ตอนที่ 75: ชิพโอเวอร์โหลด
ตอนที่ 75: ชิพโอเวอร์โหลด
พลังการระเบิดของลูกแก้วสีดำเป็นพลังระเบิดที่มหาศาลจนทำให้เปลวเพลิงสีแดงพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศและทำให้พื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตรถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยเปลวไฟ
ยานขนส่งที่เซี่ยเฟยขับหนีออกมาสามารถบินในชั้นบรรยากาศได้เท่านั้นและมันก็ไม่มีเกราะป้องกันอุณหภูมิที่คอยป้องกันการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศได้ หรือมันอาจจะแปลความอีกนัยหนึ่งได้ว่าตัวเกราะของยานแทบที่จะไม่สามารถปกป้องเซี่ยเฟยจากเปลวไฟที่โหมกระหน่ำด้านนอกได้เลย
ฟู้ววว~
แต่ในทันใดนั้นยานขนส่งที่ถูกขับโดยเซี่ยเฟยก็กระโดดออกมาจากทะเลเพลิงและมันก็โชคดีที่ร่างของเขาได้ถูกคุ้มครองด้วยชุดวินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์มันจึงทำให้เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากชายหนุ่มพยายามบังคับเลี้ยวยานในอากาศ ในที่สุดเขาก็นำยานไปจนถึงหุบเขาที่เขาได้ตกลงกับซันนี่เอาไว้
เมื่อมองลงไปจากท้องฟ้า บริเวณที่เคยเป็นคฤหาสน์ของเฒ่าเคได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 กิโลเมตรและลึกลงไปในดินมากกว่า 2 กิโลเมตร
“น่าเสียดายอาวุธในโกดังจริง ๆ ถ้าฉันเอาอาวุธพวกนั้นไปขายได้ ฉันคงรวยเละไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นี่นายยังจะห่วงเงินอยู่อีกหรอ! น่าแปลกใจจริง ๆ ที่นายยังมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้” อันธมองไปยังเซี่ยเฟยพร้อมกับกรอกตา
—
ซันนี่ได้ขับรถมาหยุดห่างจากอู่ของพอตเตอร์กว่า 10 กิโลเมตร โดยในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ที่มีท้องฟ้าอันมืดครึ้มและถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีดำทำให้ฝนที่ตกลงมาก็ยังเป็นเม็ดฝนสีดำไปด้วย
“กลับไปได้แล้ว จำเอาไว้ว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความลับ อย่าเล่าให้ใครฟังเป็นอันขาด” เซี่ยเฟยหันไปบอกกับซันนี่หลังจากที่เขาลงจากรถ
“ไม่ต้องห่วงครับเจ้านาย ผมจะรูดซิปปิดปากเอาไว้เลย!” ซันนี่พยักหน้าอย่างหนักแน่นพร้อมกับสัญญาอย่างจริงจัง
เมื่อได้รับคำสัญญาเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบมุ่งหน้ากลับไปยังอู่ของพอตเตอร์
เฒ่าเคส่งลูกน้องมาจับตาดูอู่ของพอตเตอร์ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ในตอนนี้ลูกน้องของเฒ่าเคได้หายไปแล้ว เซี่ยเฟยสันนิษฐานว่าพวกเขาคงจะได้รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้ถอนตัวออกไป
ขณะเดียวกันการระเบิดครั้งใหญ่ก็ได้ลบร่องรอยสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ไปทั้งหมด มันจึงไม่มีใครสามารถโยงเรื่องที่คฤหาสน์เกิดการระเบิดกับตัวของเซี่ยเฟยได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเซี่ยเฟยได้เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 กลับคืนมาและทำให้ปัญหาในการประกอบสตีลฟอลคอนเหลืออยู่เพียงแค่นิดเดียว ดังนั้นในอีกไม่นานชายหนุ่มก็จะสามารถขับสุดยอดยานรบลำนี้ท่องไปในจักรวาลได้แล้ว
หลังจากเซี่ยเฟยกลับเข้าไปภายในห้อง เขาก็อาบน้ำแต่งตัวเหมือนกับว่าเขาพึ่งได้ตื่นนอน จากนั้นเขาก็สวมชุดทำงานและเดินไปที่ห้องเวิร์กช็อปเหมือนปกติเช่นทุกวัน
ยังเหลือเวลาอีก 20 นาทีก่อนเวลางาน แต่ลูกศิษย์ของพอตเตอร์ทั้ง 4 คนได้เริ่มทำงานของพวกเขาแล้ว นอกจากนี้ท่าทางของพวกเขายังมีความสุขมาก เพราะในระหว่างการทำงานพวกเขาได้พูดคุยและส่งเสียงหัวเราะออกมาตลอดเวลา
“ทำไมทุกคนดูมีความสุขจัง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาทุกคน
“เมื่อเช้ามีข่าวว่าบ้านของเฒ่าเคระเบิดเป็นจุณ ว่ากันว่ารอบ ๆ บ้านในรัศมีหลายสิบกิโลเมตรได้รับความเสียหายไปด้วย ส่วนคนในบ้านก็ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านด้วยซ้ำ” เสี่ยวเทียนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“จริงหรอ? เรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราจริง ๆ” เซี่ยเฟยแสร้งเป็นตอบกลับอย่างประหลาดใจ
“เรื่องนี้มันเป็นมากกว่าข่าวดีอีก เฒ่าเคทำเรื่องชั่ว ๆ มาทั้งชีวิต มันก็สมควรจะได้รับจุดจบแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าคนในเมืองเริ่มฉลองกันตั้งแต่เช้าตรู่ บาร์ทุกที่ภายในเมืองต่างก็ถูกนั่งจนเต็มร้านไปหมด” โบเดนกล่าวตื่นเต้น
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็นท่าทางของทุกคน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขา
ไม่กี่วันต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้ประกาศบอกทุกคนว่าเขาสามารถหาซื้อเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 มาได้แล้ว
โดยปกติเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ทุกเครื่องจะตีหมายเลขประจำเครื่องกำกับเอาไว้ แต่เซี่ยเฟยได้ใช้เลเซอร์ลบเลขประจำเครื่องออกไปจนหมดแล้ว มันจึงทำให้ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าเครื่องยนต์เครื่องนี้เป็นเครื่องยนต์เครื่องเดียวกันกับที่เฒ่าเคแย่งชิงไปจากเสี่ยวเทียน
ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกับเครื่องยนต์ที่เซี่ยเฟยได้หามา แล้วทุกคนต่างก็รู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นความโชคดีเต็มไปด้วยความเสี่ยงมหาศาล ชนิดที่คนทั่วไปไม่มีวันจะคาดคิดถึง
ขณะเดียวกันเหล่าบรรดาช่างเครื่องที่เคยลาออกจากอู่ก็เริ่มกลับมาทำงานทีละคน ๆ เพราะแต่เดิมพวกเขาเลือกที่จะลาออกไปด้วยการบีบบังคับของเฒ่าเค ดังนั้นทันทีที่อำนาจของอดีตโจรสลัดเฒ่าได้หายไป พวกเขาจึงตัดสินใจกลับมาทำงานเหมือนเดิม
สิ่งที่เซี่ยเฟยต้องทำเป็นประจำในช่วงนี้ค่อนข้างที่จะยุ่งมาก เพราะไม่เพียงแต่เขาจะต้องเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงถึงสองเรื่องในหนึ่งวัน เขายังต้องแบ่งเวลาไปเรียนรู้วิธีการควบคุมยานอวกาศอีกด้วย
ด้วยตารางงานที่ยุ่งมากมันจึงทำให้เซี่ยเฟยใช้สมองจนเหนื่อยล้าทุกวันและเมื่อไหร่ก็ตามที่เขากลับเข้าห้องนอน เขาก็จะผล็อยหลับไปในทันที
ความคืบหน้าในการซ่อมบำรุงสตีลฟอลคอนเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ทักษะงานช่างของเซี่ยเฟยก็ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน
เพียงแค่พริบตากาลเวลาก็ได้ผ่านพ้นมาเกินกว่าครึ่งเดือนแล้ว โดยในวันนี้เหล่าช่างก็ได้มารวมตัวกันตั้งแต่เช้าแต่พวกเขาไม่ได้มาทำงานเหมือนเคย เพราะพวกเขาได้ไปรวมตัวกันรอบ ๆ ไทนี่ฟอลคอนรุ่นกองทัพ เพื่อชื่นชมผลงานที่พวกเขาได้ตรากตรำทำมันมาทั้งเดือน
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็เดินเข้ามาภายในเวิร์กช็อปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งพอตเตอร์ก็ได้มอบคีมอเนกประสงค์และสกรูนิรภัยเพลายาวให้กับชายหนุ่ม
“ยานขาดแค่การขันสกรูตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย โดยปกติมันจะเป็นหน้าที่ของฉัน แต่ในคราวนี้ฉันคิดว่านายเป็นคนปิดพิธีจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า” พอตเตอร์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ฟังคำอธิบายเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะขันสกรูเข้าไปในตำแหน่งใต้ที่นั่งกัปตัน
เหล่าบรรดาช่างกลจะมีกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ ว่าเมื่อไหร่ที่จะทำการแยกชิ้นส่วนยานอวกาศ พวกเขาจะต้องถอดสกรูกึ่งกลางสกรูทั้ง 13 ตัวบริเวณใต้ที่นั่งของกัปตันก่อนและสกรูตัวนั้นก็จะต้องเป็นสกรูตัวสุดท้ายที่จะต้องถูกขันกลับไป
ว่ากันว่าการทำแบบนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่พวกเขาจะแสดงความเคารพต่อกัปตันผู้คอยควบคุมยาน
โดยปกติหน้าที่สำหรับการจัดการกับสกรูตัวนี้จะเป็นหน้าที่ของช่างที่อาวุโสที่สุด แต่พอตเตอร์กลับมอบโอกาสให้กับเซี่ยเฟยซึ่งมันเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับว่าเซี่ยเฟยได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เขาได้ตั้งเอาไว้แล้ว
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ขันสกรูเข้าประจำตำแหน่งก่อนที่เขาจะเดินไปที่ประตูและส่งเสียงประกาศออกไปเสียงดัง
“งานซ่อมยานลำนี้เสร็จแล้ว! ซันนี่ไปเตรียมอาหารเครื่องดื่มเอาไว้ให้พร้อม ถ้าใครไม่เมาห้ามกลับบ้านเด็ดขาด!!”
เหล่าบรรดาช่างยนต์ต่างก็ปรบมืออย่างยินดีที่พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการซ่อมแซมและดัดแปลงยานชั้นยอดลำนี้ขึ้นมาใหม่
ไม่นานซันนี่ก็กลับมาพร้อมกับอาหารเครื่องดื่มแบบเต็มกำลัง โดยเหล่าช่างได้จัดโต๊ะเอาไว้นอกเวิร์กช็อป 3 โต๊ะและดื่มกินกันด้วยความสนุกสนาน
เซี่ยเฟยเดินวนรอบยานอวกาศของตัวเองหลายครั้งโดยที่ในแววตาของเขากำลังเต็มไปด้วยความสุข
“มันเป็นยานที่ดีจริง ๆ และตอนนี้มันยิ่งดูสง่างามกว่าเมื่อก่อน” พอตเตอร์เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า
“พวกเราได้ทำการเพิ่มเครื่องยิงขีปนาวุธ, ปืนใหญ่นิวตรอน, เครื่องวาร์ปดิสรัปเตอร์, เครื่องแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์, เครื่องวาร์ปสเตบิไลเซอร์และเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ทำให้ยานลำนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ฉันคิดว่านายควรจะตั้งชื่อให้กับมันใหม่นะ”
“ผมคิดไว้แล้วว่าผมจะตั้งชื่อยานลำนี้ว่า ‘ลูน่าเอคลิบ’” เซี่ยเฟยกล่าว
“ลูน่าเอคลิบ? มันช่างเป็นชื่อที่ดีจริง ๆ” พอตเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมสามารถเอายานลำนี้ไปลงทะเบียนกับสมาคมยานอวกาศได้ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
เนื่องจากลูน่าเอคลิบเป็นยานรุ่นกองทัพที่นำมาดัดแปลงใหม่ มันจึงทำให้ยานลำนี้มีความแตกต่างจากยานไทนี่ฟอลคอนในรูปแบบดั้งเดิม
“ตราบใดก็ตามที่นายมีเงินนายก็เอามันไปลงทะเบียนได้ ฉันได้แก้รหัสภายในของคอมพิวเตอร์แล้ว นายสามารถเอามันไปลงทะเบียนเป็นยานไทนี่ฟอลคอนได้เลย” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“เดี๋ยวนะ! ฉันลืมไปว่านายเป็นจัสติกฝึกหัดไม่ใช่หรอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยานรุ่นกองทัพแต่นายก็ยังเอามันไปลงทะเบียนได้อยู่ดี” พอตเตอร์ชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากที่เขาได้นึกถึงตัวตนของเซี่ยเฟย
“ผมทำตัวติดดินแบบนี้เอาไว้ดีแล้ว ผมไม่ชอบทำอะไรให้มันเตะตาคนอื่นมากนัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอาล่ะ ตามฉันมา” พอตเตอร์พยักหน้ารับพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยให้ตามเขามา
หลังจากนั้นพอตเตอร์ก็นำเซี่ยเฟยออกไปทางประตูหลังของเวิร์กช็อปก่อนที่จะพาชายหนุ่มเดินไปที่ยานรบลำเก่า
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่พูดอะไรและเดินตามหลังพอตเตอร์ไปเงียบ ๆ
ยานลำนี้อยู่ในสภาพที่พังยับเยินมากคล้ายกับว่ามันได้รับบาดเจ็บมาจากสงคราม ทำให้มีร่องรอยการถูกทำลายอยู่เต็มไปหมด
เซี่ยเฟยกับพอตเตอร์เดินเข้าไปภายในยานผ่านรอยแตก ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเดินวกวนอยู่ในยานหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางไปจนถึงห้องของกัปตัน
พอตเตอร์ขอให้เซี่ยเฟยรออยู่ที่ประตูก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปภายในห้องเพียงคนเดียว
ชายหนุ่มจุดบุหรี่พ่นควันรออยู่เงียบ ๆ ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน ชายชราก็เดินกลับมาพร้อมกับยื่นกล่องโลหะสีทองให้กับเซี่ยเฟย
กล่องโลหะสีทองนี้มีรูปทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีการสลักลวดลายคล้ายกับภาพโบราณที่ดูลึกลับ
“นี่มันอะไรครับลุง?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“เก็บมันไปก่อนแล้วค่อยถาม” พอตเตอร์กล่าว
เมื่อได้รับคำสั่งเซี่ยเฟยก็เก็บมันเข้าไปไว้ในแหวนมิติก่อนที่จะเดินตามพอตเตอร์ออกมาจากยาน
“ครั้งหนึ่งฉันเคยมีโอกาสได้เข้าร่วมกับกองทัพและสูญเสียตาดวงนี้ไปในสนามรบ ตอนนั้นฉันกับเพื่อนถูกศัตรูซุ่มโจมตีและในตอนที่พวกเรากำลังสิ้นหวัง พวกเราก็ใช้ระบบวาร์ปฉุกเฉิน”
“ไม่มีใครคาดคิดว่าการวาร์ปในครั้งนั้นจะทำให้พวกเราไปโผล่ในซากปรักหักพังของอารยธรรมโบราณและกล่องที่ฉันได้ให้นายไปก็เป็นกล่องของชิพโอเวอร์โหลดที่ฉันได้มาจากซากปรักหักพังนั้นนั่นแหละ”
การเปิดเผยในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงและในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพอตเตอร์จึงได้ตกเป็นเป้าหมายของเฒ่าเค
ชิพโอเวอร์โหลดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับยานรบอย่างฉับพลันได้อย่างน้อย 15% ซึ่งมันมีค่าอย่างมากในสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องพบกับอันตราย
เครื่องยนต์ปกติจะมีการตั้งค่ามาตรฐานความเร็วเอาไว้ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งการตั้งค่าเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ได้หมายถึงการที่เครื่องยนต์เครื่องนั้นสามารถเร่งรอบได้ถึง 4,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าใครเร่งรอบเครื่องเกินกว่า 4,000 รอบต่อนาที มันก็จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย
ด้วยเหตุนี้เองอุปกรณ์ทุกชนิดที่ผลิตออกมาจากโรงงานจะมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่ปลอดภัยเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้นำอุปกรณ์ไปใช้งานหนักมากจนเกินไปและมันก็เป็นการยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไปในตัว
ขณะเดียวกันบทบาทของชิพโอเวอร์โหลดคือการควบคุมให้อุปกรณ์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสูงที่สุด ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้อุปกรณ์ได้รับความเสียหาย แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถที่จะสร้างความแตกต่างได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ
หากยานรบที่กำลังเผชิญหน้ากันมีพลังโจมตีและพลังป้องกันเท่ากัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะกลายเป็นการทำลายซึ่งกันและกันในทันที แต่ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถเปิดระบบโอเวอร์โหลดได้พวกเขาก็จะสามารถทำลายยานอีกฝ่ายและไม่เสียชีวิตในสนามรบ
ขั้นตอนในการออกแบบชิพโอเวอร์โหลดเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก โดยขั้นตอนแรกชิพจะต้องทำการตรวจจับขีดจำกัดของแต่ละอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งบนตัวยาน จากนั้นชิพจะทำการประมวลผลประสิทธิภาพสูงสุดที่ยานจะสามารถทำได้และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งเอาไว้
การประมวลผลในระดับนี้จำเป็นที่จะต้องใช้การคำนวณที่ซับซ้อนและมีความแม่นยำมาก เพราะถ้าหากว่ามันเกิดการผิดพลาดในระหว่างการประมวลผลแม้แต่เพียงเล็กน้อย การใช้งานอุปกรณ์ทุกชิ้นเกินขอบเขตความปลอดภัยพร้อม ๆ กันมันก็อาจจะทำให้อุปกรณ์ดับกลางคันหรืออุปกรณ์เหล่านั้นอาจจะเกิดการระเบิดขึ้นมาได้เลย
เทคโนโลยีในปัจจุบันของพันธมิตรมนุษย์ยังไม่สามารถผลิตชิพโอเวอร์โหลดขึ้นมาได้ ดังนั้นชิพโอเวอร์โหลดที่ปรากฏในตลาดจึงเป็นชิพที่พวกเขาหามาได้จากซากปรักหักพังโบราณและทำให้มูลค่าของชิพเหล่านี้ไม่สามารถประเมินเป็นเงินได้อย่างแท้จริง
“ลุง..ชิพนี่มันมีค่ามากเกินไป ผมรับมันเอาไว้ไม่ได้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับส่ายหัว
“แต่เดิมชิพนั่นเป็นของกัปตันลูน่าเอคลิบคนเก่า ในเมื่อตอนนี้ลูน่าเอคลิบได้เปลี่ยนกัปตันแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ชิพจะต้องเปลี่ยนมือด้วยเหมือนกัน” พอตเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ลุงกำลังบอกว่าชิพนี้เคยถูกติดตั้งบนลูน่าเอคลิบหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
พอตเตอร์พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะลากชายหนุ่มเดินไปที่หน้าอู่
“พวกเราช่วยกันเพิ่มประสิทธิภาพของลูน่าเอคลิบไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ถ้าหากว่านายติดตั้งชิพโอเวอร์โหลดตัวนี้เข้าไป ฉันรับประกันได้เลยว่าในบรรดายานฟริเกตทั้งหมด จะมียานไม่เกิน 10 ลำที่จะเหนือล้ำไปกว่ายานลำนี้” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟากฟ้าด้วยความภาคภูมิใจ
***************
เอาว่ะ! ได้ยาน+ชิพหายากว่ะ!!
เดี๋ยวก่อนนะ!! พี่เฟยไม่ได้จะเอายานไปบึ้มบั่มกับใครใช่มั้ย!!!!