บทที่ 47: ผู้ชายหลงตัวเอง
โหวเซียงหยิบบรอกโคลีขึ้นมากัดกินเต็มคำด้วยความสงสัย
"อืม...รสชาติแปลก ๆ ไปหน่อย มันไม่อร่อยเท่าเนื้อ"
หลังจากที่ภูตลิงสาวชิมทุกอย่างในสลัดแล้ว นางก็ให้คะแนนอาหารจานนี้อย่างยุติธรรม
หูเจียวเจียวนำผักพวกนี้ไปต้มกับน้ำผสมกับเกลือเล็กน้อย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกมันจึงไม่อร่อยเท่ากับอาหารที่ปรุงรสหลากหลาย
หญิงสาวคาดไว้แล้วว่าโหวเซียงจะพูดแบบนี้ เธอจึงอธิบายว่า "ที่เจ้าน้ำหนักขึ้นเยอะขนาดนี้เป็นเพราะเจ้ากินไขมันมากเกินไป แต่ในผักและผลไม้ไม่ค่อยมีไขมัน ฉะนั้นเจ้าต้องเปลี่ยนมากินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ถ้าเจ้ากินไขมันน้อยลงแล้วหมั่นเดินออกกำลังกาย น้ำหนักของเจ้าก็จะลดลง"
“เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าชอบกินเนื้อติดมัน?”
ลิงสาวตกตะลึงและหันไปด้านข้างเผยให้เห็นก้อนไขมันขนาดใหญ่ที่กำลังถูกย่างอยู่บนกองไฟข้างหลังนาง
เนื้อชิ้นนั้นมีน้ำมันไหลเยิ้มออกมา พอมันโดนความร้อน มันก็ยิ่งละลายไขมันที่อยู่รอบ ๆ ให้หยดลงในเปลวไฟ แค่จิ้งจอกสาวได้มองก็รู้สึกเลี่ยนแล้ว
ภาพนั้นทำให้มุมปากของหญิงสาวกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ นี่เธอเดาถูกจริง ๆ ด้วยว่าอีกฝ่ายมักจะกินอาหารจำพวกนี้อยู่เป็นประจำ
โดยพื้นฐานแล้วผู้หญิงในเผ่าภูตมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่พวกนางตั้งท้อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่พวกนางกินเนื้อสัตว์ที่มีไขมันมากเกินไป และนั่งอยู่บ้านทั้งวันโดยไม่ออกไปไหน
แม้ว่าพวกภูตผู้หญิงจะคลอดลูกออกมาแล้ว แต่ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของพวกนางก็ได้แค่นั่งเฝ้าลูก ๆ อยู่ที่หน้าประตูบ้าน แล้วปล่อยให้ผู้ชายทำงานบ้านทั้งหมด เมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย ปัจจัยสำคัญอีกอย่างก็คือเรื่องของการกิน ซึ่งพวกภูตกินแต่เนื้อสัตว์
โหวเซียงมองไปที่เนื้อส่วนติดมันที่กำลังถูกย่างจนร้อนฉ่าอย่างไม่เต็มใจและกัดฟัน "เอาเถอะ ข้าฟังเจ้า หลังจากนี้ไปข้าจะไม่กินเนื้อมัน ๆ อีกแล้ว!"
สีหน้าโศกเศร้าปนขุ่นเคืองบนใบหน้าของหญิงสาวบ่งบอกได้ว่านี่ถือได้ว่าเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่
ในขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ก่อนดี มันเป็นความรู้สึกที่เธออธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริง ๆ
หลังจากที่แม่จิ้งจอกส่งอาหารให้กับอีกฝ่าย เธอก็อธิบายรูปร่างของโต๊ะ เก้าอี้และม้านั่งให้โหวเซียงฟัง จากนั้นลิงสาวก็ตบหน้าอกตัวเองแสดงถึงความมั่นใจ แล้วบอกให้จิ้งจอกสาวมารับของพวกนี้ในอีก 2 วันถัดมา
เมื่อเสร็จธุระแล้ว หูเจียวเจียวก็เดินกลับบ้านพร้อมกับตะกร้าไม้ที่ว่างเปล่า โดยเหลือแค่ชามและช้อน พอเธอใกล้จะถึงบ้าน หลงหลิงเอ๋อก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า "ท่านแม่ มีคนอยู่ในลานบ้านของเรา!"
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีภูตเข้ามาสร้างปัญหาที่บ้านของพวกนางอยู่บ่อยครั้ง ทำให้สาวน้อยรู้สึกวิตกกังวลกับคนที่มาเยือน
ทันทีที่เด็กสาวเห็นคนนอกยืนอยู่ในลานบ้าน นางก็ตื่นตัวทันที
ทางด้านหูเจียวเจียวที่ได้ยินคำพูดนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่บริเวณลานบ้าน
“ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว” เธอลูบหัวของหลงหลิงเอ๋อเบา ๆ แล้วรีบเดินกลับบ้านไปอย่างรวดเร็วโดยมีลูกสาวตามมาติด ๆ
ตอนนี้พวกลูกชายยืนอยู่ที่ลานบ้าน พอหลงอวี้เห็นแม่จิ้งจอกและน้องสาวกลับมาจึงวิ่งออกไปพร้อมกับเด็กคนอื่น
ลูกชายคนโตกล่าวกับหูเจียวเจียวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม "มีคนมาหาท่าน"
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาสินะ
ผู้เป็นแม่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านไป
เมื่อภูตที่รออยู่เห็นหูเจียวเจียวกลับมา เขาก็หันมาพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก "หูเจียวเจียว ท่านผู้เฒ่าขอให้ข้ามาเรียกเจ้าออกไปกับกลุ่มเก็บเกี่ยว เร็วเข้า ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่"
อ๋อ เรื่องนี้เอง…
หญิงสาวจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เธอพบกับหัวหน้าเผ่า เธอบอกว่าต้องการเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยว เธอจึงพยักหน้าแล้วตอบว่า "ตกลง ข้าจะรีบไปทันที"
จากนั้นแม่จิ้งจอกหันมายื่นตะกร้าไม้ให้หลงหลิงเอ๋อพร้อมกับกำชับลูก ๆ ว่าอย่าไปเล่นที่ไหนไกล แล้วรอเธอกลับมา
พอชายคนนั้นเห็นว่าเธอยังมัวแต่ร่ำลากับเหล่าเด็กน้อย เขาก็พูดเร่งเธออย่างกระวนกระวาย "เจ้าพร้อมหรือยัง ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป มันทำให้ทุกคนเสียเวลาเปล่า ๆ"
หูเจียวเจียวที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางคิดว่าตนเองทำให้คนอื่นเสียเวลาไปมากจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไรและตอบกลับว่า "เอาล่ะ เราไปกันเถอะ"
เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมมักจะรังแกคนอ่อนแอกว่า ในขณะที่นางจะทำตัวขี้ขลาดหวาดกลัวต่อคนที่แข็งแกร่งในเผ่า ผู้ชายคนนั้นคิดว่าหูเจียวเจียวยอมจำนนจึงพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินออกไปโดยไม่รออีกฝ่ายเลยสักนิด
ผู้ชายคนนี้มีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ แล้วฝีเท้าของเขาก็รวดเร็วมาก หญิงสาวต้องวิ่งถึงจะตามเขาได้ทัน
20 นาทีต่อมา ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงทางเข้าเผ่า
ที่นั่นมีภูตผู้ชาย 3 คนยืนอยู่ 1 ในนั้นคือคนที่หูเจียวเจียวรู้จักซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่า และมีกลุ่มผู้หญิงอีก 5-6 คน
หลังจากที่ชายคนนั้นเดินนำหูเจียวเจียวมา เขาก็กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ คล้ายกับรังเกียจมากที่ต้องยืนหายใจร่วมกับเธอ
ต่อมา จิ้งจอกสาวก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายชายผู้มีตำแหน่งสูงสุด "ท่านผู้เฒ่า ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านรอนาน"
ชายชราโบกมือพลางตอบว่า "ไม่เป็นไร พวกผู้หญิงคนอื่นยังมาไม่ถึง"
ทว่าเขาแอบรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าหูเจียวเจียวจะมาจริง ๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายเพียงแค่จงใจทำอะไรบางอย่างและจะไม่มาที่นี่ตามที่เคยร้องขอ
ทันทีที่หญิงสาวได้ยินแบบนั้น เธอก็สรุปได้ว่าคนพวกนี้ไม่พอใจเจ้าของร่างเดิมมากกว่า
ภูตชายตั้งใจเร่งให้เธอมาที่นี่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วรอผู้หญิงคนอื่น ๆ ในตอนที่พวกนางเห็นหูเจียวเจียวเดินเข้ามา ผู้หญิงหลายคนก็ขยับหนีออกห่างไป คล้ายกับว่าตัวเธอนั้นสกปรกน่ารังเกียจจนไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
ทว่าตั้งแต่ทะลุมิติมาที่นี่ จิ้งจอกสาวก็คุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้ไปแล้ว เธอยืนนิ่งรออยู่ตรงนั้นอยู่ประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะมีผู้หญิง 5-6 คนเดินเข้ามาสมทบซึ่งในหมู่พวกนางมีลู่เมียนเอ๋อ หู่จิงและลู่ซุยซุย
ในเวลาเดียวกัน อิงหยวนที่มาส่งภรรยาสาวก็เห็นหูเจียวเจียวอยู่กลุ่มเก็บเกี่ยวด้วย ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที "ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!"
หญิงสาวเหลือบมองเขาแต่ไม่ได้คิดที่จะคุยกับอีกฝ่าย
เมื่ออินทรีหนุ่มเห็นว่าแม่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไม่สนใจตนก็ขมวดคิ้ว จากนั้นใบหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวอีก 2 ก้าวและลดเสียงพูดลง
เขาพูดในระดับเสียงที่มีเพียงพวกเขา 2 คนเท่านั้นที่ได้ยิน "หูเจียวเจียว เจ้าอย่าพยายามใช้กลอุบายใด ๆ อีก ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ถ้าเจ้ากล้ารังแกเมี่ยนเอ๋อ ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย”
หูเจียวเจียวตวัดตามองไปที่คนพูดด้วยสายตาใสซื่อ
ฉันว่าไอ้หมอนี่น่าจะมีอาการหวาดระแวงมากไปหน่อย เลยมาไล่กัดคนอื่นมั่วซั่วแบบนี้
แค่เธอยืนอยู่ตรงนี้ก็ทำให้พ่อพระเอกจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาถึงขั้นคิดไปถึงละครฉากใหญ่ที่เธอต้องการจะข่มเหงเขาและลู่เมี่ยนเอ๋อ
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็กลอกตามองอีกฝ่าย แล้วหันหลังใส่ผู้ชายตรงหน้าโดยทำเหมือนกับว่าเขาไม่อยู่ในสายตา
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงมาชอบผู้ชายที่หลงตัวเองคนนี้ นางคิดอะไรอยู่กันแน่?
อีกทั้งเธอแปลกใจมากว่าทำไมเขาถึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้… ช่างเป็นพระเอกที่มีดีแค่หน้าตา แต่คำพูดและการกระทำน่าเกลียดยิ่งนัก
พออิงหยวนเห็นปฏิกิริยาของผู้หญิงไร้ยางอาย ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนด้วยความโกรธ
"อาหยวน เป็นอะไรไปหรือ?" ทันใดนั้นลู่เมี่ยนเอ๋อก็เข้ามาหาคนรักแล้วดึงแขนเขาไปถามอย่างเป็นห่วง
อินทรีหนุ่มหันมามองภรรยาสาวแล้วสีหน้าของเขาก็อ่อนลง จากนั้นเสียงที่เขาใช้พูดก็อ่อนโยนต่างจากเมื่อกี้มาก "ไม่มีอะไร วันนี้ข้าจะไปกับกลุ่มล่าสัตว์ ข้าเลยออกไปกับเจ้าไม่ได้ ครั้งนี้เจ้าก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วก็อย่าอยู่ห่างจากหู่จิง ถ้ามีใครมารังแกเจ้าให้รีบมาบอกข้าเลยนะ"
ระหว่างที่พูดเขาก็ตวัดตามองหูเจียวเจียวด้วยสายตาเชือดเฉือน
ลู่เมี่ยนเอ๋อพยักหน้าเข้าใจ "เจ้าไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก"
ส่วนลู่ซุยซุยที่ยังแสร้งทำเป็นสงวนตัวต่อหน้าอิงหยวนพูดขึ้นมาว่า "พี่อิงหยวน ไม่ต้องกังวล พี่หู่จิงกับข้าจะดูแลพี่เมี่ยนเอ๋อเป็นอย่างดี"
แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่นาง ในขณะที่เขาหันมองสลับไปมาระหว่างลู่เมียนเอ๋อกับกลุ่มล่าสัตว์
นั่นทำให้หญิงสาวที่ถูกเมินรู้สึกอับอายเล็กน้อย
นางเม้มริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา จากนั้นนางก็จับแขนของลูกพี่ลูกน้องด้วยความรักใคร่อีกครั้ง
"พี่เมี่ยนเอ๋อน่าอิจฉามากจริง ๆ แค่ท่านจะออกไปเก็บของป่า พี่อิงหยวนก็มาส่งท่านก่อนที่ตัวเองจะไปหากลุ่มล่าสัตว์ ไม่เหมือนกับผู้หญิงบางคนที่ไม่มีใครมาส่งเลยแม้แต่คนเดียว แล้วยังมีคู่ครองที่ไร้ประโยชน์อีกด้วย...”
คำพูดเหล่านี้ดึงสายตาที่อิจฉาริษยาจากผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ได้ทันที
ภูตทุกคนในเผ่ารู้ว่าลู่เมี่ยนเอ๋อเป็นผู้หญิงมีชีวิตที่ยากลำบากที่สุดในตระกูลลู่ สถานะของนางในครอบครัวไม่ดีเท่าลู่หลี่เกาที่เป็นพี่ชาย แต่นางได้รับการสนับสนุนจากอิงหยวน ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า จึงทำให้นางมีสถานะเพิ่มขึ้นมา แล้วนางก็กลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในเผ่า
มิหนำซ้ำ ผู้ชายในเผ่าที่อยากจะได้หญิงสาวไปครอบครองก็มีตั้งแต่เหนือจรดใต้
เมื่อผู้หญิงคนอื่นได้ยินสิ่งที่ลู่ซุยซุยพูด พวกนางก็มองไปที่หูเจียวเจียวที่โดดเดี่ยวพร้อมกับยิ้มอย่างเหยียดหยาม
ยัยจิ้งจอกจอมขี้เกียจนี่จะมาเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวจริงหรือ?
บางทีนางอาจจะรู้ว่าอิงหยวนจะมารับส่งลู่เมี่ยนเอ๋อ ดังนั้นนางจึงจงใจมาหาชายหนุ่มที่นี่!