ตอนที่ 1387 ลุยหน้าต่อไป!
หลงทาง โดยไม่รู้ตัว?
สายตาของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวชุดเขียวนี้ไม่มีใครเข้าใจว่าต้องเป็นเด็กสาวแบบไหนถึงพูดได้แบบสบายๆในสภาพที่เหตุการณ์ตึงเครียดแบบนี้ นางคิดออกหรือไม่ว่ากำลังจะเกิดเหตุนองเลือดเป็นท้องธาร
“ดูเหมือนว่าน่าประทับใจเล็กน้อย”ถานไถถูเมี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามักจะรู้สึกว่าเขาคุ้นเคยกับสตรีผู้นี้มากราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“เจ้าเป็นชาวบูรพาใช่ไหม?”จักรพรรดิอสูรคือราชาแห่งเผ่าอสูร เขาชื่นชมชีวิตที่ยืนยาวนานของเผ่าบูรพาอมตะตามตำนานในยุคโบราณบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์อสูรดั้งเดิมเป็นอสูรอมตะเพราะบาปกรรมบางประการพวกเขาถูกขับออกจากโลกบูรพาและร่อนเร่อยู่ในแดนสวรรค์ ด้วยความทรงพลังมหาศาลผู้อาศัยดั้งเดิมจำใจต้องยอมรับการมาถึงของพวกเขา ตามลักษณะความเข้มแข็งของพลัง พวกเขาตั้งรกรากตั้งแต่แดนสวรรค์บน ค่อยๆแผ่ปกคลุมถึงแดนสวรรค์เขตล่างขยายลามมาถึงหอทงเทียนนี่คือจุดเริ่มต้นของเผ่าพันธุ์อสูรในเขตต่างๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่งเผ่าพันธุ์อสูรในปัจจุบันความจริงก็คือลูกหลานของเผ่าอสูรอมตะที่ถูกเนรเทศออกมานั่นเองเพียงแต่เวลาผ่านไปอย่างยาวนานมาก เนื่องจากการแต่งงานระหว่างกัน หรือเพราะความชั่วความเลวร้ายบางอย่างสายเลือดจึงค่อยๆ เจือจางลง รุ่นต่อรุ่นจึงไม่มีพลังที่ดีเท่าคนรุ่นก่อนพอปราศจากพลังของบรรพบุรุษที่ห่างไกล ในที่สุดก็กลายเป็นเผ่าอสูร
เช่นเดียวกับมนุษย์มังกรในหอทงเทียน,เผ่าอสูรและเผ่าภูตบูรพาอื่นต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยโอกาสได้กลับไปเสมอ
เพื่อทำตามเจตจำนงของบรรพบุรุษที่ห่างไกล
สำหรับเจตจำนงต้องการกลับไปมีอยู่ในตัวของอสูรทุกเผ่าพันธุ์
สำหรับความโหยหาที่แฝงอยู่ในสายเลือดมาเป็นเวลานานอาจปะทุขึ้นมาได้ราวกับภูเขาไฟ
ปลุกปลอบตัวเองให้ล้างบาปดั้งเดิมที่บรรพบุรุษก่อไว้เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์อมตะและกลับไปยังโลกบูรพานี่เป็นสัญชาตญาณของเผ่าอสูรทุกเผ่าพันธุ์ ต่อให้แดนสวรรค์สวยสดงดงามเพียงไหนก็ตามเผ่าพันธุ์อสูรจะมีอำนาจมีเกียรติยศเพียงไหนก็ตามก็ไม่สามารถปกปิดความว่างเปล่าในจิตใจได้
เพราะ
แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ของเผ่าพันธุ์อสูร
เผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ที่นี่เหมือนกับคนผ่านทางมามากกว่าและถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
“โปรดรับการคารวะจากเราเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ด้วยเถิด” จักรพรรดิทองรีบขึ้นมาอยู่ข้างหน้าและคำนับเด็กสาวอย่างสุภาพเผ่ากาทองสามขาคือเผ่าพันธุ์หนึ่งของแดนสวรรค์ที่ถูกเนรเทศมาจากโลกบูรพาเพราะช่วงเวลาไม่ยาวนาน กล่าวคือพวกเขาอยู่ในแดนสวรรค์ยังไม่ถึงสองหมื่นปี ดังนั้นจึงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการดำรงชีวิต เผ่ากาทองสามขาแทบจะไม่มีการแต่งงานกับชาวโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อยได้แต่ขังตัวเองอยู่ในที่แบบนี้ ไม่ถามไถ่เรื่องราวของโลกภายนอก และส่วนใหญ่จะรักษาความบริสุทธิ์ทางสายเลือดไว้ได้
จักรพรรดิทองกระตือรือร้นที่จะกลับไปยังโลกบูรพามากกว่าจักรพรรดิอสูร
ที่สำคัญคัญเผ่ากาทองสามขาของพวกเขามีความหวังมากกว่า
ในบรรดากลุ่มผู้อาวุโสที่มีอาวุโสสูงสุดและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดและกลุ่มชาติพันธุ์ในโลกบูรพามีสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและสายเลือดที่มิอาจวิจารณ์กับคนนอกได้
เมื่อเห็นชาวเผ่าอมตะมาถึงจักรพรรดิทองก็ยังยินดีตื่นเต้น แม้ว่าจะเป็นแค่นางฟ้ากิเลนน้อยก็ตามแต่ถ้าสามารถเป็นสหายที่ดีได้ อนาคตของเผ่ากาทองสามขาอาจเปลี่ยนไปได้ในวันหนึ่ง
“หือ,เจ้าคือคนเผ่ากาทองสามขาอย่างนั้นหรือ?” เด็กสาวในชุดเขียวก็คือสาวกิเลนปิงหยินนางชำเลืองมองดูจักรพรรดิทองและส่ายศีรษะน้อยๆ ของนาง“ดูเหมือนบาปที่พวกท่านก่อไว้จะมีไม่น้อย พลังสายเลือดถึงได้ถูกผนึกไว้หนาแน่น!”
“เป็นเพราะบรรพบุรุษมีการเข่นฆ่ามากเกินไปจึงได้ทิ้งมรดกปัญหาที่ยุ่งยากไว้” จักรพรรดิทองย่อมรู้แน่นอนว่าทำไมเผ่ากาทองสามขาของพวกเขาถึงถูกขับออกมา
“ไม่เป็นไร เมื่อทำผิดก็แก้ไขเท่านั้นเอง ตัวข้าเองทำผิดบ่อยๆท่านแม่ก็ยังอภัยให้อยู่เรื่อย” เด็กสาวกิเลนโบกมือและปลอบโยนจักรพรรดิทองที่กำลังหลั่งน้ำตามคำพูดของนางทำให้ทุกคนอึดอัด เด็กน้อยความคิดง่ายๆ เจ้าทำอะไรผิดพลาดหรือ?มารดาเจ้าย่อมยกโทษให้แน่นอน แต่เผ่ากาทองสามขาจะไปเหมือนกันได้อย่างไร? แน่นอนว่าการเข่นฆ่ามากเกินไปและถูกเนรเทศกำจัดคุณสมบัติของอสูรอมตะ นั่นเป็นโทษที่ค่อนข้างเบา ถ้าดำเนินการอย่างเคร่งครัดอาจจะต้องพิฆาตกำจัดกันทั้งเผ่าพันธุ์
“เข้าใจแล้ว”อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิทองยังจะพูดอะไรได้ในตอนนี้เล่า? ได้แต่พยักหน้า
“พวกท่านไม่ต้องเกรงใจมากมารยาทกับข้านักก็ได้” สาวกิเลนปิงหยินส่งสัญญาณว่าจักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิทองไม่ต้องสุภาพกับนางมากนัก นางยิ้มและกล่าว“ข้าเข้าใจอารมณ์ของพวกท่าน อย่าว่าแต่พวกท่านเลย ข้าจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้วคิดถึงท่านแม่และทุกอย่างที่บ้านมาก ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าคงไปสู้เพื่อเจ้าตัวร้ายแต่ข้าไม่ถนัดในเรื่องต่อสู้อย่างนี้...”
“เข้าใจแล้ว”พวกเผ่าอสูร มีจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ เจ้าไม่ถนัดต่อสู้แต่พวกเราถนัด!
มีโอกาสสู้เพื่อเผ่าพันธุ์เดียวกันยังดีกว่าทำอะไรให้คนอื่น
อย่าว่าแต่ศึกนี้พวกเขาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจเอง
ถึงจะไม่มีความเกี่ยวข้องในตระกูลเมื่อมีโอกาสเช่นนี้ก็ต้องช่วย
หลังจากได้ฟังเช่นนั้นแล้วสาวกิเลนปิงหยินเผยเงื่อนไขทันที “ถ้าได้ชัยในครั้งนี้ ข้าจะช่วยบอกท่านแม่ให้ จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับโชคของพวกท่านข้าไม่รับประกัน เลือดที่ถูกผนึกอยู่ในร่างกายของพวกท่าน ข้าจะหาทางปลดผนึกให้ได้ส่วนหนึ่ง แน่นอนว่าถ้าหาตัวร้ายพบเจอจะคลี่คลายปัญหาได้แน่นอนมากกว่า”
“ตกลง”
“สู้ตายจนกว่าหัวใจข้าจะหยุดเต้น”
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรตื้นตันใจจนแทบจะร้องไห้
ถ้าสามารถสร้างความดีความชอบได้พวกเขาก็มีโอกาส หลังจากถอยหลังไปหมื่นก้าวแม้ว่าบาปของรุ่นบรรพบุรุษจะร้ายแรงและเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้วอนุชนรุ่นหลังควรมีโอกาสกลับไปยังโลกบูรพาไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงได้พากเพียรอย่างหนักในช่วงหลายปีในชีวิตนี้เล่า?ก็ไม่ใช่เพื่ออนาคตของรุ่นลูกหลานหรือ!
ถานไถถูเมี่ยลอบร่ำร้องในใจ อสูรอมตะกิเลนออกมาอย่างนี้กำลังของฝ่ายตรงข้ามที่กระจัดกระจายเหมือนเม็ดทรายจะกลายเป็นแผ่นเหล็กที่แข็งแกร่งทันที
เพื่อนำเผ่าพันธุ์กลับไปหารากเหง้าจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรจะต้องกระตือรือร้นต่อสู้แน่นอน
เขาเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
การได้หวนกลับคืน
เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อเผ่าพันธุ์บูรพาที่หลงทาง
ก็แค่ต้องให้ทั้งหมดตายพวกนี้จะต้องเดินหน้าบุกอย่างบ้าคลั่ง....
“บางทีการฆ่าอสูรอมตะเป็นบาปหนักและเป็นการกระทำที่อันตรายในโลกนี้แต่เราพัศดีคุกโลหิตไม่มีทางเลือก” ถานไถถูเมี่ยยังรู้สึกโชคดีที่อสูรกิเลนนี้ยังเป็นเด็กไม่มีอะไรป้องกัน ถ้านางเป็นผู้ใหญ่เต็มวัย อย่างนั้นทุกอย่างคงจบ
“เจ้ากล้าหรือ?”จักรพรรดิทองยืดตัวขึ้นตระหง่านราวกับภูเขาไฟและแผดเผารัศมีเพลิงที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่ากาทองสามขาทันที
“ไสหัวไป!” ถานไถถูเมี่ยเงื้อมือตบใส่จักรพรรดิทองจนถอยห่างออกไปแสนเมตร
ยังมีข้า!
จักรพรรดิอสูรไม่รู้ว่ามายืนอยู่หน้าถานไถถูเมี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่
ร่างของเขามีเพลิงเทพครอบคลุมทั้งหมดแต่ไม่ใช่เพลิงสุริยาที่รุนแรงเป็นเปลวไฟปีศาจที่กลืนกินทุกอย่าง เปลวไฟปีศาจชนิดนี้ไม่สามารถคาดเดาได้เมื่อถูกใช้ออกผู้ชมดูจะเหมือนตกไปอยู่ในห้องแช่แข็ง อากาศเย็นไหลผ่านทำให้หยดน้ำรอบตัวจับตัวเป็นน้ำแข็ง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเปลวไฟชนิดนี้สามารถกลืนกินพลังเทพที่อยู่รอบๆได้รวมทั้งพลังเทพที่บุกรุกเข้ามาใกล้ จะถูกกลืนกินและย่อยสลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างเงียบๆ
ถานไถถูเมี่ยปล่อยหมัดกระแทกไฟสลายหมัดต่อยถูกหน้าอกของจักรพรรดิอสูร
กระดูกอกของจักรพรรดิอสูรแตกเป็นหลายชิ้น
โลหิตฉีดพุ่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เหมือนกับน้ำตก
แต่จักรพรรดิอสูรกลับไม่รู้สึกอะไรร่างของเขาเหมือนภูเขา ดวงตาแดงก่ำของเขา นอกจากความเจ็บปวดแล้วเขายังมีความมั่นใจ
“เจ้าต้องการเอาชนะข้างั้นหรือ? อย่างน้อยต้องใช้หมัดหนักกว่านั้นพันเท่าไม่อย่างนั้นล้มข้าไม่ได้ ก่อนที่เจ้าจะล้มข้าได้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าผ่านไป” ความคิดของจักรพรรดิอสูรคือเว้นแต่ข้ามศพเขาไปได้มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ถานไถถูเมี่ยจะผ่านไปโจมตีสาวกิเลนที่อยู่ข้างหลังได้
“ใช่แล้วอย่าทระนงตัวเองจนกว่าจะฆ่าเราได้” จักรพรรดิทองกลับมา หน้าอกของเขายุบเช่นกันแต่ลักษณะท่าทีของเขามั่นคง
“อย่างนั้นก็ฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคนก่อน...”ถานไถถูเมี่ยแค่นเสียงเหี้ยมเกรียม
เขาเป็นคนที่เน้นผลงานแต่ไม่คำนึงถึงวิธีการ
ตราบเท่าที่สามารถฆ่าศัตรูได้
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม
จะใช้พันหมัดหรือหมื่นหมัดก็ได้ ขอให้บรรลุผลสำเร็จ
เจ้าคิดหรือว่าจะใช้ทัศนคตินี้และความเสียสละนี้จะหยุดข้าได้?น่าขัน! ในโลกนี้ความแข็งแกร่งคือการรับประกันทุกอย่าง!
ในโลกนี้มีความแข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่ว่าจะมีความทะเยอทะยานและความปรารถนาที่ยอดเยี่ยมเพียงใดทั้งหมดนั้นเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า เป็นเรื่องตลกเท่านั้น!
“พวกเจ้าหยุดให้กับข้าทุกคน” เด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านคำรามใบหน้าเขาแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น และกายของเขาสั่นสะท้านเหมือนคนไข้ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เขาก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าว และทรุดตัวที่แทบเท้าปิงหยินด้วยความดีใจเขาคุกเข่าข้างหนึ่ง มือทั้งสองประสานด้วยท่าทางอ้อนวอน “ข้าขอร้องท่านข้าเบื่อเจ้าผีแก่นี่เต็มทน ทำไมท่านถึงไม่สู้ตอบโต้กลับ ทำไมต้องรักชีวิตและมีน้ำใจต่อผู้อื่นในทุกๆที่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของข้าเลย ข้าเป็นคนหยิ่งผยองและดื้อรั้น เห็นอะไรที่ไม่ถูกใจข้าคงทุบให้ตาย รีบขับไล่ข้า เนรเทศข้าเลยข้าไม่ต้องการเป็นอสูรอมตะที่ถูกโซ่ตรวนกฎเกณฑ์ครอบงำข้าต้องการเป็นอสูรที่ทำตามที่ใจเรียกร้อง หยุดความชั่วร้าย!”
“น่าตกใจ?” จักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิทองเหลือกตาเหมือนกับว่าเขาได้เห็นคนบ้าที่สุดในโลก
“เจ้าคือฉงฉีหรือ?” ปิงหยินจำเด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านได้อย่างยากลำบาก
“ได้โปรดเนรเทศข้าออกไปเร็วๆข้าไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้ว การต่อสู้นี้มาถึงขั้นนี้ ท่านให้ข้าร่วมได้ไหม? ข้าไม่อยากเป็นอสูรอมตะอีกต่อไปแล้ว! ข้าอยากเป็นตัวของตัวเองข้าอยากสู้ ข้าต้องการสู้” สีหน้าที่เจ้าเล่ห์ของฉงฉีที่เจ้าเล่ห์ดูจริงจังมาก
“โอว, เด็กวัยรุ่นที่อยู่ในอารมณ์ดื้อด้านใจร้อนนั้นช่างไร้เหตุผลจริงๆ” เมื่อสาวกิเลนปิงหยินพูดแบบนี้นางลืมไปว่านางเองก็เป็นเด็กสาวเพิ่งเติบโต
“ช่วยข้าหน่อยเถอะน่า,ข้าอยากสู้จริงๆ!” ฉงฉีเด็กหนุ่มดื้อด้านกระวนกระวาย
“ช่วยก็ได้แต่ดูเหมือนข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้าเลย” ปิงหยินส่ายหัว
“ข้าจะบ้าอยู่แล้ว!” ฉงฉีผู้เจ้าเล่ห์แทบจะบ้า
พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยคงไม่นั่งดูเรื่องนี้เกิดขึ้นเฉยๆแน่ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรอมตะถูกเนรเทศ แต่ความรู้สึกถึงอันตรายในใจของเขากระตุ้นให้เขาลงมือทันที
พลังเทพปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งน่ากลัวราวกับกระแสน้ำพลุ่งพล่านน่าสะพรึงกลัว ร่างเทพของเขาเคลื่อนไหวพุ่งเข้าหาสาวกิเลนปิงหยินอย่างเกรี้ยวกราดทันที
ตราบใดที่เขาฆ่าสาวกิเลนตรงนี้ได้คนเดียวเหตุเปลี่ยนแปลงในสนามรบทุกอย่างจะจบลง
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรยืนปักหลักป้องกันอยู่ข้างหน้าเขาเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนั่งเฉยดูถานไถถูเมี่ยลงมือ ไม่ว่าถานไถถูเมี่ยจะโจมตียังไงก็ตามถ้าทำให้เป้าหมายบาดเจ็บ พวกเขาคงไม่สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะตายที่นี่ก็จะไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายเป้าหมายได้แม้แต่เพียงปลายเส้นขน
จักรพรรดิทองไม่สนใจการโจมตีอย่างสิ้นเชิงใช้พลังเทพทั้งหมดป้องกันการโจมตีของถานไถถูเมี่ย
จักรพรรดิอสูรช่วยสนับสนุนด้วยพลังเทพที่ไม่เหมือนใคร
พวกเขาไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน
แต่
เหมือนกับเป็นบุคคลเดียวกันโดยปริยาย
พลังเทพของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อและมีพลังสูงส่งกว่าพลังเทพธรรมดาอย่างน้อยสิบเท่า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานการโจมตีสังหารอย่างหนักของพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยได้
“อะไรกัน?”ถานไถถูเมี่ยไม่อยากเชื่อ จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรผนึกพลังกันกลับหยุดไม้ตายโจมตีเต็มที่ของเขาได้
“เราทำได้” จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรตื่นเต้นและรู้สึกโกรธ
พวกเขายังต้องสู้เสี่ยงชีวิต
ร่วมมือกันโดยไม่มีความคิดไขว้เขวเพื่อปกป้องใครสักคนกลับประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริงเกินกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้มาก หากเป็นเช่นนั้นก็มีความมั่นใจว่าสามารถป้องกันเป้าหมายได้ จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรมองหน้ากันและพยักหน้าให้กันยืนป้องกันสาวกิเลนปิงหยินแยกซ้ายขวา
ต้องการทำร้ายนางอย่างนั้นก็ต้องข้ามศพพวกเขาไปก่อน
นี่คือเป้าหมายป้องกันของพวกเขา
เพื่อเผ่าพันธุ์
เพื่อให้ได้กลับไป
เพราะเสียงเรียกร้องของบรรพบุรุษที่ห่างไกลชีวิตนี้สามารถสละได้ ตราบเท่าที่ทำได้สำเร็จได้รับการยอมรับในการต่อสู้เพื่อให้กำเนิดเทพจอมราชันย์จากนั้นเผ่าพันธุ์พวกเขาจะได้มีโอกาสกลับไปยังเผ่าพันธุ์บูรพานี่จะไม่ใช่ฝันที่ไกลเอื้อมอีกต่อไป
“เข้ามาเลย!” ดวงตาของจักรพรรดิทองแสดงความกระตือรือร้น“ข้าจะใช้เลือดล้างบาปที่ก่อไว้ในอดีต”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”จักรพรรดิอสูรยิ้มมุมปาก
เขานึกถึงความหลังนึกถึงบิดาเขาที่จากไป
ในที่สุดเขาก็เข้าใจชัดเจน
เพราะการเสียสละครั้งนี้ผ่านมาถึงหลายชั่วอายุคนหลายรุ่นคนจากรุ่นต่อรุ่นต้องทุ่มเทมูลค่าเพียงไหน การเสียสละเป็นการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นการกำจัดที่ดีที่สุดแม้กระทั่งเป็นการเริ่มต้นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง สละตนเองเพื่อคนอื่นเพื่อประโยชน์ของคนในเผ่าพันธุ์และคนรุ่นหลัง การเสียสละอย่างไม่เห็นแก่ตัวการเสียสละหรือการปกป้องแบบนี้คือความหมายที่แท้จริงของชีวิตที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น
“จงตายเสียให้หมด!” ถานไถถูเมี่ยโกรธหมัดพลังเทพที่สามารถทำลายล้างโลกกลายเป็นดวงอาทิตย์นับพันดวงส่องสว่างเต็มท้องฟ้า
บึ้ม บึ้ม บึ้ม
รอยหมัดยุบลึกปรากฏอยู่บนร่างของจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร
เลือดทะลักออกจากปากและจมูกของพวกเขาราวกับน้ำตกพลังเทพแทบหมด ไฟชีวิตแทบจะมอดดับ
แต่ร่างของพวกเขายังคงยืนหยัดอยู่กับที่อย่างภูมิใจพวกเขายืนอย่างมั่นคงต่อหน้าสาวกิเลนปิงหยิน อสูรหนอนเก้าหัวและอสูรอื่นรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่งพวกเขาตั้งใจจะช่วยจักรพรรดิอสูรถานไถถูเมี่ยชี้นิ้วก็โจมตีพวกเขาราวกับใช้ค้อนทุบพลังสายฟ้าฟาดโจมตีพวกเขาจนล้มลงบาดเจ็บสาหัสมิอาจเคลื่อนไหวได้
“พวกเจ้าต้องการขวางข้าพัศดีหรือ?”ถานไถถูเมี่ยยิ้มเยาะ เขามองไปที่จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรที่ร่างเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บอย่างเหี้ยมเกรียม“จะต่อยได้กี่ครั้งน่ะหรือ? ตอนนี้แม้แต่เด็กทารกก็สามารถฆ่าเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
ถึงขีดจำกัดแล้ว
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเข้าใจว่าการโจมตีนี้ทำให้ร่างกายของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ต่อให้ต้องตายพวกเขาจะไม่มีวันยอมให้ศัตรูผ่านไปได้ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงอย่างสิ้นเชิง
หมัดราวกับดวงอาทิตย์
ปรากฏบนท้องฟ้าอีกครั้ง
พลังเทพครอบงำทั้งจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร
ถานไถถูเมี่ยเดินเข้าหาสาวกิเลนปิงหยินทีละก้าว จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้นด้วยความเจ็บปวดและวิ่งเข้าหาอย่างหมดหวังแต่พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยเตะพวกเขาบินไปทางซ้ายและขวาตามลำดับ “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
“ใครอีกล่ะ?”ถานไถถูเมี่ยมองลงมาที่สาวกิเลนปิงหญิง ตรงหน้าเขามีเด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านที่กำลังโกรธต่อหน้าเขา ในสายตาของเขานี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเหมือนแมลงตัวน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาก็เมินไม่สนใจ ฉงฉีที่ดื้อด้านโกรธแทบบ้าแต่เขาทำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่กฎห้ามเลยตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถานไถถูเมี่ยพัศดีคุกโลหิตผู้นี้
“ฮ่า......” จักรพรรดิทองพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะประคองร่างอันหนักอึ้งของเขาและต่อสู้กับถานไถถูเมี่ยต่อไปแต่พลังเทพเหมือนกับภูเขาหนักอึ้ง
จักรพรรดิอสูรผู้อยู่อีกข้างหนึ่งพยายามต่อต้านแต่แขนของเขาและร่างของเขาค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นทีละน้อย
และกลิ้งไปรอบๆ
อสูรเทพหลายตนกลิ้งกระจัดกระจายไม่สามารถต่อต้านได้
“จงตายให้กับข้าซะ แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ๆ พวกเจ้าควรมาที่นี่เป็นของเรา”ถานไถถูเมี่ยเงื้อมือยักษ์ขึ้นเตรียมบดขยี้สาวกิเลนปิงหยินที่อยู่ข้างหน้าให้เป็นผุยผงในวินาทีถัดไป
การฆ่าอสูรอมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรอมตะที่มีศักดิ์ฐานะสูงเป็นพิเศษถือว่าเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ในการทำเช่นนั้นอาจจะนำไปสู่สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ได้ทุกเมื่อ
แต่ถานไถถูเมี่ยไม่ลังเล
ตราบใดที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการขึ้นสู่สถานะเทพจอมราชันย์ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ช่าง ไม่ว่ามันจะสร้างผลกระทบอะไรก็ตามเขาต้องกวาดล้างให้หมดสิ้น สำหรับถานไถถูเมี่ย ต่อให้แดนสวรรค์ทั้งหมดถูกทำลายในวันพรุ่งนี้ตราบเท่าที่เขาสามารถช่วยให้เทียนอี้เป็นเทพจอมราชันย์ได้ในวันนี้เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจ
“ตาย” มือยักษ์ของถานไถถูเมี่ยทุบลงทันทีราวกับค้อน
“ดุร้ายจริงๆ ข้าไม่เล่นกับเจ้าหรอก!” สาวกิเลนปิงหยินไม่ลืมแลบลิ้นล้อ
ร่างสีมรกตกระพริบวาบจากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะที่แรงระเบิดของถานไถถูเมี่ยยังไม่หายดี
ถานไถถูเมี่ยตะลึง
หายไปหรือ?
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้สำนึกเทพกักนางไว้แล้วนางหลบรอดสายตาเขาไปได้อย่างไร?
และที่ยิ่งน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือฉงฉีที่ไม่สามารถยกมือขึ้นป้องกันได้ไม่สามารถหยุดได้แม้แต่ปลายนิ้วของถานไถถูเมี่ยก็หายไปด้วย
เมื่อหันหน้ากลับไปมองดูอีกครั้งเขาพบว่าเงาสีเขียวมรกตปรากฏตัวอยู่บนแท่นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มือน้อยๆของนางมีแสงแพรวพราวนุ่มนวลพุ่งออกมาราวกับสายรุ้งเป็นพันสายในแสงรุ้งที่งดงามยอดเยี่ยมนี้จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่กับพื้น เผ่าอสูรเก้าหัวมังกรสองหัวและพวกเผ่ามังกรฟ้าอื่นๆ พวกจางไห่และนักสู้ระดับเทพจากแดนสวรรค์บน รวมทั้งฉงฉีทุกคนถูกย่อส่วนอย่างรวดเร็ว...
ไม่ว่าจะมีขนาดร่างเดิมเท่าใดก็ตามทั้งหมดถูกย่อส่วนจนเหลือเท่าเมล็ดถั่ว
และลอยมาตามแสงสีรุ้ง
ทุกคนลอยเข้ามาอยู่ในมือของสาวกิเลนปิงหยิน
นางกำมือจากนั้นก้มศีรษะและกระโจนไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญไม่ว่าอะไรจะขวางอยู่ข้างหน้าก็ตามนางขวิดทะลุผ่านกฎสวรรค์ต้องห้ามของเจ้าตำหนักสูงสุด ผ่านแรงกดดันพลังเทพของถานไถถูเมี่ยได้อย่างง่ายดายและทะลวงกำแพงมิติวิ่งหายไปในเส้นทางเดินโบราณอันกว้างใหญ่ทันที
เสียงบ่นพึมพำดังลอยลมทำให้คนที่ไม่รู้อะไรหัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้ “ที่นี่ที่ไหน? ดูเหมือนจะหลงอีกแล้วแต่ไม่เป็นไร ข้าจะหาทางตะลุยไปจนได้!”
ถานไถถูเมี่ยนิ่งอึ้งราวกับรูปสลักหินและเขาคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงเหลือเชื่ออย่างนี้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกของเขา
เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งไม่ใช่ทุกอย่าง
โลกแกนสมดุลการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและเทียนอี้ยังคงดำเนินต่อไป
เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ในตอนนี้มีความมั่นใจในตนเองเต็มที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักรบจากตำหนักกลางพาเย่คงและพวกเจ้าอ้วนไห่มาถึงเขามีรอยยิ้มลึกลับ
“ไม่ต้องห่วงเราเราใช้ชีวิตมาคุ้มค่าแล้ว พวกเรามาได้ถึงระดับนี้ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม!” เย่คงที่ร่างกายบอบช้ำเหนื่อยล้าไม่มีพลังที่จะต่อสู้ แต่ปณิธานของเขายังคงแข็งแกร่งเหมือนเหล็กเขาเลือกที่จะตาย หากต้องการใช้พวกเขาเพื่อคุกคามเย่ว์หยาง เขาไม่มีทางเห็นด้วย สำหรับคนไร้บ้านที่สิ้นหวังเกือบอดตายที่หอทงเทียนชั้นที่หนึ่งได้มีโอกาสได้ต่อสู้แค่นี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมเพียงพอแล้ว
ไม่มีอะไรต้องเสียใจในชีวิต!
เจ้าอ้วนไห่ใบหน้าถูกต่อยบวมปูดผิดรูปยังมีอารมณ์หัวเราะได้
แม้ว่าการหัวเราะของเขาจะน่าเกลียดกว่าร้องไห้ก็ตามเขาก็ยังหัวเราะเหมือนคนโง่
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวไม่พูดสักคำเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าแต่เป็นคฤหาสน์ที่เงียบสงบ พวกเขามองดูเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ด้วยความสนใจ ภายใต้กฎสวรรค์ของตำหนักภายใต้สีเขียวราวกับมีต้นไม้กลิ่นหอมสวยงาม
เมื่อเห็นว่านักรบหอทงเทียนถูกจับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองหน้ากันเองและพยักหน้าให้กันอย่างจริงจัง
ฮึ่ม
ตอนนี้จะเริ่มการสู้รบกันแล้ว
กำแพงปราณก่อตัวขึ้นยืดขยายไปทางทะเลมรณะโดยไม่รู้ตัว
สุ่ยอู๋เหินเป็นคนแรกที่บินไปข้างหน้าทุกครั้งที่นางก้าวเดินหน้ากำแพงปราณจะเพิ่มขึ้นทีละจุดและขยายออกไปหนึ่งเมตรที่อยู่ด้านหลังของนางอย่างใกล้ชิดคือเย่ว์หวี่ นางพาภูตทะเลไปที่ทะเลมรณะ เมื่อนางก้าวมาถึงชายขอบทะเลมรณะทะเลคำรามราวกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และมีคลื่นทะเลสูงเป็นพันเมตรซัดเข้าหา
“จงเปิดทางนี่คือเจตจำนงของจักรพรรดิสมุทร”ไห่หลานที่เป็นจักรพรรดินีสมุทรชูมือผลักดันคลื่นที่กราดเกรี้ยวคลื่นยักษ์แห่งทะเลมรณะที่ทำลายโลกได้ยอมเปิดเส้นทางกว้างให้นางอย่างไม่อาจขัดขึ้นได้
“ครืน ครืนครืน....” ทะเลมรณะคำราม
คลื่นขนาดภูเขาม้วนตัวขึ้นและลงและดูเหมือนจะทับโถมลงมาได้ทุกเมื่อมันต้องการจะกลืนกินพวกนางที่บังอาจมายั่วยุมัน
แต่ไม่ว่ามันจะโกรธเกรี้ยวกราดเพียงไหนก็ไม่สามารถหยุดพวกนางมิให้เดินหน้าได้ พลังกฎที่มากเกินกว่าสติปัญญาของมันกำลังขยายพื้นที่จากแพงปราณออกไปเกิดเป็นเส้นทางเดินยาวเข้าไปในนั้น วิญญาณต้องคำสาปจากทะเลมรณะกำลังส่งเสียงหวีดหวิวหมุนตัวและพุ่งออกมาจากช่องกลางจากทะเลมรณะเหมือนกระแสน้ำที่ส่งเสียงร้องและคำสาปที่น่ากลัวที่สุดเหยียดแขนเตรียมพร้อมผ่านกำแพงผนึก
หลิวเย่เดินลงมาจากกวางทะลุมิติ
เหยียดมือออก
นางอยู่ใกล้กำแพงปราณ
ในพริบตาความกระจ่างใสบนกำแพงปราณเพิ่มขึ้นหลายพันเท่าและเพิ่มกฎที่ไม่อาจปนเปื้อนหรือทำลายได้
พลังบริสุทธิ์นี้สว่างและสะอาดกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณต้องสาปของทะเลมรณะเหล่านี้พอพบเห็นก็ส่งเสียงกรีดร้องน่ากลัวกระจายไปทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่งพวกเขาหลีกเลี่ยงการกระทบกับกำแพงปราณในขณะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนในกฎสวรรค์ชำระมลทินร่างของพวกเขาระเหยเหมือนกับไอน้ำความเจ็บปวดแพร่กระจายอย่างไม่มีอะไรเทียบ....
ทั้งหมดตายไปและร่างละลายจนไม่เหลืออะไร
ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
“การสู้รบเริ่มในบัดนี้แล้วลุยกันเถอะ พี่น้อง!”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบเทพพยัคฆราชชี้ไปที่ทะเลมรณะ
“ใช่แล้ว เราจะสู้ด้วยกัน!”
เพื่อชัยชนะ
จุ้ยมาวอี้และราชันย์ปีศาจใต้วิ่งอย่างรวดเร็วแพนดาน้อยหนิวหนิวหันกลับไปมองเย่ว์หยางที่ตกเป็นเป้าหมายเทียนอี้ เธอกัดฟันกำหมัดมองไปทางมารดาและเดินหน้าอย่างมั่นคง
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆสับสน เกิดอะไรขึ้น?
เพิ่งเริ่ม?
หมายความว่ายังไง?
การต่อสู้นี้ยังดำเนินต่อไปได้อีกหรือ?
**** *** ****