ตอนที่ 1386 หลงทางโดยไม่รู้ตัว
สนามรบในโลกแกนสมดุล เจ้าตำหนักเทียนสูงสุดอี้มีพลังพิเศษที่ไม่ธรรมดา และเด็กหนุ่มจากโลกอื่นไม่สามารถเร่งเร้าอารมณ์โกรธได้เมื่อเขาโจมตี
ร่างเทพห้าหมื่นเมตรจะคอยสะกัดกั้นไว้ทั้งหมด
เทพสมบัติวิเศษ พลังเทพ สนามพลังและกฎสวรรค์ถูกนำมาใช้ทั้งหมด
เย่ว์หยางได้แต่ต้านทานอย่างหนัก เขารู้ว่าเทียนอี้ยังคงแค่ทดสอบ เขายังไม่ลงมือเต็มกำลัง เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้สงสัยมาตลอดว่ามีผู้พิทักษ์ระดับสูงกว่าอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง เขาไม่แน่ใจว่าความเป็นไปได้นี้จะมีการรบกวนแทรกแซงและส่งผลการต่อประลองชะตาของเขาหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงมีการสำรองพลังไว้เล็กน้อย หากเทียนอี้มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแทรกแซงจากภายนอกในการประลองชะตา นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้น เขาจะเริ่มต้นโจมตีอย่างจริงจัง
ปัง ปัง ปัง...
หมัดระดมต่อยราวกับสายฝน
นอกจากกัดฟันแน่นต่อสู้เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกที่สอง ไม่มีทางถอยสำหรับการประลองชะตา
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากที่สุด สิ่งที่ลำบากที่สุดก็คือเหลือเวลาอีกไม่มากสำหรับเขา เย่ว์หยางต้องเอาชนะเทียนอี้ให้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หอทงเทียนถูกตงฟางวางกับดักหายนะไว้หากเขาไม่สามารถเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว สามเผ่าพันธุ์ใหญ่คงต้องพบกับหายนะเนื่องจากหอทงเทียนถูกทำลายล้างอย่างแท้จริง ความหวังประการเดียวคือชัยชนะของเย่ว์หยาง เขาไม่เพียงต้องการเอาชนะเทียนอี้ผู้ที่มีพลังเหนือกว่าเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้ทันเวลาที่นับถอยหลังครั้งสุดท้ายด้วย
เหลือเวลาห้าชั่วโมงสุดท้าย” เย่ว์หยางเข้าใจดีถึงความเป็นไปได้ในการพลิกสถานการณ์นั้นมีน้อยเพียงไหน แต่เขาไม่มีสิทธิ์ยอมแพ้จริงๆ และเทียนอี้คงไม่ใจดีให้โอกาสเช่นนี้กับเขา
“ยังมีเวลาอีกห้าชั่วโมง ต้านทานต่อไป เราทำได้!”
ในสนามต่อสู้อีกแห่ง
เจ้าอ้วนไห่หัวบวมปูดเหมือนหัวหมู หนังตาของเขาแทบลืมไม่ขึ้น
เขาลุกขึ้นยืนด้วยอาการงุนงง ปากของเขาพึมพำเดินโซซัดโซเซเหมือนคนเมา แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะต่อสู้แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ปลายนิ้วของคู่ต่อสู้ได้ก็ตาม ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างที่มีเลือดท่วม ร่างของเสวี่ยทันหลางมีเพลิงลุกไหม้แผดเผาร่างเขาอย่างรุนแรง
นั่นคือไฟเทพชนิดพิเศษซึ่งใช้ยับยั้งคุณลักษณะของน้ำแข็งโดยเฉพาะ
เสวี่ยทันหลางไม่สามารถใช้พลังได้ถึงหนึ่งในร้อยภายใต้ไฟเทพที่แผดเผาอยู่นี้
“พี่ชาย ... อดทนไว้...” องค์ชายเทียนหลัวฟันสั่นกระทบกัน ร่างของเขาปกคลุมได้ด้วยน้ำแข็งและน้ำค้างแข็ง ลมหายใจเข้าออกของเขานั้นเย็นยิ่งกว่าลมพายุขั้วโลก เช่นเดียวกับเสวี่ยทันหลาง เขาถูกพลังข่มเอาไว้ภายใต้พลังเทพที่เย็นยะเยือกอย่างยิ่งซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เข้ากันกับองค์ชายเทียนหลัวดีกว่าผู้ที่สังเกตดูเล็กน้อยเท่านั้น
“แพ้, ไม่ว่ายังไงก็สู้ไม่ชนะ” จักรพรรดิทองเจ้าหุบเขาสุริยันต์ต้องการปรากฏตัวช่วยเหลือ
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าถานไถถูเมี่ย พัสดีคุกโลหิตซ่อนตัวตนไว้ลึกซึ้งขนาดนี้ เราคิดเสมอว่าเขาเป็นเพียงนักสู้ระดับเทพ เมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา นั่นเกินคาดคิดเราไปมาก” จักรพรรดิอสูรถอนหายใจอีกครั้ง
ในสำนักกวงหมิงนั้น ถานไถถูเมี่ย พัสดีคุกโลหิตยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ
เขาไม่ทำตัวให้โดดเด่น
นักรบสามเผ่าพันธุ์จากหอทงเทียนแทบจะลืมเขาไปแล้ว
ไม่มีใครคิดว่าเมื่อตงฟางตาย วงกตมิติเวลาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกคนคิดว่าสถานการณ์โดยรวมหมดเวลาแล้ว และเขาก็ปรากฏตัว มันเพิ่งเกิดขึ้นในเวลานี้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการตอบโต้กลับของเทียนอี้ ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้วางวงกตมิติเวลาไว้ใต้เท้าของนักรบหอทงเทียน เป็นพลังที่เหนือกว่าทักษะแฝงเร้นกระดานหมากรุกของตงฟาง ทั้งหมดเป็นไปตามเจตจำนงของเทียนอี้ เขาปรากฏตัวในสนามรบได้รับพรพลังการต่อสู้ฝ่ายตัวเองอย่างเหลือเฟือ อย่างไรก็ตามนักรบหอทงเทียนเกือบจะทำลายวงกตมิติเวลาได้แล้ว แต่พวกเขาไม่อาจสู้กับการล่มสลายของเผ่าพันธุ์ได้
แน่นอนว่า แม้จะไม่มีเจตจำนงของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้แต่ก็ไม่มีทางต้านพลังกดดันพลังเทพของเขา
แค่ถานไถถูเมี่ยเพียงคนเดียว
ก็เพียงพอเอาชนะหอทงเทียนได้ทั้งหมด
แม้แต่จักรพรรดิทองผู้ถูกบังคับให้ยืนชมต้องปฏิบัติตามกฎสวรรค์ที่ให้อยู่นอกสนามเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ต่อสู้ของพัสดีคุกโลหิตผู้นี้
“เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ” ราชามังกรสองหัวกลัวแทบปัสสาวะราดพวกเขาคิดว่าความแข็งแกร่งของถานไถถูเมี่ยจะมีพอๆ กับพวกเขาหรืออาจจะต่ำกว่าตัวเขาเอง ในแดนสวรรค์บน ในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในแดนสวรรค์เขามักจะส่งคนหรือเขียนจดหมายไปเจรจากับพวกพัศดี บางครั้งคำพูดของเขาก็หยาบก้าวร้าวมาก
“จริงหรือนี่ ทำไมถึงไม่มีใครต่อยข้าเลย!” เด็กหนุ่มผู้ดื้อรั้นต้องการจะออกไปร่วมด้วย
แต่กฎสวรรค์ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
เขาไม่สามารถสู้ได้ได้แต่เพียงมองดูคนอื่นถูกไล่ทุบตีโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้
ถ้าใครต่อยตีเขาสักหมัดในตอนนี้ อย่างนั้นเขาอาจต้องขอบคุณอีกฝ่ายไปชั่วชีวิต...
เป้าหมายที่ถานไถถูเมี่ยพัศดีคุกโลหิตภักดีก็มีแต่เพียงเทียนอี้เท่านั้น และการกระทำของเขาก็เป็นไปตามเจตจำนงของเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดก่อนหน้านี้เมื่อตงฟางเริ่มวางแผนไม่ว่าเขาจะได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้ไม่ว่าสถานการณ์ในสนามรบจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม เขาจะรอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งเทียนอี้เข้าสู่โลกแกนสมดุล เขาจึงก้าวออกมาข้างหน้านำผู้ใต้บังคับบัญชาโจมตีอย่างครอบคลุม
เพื่อซ่อนตัวปกปิดตนเอง เขาวางตัวอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเจ้าตำหนักใหญ่ๆทั้งสามมาโดยตลอด และกิจการภายนอกทั้งหมดมอบหมายให้อสูรฟ้าและภูตพรายฟ้าดูแลจัดการ
สิ่งนี้ทำให้เกิดภาพที่ผิดและโลกภายนอกเข้าใจผิดคิดว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองเจ้าตำหนักชั้นในทั้งสาม
ใครจะคิดกันเล่าว่าคนผู้นี้เป็นเสมือนเงาของเทียนอี้
เป็นยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่ง?
ถานไถถูเมี่ยมีความสุขกับการซ่อนสถานะตัวตนเองถึงหมื่นปีจนกระทั่งเริ่มการประลองชะตา เขาจึงแสดงพลังที่แท้จริงออกมา
“ละอายใจจริงๆ” จักรพรรดิทองถอนหายใจยาวดูเหมือนว่าจักรพรรดิอสูรที่ชอบพรางตัวก็ฝืนยิ้มในเวลานี้ “ข้าเองก็ชอบปลอมตัวพรางตัวเพราะข้าเกลียดการประจบสอพลอและการเข้าสังคมและที่สำคัญที่สุดการพรางตัวของข้าทำให้ข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้ดี สหายเก่าผู้นี้กลับไม่ใช่ เขาพรางตัวเพื่อคนอย่างเทียนอี้ ถ้าข้าไม่ได้เห็นด้วยตาของข้าเอง ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมีพลังมากมายขนาดนี้!”
“สหายเก่าทั้งสอง ถ้าพวกเจ้าต้องการจะลงมาสู้กันก็ได้” ถานไถถูเมี่ยได้ยินการสนทนาระหว่างจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรแม้ว่าพวกเขาจะแยกกันอยู่คนละมิติ
“นี่ก็เพื่อเทียนอี้ด้วยใช่ไหม?” จักรพรรดิทองหัวเราะ
“ถูกแล้ว” ถานไถถูเมี่ยไม่ปฏิเสธ
“เจ้าก็รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะทำสงครามกับภูเขากวงหมิงประสาอะไรกับการเป็นศัตรูกับเทียนอี้? เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้เริ่มต้นประลองชะตาของเขานี่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา? เราไม่ใช่ศัตรูของเขา!” จักรพรรดิอสูรงงงวยเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถานไถถูเมี่ยพัสดีคุกโลหิตผู้ทรงพลังถึงได้มาท้าทายเขากับจักรพรรดิทอง
“ท่านเทียนอี้เข้าร่วมประลองชะตาและบินขึ้นไปจนเกือบจะถึงจุดหมายถ้าท่านเทียนอี้ต้องออกจากแดนสวรรค์ไปสู่โลกระดับที่สูงกว่า อย่างนั้นภูเขากวงหมิงจะต้องดึงดูดสายตาพวกที่สอดรู้สอดเห็นจากกองกำลังจำนวนมากในแดนสวรรค์ อย่าปิดบังความทะเยอทะยานของพวกเจ้า พวกเจ้าเป็นนักล่ากระหายเลือด จักรพรรดิทอง,จักรพรรดิอสูร พวกเจ้าไม่ใช่ตัวดีที่ดูเหมือนลูกแกะในฐานะหัวหน้าพัศดีที่ประจำอยู่เขากวงหมิง พัศดีจะต้องดำเนินการเพื่อกวาดล้างอิทธิพลพวกที่ไม่เห็นด้วยบางคนต้องทำให้เสียงซุบซิบนินทาในความมืดสงบลง” ใบหน้าสีทองของถานไถถูเมี่ยเปล่งรัศมีเทพสว่างไสวเสียงของเขาฟังดูเย็นชามาก “ในฐานะคนรู้จักเก่าแก่ในฐานะเทพผู้ทรงพลังที่มีชื่อเสียงก้องโลก จักรพรรดิทองแห่งหุบเขาสุริยันต์ จักรพรรดิอสูรแห่งสี่สมุทรจากเผ่าอสูรเจ้าทั้งสองเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการถูกประหารชีวิตเพื่อเตือนคนอื่นไม่ให้ทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง”
“อำมหิตโหดร้ายจริงๆ” จักรพรรดิทองส่ายหัว“ปรากฏว่าการรู้เห็นก็เป็นความผิดเช่นกัน จนถึงวันนี้ข้าไม่เข้าใจเลย”
“การรู้ไม่ใช่ความผิดแต่ในฐานะเป็นหินรองเท้าให้ย่างก้าวของภูเขากวงหมิงเพื่อรองรับแรงกดดันจากทุกทิศทุกทาง พวกเจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติ” ไม่มีมิตรภาพหรือสิ่งใดอยู่ในใจของถานไถถูเมี่ย เขามีเพียงอารมณ์เดียวเท่านั้นนั่นคือความภักดี
ภักดีต่อเทียนอี้!
ภักดีต่อหน้าที่ภารกิจของเขา!
เขาจะทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้านายของเขาในขอบเขตหน้าที่ของเขา!
จักรพรรดิอสูรยืดเอวทันที “แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการเข้าร่วมในสงคราม แต่เมื่อเพชฌฆาตเอามีดจ่อคอข้าก็คงต้องสู้! ในฐานะราชาของเผ่าอสูรข้าไม่สามารถนั่งรอคมมีดของศัตรูเหมือนเต่าที่หดหัว จริงไหม?”
จักรพรรดิทองเงียบชั่วขณะ และถอนหายใจเบาๆ “เมื่อตงฟางมาหาข้า ข้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เผ่ากาทองอาจจะล่มสลายก็ได้และลางสังหรณ์ในตอนนั้นเป็นจริงจนได้ สิ่งเดียวที่ข้าไม่เข้าใจก็คือตงฟางปลอบข้าบอกว่าเผ่ากาทองจะฟื้นขึ้นมาได้ก็เพราะความสามารถของข้า....ตอนนี้ข้ายังมองไม่เห็นความเป็นไปได้ของการฟื้นฟูเลย!”
“ถ้าอย่างนั้นเขาต้องโกหกเจ้า”จักรพรรดิอสูรเมื่อได้ยินก็รู้สึกขำ
“ตงฟางโกหกข้าหรือ? ทำไมเขาต้องหลอกคนโง่ที่รู้ว่าเขากำลังจะตายและดึงดันจะก้าวต่อไปอีกหรือ? แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สหายที่ดีแต่เขาไม่ควรโกหกข้าหรือว่าเขาดูแคลนจนต้องมาหลอกลวงข้า” ความสงสัยเดียวของจักรพรรดิทองก็คือปฏิกิริยาของตงฟางและการพังทลายของโลกกระดานหมากรุกนั่นเป็นการพิสูจน์ได้ว่ากบฏหอทงเทียนอย่างตงฟางนักยุทธศาสตร์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตายแล้ว
ทำไม?
คนอย่างตงฟางถึงตายง่ายนัก?
ถ้าเขาจะตาย ก็ควรอยู่รอดจนถึงเวลาที่หอทงเทียนล่มสลายจากนั้นค่อยตายก็ได้ไม่ใช่หรือ?
จักรพรรดิอสูรขมวดคิ้ว เช่นเดียวกับจักรพรรดิทอง เขาคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างแต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เขาคิดถึงเรื่องนี้ต่อไปถานไถถูเมี่ยใช้คลื่นฝ่ามือโค่นล้มเจ้าอ้วนไห่และนักรบหอทงเทียนลงกับพื้นและเดินเข้าไปหาทีละก้าว
ช่องว่างต่างมิติไม่มีความสำคัญอะไรต่อนักสู้ระดับเทพอย่างเขาเขาสามารถผ่านเข้าไปได้เหมือนผ่านประตูหน้าต่างใส
ถานไถถูเมี่ยเดินผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย
และมาหยุดอยู่หน้าพวกจักรพรรดิทอง
อัศวินแห่งเขากวงหมิงบริวารของเขาและนักรบแสงสว่างมัดเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกคนอื่นๆที่ไร้ทางต่อสู้ และยังมีนักรบหอทงเทียนที่บาดเจ็บล้มตายอีกมากมายนับไม่ถ้วนถานไถถูเมี่ยโบกมือและออกคำสั่ง “ทำตามแผนเดิมพาเจ้าพวกหนอนอ่อนแอเหล่านี้ไปยังโลกแกนสมดุล ในอนาคตจะต้องมีการบูชายัญ เพื่อเฉลิมฉลองเทพจอมราชันย์พวกเจ้าออกเดินทางไปตามเส้นทางโบราณทันที ข้าพัศดีผู้นี้จะตามไปสมทบภายหลัง”
“ขอรับ” นักรบเขากวงหมิงพาเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นเดินไปตามขั้นบันไดระหว่างวิหารตามเจตจำนงของเทียนอี้พวกเขาวิ่งห่างออกไป
“ดูๆ ไปก็จะคุ้นเองข้าผู้เป็นพัศดียินดีอนุญาตให้พวกเจ้าฆ่าตัวตาย”ถานไถถูเมี่ยนอกจากจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรแล้วเขาไม่มองไปทางคนอื่น
บางทีในสายตาของเขา
แม้แต่จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเป็นแค่มดแมลงตัวใหญ่ขึ้น
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรยังไม่ทันตั้งหลัก ทันใดนั้นถานไถถูเมี่ยเหยียดมือคว้าความว่างเปล่าในท้องฟ้ามิติแตกเป็นเสี่ยงมีเงาร่างสี่ร่างร่วงตกลงในฝ่ามือยักษ์ของเขา นั่นคือหัวซานอูหวิน หยวนเหย่ และผู้เฒ่าจางไห่ อีกสองสามร่างไม่ได้ตกบนฝ่ามือของเขาแต่เพราะผลกระทบจากพลังเทพพวกเขาร่วงลงพื้น
คนที่มั่นคงที่สุดก็คือผู้เฒ่าจางไห่เขาใช้พลังเทพพยุงตัวไว้
อีกด้านหนึ่งเหลยหมิงตกใจกลัวจนตัวสั่น
โลกเปิดแยกออก
ถานไถถูเมี่ยสามารถโค่นเทพเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายนี่เป็นพลังเทพแบบไหน?
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรต่างมองหน้ากันเองด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่สามารถสงบอารมณ์ได้เป็นเวลานานความแข็งแกร่งของพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ย แข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้หลายร้อยเท่าหากมีการเผชิญหน้ากันไม่มีทางต้านทานได้ ตอนนี้จะทำอย่างไร? ต่อสู้ดิ้นรนจากความตายโดยไม่ต้องใช้พลังใดๆ มากนักหรือจะทิ้งสหายทั้งหมดไว้ข้างหลัง แม้ว่าเขาจะต้องการทำอย่างนั้นจริงๆแต่มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีหรือไม่
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ชมดูด้วยความสิ้นหวัง
ราชามังกรสองหัวและพวกท้อใจ หลับตารอความตาย
สำหรับพวกเขาการดิ้นรนเป็นการสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและไร้ความหมาย
“นี่? พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?” ในเวลาคับขันตึงเครียด จู่ๆมีเสียงชัดใสไพเราะราวกับระฆังเงินดังขึ้นจนทุกคนหันไปดูและพบว่าเป็นสตรีในชุดเขียว นางดูซุกซน น่ารักและเป็นมิตร ยิ้มก่อนพูดนางยิ้มอย่างเป็นมิตร “พวกท่านรู้วิธีไปโลกแกนสมดุลหรือไม่ บังเอิญข้าหลงโดยไม่รู้ตัว!”
**** *** ****