964 - กลับบ้าน
964 - กลับบ้าน
“บูม”
ลึกเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณ มังกรทั้งเก้าสั่นไหวพร้อมกัน และอักขระเต๋าของแท่นบูชาห้าสีที่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า
ในขณะนี้ความว่างเปล่าถูกฉีกออกจากกันเห็นได้ชัดว่า มังกรทั้งเก้ากำลังจะลากโลงศพทองแดงออกจากโลกใบนี้แล้ว
“เย่ฟ่าน…” เสียงของผังป๋อสั่นกระสับกระส่ายมาก
“ไปกันเถอะ เราต้องลองดู” เย่ฟ่านกล่าวเสียงดัง
“เจ้าจะไปไหน?”
จี้จื่อเยว่เป็นห่วงมาก นางอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและมองเขาด้วยความกังวล
“ข้า…” เย่ฟ่านพูดไม่ออก
“เย่น้อยข้าดูเหมือนจะปรับตัวเข้ากับชีวิตในโลกนี้ได้แล้ว การจะจากไปแบบกะทันหันมันทำให้ข้าไม่เต็มใจอยู่บ้าง” ผังป๋อลังเล
“ไม่มีเวลาแล้ว รีบตัดสินใจ ถ้าไม่ไปตอนนี้เราจะไม่มีวันได้ไปตลอดกาล!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างกังวล
“ข้า...ไม่ไป!”
ผังป๋อก็ตัดสินใจทันทีและกล่าวว่า
“แต่ในอนาคตข้าจะหาหนทางกลับบ้านให้ได้ ในเมื่อโลกนี้มีเส้นทางแบบนี้ ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถข้ามดวงดาวกลับบ้านของเราในสักวันหนึ่ง”
“เจ้า…”
เย่ฟ่านไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเลือกเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้บังคับเขาเช่นกัน
“เยน้อยหลังจากที่เจ้ากลับไปแล้วจงฝึกฝนอย่างหนัก ข้าที่อยู่ที่นี่ก็จะฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน เราจะร่วมมือกันเพื่อเชื่อมโลกทั้งสองใบเป็นหนึ่งเดียว ข้าเชื่อว่าตราบใดที่ฐานการบ่มเพาะแข็งแกร่งพอทุ่งดวงดาวเพียงเท่านี้จะนับเป็นอย่างไรได้”
ผังป๋อกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“ไปเถอะข้าจะดูแลอี่อี้และหนานหนานเอง”
“ตกลง!”
เย่ฟ่านก็มีการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเช่นกัน นอกจากนี้ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเส้นทางนี้จะนำเขากลับไปที่บ้านหรือไม่ เขาไม่ต้องการให้ผังป๋อเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปกับเขาด้วย
เพราะไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร ครั้งนี้บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตด้วยซ้ำ
เย่ฟ่านหันกลับมาและมองดูเพื่อนเก่าของเขาหลายคน เขารู้สึกไม่เต็มใจอย่างมาก เขาอาศัยอยู่ในโลกนี้เป็นเวลาสิบปีและกำลังจะจากไปอย่างกระทันหัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อดที่จะเศร้าเสียใจไม่ได้
ดวงตากลมโตของ จี้จื่อเยว่เต็มไปด้วยน้ำตา นางไม่ใช่คนปัญญาอ่อน เพียงได้ยินคำพูดของพวกเขานางก็รู้แล้วว่าเย่ฟ่านกำลังจะเดินทางไกล
“พี่เย่…”
นางเรียกเบาๆ น้ำตาของหญิงสาวไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะกะทันแบบนี้ ไม่มีเวลาแล้ว ข้าจากบ้านมานานนับสิบปี มันถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปสักที”
เย่ฟ่านมองหญิงสาวก่อนจะเช็ดน้ำตาให้นางอย่างแผ่วเบา
“บ้านเกิดของเจ้าอยู่อีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันอยู่ไกลเหลือเกิน ข้า... จะไม่ได้พบเจ้าอีก”
จี้จื่อเยว่สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าโศก
เย่ฟ่านต้องการที่จะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถทำได้ ในเวลานี้ไม่ว่าคำพูดใดล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นคำสัญญาที่หนักแน่นที่สุดในโลกก็ยากที่เขาจะปฏิบัติตามได้
“ข้าอยู่ที่ปลายสุดของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเจ้าอยู่ที่ปลายอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันไกลเหลือเกิน…”
จี้จือเยว่กล่าวเบาๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหมอก และกล่าวว่า “ระยะทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่เซียนก็ไม่มีวันเดินทางข้ามไปได้ เราจะไม่ได้พบกันอีก”
สำหรับอนาคตเย่ฟ่านไม่รู้ สำหรับเส้นทางข้างหน้าเขาไม่อาจรับรู้เช่นกัน เขาจะกลับไปที่บ้านในช่วงเวลาที่ผ่านไปหลายร้อยปีแล้วหรือไม่
ดวงตาของ จี้จื่อเยว่หรี่ลงและนางถามเบาๆ “เมื่อเจ้ากลับไปแล้ว เจ้าจะยังจำข้าได้หรือไม่ เจ้าจะยังจำได้หรือไม่ว่าที่ปลายสุดของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อจื่อเยว่รอเจ้าอยู่”
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีข้าจะไม่ลืมเจ้า” เย่ฟ่านช่วยนางจัดปอยผมเล็กน้อย
“เจ้าจะอยู่ในใจของข้าเสมอ” จี้จือเยว่ยิ้มและหลั่งน้ำตา “ในตอนกลางคืน เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าข้าจะอธิษฐานให้เจ้าโชคดี”
เย่ฟ่านเงียบโดยไม่กล่าวอะไร
จี้จื่อเยว่ยิ้มอย่างสดใส แต่น้ำตาของนางยังคงไหลริน “ถ้าเจ้าจำข้าได้ เมื่อเจ้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า ให้คิดถึงข้าบ้าง”
คำพูดเหล่านี้มาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและน้ำตาที่เบ่งบานบนใบหน้าของจี้จื่อเยว่ เสียงสะอื้นไห้ของนางสร้างความรวดร้าวให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก
หัวใจของเย่ฟ่านกระตุกอย่างรุนแรง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องการกลับไป หากเขาพลาดครั้งนี้เขาอาจไม่มีวันกลับไปได้อีกแล้ว
เย่ฟ่านหันหลังและจากไปอย่างมุ่งมั่น
“เจ้ากำลังจะไปไหน?”
หลี่เหอซุยและอู๋จงเทียนอุทานด้วยความตกใจ
“พี่เฮยระวังตัวด้วย ข้าต้องการเดินทางไกล บ้านเกิดของข้าอยู่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว การได้พบเจ้าในชีวิตนี้คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า”
เย่ฟ่านหันกลับมามองหลี่เหอซุย อู๋จงเทียน จักรพรรดิดำและเจียงฮ่วยเหรินด้วยความเศร้าโศก
“ทำไมเป็นเช่นนี้” วานรศักดิ์สิทธิ์รู้สึกงงงวย
“พี่วานรในฐานะทายาทของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เจ้าจะไปยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับบิดาของเจ้าอย่างแน่นอน ในอนาคตสิ่งมีชีวิตโบราณจะตื่นขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลเพื่อนของข้าด้วย หวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะได้พบกับจักรพรรดิอมตะจริงๆ!”
เย่ฟ่านกล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครสามารถทำอันตรายพวกเขาได้!” วานรศักดิ์สิทธิ์รับปากอย่างหนักแน่น
จักรพรรดิดำกล่าวว่า “ไอ้หนูเจ้าบ้าไปแล้ว เจ้าล้อเล่นอะไร แม้แต่เซียนโบราณยังไม่กล้าทำเช่นนี้! บางทีเส้นทางที่มันไปอาจไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของเจ้าด้วยซ้ำ”
“ขอบคุณในความกังวลของเจ้า แต่ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ
“เจ้ามาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวจริงๆ หรือ? การข้ามทุ่งดวงดาวนั้นอันตรายมาก ไม่รู้ว่าเจ้ารอดชีวิตมาได้อย่างไร”
“ดูแลหนานหนานให้ดี” เย่ฟ่านลูบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อย
“พี่ใหญ่ ข้าจะไปกับท่าน!”
ดวงตาของหนานหนานน้อยแดงก่ำ นางคว้ากางเกงของเย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ
“พี่ใหญ่จะกลับมาหาเจ้าอีกครั้งในอนาคต” เย่ฟ่านต้องการให้นางปล่อยมือ
“อีกนานแค่ไหน?”
นางมีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้อาจเป็นการบอกลาตลอดกาล ดังนั้นนางจึงร้องไห้และกอดน่องของเย่ฟ่านไว้โดยไม่ขยับไปไหน
“จักรพรรดิดำเจ้าต้องมุ่งมั่นมากกว่านี้ อย่าปล่อยให้นางต้องเผชิญหน้ากับความเศร้าโศกอีก”
เย่ฟ่านแตะหลังมือของเด็กหญิงตัวน้อยก่อนที่ร่างของนางจะถูกยกขึ้นไปบนหลังของจักรพรรดิดำ
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าโบราณโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
เด็กหญิงตัวน้อยเสียใจ ร้องไห้เสียงดัง และโบกมือเล็กๆ ของนางอย่างอ่อนแรงไปข้างหลังนาง
“เดินทางดีๆ” ผังป๋อตะโกน
“เจ้าก็ระวังเช่นกัน!” เย่ฟ่านตะโกนกลับมา
“เย่ฟ่าน…”
หลี่เหอซุย อู๋จงเทียน และคนอื่นๆรู้สึกตกใจมากที่รู้ว่าเย่ฟ่านไม่ใช่คนของโลกใบนี้ มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังจะจากไปอย่างกระทันหัน
“ข้าจะคิดถึงเจ้า!”
จี้จื่อเยว่กระซิบ ใบหน้าของนางมีคราบน้ำตาสองเส้น นางยิ้มและโบกมือเบาๆ
เย่ฟ่านหยุดเดินเล็กน้อย เขาอยู่ที่นี่มาหลายปี มันเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเขา การจะจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้มันทำให้เขาเกิดความไม่เต็มใจอยู่บ้าง
…..