บทที่ 17 ชันสูตรพลิกศพ
บทที่ 17 ชันสูตรพลิกศพ
“เมื่อสัมผัสกับสิ่งลี้ลับให้เพิ่ม 0.2 ไปยังคะแนนลึกลับ”
เมื่อเห็นข้อความปรากฏขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วทว่าสีหน้าของฟลินน์กลับไม่ดีนัก เส้นขนบนร่างลุกชันด้วยความประหม่ากังวล
ร่างกายของฟลินน์หดเกร็งและมือสัมผัสไปที่ตำแหน่งซองปืนที่เอวอย่างไม่รู้ตัว
ศพที่จอดอยู่ในห้องเก็บศพและข้อความจากระบบที่ปรากฏขึ้นทำให้นึกถึงสภาพศพของอาจารย์
ในใจยังคงลุ้นระทึกศพในห้องเก็บศพคงไม่ฟื้นคืนชีพเหมือนศพอาจารย์ในตอนนั้นหรอกจริงไหม?
ห้องเก็บศพซึ่งเดิมมีร่มเงาเพียงเล็กน้อยกลับเย็นยะเยือกขึ้นราวกับมีเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขากลัวกลับไม่เกิดขึ้น
ศพไม่ได้กระโดดขึ้นจากเตียงเพื่อโจมตีพวกเขาในทันทีอีกทั้งศพยังไม่แสดงสัญญาณชีพ
ในทางตรงกันข้ามไอวี่ซึ่งอยู่ข้างๆ ฟลินน์สังเกตเห็นปฎิกิริยาทั้งหมดที่เกิดของเขา
อย่างไรก็ตามอีกหญิงสาวดูเหมือนจะคิดว่าฟลินน์เพียงแค่ประหม่าตกใจเท่านั้นอาจเพราะนี่เป็นครั้งเเรกที่เขาเข้ามาภายในห้องเก็บศพ ดังนั้นเธอจึงแค่เหลือบมองแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ศพสองศพนี้คือเหยื่อที่ถูกฆ่าแล้วควักลูกตา”
“หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน เหยื่อรายนี้เราได้ติดต่อครอบครัวของเขาแล้ว ส่วนอีกศพเป็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบเศษ จนถึงตอนนี้เรายังไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวของเธอได้”
ภายในห้องนี้ยังมีอีกศพหลายศพที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงวัยกลางคนเดินนำหน้าพลางอธิบายโดยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของฟลินน์
เมื่อได้ยินสิ่งที่ตำรวจหญิงพูดไอวี่ก็ก้าวไปข้างหน้าและเดินไปที่ศพคนหนึ่ง
เธอหยิบถุงมือสีขาวออกมาสวมแล้วยกผ้าขาวที่คลุมศพขึ้น ฟลินน์ตามไปดูศพเหมือนกับไอวี่
เนื่องจากเขาเลือกที่จะเข้าร่วมกับองค์กรลับอย่างสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเพื่อสัมผัสประสบการณ์ลี้ลับเรื่องเกี่ยวกับศพจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงแค่เขาต้องรักษาระยะห่างจากศพ
ระยะที่ทำให้เขามีเวลามากพอแม้ว่าศพตนนั้นจะตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขาต้องแน่ใจว่าตัวเองจะต้องชักปืนออกมาทันแล้วฆ่ามัน
บนเตียงเก็บศพมีร่างของหญิงสาวนอนหงายอยู่มีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาจากร่างของเธอ
ตำแหน่งของดวงตาว่างเปล่าไม่มีลูกตามีเพียงรูเลือดจมลึกสองรูที่ดูน่าสยดสยอง
ดูเหมือนว่าศพร่างนี้จะใช้รูกลวงที่เต็มไปด้วยเลือดนี้แทนดวงตาสบตาของฟลินน์และไอวี่ซึ่งกำลังมองเธออยู่
ฟลินน์และไอวี่กำลังมองมาที่เธอและเธอก็มองตอบพวกเขาด้วย
บนร่างของหญิงสาวยังมีรอยรัดจากเชือกสีเแดงเข้มที่คอและนี่คือบาดแผลฉกรรจ์บนศพร่างนี้
เนื่องจากการกดทับที่รุนแรงบริเวณคอจึงทำให้มันบิดเบี้ยวผิดรูปเนื้อจมลึกเข้าไปข้างใน เป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากถูกรัดคอแบบนี้แล้วจะรอดไปได้
ไอวี่เอื้อมมือไปสัมผัสคอที่บิดเบี้ยวราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถอนมือออกและห่มผ้าขาวให้ศพของหญิงสาวอีกครั้งและเปิดผ้าขาวของศพอื่นๆ ต่อ
รูเลือดสองรูของดวงตาที่หลุดออกจากเบ้าและคอเดียวกันล้วนถูกรัดคอจนผิดรูป
รูปแบบการตายนั้นเหมือนกับของหญิงสาวทุกประการแต่เป็นชายวัยกลางคน
“เรียบร้อย”
ไอวี่คลุมผ้าสีขาวบนของชายวัยกลางคนอีกครั้งก่อนจะโยนถุงมือลงในถังขยะและพยักหน้าให้ตำรวจหญิงและเดินออกจากห้องเก็บศพ
ฟลินน์รีบตามออกไปติดๆ เขาไม่มีรู้สึกที่จะอยู่กับซากศพเหล่านี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อทั้ง 3 คนเดินออกมาจากห้องเก็บศพแล้วศพเหล่านั้นก็ยังไร้ความเปลี่ยนแปลง
‘มีคะแนนลึกลับอยู่ในนั้นแต่ไม่มีอันตรายเกิดอะไรขึ้น’
ขณะที่เขาเดินออกจากห้องเก็บศพ ฟลินน์ค่อยๆ คลายความตึงเครียดลงทว่ากลับเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้น
มีคะแนนลึกลับในบัญชีซึ่งแสดงว่าเขาได้สัมผัสกับความลึกลับจริงๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะสัมผัสกับความลึกลับแต่กระบวนการทั้งหมดก็ไม่อยู่ในอันตรายมันทำให้ฟลินน์งงงวยเล็กน้อย
‘หรือมันอยู่ในช่วงบ่มเชื้อ?’
ศพในห้องเก็บศพอาจมีการเปลี่ยนแปลงแล้วแต่พวกมันยังไม่ฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่พบกับอันตราย
เหตุผลที่คะแนนลึกลับได้รับเพียง 0.2 เป็นเพราะสิ่งต่างๆ ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
‘อาจเป็นไปได้เช่นกันว่าไม่ใช่ศพที่เป็นคะแนนของระบบแต่เป็นวิญญาณที่อยู่ข้างใน’
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้วิเศษแต่เขาถูกฝึกฝนมาในด้านการต่อสู้และการปะทะไม่ใช่การจัดการสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ดังนั้นบางทีในห้องอาจมีวิญญาณและสาเหตุที่ศพยังถูกถูกวิญญาณเข้าสิงอาจเป็นเพราะนี่ยังเป็นเวลากลางวัน
‘นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่คนสองคนนี้จะถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาดเพราะการตายที่เกิดจากสัตว์ประหลาดทำให้ศพบนเปื้อนกลิ่นอายความลึกลับมา’
ฟลินน์คิดว่าความเป็นไปได้สุดท้ายเป็นไปได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากเดิมทีคดีนี้ถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องลี้ลับจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองจะถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาด
“คุณมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้าง” ตำรวจหญิงมองไปที่ไอวี่แล้วถามด้วยสีหน้าคาดหวัง เธอรับรู้ถึงการมีอยู่ของสัตว์ประหลาดและมีครั้งหนึ่งที่เคยเห็นมันด้วยตาของตัวเองถ้าไอวี่ไม่ปรากฏตัวทันเวลาและช่วยเอาไว้ เธออาจถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตายอย่างแน่นอน
“บาดแผลที่คอของศพทั้งสองไม่ได้เกิดจากคนธรรมดาซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องลี้ลับ” เมื่อรู้ว่าตำรวจหญิงรู้ถึงการมีอยู่ของสัตว์ประหลาดไอวี่ตอบโดยไม่ปิดบัง
“มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ ...” สีหน้าของตำรวจหญิงซีดลงเหงื่อเย็นไหลลงจากหน้าผากของเธอ ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจเธอไม่กลัวแม้แต่พวกอันธพาลแต่สิ่งเดียวที่เธอไม่อยากเจอคือเรื่องนี้เพราะเกินกว่าคนธรรมดาจะรับมือได้
ในคืนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดห้านายรวมทั้งเธอไร้กำลังต่อต้านสัตว์ประหลาดตัวนั้น
ปืนที่ใช้ไม่สามารถทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยได้แม้แต่ปลายขนอาจเพราะกระสุนที่พวกเธอยิงไม่สามารถสัมผัสร่างของสัตว์ประหลาดได้เลย ถึงแม้ว่าจะยิงทะลุร่างมันก็ไม่ได้ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นบาดเจ็บ
ตรงกันข้ามเมื่อพวกเธอถูกสัตว์ประหลาดทำร้าย ส่วนมากไม่บาดเจ็บสาหัสก็ตายทันที เธอจะไม่มีวันลืมรสชาติของความสิ้นหวังแบบนั้นไปตลอดชีวิต
“โดยพื้นฐานแล้วแน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาถูกสัตว์ประหลาดฆ่า ดังนั้นร่างของพวกเขาจึงปนเปื้อนกลิ่นอายของมัน!” ฟลินน์เข้าใจเหตุผลของคะแนนลึกลับในทันทีเมื่อได้ยินข้อสรุปของไอวี่
นอกเหนือจากการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดโดยตรงแล้วคะแนนลึกลับยังสามารถได้รับจากศพที่ถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาดด้วย
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ไม่เพียงแต่ขยายช่องทางในการได้รับคะแนนลึกลับเท่านั้นแต่ที่สำคัญที่สุดคือไม่มีอันตรายใดๆ จากการทำงานกับซากศพ
สิ่งเดียวที่น่าเสียใจคือคะแนนลึกลับที่ได้รับด้วยวิธีนี้มีน้อยมากและมีศพถึงสองคนแต่ได้คะแนนลึกลับเพียง 0.2 คะแนนเท่านั้น
ครั้งสุดท้ายที่เขาพบศพของอาจารย์ซึ่งกลายเป็นสัตว์ประหลาด เขาก็ได้รับความลึกลับเล็กน้อย
“ฉันอยากรู้สถานที่ตายที่แท้จริงของสองคนนี้” ไอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ศพทั้งสองถูกพบที่ถนนไอรอนครอส แต่ร่างของพวกเขาอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง ถ้าคุณอยากจะไปที่เกิดเหตุฉันจะพาไปดู” ตำรวจหญิงกล่าว
แม้ว่าเธอจะกลัวสัตว์ประหลาดชนิดนี้มากแต่นี่เป็นเวลากลางวันดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกมันจะปรากฏตัว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญสองคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรอยู่ข้างๆ เป็นการยากที่จะบอกว่าอีกฝ่ายมีแข็งแกร่งถึงระดับใดแต่เธอเคยเห็นความแข็งแกร่งของไอวี่มาแล้ว ดังนั้นเธอเชื่อว่าหญิงสาวคนนี้ร้ายกาจอย่างแน่นอน
“ตกลง” ไอวี่พยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งสามคนออกจากกระทรวงความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรมุ่งหน้าไปยังถนนไอรอนครอส
เมื่อเทียบกับอึมครึมก่อนหน้านี้บรรยากาศในรถม้าที่มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งมีชีวิตชีวากว่ามาก
“ฉันชื่อจูมาน่า สเตรย์เป็นนายอำเภอ ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายคนนี้ชื่ออะไร” ตำรวจหญิงมองไปที่ฟลินน์แล้วถาม ถ้าหากมาพร้อมกับไอวี่ได้นั้นต้องมาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรซึ่งเป็นบุคคลพิเศษที่เชี่ยวชาญในพลังวิเศษแน่นอน
มันคงไม่แย่ที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลดังกล่าวบางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคุณได้ในช่วงเวลาสำคัญ
“ผมชื่อ ฟลินน์ ซอร์ค วันข้างหน้าคงต้องรบกวนด้วยครับ” ฟลินน์พูดด้วยรอยยิ้ม
กระทรวงความมั่นคงมีอำนาจมากในเมืองและอาจกล่าวได้ว่าเป็นฝ่ายที่มีอำนาจอย่างแท้จริง
แม้ว่าเขาต้องการผูกมิตรกับบุคคลที่มีอำนาจที่สุดในกระทรวงความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรในไม่ได้แต่ตอนนี้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ก็ไม่เสียหาย
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไม่เพียงแต่รายได้ของเขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงตัวตนและสถานะของเขาด้วย
“คุณสุภาพเกินไปแล้วหากมีความจำเป็นเราจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” จูมาน่าหัวเราะอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเธอจะมีอำนาจในกระทรวงความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแต่เธอก็ไม่กล้าทำเรื่องใหญ่ต่อหน้าคนประเภทนี้
ถนนไอรอนครอสซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของเมืองคอนสตันโดยตั้งชื่อถนนจากรูปร่างเหมือนไม้กางเขน
คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่ถนนไอรอนครอสส่วนมากจะเป็นพวกคนงานและคนชั้นแรงงานที่มีรายได้น้อย
เมื่อรถม้าหยุดที่ถนนไอรอนครอส ทั้งสามคนลงจากรถก่อนที่จูมาน่าจะพาฟลินน์และไอวี่ไปที่มุมถนนแล้วพูดว่า
“นี่คือสถานที่ที่ผู้หญิงเสียชีวิต ส่วนตรงนั้นคือสถานที่ที่ผู้ชายเสียชีวิตมันอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร หลังจากตรวจสอบตรงนี้เสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปที่นั่น”
“ไม่ต้องหรอก แค่ตรงนี้ก็พอ” ไอวี่ส่ายศีรษะไม่ได้มองไปที่สถานที่ฆาตกรรมอีกแห่ง เธอเดินไปรอบๆ เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างก่อนจะชะงักเมื่อเห็นแมวจรจัดคุ้ยเขี่บถังขยะเพื่อหาอาหาร
ฟุ้บ!
เธอยื่นมือขวาออกมาดีดนิ้วไปที่แมวจรจัด วินาทีต่อมามีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
แมวจรจัดที่กำลังคุ้ยขยะดูเหมือนจะได้รับสัญญาณบางอย่างจริงๆ มันทิ้งขยะที่ดูน่าอร่อยตรงหน้าและเดินเข้ามาหาเธอ