ตอนที่ 1385 เจ้าทำให้ข้าเศร้า!
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน
ยืนนิ่ง
สีหน้าของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้สงบนิ่ง แต่ดวงตาของเย่ว์หยางมีไฟโกรธปะทุ
เย่ว์หยางจะสู้จำเป็นต้องโกรธยิ่งโกรธมากเท่าใดก็ยิ่งแสดงความแข็งแกร่งได้มากขึ้นเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยภายใต้สภาพคลุ้มคลั่งป่าเถื่อน พลังเขาไม่อาจคาดคำนวณได้เหตุที่เขาต้องพูดคุยกันก่อนนั้นก็เพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา ยิ่งศัตรูมีความหยิ่งผยองและลำพองมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสามารถเผาผลาญเจตจำนงในการต่อสู้และกระตุ้นพลังได้มาก
“ฮ่าห์......”เย่ว์หยางกู่ร้องสักพักเพลิงอมฤตก็หุ้มร่างของเขาและปีกเพลิงขยายออกไปสองข้าง
“วิหารจองจำ”เทียนอี้ยกมือขวา
แสงสีทองน้อยๆลอยออกมาจากฝ่ามือของเขาและกลายเป็นวิหารที่ปกคลุมไปด้วยท้องฟ้าเหนือสนามรบ
วิหารขยายขึ้นเรื่อยๆในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างตั้งอยู่บนพื้นในโลกแกนสมดุล มองเพียงแว่บแรกนี่คือซากหักพังของตำหนักหรือวิหารและไม่รู้ว่ามีการต่อสู้มากี่ครั้งแล้ว มันทรุดโทรมอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่พลังกฎสวรรค์ยังคงอยู่ที่นั่น ไม่มีการลดลงแม้แต่น้อย เนื่องจากรูปร่างของมันถูกทำลายในทางตรงกันข้ามกฎสวรรค์ที่อยู่ประจำในที่นั้นมีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงขนาดที่แม้แต่มังกรปีศาจที่นอนอยู่บนขอบเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์และคนทั่วไปก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ในกำแพงแก้วรีบถอยห่างจากระยะของมันเพราะกลัวว่าถ้าพวกนางไม่ระวัง ศัตรูอาจฉวยโอกาส
เจ้าแม่จันทรารีบเข้ามาป้องกันนางตื่นตัวและมองดูจื้อไจ้เทียน ฮั่วเล่อเทียนและจิวจื้อเทียนอย่างระมัดระวัง
เมื่อได้รับกฎสวรรค์จากวิหารนี้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
นางต้องออกมาห่างจากเย่ว์หยาง
กลับมาคอยเฝ้าป้องกัน
“หือ?”เย่ว์หยางผายมือและมองดูประหลาดใจ เขาพบว่าความโกรธของเขาค่อยๆ สลายไปทีละน้อยและในที่สุดเขากลับมามีสติอีกครั้ง ความโกรธในใจของเขาดูเหมือนถูกกักด้วยพลังกฎสวรรค์บางอย่างและเขาไม่สามารถระเบิดออกมาได้ ไม่ว่าจะพยายามเพียงไหนก็ตาม
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าเย่ว์ไตตัน โดยเฉพาะตงฟาง เขาประเมินเจ้าไว้อย่างถูกต้องที่สุด เขาบอกว่าเจ้าเก่งในการพลิกสถานการณ์เพราะเจ้ามีพลังร้ายกาจในร่างกาย พลังที่เจ้าไม่ถนัดใช้ไม่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งในการใช้งาน เจ้าจะใช้ได้ต่อเมื่อเจ้าสูญเสียสติ เจ้าจะป่าเถื่อนก้าวร้าว จากนั้นพลังนั้นจะครอบงำร่างกายของเจ้าโดยอัตโนมัติทำให้เจ้าสามารถพลิกชีวิตและความตายในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มองดูเย่ว์หยางอย่างสงบ “แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเป็นรองข้า แต่ข้าไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุแม้แต่เล็กน้อยข้าไม่ต้องให้การประลองชะตาครั้งนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น”
“....”เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น โอวแม่เจ้า แม้แต่โกรธข้าก็ยังทำไม่ได้หรือนี่?
“เริ่มได้เลย”เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ทำท่าเชื้อเชิญ
เย่ว์หยางกัดฟันพุ่งเข้าหาเทียนอี้
ขณะที่กำปั้นของเขาพุ่งไปที่หน้าของศัตรูอย่างแรง
ขณะเดียวกันนั้นเขาพบว่ามีพลังโจมตีสะท้อนกลับมาที่หน้าของเขาและนี่ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เขาพบว่าเกราะเทพของวิเศษชิ้นที่สี่ซึ่งเทียนอี้สวมใส่เป็นเกราะเทพจักรพรรดิเมื่อครู่นี้มีพลังสะท้อนกลับชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ และพลังนั้นสะท้อนกลับมาที่เย่ว์หยางเต็มร้อย
เทียนอี้ไม่กระพริบตา เขาแตะที่แก้มของเขาส่ายหน้าและพูด “ช้าเกินไป พลังก็อ่อนเกินไป! พอไม่มีพลังคลุ้มคลั่งเจ้าไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้แม้แค่เพียงหนึ่งสิบก็ยังทำไม่ได้”
คำพูดเขาไม่ทันขาดคำเย่ว์หยางก็ลอยหมุนตัวเตะท้องเทียนอี้
สุดท้ายเตะขึ้นที่คางของเทียนอี้
รอจนเทียนอี้ตอบสนอง
เย่ว์หยางฉวยโอกาสใช้พลังต่อเนื่องถอยกลับหลังไปไกล
มีดาวหางพุ่งออกมาในขณะที่เขาล่าถอยหางยาวของมันส่งแสงเหมือนกับธนูโลหิต เลียนแบบดาบแห่งชีวิตของจื้อจุนเป็นการดึงพลังเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางออกมาจนถึงขีดจำกัดธนูพุ่งไปที่ระหว่างคิ้วของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
“จับ!” เทียนอี้เหยียดมือขวาจับดาวหางของเย่ว์หยางที่กำลังจะระเบิดไว้ เขาคว้าธนูโลหิตไว้ด้วยมือข้างซ้าย
ดาวหางที่ทรงพลังน่ากลัวถูกเทียนอี้ทุบแตกระเบิดโดยตรงละอองกระจายไปทั่ว
ธนูโลหิต
เขาหยิบขึ้นมาดู
เทียนอี้ทิ้งธนูโลหิตอย่างไม่ไยดีและใช้เท้าย่ำอย่างแรงเพลิงเทพรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ยกเว้นเพลิงอมฤตเพลิงทั้งหมดที่เย่ว์หยางรู้แจ้งในชีวิตของเขาถูกเทียนอี้ดับลงอย่างง่ายดายเทียนอี้เหยียบเดินผ่านธนูโลหิตได้อย่างง่ายดายแต่ยังมีเพลิงอมฤตลุกไหม้อยู่เล็กน้อย เขารอดูเย่ว์หยางอย่างสงบเหมือนกับก่อนหน้านี้ราวกับว่ารอให้เขาโจมตีมากกว่านี้
“เป็นแบบนี้แล้วจะสู้อย่างไร?”มังกรปีศาจไม่กล้ามองดู พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทียนอี้และเย่ว์หยาง และดูเหมือนทั้งคู่ไม่สมกัน
“พยายามหาทางแก้ไขเร็วๆ....” เจี้ยนจางเซิงและชี่ตันจื้อรู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน
ถ้าอาศัยเย่ว์ไตตันสู้กับเทียนอี้ไม่กี่นาทีเขาเป็นเพียงความหวังเดียวที่โค่นปีศาจเฒ่าอย่างเทพพิทักษ์เขากวงหมิง หอทงเทียนคงอยู่มาได้ไม่ถึงแสนปีสหายผู้นั้นต่อให้ไม่สามารถปราบเทียนอี้ได้ แต่ก็น่าส่งพลังเทพสูงสองหมื่นเมตรมาให้เย่ว์ไตตันได้บ้าง!
ตอนนี้ร่างเทพของเย่ว์ไตตันสูงหมื่นเมตรภายใต้แรงกดดันของร่างเทพห้าหมื่นเมตรของเทียนอี้ทำให้ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชมากกว่า
เทพพิทักษ์เขากวงหมิงไม่สามารถเอาชนะจักรพรรดิไร้เทียมทาน
เทียนอี้ได้รับตกทอดพลังทั้งหมดจากเทพพิทักษ์เขากวงหมิง ถึงไม่มีกำลังจากภายนอกมาช่วยดูก็รู้ว่าแพ้
“ควรจะมีใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเย่ว์ไตตันหรือไม่?” เจี้ยนจางเซิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุผลเบื้องหลังเทียนอี้มีผู้สนับสนุนจำนวนมากแล้วทำไมเบื้องหลังเย่ว์ไตตันถึงมีแค่ตัวคนเดียว?ควรจะมีคนสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังอีกมากมายถึงจะถูกนอกจากนี้หอทงเทียนยังเคยอุดมไปด้วยยอดนักสู้ไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่ช่วยเขาไม่จำเป็นต้องมากเกินไป ไม่จำเป็นต้องสูงเกินไป ขอเพียงสูงกว่าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงก็พอ
“จักรพรรดิไร้เทียมทานอาจเป็นหนึ่งในนั้นแต่เขาตายไปแล้ว เฟ่ยเหวินหลี นางอาจเป็นอีกหนึ่งคน แต่ก็ยังมาไม่ถึงดังนั้นข้าคาดเดาได้ว่านางก็คงไม่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ข้าคงต้องนับถอยหลัง...”มังกรปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังเหมือนแม่ม่ายที่สูญเสียลูกชายคนเดียว
“อย่างนั้นก็จบกัน!” เจี้ยนจางเซิงและชี่ตันจื้อรู้สึกขมขื่น
ใจกลางของวิหารเป็นส่วนกักกัน
เย่ว์หยางตั้งสติและกัดฟันแน่นเรียกพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโถมเข้าหาศัตรู
ครั้งนี้เทียนอี้ไม่ได้หยุดนิ่งเขาเหยียดมือออกจับหมัดของเย่ว์หยางไว้เพียงเบี่ยงตัวเล็กน้อยก็ยกร่างเย่ว์หยางลอยขึ้นและทุ่มลงกับพื้นกักพลังของวิหารตำหนักกลาง พื้นหินของวิหารมีพลังระเบิดออกไปรอบข้างจากแรงกระแทกแต่เย่ว์หยางยืมแรงสะท้อนแต่ถูกเทียนอี้เตะใส่กลางท้องเสียก่อน
เย่ว์หยางพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้ารวดเร็วกว่าดาวตก
เขาพยายามใช้พลังควบคุมร่าง
แต่ช้าเกินกว่าจะหยุดได้
ร่างเทพห้าหมื่นเมตรของเทียนอี้มีความยืดหยุ่นเหมือนตัวเขาต่อยใส่เย่ว์หยางในกลางอากาศราวกับสายฟ้า ร่างของเย่ว์หยางร่วงลงพื้นเร็วกว่าเดิมร้อยเท่า
“อึ้ก”เย่ว์หยางอดกลั้นความเจ็บปวดจากอาการกระดูกหักใช้มือและเท้าพยุงร่างจากพื้นและหลบพลังโจมตีจากร่างเทพสูงห้าหมื่นเมตรที่มีพลังทำลายภูผา
“ช้าเกินไป!” ปลายเท้าของเทียนอี้เตะเข้าที่คางของเย่ว์หยางรอเมื่อเย่ว์หยางร่วงลงมาจากกลางอากาศเทียนอี้จับข้อเท้าเขาขว้างไปกับพื้นอีกครั้ง
เย่ว์หยางร่างไถลไปกับพื้นอยู่นานแม้จะลุกขึ้นมาได้แต่ร่างก็ยังไถลต่อไป
ร่างของเขาจมลงไปในพื้นครึ่งฟุตลากเป็นทางยาวหมื่นเมตรเขาจึงตั้งหลักเตรียมพร้อมสู้ต่อ
เงาร่างเทียนอี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเปล่งประกายและหายไปต่อหน้าต่อตาเย่ว์หยาง ปรากฏว่าศัตรูที่ถูกจับเป้าโดยสำนึกเทพดั้งเดิมหายไปอย่างลึกลับแสงสว่างวาบขึ้นในใจของเย่ว์หยางและเขาหันหลังกลับมามองด้วยความตกใจและพบว่าเทียนอี้ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยื่นมือออกมาและกดคอด้านหลังของเย่ว์หยางกดเขาลงกับพื้นโดยตรงและไถไปกับพื้นราวกับใช้คันไถเหล็กเป็นรอยลึกกลับไปยังตำแหน่งการโจมตีเดิมของเย่ว์หยาง
เขาปล่อยมือ
และมายืนต่อหน้าเย่ว์หยางมองดูเขาด้วยสีหน้าเฉยเมยว่างเปล่า
เย่ว์หยางเพราะเจ็บและอายหัวใจของเขาถูกความโกรธเผาโชนอีกครั้ง พลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งดวงตาของเขาเป็นสีแดง และพลังเทพระเบิดออกราวกับภูเขาไฟระเบิด
“กักพลัง” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้โบกมือของเขาและอำนาจกฎสวรรค์เข้าสลายความโกรธที่ทำให้เย่ว์หยางแทบจะบ้าคลั่งอีกครั้งไฟเทพบนร่างของเย่ว์หยางจางลงหายไปดวงตาสีแดงราวกับเลือดจางลงอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด และสติสัมปชัญญะค่อยๆกลับมาภายใต้อำนาจความโกรธที่ลดลงต่อเนื่อง
“เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?” เย่ว์หยางหงุดหงิดรำคาญ แต่เขาไม่สามารถโกรธได้
“แค่การทดสอบเล็กน้อย” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “ตงฟางพูดถูกตราบใดที่ใช้พลังกฎสวรรค์ระงับความโกรธของเจ้าได้เจ้าจะต้องล้มเหลวในการประลองครั้งนี้ เย่ว์ไตตันเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าไม่ทำร้ายญาติพี่น้องหรือคนรักของเจ้า? นั่นง่ายมาก ข้าแค่ต้องการให้เจ้าแพ้อย่างหมดจดข้าไม่อยากเห็นคู่ต่อสู้ธรรมดาที่สูญเสียสติสัมปชัญญะและควบคุมตนเองไม่ได้เพราะการตายที่น่าเศร้าของญาติพี่น้องและคนรักของเขาทำให้เขาต้องระเบิดพลังที่หลับใหลออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้!”
“เจ้าหมายความว่าคิดว่าเราต้องการฆ่าตัวตายต่อหน้าเขาใช่ไหม?” เสวี่ยอู๋เสียยิ้มทันที “ตอนแรกข้าไม่เข้าใจแต่ตอนนี้ข้าเข้าใจความหมายแล้วว่าท่านหมายถึงอะไร ท่านจะไม่อิจฉาทุกอย่างที่เย่ว์หยางครอบครองแค่วางแผนที่จะใช้กลวิธีทำลายทุกอย่างที่เขาครอบครองก่อนที่จะได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์หรือ?”
“ถ้าเจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการเสียสละบางทีอาจมีทางเลือกที่สมเหตุผลที่สุด” เทียนอี้ไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
“เราจะไม่ฆ่าตัวตายและเสียสละเพื่อกระตุ้นความโกรธของเขา”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธ
“ทำไม?”เทียนอี้ถาม “พวกเจ้าไม่เสียสละเพื่อเขาหรอกหรือ?”
“เราไม่โง่และจะไม่เสียสละโดยเปล่าประโยชน์เพื่อตอบสนองความปรารถนาของศัตรู” เสวี่ยอู๋เสียส่ายหน้าช้าๆ “เทียนอี้ ข้าเข้าใจการใช้จิตวิทยาของท่านท่านจะสมัครใจหรือถูกบังคับให้ต้องสูญเสียทุกอย่างที่ท่านเคยมีในการประลองชะตาเพื่อตัดโซ่ตรวนของโลก ท่านทำอย่างนี้ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทำอย่างนี้ดังนั้นท่านจึงรู้สึกว่าท่านจะต้องดึงเขาไปสู่ระดับที่น่าเศร้าท่านอาจโค่นเขาให้ล้มลงได้เพียงแค่ยกมือ แต่กลับไม่ทำ แต่กลับทำแค่การจำกัดการต่อสู้กักพลังความโกรธของเขาและจงใจให้เราทั้งหมดเห็นผ่านคำบอกใบ้ทุกรูปแบบ เป็นสัญญาณว่าเราเหล่าสตรีควรฆ่าตัวตายเพื่อความรักสังเวยให้กับความรักทีละคนเสียสละเพื่อความรักและปลุกเขาให้ตื่นขึ้นด้วยความตายของคนรักทีละคน.... อย่างนั้นใช่ไหม?”
“ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็นับว่าใกล้เคียง” เทียนอี้ยังดูสงบ “ถ้าพวกเจ้าตายต่อหน้าเขาข้าคิดว่ามันอาจจะช่วยได้เล็กน้อยสำหรับการประลองชะตานี้ในอนาคตข้าจะเอาชนะเย่ว์ไตตันและเลื่อนขึ้นไปเป็นเทพจอมราชันย์อย่างน้อยข้าก็จำได้ว่าข้าเอาชนะนักสู้ผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่มือใหม่รุ่นหลัง”
“งั้นให้ข้าทำเอง!” มังกรปีศาจคำรามด้วยความภูมิใจทันที “ถ้าจำเป็นต้องใช้เลือดและความตายเพื่อปลุกความโกรธของเจ้าข้าผู้เป็นพี่ใหญ่จะเสียสละเอง!”
ความหมายของมังกรปีศาจก็คือในฐานะพี่ใหญ่เขารู้สึกละอายใจที่ไม่สามารถช่วยผู้น้องของเขาในการต่อสู้ได้
ตอนนี้ต้องใช้เลือดและความตายปลุกพลังเขาให้ตื่นขึ้น
ในฐานะพี่ใหญ่เขาต้องก้าวไปข้างหน้า
เจี้ยนจางเซิงและชี่ตันจื้อตะลึงมองดูมังกรปีศาจไม่ เขามีความกระตือรือร้นจะฆ่าตัวตายจริงหรือ? นี่ไม่ใช่การเสริฟอาหารค่ำนะ!
เย่ว์หยางเหงื่อตกและให้คำแนะนำมังกรปีศาจ “ท่านไม่ต้องสร้างความวุ่นวายก็ได้ อย่าบอกนะว่าท่านจะฆ่าตัวตายต่อให้ฆ่าเป็นหมื่นครั้ง ข้าก็คงไม่รู้สึกเศร้าใจแม้แต่น้อย ข้ามีแต่จะรู้สึกว่าโลกลดทอนหายนะไปอย่างหนึ่ง”
ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเจ้าเด็กข้ามมิติมังกรปีศาจโมโหหัวแทบระเบิด “เจ้าเด็กบ้า, ไม่ต้องพูดตรงๆ แบบนั้นได้ไหม?การพูดแบบนี้ทำให้คนโมโหมาก! ข้าอุตส่าห์แสดงความมีน้ำใจ ต้องการทำดีแท้ๆเจ้ามองไม่เห็นคุณค่าของคุณงามความดีเลย น่าโมโห น่าอายนัก!”
เย่ว์หยางพูดไม่ออก “ท่านหมายความว่าข้าไม่ควรห้ามไม่ให้ท่านตายใช่ไหม?”
มังกรปีศาจโวยวายลั่นด้วยความโกรธ “สายไป ข้าไม่ต้องการตายเพื่อเจ้าแล้ว ข้ามีความตั้งใจดีแท้ๆ เจ้าเด็กบ้า เจ้าทำให้ข้าเศร้าใจนัก!”
**** *** ****