บทที่ 18 ขอยืมตา… สักคู่ได้ไหม?
บทที่ 18 ขอยืมตา… สักคู่ได้ไหม?
“เมี้ยว!”
ราวกับได้รับสัญญาณบางอย่างแมวจรจัดตัวนั้นเดินตรงเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าของไอวี่แล้วส่งเสียงร้องอย่างอ่อนแรง
มันมีขนสีส้มร่างผอมโซจากการอดอยากเป็นเวลานานจนหนังติดกระดูกแทบมองไม่เห็นเนื้อ
เธอสบตากับแมวจรจัดที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง ไอวี่ขยับชายกระโปรงแล้วย่อตัวลง เธอยื่นนิ้วชี้ขวาออกมาแตะที่หัวของแมวจรจัดตัวนั้น
ขณะที่นิ้วของไอวี่แตะลงบนหัวของแมวจรจัด มันดูเหมือนจะได้รับสัญญาณบางอย่างอีกครั้ง
มันหันกลับและเดินตรงไปอีกทาง ไอวี่เดินตามแมวจรจัดตัวนั้นทันที
ฟลินน์และจูมาน่าเห็นดังนั้นก็รีบตามไปเช่นกัน
“นี่เป็นทักษะลับของเธอเหรอ”
ฟลินน์เหลือบมองไอวี่กับแมวจรจัดที่มีท่าทางเชื่อฟังที่เดินนำอยู่ด้านหน้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอวี่ต้องใช้ทักษะลับของเธอไม่อย่างนั้นแมวจรจัดตัวนี้ที่ไม่ได้รับการฝึกใดๆ จะต้องไม่มีลักษณะเชื่อฟังแบบนี้
เขาคิดว่าทักษะลับของไอวี่คือการทำให้สัตว์เชื่องหรือทักษะลับอื่นๆ ที่สามารถควบคุมจิตใจได้
สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คืออวัยวะลับของไอวี่
รองผู้อำนวยการฮาร์โลว์วินเคยกล่าวไว้ว่าผู้วิเศษทุกคนจะได้รับอวัยวะลึกลับเมื่อพวกเขากลายเป็นผู้วิเศษ
อวัยวะลับยังถูกกล่าวถึงในวิธีการฝึกปืนลึกลับอีกด้วยอวัยวะลับอาจเป็นของบางอย่างหรือสามารถรับได้จากการดัดแปลงส่วนหนึ่งของร่างกาย
อวัยวะลับของไอวี่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเท่าหอกลึกลับดังนั้นมันควรจะเป็นอย่างหลัง
เขาแค่ไม่รู้ว่าส่วนไหนของร่างกายที่เป็นอวัยวะลับของเธอ
ทั้งสามเดินตามแมวจรจัดมาจนถึงสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลซึ่งมีผู้คนประปราย
ที่นี่พวกเขาเห็นแมวจรจัดนอนพะงาบๆ อยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
มีทั้งแมวดำ แมวเทา แมวลายและแมวสีต่างๆ สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือพวกมันทั้งหมดผอมโซเหมือนแมวจรจัดที่นำทางพวกเขามา
ในเมืองนี้ยังมีคนไม่มีข้าวกินนับประสาแมวจรจัดที่ไม่มีคนดูแล
“เมี้ยว!” เมื่อเห็นคนเข้ามาพวกแมวจรจัดต่างตกใจแตกกระจายหนีไปทุกทิศทุกทาง
ฟุ้บ!
ในขณะนี้ไอวี่ยื่นมือขวาออกมาและดีดนิ้วครั้งหนึ่งเกิดเป็นเสียงคมชัดกระจายไปรอบๆ นิ้วของเธอ
เมื่อเสียงไปถึงหูของแมวจรจัด พวกมันก็หยุดวิ่งหนีทันทีและเดินหันหลังกลับมาหาไอวี่ด้วยท่าทางเชื่องๆ
ภาพแมวจรจัดกว่าสิบตัวเดินเรียงแถวเข้ามาดูประหลาดไม่น้อย
โชคดีที่คนทั้งสามต่างเป็นคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของโลกแห่งความลึกลับและได้สัมผัสกับมันมาแล้ว
สำหรับคนธรรมดาที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่ตกใจได้อย่างไร?
“คุณช่วยไปซื้อขนมปังมาหน่อยได้ไหม” เมื่อมองไปที่แมวจรจัดผอมแห้งเหล่านี้ไอวี่ขมวดคิ้วและหันไปหาฟลินน์
“ได้สิ” ฟลินน์ไม่ปฏิเสธ
เห็นได้ชัดว่าไอวี่ต้องการใช้แมวจรจัดเหล่านี้แกะรอย ดังนั้นในฐานะคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเดินตามมาเฉยๆ จนถึงตอนนี้เขาจึงไม่มีปัญหาที่จะออกไปซื้อขนมปัง
“เดี๋ยว! ให้ฉันไปแทน” อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟลินน์จะได้ลงมือ จูมาน่าก็แย่งหน้าที่นั้นไปแล้ว
เหตุผลที่เธอนำทางพวกเขามาที่ถนนไอรอนครอสด้วยตัวเองก็เพื่อพัฒนาสัมพันธ์ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสสร้างความประทับใจเธอย่อมไม่พลาดมันแน่นอน
“จะดีเหรอครับ” เมื่อเห็นว่าจูมาน่าต้องการแบบนั้นฟลินน์ก็ไม่ปฏิเสธความตั้งใจของเธอ
เขาเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายดีก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถ้ามีโอกาสแล้วทำไมเขาจะไม่พยายามทุกวิถีทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้วิเศษล่ะ?
ดังนั้นเขาจึงให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ด้านหนึ่งก็เพื่อให้ตัวเองมีส่วนร่วมในการแกะรอยและอีกด้านหนึ่งก็เพื่อผูกมิตรเพราะในอนาคตข้างหน้าเขาอาจต้องยืมมือคนเหล่านี้
“ไม่มีปัญหาๆ” จูมาน่าส่ายศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่าและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับถุงขนมปังขนาดใหญ่ดูจากขนาดของถุงแล้วมันน่าจะหนักหลายปอนด์
หลังจากได้ขนมปังมาแล้ว ไอวี่แจกจ่ายขนมปังให้กับแมวจรจัด เมื่อเห็นอาหารพวกมันพุ่งเข้าใส่แย่งกันกิน
แมวจรจัดกลุ่มหนึ่งกำลังกินขนมปังโดยมีสาวสวยคอยเฝ้าดูแมวจรจัดที่เธอกำลังให้อาหาร
ช่างเป็นภาพที่กลมกลืนกันยิ่งนักหากมีช่างภาพอยู่ตรงนี้ เขาคงถ่ายภาพนี้เก็บไว้อย่างไม่รีรอ
ในตอนเย็นนอกจากแมวจรจัดแล้วก็เหลือเพียงฟลินน์และไอวี่กับรถม้าที่พวกเขาโดยสารอยู่เท่านั้น
ช่วงก่อนค่ำจูมาน่าได้กลับไปแล้ว
เมื่อรู้ว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับสัตว์ประหลาดจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืน
สำหรับฟลินน์และไอวี่เกรงว่าคืนนี้พวกเขาต้องกลับดึกแล้ว
“กริ๊ก!”
ไอวี่หยิบตะเกียงน้ำมันจากรถม้ามาจุดไฟก่อนจะดีดนิ้วมือและแมวจรจัดทุกตัวก็มองมาที่เธอทันที
ดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งรู้สึกดูเสียดแทงอย่างอธิบายไม่ถูกภายใต้ความมืดมิดของค่ำคืนนี้
ไอวี่เดินตรงไปพร้อมกับตะเกียงน้ำมันและแมวจรจัดทุกตัวก็เดินตามไปฟลินน์รีบทำตามอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าเขาจะไม่ทำตามไอวี่ก็คงไม่สนใจและไม่มีความคิดที่จะทำแบบนั้นเพราะถ้าไม่รีบตาม เขาจะมีคะแนนลึกลับได้อย่างไร?
ในตอนกลางคืนหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือตะเกียงน้ำมันนำหน้าตามด้วยแมวจรจัดตาเขียวหลายสิบตัว
เป็นภาพชวนให้คนรู้สึกขนหัวลุกจริงๆ
โชคดีที่มีคนไม่มากนักที่จะออกมาเพ่นพ่านช่วงค่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นใกล้ๆ นี้
ไอวี่มาพร้อมกับแมวจรจัดหลายสิบตัวมาถึงจุดที่หญิงสาวถูกฆ่าและดีดนิ้วไปที่แมวจรจัดสองครั้ง
จากนั้นฟลินน์ก็เห็นว่าหลังจากที่แมวจรจัดทั้งหมดเดินวนไปรอบๆ สถานที่ที่หญิงสาวถูกฆ่าตายก่อนจะกระจัดกระจายตัวอย่างรวดเร็วอันตรธานไปกับความมืด
‘นี่เธอกำลังใช้ประสาทรับกลิ่นของแมวเป็นสื่องั้นเหรอ?’ เมื่อเห็นการกระทำของไอวี่ฟลินน์ก็คิดกับตัวเอง
ชาติที่แล้วตำรวจจะฝึกสุนัขให้เป็นสุนัขตำรวจและใช้พวกมันในการค้นหาวัตถุต้องสงสัย
แต่เท่าที่ฟลินน์รู้แมวมีประสาทสัมผัสดีกว่าสุนัขมากและพวกมันยังควบคุมยากยิ่งกว่าสุนัขด้วย
เหตุผลที่พวกมันไม่ได้รับการฝึกการค้นหาวัตถุต้องสงสัยก็เพราะมันมันควบคุมยากมากกว่าสุนัขนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเมื่ออยู่ต่อหน้าไอวี่ที่มีทักษะลับและดูเหมือนว่าจะสามารถควบคุมสัตว์ได้
โดยไม่ได้อธิบายให้ฟลินน์ฟัง ไอวี่กลับไปยังสถานที่ที่แมวจรจัดรวมตัวกันพร้อมตะเกียงน้ำมัน
ฟลินน์รีบตามไป
ในคืนปลายฤดูใบไม้ร่วงสายลมเย็นพัดผ่านกระทบร่างมันหนาวเสียจนคางกระทบกัน
ทั้งสองกลับไปยังสถานที่ที่แมวจรจัดรวมตัวกันและเข้าไปรอในรถม้าก่อนเข้าไปในรถม้าไอวี่มองไปที่คนขับรถม้า เขากำลังนั่งขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่มุมหนึ่งของประตูรถม้า
“ฮวนไปพักผ่อนในรถม้าเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณผู้หญิง ผมจะรออยู่ด้านนอก”
คนขับรถม้าเป็นชายที่ดูเรียบง่ายและเขาส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำสั่งของไอวี่
“ขึ้นไปพักบนรถม้า” ไอวี่สั่งอย่างเย็นชา
“ครับ” คนขับรถม้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับและเดินตามเข้าไปในรถม้า
ฟลินน์ชำเลืองมองไอวี่ด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่เย็นชาอย่างที่คิด
หลายวันหลังจากนั้นฟลินน์ยังคงใช้เวลาทั้งคืนนั่งยองๆ อยู่บนถนนไอรอนครอสและกลับบ้านเพื่อนอนหลับในตอนกลางวัน
ในที่สุดฟลินน์ก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นคนเพียงสิบกว่าคนทุกครั้งในช่วงเที่ยงที่โรงอาหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร คนอื่นๆ เช่นเขาในตอนนี้ล้วนออกไปทำภารกิจ
“ขมชะมัด!”
เป็นอีกคืนหนึ่งในห้องพักบนของรถม้า ฟลินน์จิบกาแฟรสเข้มสำหรับคืนนี้
กลุ่มแมวจรจัดไม่เคยพบสัตว์ประหลาดและการนั่งยองๆ อย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันนี้มันทำให้เขารู้สึกน่าเบื่อมาก
ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะนำหนังสือลึกลับเล่มหนาเล่มนั้นมาอ่านฆ่าเวลา
ทว่าอย่างไรก็ตามเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เนื้อหาบนหนังสือลึกลับรั่วไหลออกไป มันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกจากสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
“ฉันหวังว่าคืนนี้จะมีบางอย่าง!”
คนขับรถม้าได้รับคำสั่งจากไอวี่ให้กลับบ้านไปแล้ว ดังนั้นฟลินน์จึงมองไปอีกคนอื่นในรถม้านอกจากตัวเขาเอง ไอวี่ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
ไอวี่ในคืนนี้ไม่ได้สวมกระโปรงแต่ท่อนบนเป็นสเวตเตอร์สวมทับด้วยโค้ชขนเฟอร์และท่อนล่างเป็นกางเกงขายาว
กางเกงขายาวแนบเนื้อเผยให้เห็นขาเรียวยาวที่มักจะซ่อนอยู่ใต้กระโปรง
ขาเรียวของเธอได้สัดส่วนดีมาก บวกกับสันจมูกโด่งบนใบหน้าสวยหวานแสดงให้เห็นอีกครั้งว่านี่คือความงามอันไร้ที่ติ
แม้ว่าเขาจะสามารถใช้เวลากับสาวสวยคนนี้ในรถม้าตามลำพังยามค่ำคืน แต่ฟลินน์ไม่มีความสุขอย่างที่คิดเพราะสาวสวยตรงหน้าเข้ากับคนไม่ง่ายเลยสักนิด
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาการสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังไม่เกินห้าประโยค
…
บนถนนหงอิ่งซึ่งอยู่ห่างจากถนนไอรอนครอสไปอีกสองซอย ชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนคนเดียวในตอนกลางคืนพร้อมกับตะเกียงน้ำมันในมือ
ชื่อของเขาคือพาร์ค รูดิน เป็นคนงานในโรงงานใกล้เคียงโชคดีที่ได้แต่งงานกับภรรยาและตอนนี้มีลูกสองคน อาศัยเงินเดือนอันน้อยนิดจากการทำงานในโรงงานทุกเดือนเขาจึงพอหาเลี้ยงครอบครัวได้
เพราะวันนี้รูดินเพิ่งโดนหัวหน้าตำหนิและสั่งให้นำงานกลับไปแก้ใหม่จนเขาต้องอยู่โอทีเพื่อทำงานต่อให้เสร็จ ชายหนุ่มไม่กล้าทิ้งงานที่เหลือไว้ทำต่อในวันพรุ่งนี้เพราะหัวหน้าต้องไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ไป
จอมตระหนี่เขี้ยวลากดินอย่างหัวหน้าของเขานั้นจะต้องหักค่าจ้างเขาอย่างน้อยหนึ่งวันหรือสามวันอย่างแน่นอน
ในสายตาของคนอื่นค่าจ้างหนึ่งวันถือว่าพอรับได้แต่มันสำคัญมากสำหรับครอบครัวที่เขาต้องดิ้นรนเพื่อรักษาไว้
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเคยได้ยินว่ามีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่ถนนใกล้ๆ แต่เขายังคงยืนยันที่จะทำงานของวันนี้ให้เสร็จก่อนจึงจะยอมกลับบ้าน แม้ว่ามันจะดึกก็ตาม
เสื้อผ้าผืนบางไม่ได้ให้ความอบอุ่นขณะสวมใส่ เขาเดินตัวสั่นพลางสาวเท้ายาวๆ รีบกลับบ้านด้วยความหนาว
“ใคร?”
ทันใดนั้นรูดินเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ถนน เมื่อนึกถึงการฆาตกรรมเมื่อเร็วๆ นี้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจและตวาดถามเสียงดังทันที
ร่างที่อยู่หน้าถนนไม่ตอบหรือขยับราวกับไม่ใช่คน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
ด้วยแสงจากตะเกียงน้ำมันในที่สุดเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงในชุดบางๆ กำลังก้มหน้า
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ชายหนุ่มยืนอยู่บนถนนในตอนกลางคืนด้วยร่างสั่นเทาท่ามกลางลมหนาว
“สาวน้อยคุณมีปัญหาอะไรเหรอ”
รูดินถอนหายใจเบาๆ นี่อาจจะเป็นคนจนที่อยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่าเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วถามอย่างมีน้ำใจ
ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมา
“ขอยืมตา...สักคู่ได้ไหม”