ตอนที่ 1388 นั่นคือทางที่ข้าเปิดไม่ใช่หรือ?
“ไม่เลว ข้าชอบทางเลือกนี้”เทียนอี้ไม่สนใจทางเลือกสู้ของเสวี่ยอู๋เสีย ไม่สนใจที่พวกนางโจมตีทะเลมรณะ
สำหรับเขา
ศัตรูที่เหมือนมดแมลงไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ก็ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง
เช่นเดียวกับตงฟางบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นนักยุทธศาสตร์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สติปัญญาของเขาฉลาดกว่าคนทั่วไป จากนั้นแล้วยังไง? ต่อหน้านักสู้ระดับเทพยอดฝีมือปัญญาสูงส่งจะใช้การอะไรได้? มดแมลงสามารถคำนวณวางแผนเพื่อเอาชนะเทพได้หรือไม่?พลังความแข็งแกร่งคือหลักประกันที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกอย่างนี่คือความจริงหนึ่งเดียวในแดนสวรรค์
และความจริงนี้อยู่ในมือของเขาเองนอกจากนี้เทียนอี้ไม่เคยคิดว่าใครหน้าไหนในโลกนี้จะมีพลังเหนือกว่าเขา
แม้แต่ตงฟางก็ยังเป็นไปไม่ได้
หากตัวเขาเองมีความคิดผ่อนคลายเรื่องการฝึกปรือเมื่อนั้นบุคคลอันดับหนึ่งจะกลายเป็นตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือไม่
“ปล่อยพวกนางไปและจากนั้นเล่นกับพวกมัน ฆ่าพวกมันได้ตามที่พวกเจ้าต้องการ!” เทียนอี้ตะโกนบอกบริวารนักรบตำหนักกลางให้ปล่อยเย่คงและเจ้าอ้วนไห่กับคนอื่นเขาชี้และยิงพลังไปที่เย่คงเจ้าอ้วนไห่และพวกนักรบจากสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนลอยขึ้นไปในท้องฟ้าแต่ละคนเหมือนกับดาวตกพุ่งเข้าไปยังวิหารส่วนต่างๆ
ในที่นั่นเย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆจะต้องพบกับกฎสวรรค์ที่หนักหน่วงที่สุด และถูกทัณฑ์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุด
พลังของพวกเขาจะถูกลดจำกัดลงจนอ่อนแอ
ทุกวินาที
พวกเขาจะถูกทำร้ายอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ในวิหารส่วนต่างๆ บริวารของเทียนอี้จะได้รับพลังสนับสนุนเสริมมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
“ขอท่านประมุขสูงสุดโปรดอนุญาตให้เราได้ตายเพื่อท่านเพื่อแสดงความภักดีความจงรักภักดีของพวกเรามั่นคงดุจภูเขากวงหมิงตลอดกาล” เทพสังหารถูซื่อถูว่านและยอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตของแดนสวรรค์และผู้ติดตามตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากเปลี่ยนใจอย่างเงียบๆ ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้จุมพิตแผ่นดินใกล้เท้าของเขาขอโอกาสรับใช้ว่าที่เทพจอมราชันย์ในอนาคต
“ไปเถิด จงไปทำตามที่พวกเจ้าชอบใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่เจ้าเลือก ข้าผู้เป็นเทพรับประกันได้ว่าความพยายามของพวกเจ้าจะได้รับผลตอบแทน” เทียนอี้ไม่ทำแม้แต่จะเหลือบมองพวกเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ปฏิเสธความจงรักภักดีของมดแมลงเหล่านี้
คนที่เขาให้ความสนใจมีเพียงคนเดียวนั่นคือเย่ว์หยาง ผู้มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพจอมราชันย์อีกคนหนึ่ง
เทียนอี้หาวอย่างไม่สนใจอะไร เขากล่าวเร่งรัดเย่ว์หยาง “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ถ้ายังมีไม้ตายเล็กน้อยอะไรก็จงรีบนำออกมาใช้ให้หมด มิฉะนั้นการประลองครั้งนี้จะน่าเบื่อเกินไป!”
เย่ว์หยางไม่สนใจโต้คารมและเขารีบรวบรวมพลังเทพส่งไปสนับสนุนนักรบหอทงเทียนที่อยู่ในวิหารต่างๆ ถ้าเขาไม่ทำ เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆ จะอยู่รอดได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเทียนอี้มองดูเงียบๆ และไม่แทรกแซงขัดขวางเย่ว์หยาง แต่สีหน้าของเขาแปลกประหลาดเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตถ้าไม่บีบบังคับให้เย่ว์หยางถึงจุดจบของชีวิต
“เจ้ามีไม้ตายสำคัญอยู่ในมือแท้ๆแต่ทำไมไม่เอาออกมาใช้?” เทียนอี้เชื่อในสัญชาตญาณของเขา
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะใช้เมื่อถึงเวลา”เย่ว์หยางบอกว่านี่ยังไม่ถึงเวลาใช้
“ถ้าอย่างนั้นก็มาสู้กันต่อ”เทียนอี้ตัดสินใจเพิ่มแรงกดดัน
เขาสงสัยว่ายังจะมีผู้พิทักษ์อยู่เบื้องหลังเจ้าเด็กนี่หรือไม่หรือว่าจนถึงช่วงวิกฤตสุดท้ายผู้พิทักษ์นั้นจะออกมาขัดขวาง
บางทีผู้พิทักษ์นี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเด็กนี่สามารถควบคุมได้หรืออาจแค่ปกป้องชีวิตของเขาแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวการดำเนินชีวิตของเขามีความเป็นไปได้อื่นแน่นอน แม้ว่าเขาจะมีผู้พิทักษ์คุ้มครองแต่ไม่สามารถขัดขวางการประลองชะตาได้ ถ้าเป็นอย่างหลังอย่างเทียนอี้รู้สึกว่าเขาคงสามารถสนุกกับการประลองก่อนเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์
ไม่ นี่ไม่ใช่การประลองเลย
มันคือการเข่นฆ่า
เย่ว์ไตตันที่อยู่ต่อหน้าเขาแม้ว่าเขาจะได้รับเลือกให้ประลองชะตาอันศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวของเขา....
“ผู้คนดิ้นรนอย่างลำบาก มอบของขวัญให้เจ้า!” เทียนอี้เงื้อมือสูง รังสีเทพของเขาดูยิ่งใหญ่มาก แสงเทพนับล้านเสมือนดอกไม้ไฟส่องแสงสีเงินสาดไปทั่วโลกแกนสมดุล กฎสวรรค์พิเศษที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับตาข่ายแผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดล้วนตกอยู่ในตาข่ายฟ้านี้
เหมือนกับอวน
ถึงตอนนี้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งเข้ามาในทะเลมรณะพร้อมกับทางเดินแก้วผลึกที่สร้างโดยกำแพงปราณถูกกฎสวรรค์ตาข่ายฟ้าจับได้ทันที
บนเส้นทางที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่เสวี่ยทันหลางและนักรบหอทงเทียนถูกคร่ากุมไป
วิหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มาอยู่ในโลกแกนสมดุลมีอสูรแมงมุมออกมามากมาย
พวกมันบ้าคลั่ง
กระโจนเข้าหาศัตรูที่ถูกจำกัดโดยกฎตาข่ายฟ้า
“แมงมุมมากมายนัก!” หน้าของเสวี่ยอู๋เสียแสดงความรังเกียจ นางกวาดมือที่งดงามเหมือนหยกด้วยพลังปัญญาอันสูงส่ง หิมะน้ำแข็งที่กำเนิดมาแต่ยุคโบราณตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นกวาดแผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล ในพริบตาอสูรที่โผล่ออกมาจากตำหนักวิหารต่างๆกลายเป็นซากถูกแช่แข็งทั้งหมด เทียนอี้มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อยมือขวาของเสวี่ยอู๋เสียถือดวงแก้วเทพชะตาที่แสดงถึงภูมิปัญญาในการขจัดอุปสรรคและดูเหมือนเพียงหมัดเดียว ตาข่ายฟ้าที่จำกัดนางไว้ได้ก็หายไปทันทีและกฏสวรรค์และโลกกลับฟื้นฟูเหมือนก่อนนั้น
“เราสู้ด้วยกัน” เจ้าแม่จันทราและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้ามาช่วยตัดตาข่ายฟ้าและอี้หนานและเย่ว์ปิงอยู่ที่ใจกลาง
“แล้วเจ้าเล่า?จะไม่ทำอะไรเลยหรือ?” เทียนอี้หันไปมองเย่ว์หยาง
ทันทีที่เขาพูดจบความเย็นในโลกแกนสมดุลหายไปอีกครั้งและมีอสูรแมงมุมนับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากในวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อยหนุนเนื่องเข้ามาในหอทงเทียน
เย่ว์หยางไม่ทำอะไรเขามองดูข้างบนตำแหน่งประตูเทพโบราณ
เทียนอี้ประหลาดใจเล็กน้อย
คุณชายสามตระกูลเย่ว์กำลังรอกำลังเสริมหรือ?
แต่แม้ว่าจะมีกำลังเสริมก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาในประตูเทพโบราณนี้ได้ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้การประลองชะตาเริ่มขึ้นแล้วไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาจากประตูเทพได้
ขณะที่เทียนอี้สงสัยประตูเทพโบราณก็ส่งเสียงดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนขยับศีรษะขึ้นและได้ยินเสียงฮึดฮัด มีทัพหนุนเสริมจริงๆ หรือ? ก่อนที่เขาจะทันสนองตอบมีเสียงบึ้มอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเสียงปะทะกันดังขึ้น ใครกันที่ทุบประตูเทพ? เทียนอี้มองดูเย่ว์หยางด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์หลั่งเหงื่อพรั่งพรู
“เปิดผิดวิธีหรือเปล่า?” มีเสียงน่ารักดังขึ้น
“บึ้ม!”
“......” ครั้งนี้แม้แต่เทียนอี้ที่เป็นศัตรูก็พูดไม่ออก
“ปู่ประตูเทพเปิดให้ข้าเข้าไปหน่อยเถอะ ข้ากำลังรีบ” เสียงน่ารักดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจกาละและเทศะ
ประตูเทพโบราณเปิดรับคนน่ารักหน่อยได้ไหม?
เย่ว์หยางอดทำน้ำลายยืดไม่ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อก็คือเทพประตูโบราณเปิดพื้นที่ให้ครึ่งหนึ่งจริงๆปล่อยให้สาวน้อยผู้น่ารักข้างนอกพุ่งวาบเป็นประกายสีเขียวเข้ามา ทันทีที่เข้ามาได้นางไม่สนใจใครโผเข้าอ้อมกอดสุ่ยอู๋เหินร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร “แง้....พี่อู๋เหิน! ผู้อื่นหัวน่วมปูดเป็นลูกซาลาเปาไปแล้ว มันแข็งมากจริงๆ แง้.....”
อู๋เหินรีบกอดและปลอบโยนนาง “โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เจ้าทำได้ดีมากเลยทีเดียวทุกคนรู้ว่าปิงหยินเจ้าทำงานอย่างหนัก อย่าร้องเลยนะ!”
หน้าของเย่ว์หยางมีเหงื่อเกาะพราว
เทียนอี้เฝ้าดูอยู่เป็นเวลานานและพบว่าเป็นแค่อสูรอมตะเด็กรูปร่างอ่อนแอและพลังอ่อนแอจนพูดไม่ออก
เสียเวลาเปล่า
ศิลาก้อนมหึมาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าร่วงลงมาบนพื้นอย่างง่ายดาย
“นี่คือไพ่ในมือของเจ้าใช่ไหม?” ตอนนี้เทียนอี้รู้สึกเศร้าใจแทนเย่ว์หยางไพ่ในมือแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นไม่ว่าจะแสดงออกมาหรือไม่ก็ตาม จากมุมมองของเทียนอี้เขาเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่มีความมั่นใจในไพ่ใบนี้ เทียนอี้ตรวจสอบสาวกิเลนปิงหยินครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้และยืนยัน หากคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่มีความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่อื่นใด การประลองครั้งนี้เขาคือผู้ชนะคนสุดท้ายและเป็นคนเดียว
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เย่ว์หยางคิดอยู่เดียวว่า สิ่งที่สาวกิเลนหยินจะช่วยได้คือช่วยให้เหตุการณ์วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก
“ข้าก็มาช่วย”สาวกิเลนปิงหยินชูกำปั้นน้อย
“ก็ได้” เย่ว์หยางชี้ไปในจุดที่ไกลๆออกไป “เมื่อเจ้าไปอยู่ตรงนั้นและอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไร จะช่วยข้าได้มาก”
“ฮึ!ตั้งใจทำดีแต่ไม่มีรางวัล” สาวกิเลนปิงหยินเชิดจมูกฮึดฮัด นางเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาตัวร้ายข้ามโลกมิฉะนั้นจะไม่ยกโทษให้กับบุรุษที่ไร้เหตุผลผู้นี้ นี่เป็นการดูหมิ่นนางอย่างเห็นได้ชัด ดีแต่ทำให้ตัวเองดูดี แต่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ... มีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจปิงหยินนางต้องการให้เย่ว์หยางดูดี จึงปล่อยวางเรื่องอื่นไว้ทีหลัง
เสวี่ยอู๋เสียมองดูที่กำมือของนางและถามด้วยความสงสัย“เจ้าถืออะไรอยู่หรือ?”
ปิงหยินค่อยรู้สึกตัวร้องลั่น
และรีบปล่อยทันที
แสงริบหรี่หลากสีสันกลับสู่สภาพเป็นร่างของคนกลุ่มใหญ่เต็มที่ปรากฏต่อสายตาทุกคนเพราะถูกย่อส่วนอยู่ในที่แคบนานเกินไปพวกเขาอดครวญครางด้วยความเจ็บปวดมิได้
ฉงฉีเด็กหนุ่มดื้อรั้นฟื้นตัวเร็วที่สุดเป็นคนแรกเขารีบวิ่งไปหาลูกพี่มังกรปีศาจ “อ๊า..ลูกพี่ ท่านกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
“ถ้าเจ้าโดนค้อนประกาศิตสวรรค์เจ้าคงต้องนอนเป็นสุนัขตายเหมือนกับข้านี่แหละ” มังกรปีศาจกรอกตา,เจ้าเด็กนี่แกล้งกันใช่ไหม?
“ใครทำอย่างนี้? ข้าจะช่วยล้างแค้นให้ท่าน!” ฉงฉีหันไปรอบๆ จากจุดที่มังกรปีศาจอยู่เขารีบวิ่งไปที่เท้าของเย่ว์หยางทันที
“อย่าเชียว...ข้าไม่ยอมให้เจ้าเกาะแข้งเกาะขาข้าแน่ ขาของข้ามีไว้ให้สาวสวยกอดเท่านั้น” เย่ว์หยางจริงจังมากกับเรื่องนี้
“ได้โปรด, ช่วยเนรเทศข้าเถอะ” ฉงฉีมีเหตุผลที่ต้องเกาะแข้งเกาะขาเขา
เขารู้ว่าผู้ที่มีความสามารถอยู่ในกลุ่มนั้นมีเพียงคนเดียวคือเย่ว์หยาง
แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแน่นอน
น้ำเสียงของเย่ว์หยางคล้ายกับสาวกิเลนปิงหยิน “มันก็ดีอยู่หรอก แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้า”
การเนรเทศอสูรอมตะเรื่องนี้ฟังดูเหมือนดี แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนมีสติปัญญาปกติจะไม่ทำเช่นนั้นเหตุผลก็คือเบื้องหลังของอสูรอมตะทุกตัวล้วนมีชาติตระกูล ถ้ามีใครทำก็อาจเป็นการละเมิดตระกูลใหญ่หรือคนสำคัญผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้
ทำไมเจ้าเนรเทศลูกข้าไปยังดินแดนชั้นต่ำ?
ถ้าเขาสามารถเถียงกลับดังๆ ได้ก็ลูกพวกเจ้าก่อเรื่องใหญ่และข้าก็ทำเพื่อเขา บางทีเขาแทบไม่อาจแบกรับเอาไว้ได้... ถ้าเจ้าถูกเนรเทศโดยไม่มีปัญหาก็คงดีเย่ว์หยางปกติก็ไม่เคยทำร้ายใครอย่างนั้น
ฉงฉีทำแบบนี้เกินไปหรือไม่?
การเนรเทศฉงฉีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่การปลดผนึกให้จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรสักเล็กน้อยเป็นความต้องการเร่งด่วนไม่พูดถึงเลยว่าเย่ว์หยางต้องการกำลังเสริมอย่างจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรอย่างน้อยกระดาษชำระก็ไม่ใช่ของสูญเปล่า
“ข้าขอร้องเจ้า ถ้าเจ้าไม่เนรเทศข้าก็ต้องผนึกข้าไว้!” ฉงฉีเสนอทางเลือกอื่นอีก
ในฐานะอสูรอมตะมีกฎจำกัดไว้ว่า“คนอื่นไม่ล่วงเกินเรา เราไม่รุกรานคนอื่น”
หากผู้อื่นไม่โจมตีด้วยเจตนาร้ายก็ไม่มีทางหาเรื่องต่อสู้ได้
กฎนี้เป็นเรื่องที่ดีต่ออสูรอมตะอื่น
และเป็นความโชคร้ายขนานใหญ่ของฉงฉีที่รักการต่อสู้มาโดยตลอดดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำตามกฎที่อสูรอมตะส่วนใหญ่เห็นด้วยไม่อย่างนั้นมังกรปีศาจจะกลายเป็นแบบอย่างที่เขาเทิดทูนได้อย่างไร? ถ้าเย่ว์หยางไม่เนรเทศก็ต้องผนึกเอาไว้ เป็นการดีที่สุดที่ผนึกสถานะอสูรอมตะไว้สักหลายร้อยหรือหลายพันปีแล้วค่อยฟื้นฟูภายหลัง ถ้าฟื้นฟูสถานะไม่ได้นั่นเป็นเรื่องดี!
ฉงฉีพิจารณาถึงวิธีนี้
“เจ้าทำให้ข้าปวดหัวมากยิ่งขึ้น”เย่ว์หยางพูดไม่ออก
เนื่องจากลูกของบ้านอื่นเต็มใจจะลงไปลุยเองคงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลนักถ้าไม่ทำอะไรเลย
ผนึกแบบนี้สามารถฟื้นฟูได้ต่างจากเนรเทศ เมื่อปีศาจเฒ่ารายรอบตัวเขาร้องขอให้ชดเชยเขาสามารถเตะส่งเจ้าผู้นี้กลับคืนไปได้ แม้จะไม่เต็มใจนัก
“ข้าขอร้อง ข้าอยากสู้ ข้ามีความฝัน”ฉงฉีกระตือรือร้น การได้ต่อสู้คือความสุข
“บอกไว้ล่วงหน้าเลยนี่เป็นเจ้าขอร้องข้าเองนะ” เย่ว์หยางเหมือนถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูก
“ได้เลยๆ ถือว่าข้าขอร้องอย่างจริงจัง”ฉงฉีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“ในอนาคตหากผู้ใหญ่บ้านเจ้ามาเคาะประตูบ้านข้าขอคิดบัญชีกับข้า เจ้าต้องพูดให้ชัดเจนเลยว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”เย่ว์หยางปัดความรับผิดชอบเรื่องนี้ไปก่อนเขาเอาเยี่ยงอย่างเหลยฟงผู้ทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อเอาไว้ แต่การทำสิ่งเลวร้ายก็ยิ่งทำให้เสียชื่อได้
“รับรองได้ ไม่มีใครมาตามคิดบัญชีแน่ครอบครัวข้าไม่เคยให้ความสนใจข้าอยู่แล้ว” พฤติกรรมของฉงฉีที่ทำอยู่บ่อยๆ อาจทำให้ตระกูลของเขาเสียใจก็ได้
“ในเมื่อเจ้าจริงจังขนาดนั้นและขอร้องอย่างจริงใจ...”เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องโยนให้เป็นปัญหาครอบครัวที่อบรมกุลบุตรลูกหลานและแก้ไขปัญหาครอบครัวพวกเขาเอง นอกจากนี้การผนึกยังคงมีทางให้ฟื้นฟูได้ต่างจากการเนรเทศ เรื่องสนุกแบบนี้ถือเป็นการละเล่นของเด็กไม่สายเกินไปที่จะปล่อยเขาในภายหลัง ปล่อยให้เขาได้มีคุณสมบัติของอันธพาลไปก่อน!
เทียนอี้ไม่แยแส
เขามองอย่างดูถูก เหมือนดูละครตลก
ไม่ว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรก็ตามตราบเท่าที่เขามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าศัตรูจะทำอะไรก็ไม่คุ้มกับรอยยิ้ม
นอกจากนี้ การประลองชะตาควรมีเรื่องตื่นเต้นขึ้นมาบ้างไม่ใช่หรือ?
ดิ้นรนต่อสู้เอาเป็นเอาตาย!
ข้ามองเจ้าในแง่ดีมากๆคุณชายสามตระกูลเย่ว์!
“นายท่าน! ข้าพัศดีถานไถถูเมี่ยกลับมารายงานตัวหลังจากดำเนินการตามคำสั่งแล้ว” พิธีผนึกของเย่ว์หยางไม่ทันนำออกมาใช้ที่เส้นทางโบราณมีกำลังเสริมฝ่ายศัตรู และนั่นคือถานไถถูเมี่ยผู้มีความแข็งแกร่งสุดยอด เทียนอี้ชำเลืองมองถานไถถูเมี่ยที่หมอบอยู่กับพื้น เขาไม่พูดอะไรแค่พยักหน้าเล็กน้อย
สายตาของเขามองไปที่ส่วนลึกของเส้นทางโบราณ
มาแล้ว
มีเงาร่างสายหนึ่ง
บินเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง
******* ****