ตอนที่แล้วตอนที่ 1387 ลุยหน้าต่อไป!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1389 ลาก่อนศัตรูเก่าของข้า!

ตอนที่ 1388 นั่นคือทางที่ข้าเปิดไม่ใช่หรือ?


“ไม่เลว ข้าชอบทางเลือกนี้”เทียนอี้ไม่สนใจทางเลือกสู้ของเสวี่ยอู๋เสีย ไม่สนใจที่พวกนางโจมตีทะเลมรณะ

สำหรับเขา

ศัตรูที่เหมือนมดแมลงไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ก็ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง

เช่นเดียวกับตงฟางบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นนักยุทธศาสตร์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สติปัญญาของเขาฉลาดกว่าคนทั่วไป จากนั้นแล้วยังไง? ต่อหน้านักสู้ระดับเทพยอดฝีมือปัญญาสูงส่งจะใช้การอะไรได้? มดแมลงสามารถคำนวณวางแผนเพื่อเอาชนะเทพได้หรือไม่?พลังความแข็งแกร่งคือหลักประกันที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกอย่างนี่คือความจริงหนึ่งเดียวในแดนสวรรค์

และความจริงนี้อยู่ในมือของเขาเองนอกจากนี้เทียนอี้ไม่เคยคิดว่าใครหน้าไหนในโลกนี้จะมีพลังเหนือกว่าเขา

แม้แต่ตงฟางก็ยังเป็นไปไม่ได้

หากตัวเขาเองมีความคิดผ่อนคลายเรื่องการฝึกปรือเมื่อนั้นบุคคลอันดับหนึ่งจะกลายเป็นตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือไม่

“ปล่อยพวกนางไปและจากนั้นเล่นกับพวกมัน ฆ่าพวกมันได้ตามที่พวกเจ้าต้องการ!” เทียนอี้ตะโกนบอกบริวารนักรบตำหนักกลางให้ปล่อยเย่คงและเจ้าอ้วนไห่กับคนอื่นเขาชี้และยิงพลังไปที่เย่คงเจ้าอ้วนไห่และพวกนักรบจากสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนลอยขึ้นไปในท้องฟ้าแต่ละคนเหมือนกับดาวตกพุ่งเข้าไปยังวิหารส่วนต่างๆ

ในที่นั่นเย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆจะต้องพบกับกฎสวรรค์ที่หนักหน่วงที่สุด และถูกทัณฑ์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุด

พลังของพวกเขาจะถูกลดจำกัดลงจนอ่อนแอ

ทุกวินาที

พวกเขาจะถูกทำร้ายอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวัง

ในวิหารส่วนต่างๆ บริวารของเทียนอี้จะได้รับพลังสนับสนุนเสริมมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

“ขอท่านประมุขสูงสุดโปรดอนุญาตให้เราได้ตายเพื่อท่านเพื่อแสดงความภักดีความจงรักภักดีของพวกเรามั่นคงดุจภูเขากวงหมิงตลอดกาล” เทพสังหารถูซื่อถูว่านและยอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตของแดนสวรรค์และผู้ติดตามตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากเปลี่ยนใจอย่างเงียบๆ  ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้จุมพิตแผ่นดินใกล้เท้าของเขาขอโอกาสรับใช้ว่าที่เทพจอมราชันย์ในอนาคต

“ไปเถิด จงไปทำตามที่พวกเจ้าชอบใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่เจ้าเลือก ข้าผู้เป็นเทพรับประกันได้ว่าความพยายามของพวกเจ้าจะได้รับผลตอบแทน”  เทียนอี้ไม่ทำแม้แต่จะเหลือบมองพวกเขา

อย่างไรก็ตามเขาไม่ปฏิเสธความจงรักภักดีของมดแมลงเหล่านี้

คนที่เขาให้ความสนใจมีเพียงคนเดียวนั่นคือเย่ว์หยาง ผู้มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพจอมราชันย์อีกคนหนึ่ง

เทียนอี้หาวอย่างไม่สนใจอะไร  เขากล่าวเร่งรัดเย่ว์หยาง  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  ถ้ายังมีไม้ตายเล็กน้อยอะไรก็จงรีบนำออกมาใช้ให้หมด มิฉะนั้นการประลองครั้งนี้จะน่าเบื่อเกินไป!”

เย่ว์หยางไม่สนใจโต้คารมและเขารีบรวบรวมพลังเทพส่งไปสนับสนุนนักรบหอทงเทียนที่อยู่ในวิหารต่างๆ  ถ้าเขาไม่ทำ เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆ จะอยู่รอดได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเทียนอี้มองดูเงียบๆ และไม่แทรกแซงขัดขวางเย่ว์หยาง แต่สีหน้าของเขาแปลกประหลาดเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตถ้าไม่บีบบังคับให้เย่ว์หยางถึงจุดจบของชีวิต

“เจ้ามีไม้ตายสำคัญอยู่ในมือแท้ๆแต่ทำไมไม่เอาออกมาใช้?” เทียนอี้เชื่อในสัญชาตญาณของเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะใช้เมื่อถึงเวลา”เย่ว์หยางบอกว่านี่ยังไม่ถึงเวลาใช้

“ถ้าอย่างนั้นก็มาสู้กันต่อ”เทียนอี้ตัดสินใจเพิ่มแรงกดดัน

เขาสงสัยว่ายังจะมีผู้พิทักษ์อยู่เบื้องหลังเจ้าเด็กนี่หรือไม่หรือว่าจนถึงช่วงวิกฤตสุดท้ายผู้พิทักษ์นั้นจะออกมาขัดขวาง

บางทีผู้พิทักษ์นี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเด็กนี่สามารถควบคุมได้หรืออาจแค่ปกป้องชีวิตของเขาแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวการดำเนินชีวิตของเขามีความเป็นไปได้อื่นแน่นอน แม้ว่าเขาจะมีผู้พิทักษ์คุ้มครองแต่ไม่สามารถขัดขวางการประลองชะตาได้ ถ้าเป็นอย่างหลังอย่างเทียนอี้รู้สึกว่าเขาคงสามารถสนุกกับการประลองก่อนเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์

ไม่ นี่ไม่ใช่การประลองเลย

มันคือการเข่นฆ่า

เย่ว์ไตตันที่อยู่ต่อหน้าเขาแม้ว่าเขาจะได้รับเลือกให้ประลองชะตาอันศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวของเขา....

“ผู้คนดิ้นรนอย่างลำบาก  มอบของขวัญให้เจ้า!”  เทียนอี้เงื้อมือสูง  รังสีเทพของเขาดูยิ่งใหญ่มาก แสงเทพนับล้านเสมือนดอกไม้ไฟส่องแสงสีเงินสาดไปทั่วโลกแกนสมดุล  กฎสวรรค์พิเศษที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับตาข่ายแผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดล้วนตกอยู่ในตาข่ายฟ้านี้

เหมือนกับอวน

ถึงตอนนี้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งเข้ามาในทะเลมรณะพร้อมกับทางเดินแก้วผลึกที่สร้างโดยกำแพงปราณถูกกฎสวรรค์ตาข่ายฟ้าจับได้ทันที

บนเส้นทางที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่เสวี่ยทันหลางและนักรบหอทงเทียนถูกคร่ากุมไป

วิหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มาอยู่ในโลกแกนสมดุลมีอสูรแมงมุมออกมามากมาย

พวกมันบ้าคลั่ง

กระโจนเข้าหาศัตรูที่ถูกจำกัดโดยกฎตาข่ายฟ้า

“แมงมุมมากมายนัก!” หน้าของเสวี่ยอู๋เสียแสดงความรังเกียจ นางกวาดมือที่งดงามเหมือนหยกด้วยพลังปัญญาอันสูงส่ง หิมะน้ำแข็งที่กำเนิดมาแต่ยุคโบราณตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นกวาดแผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล  ในพริบตาอสูรที่โผล่ออกมาจากตำหนักวิหารต่างๆกลายเป็นซากถูกแช่แข็งทั้งหมด เทียนอี้มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อยมือขวาของเสวี่ยอู๋เสียถือดวงแก้วเทพชะตาที่แสดงถึงภูมิปัญญาในการขจัดอุปสรรคและดูเหมือนเพียงหมัดเดียว ตาข่ายฟ้าที่จำกัดนางไว้ได้ก็หายไปทันทีและกฏสวรรค์และโลกกลับฟื้นฟูเหมือนก่อนนั้น

“เราสู้ด้วยกัน” เจ้าแม่จันทราและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้ามาช่วยตัดตาข่ายฟ้าและอี้หนานและเย่ว์ปิงอยู่ที่ใจกลาง

“แล้วเจ้าเล่า?จะไม่ทำอะไรเลยหรือ?” เทียนอี้หันไปมองเย่ว์หยาง

ทันทีที่เขาพูดจบความเย็นในโลกแกนสมดุลหายไปอีกครั้งและมีอสูรแมงมุมนับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากในวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อยหนุนเนื่องเข้ามาในหอทงเทียน

เย่ว์หยางไม่ทำอะไรเขามองดูข้างบนตำแหน่งประตูเทพโบราณ

เทียนอี้ประหลาดใจเล็กน้อย

คุณชายสามตระกูลเย่ว์กำลังรอกำลังเสริมหรือ?

แต่แม้ว่าจะมีกำลังเสริมก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาในประตูเทพโบราณนี้ได้ไม่ใช่หรือ?  ตอนนี้การประลองชะตาเริ่มขึ้นแล้วไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาจากประตูเทพได้

ขณะที่เทียนอี้สงสัยประตูเทพโบราณก็ส่งเสียงดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนขยับศีรษะขึ้นและได้ยินเสียงฮึดฮัด  มีทัพหนุนเสริมจริงๆ หรือ? ก่อนที่เขาจะทันสนองตอบมีเสียงบึ้มอีกครั้ง   ครั้งนี้เป็นเสียงปะทะกันดังขึ้น  ใครกันที่ทุบประตูเทพ?  เทียนอี้มองดูเย่ว์หยางด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์หลั่งเหงื่อพรั่งพรู

“เปิดผิดวิธีหรือเปล่า?”  มีเสียงน่ารักดังขึ้น

“บึ้ม!”

“......” ครั้งนี้แม้แต่เทียนอี้ที่เป็นศัตรูก็พูดไม่ออก

“ปู่ประตูเทพเปิดให้ข้าเข้าไปหน่อยเถอะ ข้ากำลังรีบ” เสียงน่ารักดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจกาละและเทศะ

ประตูเทพโบราณเปิดรับคนน่ารักหน่อยได้ไหม?

เย่ว์หยางอดทำน้ำลายยืดไม่ได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อก็คือเทพประตูโบราณเปิดพื้นที่ให้ครึ่งหนึ่งจริงๆปล่อยให้สาวน้อยผู้น่ารักข้างนอกพุ่งวาบเป็นประกายสีเขียวเข้ามา  ทันทีที่เข้ามาได้นางไม่สนใจใครโผเข้าอ้อมกอดสุ่ยอู๋เหินร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร  “แง้....พี่อู๋เหิน! ผู้อื่นหัวน่วมปูดเป็นลูกซาลาเปาไปแล้ว  มันแข็งมากจริงๆ แง้.....”

อู๋เหินรีบกอดและปลอบโยนนาง  “โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เจ้าทำได้ดีมากเลยทีเดียวทุกคนรู้ว่าปิงหยินเจ้าทำงานอย่างหนัก อย่าร้องเลยนะ!”

หน้าของเย่ว์หยางมีเหงื่อเกาะพราว

เทียนอี้เฝ้าดูอยู่เป็นเวลานานและพบว่าเป็นแค่อสูรอมตะเด็กรูปร่างอ่อนแอและพลังอ่อนแอจนพูดไม่ออก

เสียเวลาเปล่า

ศิลาก้อนมหึมาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าร่วงลงมาบนพื้นอย่างง่ายดาย

“นี่คือไพ่ในมือของเจ้าใช่ไหม?”  ตอนนี้เทียนอี้รู้สึกเศร้าใจแทนเย่ว์หยางไพ่ในมือแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นไม่ว่าจะแสดงออกมาหรือไม่ก็ตาม  จากมุมมองของเทียนอี้เขาเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่มีความมั่นใจในไพ่ใบนี้  เทียนอี้ตรวจสอบสาวกิเลนปิงหยินครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้และยืนยัน  หากคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่มีความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่อื่นใด การประลองครั้งนี้เขาคือผู้ชนะคนสุดท้ายและเป็นคนเดียว

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เย่ว์หยางคิดอยู่เดียวว่า สิ่งที่สาวกิเลนหยินจะช่วยได้คือช่วยให้เหตุการณ์วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก

“ข้าก็มาช่วย”สาวกิเลนปิงหยินชูกำปั้นน้อย

“ก็ได้” เย่ว์หยางชี้ไปในจุดที่ไกลๆออกไป  “เมื่อเจ้าไปอยู่ตรงนั้นและอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไร จะช่วยข้าได้มาก”

“ฮึ!ตั้งใจทำดีแต่ไม่มีรางวัล” สาวกิเลนปิงหยินเชิดจมูกฮึดฮัด  นางเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาตัวร้ายข้ามโลกมิฉะนั้นจะไม่ยกโทษให้กับบุรุษที่ไร้เหตุผลผู้นี้ นี่เป็นการดูหมิ่นนางอย่างเห็นได้ชัด ดีแต่ทำให้ตัวเองดูดี แต่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ...  มีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจปิงหยินนางต้องการให้เย่ว์หยางดูดี จึงปล่อยวางเรื่องอื่นไว้ทีหลัง

เสวี่ยอู๋เสียมองดูที่กำมือของนางและถามด้วยความสงสัย“เจ้าถืออะไรอยู่หรือ?”

ปิงหยินค่อยรู้สึกตัวร้องลั่น

และรีบปล่อยทันที

แสงริบหรี่หลากสีสันกลับสู่สภาพเป็นร่างของคนกลุ่มใหญ่เต็มที่ปรากฏต่อสายตาทุกคนเพราะถูกย่อส่วนอยู่ในที่แคบนานเกินไปพวกเขาอดครวญครางด้วยความเจ็บปวดมิได้

ฉงฉีเด็กหนุ่มดื้อรั้นฟื้นตัวเร็วที่สุดเป็นคนแรกเขารีบวิ่งไปหาลูกพี่มังกรปีศาจ “อ๊า..ลูกพี่ ท่านกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

“ถ้าเจ้าโดนค้อนประกาศิตสวรรค์เจ้าคงต้องนอนเป็นสุนัขตายเหมือนกับข้านี่แหละ” มังกรปีศาจกรอกตา,เจ้าเด็กนี่แกล้งกันใช่ไหม?

“ใครทำอย่างนี้?  ข้าจะช่วยล้างแค้นให้ท่าน!”  ฉงฉีหันไปรอบๆ  จากจุดที่มังกรปีศาจอยู่เขารีบวิ่งไปที่เท้าของเย่ว์หยางทันที

“อย่าเชียว...ข้าไม่ยอมให้เจ้าเกาะแข้งเกาะขาข้าแน่ ขาของข้ามีไว้ให้สาวสวยกอดเท่านั้น” เย่ว์หยางจริงจังมากกับเรื่องนี้

“ได้โปรด, ช่วยเนรเทศข้าเถอะ”  ฉงฉีมีเหตุผลที่ต้องเกาะแข้งเกาะขาเขา

เขารู้ว่าผู้ที่มีความสามารถอยู่ในกลุ่มนั้นมีเพียงคนเดียวคือเย่ว์หยาง

แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแน่นอน

น้ำเสียงของเย่ว์หยางคล้ายกับสาวกิเลนปิงหยิน  “มันก็ดีอยู่หรอก แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้า”

การเนรเทศอสูรอมตะเรื่องนี้ฟังดูเหมือนดี แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนมีสติปัญญาปกติจะไม่ทำเช่นนั้นเหตุผลก็คือเบื้องหลังของอสูรอมตะทุกตัวล้วนมีชาติตระกูล  ถ้ามีใครทำก็อาจเป็นการละเมิดตระกูลใหญ่หรือคนสำคัญผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้

ทำไมเจ้าเนรเทศลูกข้าไปยังดินแดนชั้นต่ำ?

ถ้าเขาสามารถเถียงกลับดังๆ ได้ก็ลูกพวกเจ้าก่อเรื่องใหญ่และข้าก็ทำเพื่อเขา บางทีเขาแทบไม่อาจแบกรับเอาไว้ได้... ถ้าเจ้าถูกเนรเทศโดยไม่มีปัญหาก็คงดีเย่ว์หยางปกติก็ไม่เคยทำร้ายใครอย่างนั้น

ฉงฉีทำแบบนี้เกินไปหรือไม่?

การเนรเทศฉงฉีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่การปลดผนึกให้จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรสักเล็กน้อยเป็นความต้องการเร่งด่วนไม่พูดถึงเลยว่าเย่ว์หยางต้องการกำลังเสริมอย่างจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรอย่างน้อยกระดาษชำระก็ไม่ใช่ของสูญเปล่า

“ข้าขอร้องเจ้า ถ้าเจ้าไม่เนรเทศข้าก็ต้องผนึกข้าไว้!” ฉงฉีเสนอทางเลือกอื่นอีก

ในฐานะอสูรอมตะมีกฎจำกัดไว้ว่า“คนอื่นไม่ล่วงเกินเรา เราไม่รุกรานคนอื่น”

หากผู้อื่นไม่โจมตีด้วยเจตนาร้ายก็ไม่มีทางหาเรื่องต่อสู้ได้

กฎนี้เป็นเรื่องที่ดีต่ออสูรอมตะอื่น

และเป็นความโชคร้ายขนานใหญ่ของฉงฉีที่รักการต่อสู้มาโดยตลอดดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำตามกฎที่อสูรอมตะส่วนใหญ่เห็นด้วยไม่อย่างนั้นมังกรปีศาจจะกลายเป็นแบบอย่างที่เขาเทิดทูนได้อย่างไร?  ถ้าเย่ว์หยางไม่เนรเทศก็ต้องผนึกเอาไว้  เป็นการดีที่สุดที่ผนึกสถานะอสูรอมตะไว้สักหลายร้อยหรือหลายพันปีแล้วค่อยฟื้นฟูภายหลัง ถ้าฟื้นฟูสถานะไม่ได้นั่นเป็นเรื่องดี!

ฉงฉีพิจารณาถึงวิธีนี้

“เจ้าทำให้ข้าปวดหัวมากยิ่งขึ้น”เย่ว์หยางพูดไม่ออก

เนื่องจากลูกของบ้านอื่นเต็มใจจะลงไปลุยเองคงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลนักถ้าไม่ทำอะไรเลย

ผนึกแบบนี้สามารถฟื้นฟูได้ต่างจากเนรเทศ เมื่อปีศาจเฒ่ารายรอบตัวเขาร้องขอให้ชดเชยเขาสามารถเตะส่งเจ้าผู้นี้กลับคืนไปได้ แม้จะไม่เต็มใจนัก

“ข้าขอร้อง ข้าอยากสู้ ข้ามีความฝัน”ฉงฉีกระตือรือร้น การได้ต่อสู้คือความสุข

“บอกไว้ล่วงหน้าเลยนี่เป็นเจ้าขอร้องข้าเองนะ” เย่ว์หยางเหมือนถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูก

“ได้เลยๆ ถือว่าข้าขอร้องอย่างจริงจัง”ฉงฉีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

“ในอนาคตหากผู้ใหญ่บ้านเจ้ามาเคาะประตูบ้านข้าขอคิดบัญชีกับข้า เจ้าต้องพูดให้ชัดเจนเลยว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”เย่ว์หยางปัดความรับผิดชอบเรื่องนี้ไปก่อนเขาเอาเยี่ยงอย่างเหลยฟงผู้ทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อเอาไว้  แต่การทำสิ่งเลวร้ายก็ยิ่งทำให้เสียชื่อได้

“รับรองได้ ไม่มีใครมาตามคิดบัญชีแน่ครอบครัวข้าไม่เคยให้ความสนใจข้าอยู่แล้ว” พฤติกรรมของฉงฉีที่ทำอยู่บ่อยๆ อาจทำให้ตระกูลของเขาเสียใจก็ได้

“ในเมื่อเจ้าจริงจังขนาดนั้นและขอร้องอย่างจริงใจ...”เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องโยนให้เป็นปัญหาครอบครัวที่อบรมกุลบุตรลูกหลานและแก้ไขปัญหาครอบครัวพวกเขาเอง  นอกจากนี้การผนึกยังคงมีทางให้ฟื้นฟูได้ต่างจากการเนรเทศ เรื่องสนุกแบบนี้ถือเป็นการละเล่นของเด็กไม่สายเกินไปที่จะปล่อยเขาในภายหลัง ปล่อยให้เขาได้มีคุณสมบัติของอันธพาลไปก่อน!

เทียนอี้ไม่แยแส

เขามองอย่างดูถูก เหมือนดูละครตลก

ไม่ว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรก็ตามตราบเท่าที่เขามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าศัตรูจะทำอะไรก็ไม่คุ้มกับรอยยิ้ม

นอกจากนี้ การประลองชะตาควรมีเรื่องตื่นเต้นขึ้นมาบ้างไม่ใช่หรือ?

ดิ้นรนต่อสู้เอาเป็นเอาตาย!

ข้ามองเจ้าในแง่ดีมากๆคุณชายสามตระกูลเย่ว์!

“นายท่าน! ข้าพัศดีถานไถถูเมี่ยกลับมารายงานตัวหลังจากดำเนินการตามคำสั่งแล้ว” พิธีผนึกของเย่ว์หยางไม่ทันนำออกมาใช้ที่เส้นทางโบราณมีกำลังเสริมฝ่ายศัตรู และนั่นคือถานไถถูเมี่ยผู้มีความแข็งแกร่งสุดยอด เทียนอี้ชำเลืองมองถานไถถูเมี่ยที่หมอบอยู่กับพื้น เขาไม่พูดอะไรแค่พยักหน้าเล็กน้อย

สายตาของเขามองไปที่ส่วนลึกของเส้นทางโบราณ

มาแล้ว

มีเงาร่างสายหนึ่ง

บินเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง

******* ****

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด