผ่อนอย่างสงบเทียนอี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้กำมือแน่น ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงพลังที่เหนือกว่าที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดราวกับว่าเป็นดวงตาที่ใกล้ระดับเทพจอมราชันย์
“.....” เย่ว์หยางไม่กล้าประมาทจ้องมองศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในชีวิต
“ลาก่อนศัตรูเก่าของข้า” เทียนอี้พูดจบ ก็ปรากฏตัวที่หน้าเย่ว์หยางทันที
หมัดของเขา
กระแทกใส่ที่ตำแหน่งหัวใจของเย่ว์หยาง
ขณะนั้นพลังเทพที่สามารถทำลายโลกแกนสมดุลได้ทั้งหมดถูกกลั่นควบรวมอยู่ในหมัดเดียวกลายเป็นพลังสังหารที่ไม่มีใครหยุดได้ต่อยเข้าที่อกของเย่ว์หยาง
**** *** ******* ผนึกที่เย่ว์หยางใช้กับฉงฉี เป็นการผนึกกฎสวรรค์ที่ใช้ควบคุมพลังของฉงฉีให้อ่อนกำลังลงทำให้ฉงฉีใช้พลังได้มากขึ้น