ตอนที่ 74: พังทลาย
ตอนที่ 74: พังทลาย
พื้นที่ของโกดังมีขนาดกว้างกว่า 10,000 ตารางเมตร ภายในโกดังมีกล่องสีเขียวเยี่ยวม้าขนาดต่าง ๆ วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและมีรถรับส่งขนาดเล็ก 2 คันกับยานขนส่งขนาดเล็กอีกหนึ่งลำอยู่ภายในโกดังนี้อีกด้วย
“นั่นมันเครื่องยิงอนุภาคขนาดกลาง! ดูนี่สิอันธ โกดังนี้มันเต็มไปด้วยอาวุธ!!” เซี่ยเฟยเดินไปอ่านข้อความทีละกล่องด้วยความประหลาดใจ
“นายจะตกใจอะไรนักหนาของพวกนี้มันยังมีค่าไม่เท่ากับแหวนในมือของนายด้วยซ้ำ” อันธมองไปรอบ ๆ อย่างเมินเฉย
เมื่อพูดถึงแหวนเซี่ยเฟยก็นึกถึงคำพูดของเฮอร์มิทผมสั้นขึ้นมาได้ เขาจึงเอื้อมมือไปทำการตรวจสอบมิติภายในแหวน แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นกลับทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด
“ในแหวนมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” อันธกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ลองดูเองก็แล้วกัน…” เซี่ยเฟยถอนหายใจพร้อมกับเททุกอย่างภายในแหวนออกมา
เมื่อได้เห็นสิ่งที่วางกองอยู่ตรงหน้า อันธก็ขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้
สิ่งที่เก็บเอาไว้ภายในแหวนทั้งหมดเป็นเท้าของมนุษย์! และพวกมันต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเท้าของผู้หญิง!
เท้าแต่ละข้างถูกตัดออกมาจากน่องอย่างปราณีตและถูกหุ้มเอาไว้ด้วยคริสตัลใสเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่เน่าเสีย
“ที่แท้เฒ่าเคก็เป็นพวกโรคจิต ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีผู้หญิงที่ต้องเสียขาไปกี่คน เขาถึงสามารถสะสมเท้าเอาไว้ได้มากขนาดนี้” อันธกล่าวออกมาอย่างพูดไม่ออก
เซี่ยเฟยรู้สึกขยะแขยงอยู่เพียงแค่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหันหลังและไม่เหลือบตามองเท้าเหล่านี้อีกต่อไป แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโกรธมาก คือมันไม่มีของมีค่าอะไรอยู่ภายในแหวนเลย
ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงดังกึกก้องมาจากด้านบนอีกครั้งและทำให้ไฟในโกดังดับมืดลง ขณะเดียวกันมันก็มีเศษฝุ่นผงร่วงหล่นลงมาจากบนเพดาน
ไม่กี่วินาทีต่อมาไฟในโกดังก็กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง เมื่อเซี่ยเฟยได้มองขึ้นไปบนเพดานเขาก็ได้พบว่าห้องแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากคอนกรีตหนา ทำให้แม้ว่าด้านบนจะเกิดการระเบิดที่รุนแรงแต่มันก็ไม่ทำให้สภาพของโกดังเสียหาย
“อันธลูกแก้วพวกนั้นมันคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงระเบิดได้รุนแรงขนาดนั้น” เซี่ยเฟยถาม
“พวกมันคือ 18 ดาวโลหิตมรณะ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“ในจักรวาลมีสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ ที่อาศัยอยู่นอกอาณาเขตของพันธมิตรมนุษย์อย่างมากมายและอาวุธพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในอาวุธที่พวก ‘เผ่ามาร’ ได้คิดค้นขึ้น”
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็นั่งอยู่บนกล่องพร้อมกับจุดบุหรี่และรับฟังอย่างเงียบ ๆ
“ว่ากันว่าการพยายามจะสร้าง 18 ดาวโลหิตมรณะขึ้นมาจำเป็นจะต้องอาศัยครอบครัวที่เหมาะสม โดยครอบครัวนี้จะต้องมีลูกผู้ชาย 9 คนและลูกผู้หญิง 9 คนพอดิบพอดี”
“ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนที่โหดร้ายมากเพราะเด็กทั้ง 18 คนนี้ต้องลงมือสังหารพ่อแม่ของพวกเขาด้วยมือของตัวเอง โดยมีดแต่ละเล่มที่ทิ่มแทงลงไปจะต้องแทงไปยังจุดที่กำหนดไว้และในเวลาที่กำหนด”
“ฉันไม่รู้วิธีการที่แน่ชัดมากนักแต่ฉันพอจะรู้ว่าการแทงใน 8 ครั้งแรกยังไม่สามารถจบชีวิตพ่อแม่ของพวกเขาได้และการแทงในครั้งสุดท้ายต้องจบชีวิตพ่อแม่ของพวกเขาให้ได้พอดี เพราะถ้าหากว่าพ่อแม่ของพวกเขาตายก่อนการแทงในครั้งที่ 9 มันก็จะทำให้วิธีการผลิตของพวกนี้ล้มเหลวไปและเด็กทุกคนที่เข้าพิธีกรรมก็จะต้องถูกโยนลงไปในภูเขาไฟเพื่อบูชาเทพเจ้า”
“หลังจากเด็กพวกนี้สังหารพ่อแม่ของตัวเองแล้ว พวกเขาก็ต้องควักตาซ้ายออกมาให้คนทำพิธี แต่ในกระบวนการนี้พวกเด็ก ๆ จะต้องเป็นคนควักตาของตัวเอง”
“ขณะเดียวกันคนทำพิธีก็จะทำการควักเอาตาซ้ายของพ่อและตาขวาของแม่ออกมารวมกันเป็นดาวฤกษ์และใช้ตาซ้ายของลูกทั้ง 18 คนมาเป็นดาวบริวาร ซึ่งทันทีที่ดาวฤกษ์ได้เข้าใกล้ดาวบริวาร มันก็จะเกิดการระเบิดขึ้นในทันทีเหมือนอย่างที่มันกำลังระเบิดอยู่ด้านบนนั่น”
“อาวุธชนิดนี้ถือว่าเป็นอาวุธต้องห้ามสำหรับพันธมิตรมนุษย์ เพราะมันเป็นอาวุธที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยวิธีการอันเลวร้าย ว่ากันว่าใครที่ใช้อาวุธประเภทนี้จะถูกโชคร้ายเข้าปกคลุมและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายหลังจากใช้อาวุธ พวกเขาก็จะกลายเป็นคนไร้สติเหมือนกับคนตายที่เดินได้”
เมื่อได้ยินคำอธิบายถึงวิธีการผลิต 18 ดวงดาวโลหิตมรณะ เซี่ยเฟยก็รู้สึกขนลุกซู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ในจักรวาลนี้มีอาวุธที่ชั่วร้ายที่เขายังไม่รู้จักอยู่อีกมากมายและเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเฮอร์มิทคนนั้นถึงจะต้องอยากได้อาวุธชิ้นนี้ด้วย
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันรู้ตัวก้นบุหรี่ก็ไหม้มาจนถึงนิ้วของเขาแล้ว เขาจึงรีบโยนก้นบุหรี่ลงไปบนพื้นพร้อมกับใช้เท้ากระทืบมันลงไป
ตูม!
ขณะเดียวกันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาบนพื้นอีกครั้งทำให้ไฟภายในโกดังดับไป 2-3 วินาทีก่อนที่มันจะเปิดขึ้นมาใหม่
“พวกเผ่ามารเป็นพวกที่โหดเหี้ยมจริง ๆ ถึงขนาดคิดพิธีกรรมให้ลูกฆ่าพ่อแม่ของตัวเองเพื่อให้ได้อาวุธแบบนี้มา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกัดฟัน
“ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดเลย จักรวาลเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากและยังมีสิ่งที่เราไม่รู้จักถูกซุกซ่อนอยู่อีกเต็มไปหมด เมื่อนายได้สัมผัสกับสังคมในจักรวาล นายจะค่อย ๆ คุ้นเคยกับสิ่งแปลก ๆ พวกนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ว่าจะเป็นงานดำมืดหรือความบ้าคลั่งในระดับจักรวาล มันก็ล้วนแล้วแต่อยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของนาย” อันธกล่าวอย่างเมินเฉย
“พวกคนจากเผ่ามารมีหน้าตาเป็นยังไง?” เซี่ยเฟยถาม
“ว่ากันว่าคนพวกนี้มีผิวสีเขียว, ตัวสูง, ชอบเจาะหูเจาะจมูกเป็นจำนวนมากและพวกเขายังชอบใส่เครื่องประดับเต็มตัวไปหมด”
“พวกเผ่ามารเป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์เล็ก ๆ ในจักรวาลและใกล้ที่จะสูญพันธุ์เต็มที ที่จริงแล้วมันยังมีเผ่าพันธุ์เล็ก ๆ ลักษณะนี้อยู่อีกมากมายกระจายกันอยู่ทั่วทั้งจักรวาล”
“น่าแปลกใจจริง ๆ ที่ทำไมพวกเขาถึงยังไม่สูญพันธุ์ไปอีก! ว่าแต่ทำไมเมื่อลูกแก้วสีดำกับสีแดงได้มาเจอกันมันถึงได้เกิดการระเบิดขึ้นมาล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาทำยังไง แต่ลูกแก้วทั้งสองชนิดนี้จะมองเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู เฮอร์มิทคนนั้นคงจะต้องการใช้ลูกแก้วสีดำควบคุมลูกแก้วสีแดง แต่การพยายามทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตาย”
เสียงระเบิดบนพื้นยังคงดำเนินต่อไป หลังจากนั้นมันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีก 6 ครั้งและการระเบิดแต่ละครั้งก็ต่างล้วนแล้วแต่ทรงพลังอย่างน่าทึ่ง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกกังวลเพราะเขาไม่รู้ว่าการระเบิดอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบกับโกดังที่อยู่ใต้ดินแห่งนี้หรือไม่
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจยืนขึ้นและออกหาของมีค่า เพราะท้ายที่สุดพื้นที่ภายในแหวนมิติที่เขาเพิ่งได้รับมามันยังว่างอยู่และเขาก็ไม่อยากจะจากไปแบบตัวเปล่า
กล่องโลหะสีเงินภายในโกดังสามารถดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้มากที่สุด เพราะกล่องในส่วนที่เหลือเป็นกล่องสีเขียวเยี่ยวม้า มันจึงทำให้กล่องสีเงินมันวาวเป็นกล่องที่สามารถมองเห็นเด่นชัดได้แต่ไกล
กล่องโลหะสี่เหลี่ยมนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง บริเวณขอบมุมทุกขอบถูกตกแต่งด้วยโลหะสังเคราะห์ที่ส่องแสงระยิบระยับ
เมื่อเซี่ยเฟยมองเข้าไปใกล้ ๆ เขาก็ได้เห็นสเปย์รูปงูหลามสีดำขนาดใหญ่ถูกพ่นเอาไว้บนกล่อง ส่วนข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ก็เป็นคำว่า
เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 จากบริษัทสกายเซอร์เพนท์!!
การค้นพบในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกดีใจมากเพราะว่าของสิ่งนี้คือเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ที่เฒ่าเคได้ขโมยมันมาจากเสี่ยวเทียน
เขาไม่คิดจริง ๆ ว่ามันจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่นี่!
นี่คือเครื่องยนต์ระดับสูงที่หาได้ยากมาก!!
การซ่อมแซมยานรบส่วนใหญ่ได้ถูกจัดการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับตัวของเขาเองปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด
ด้วยเครื่องยนต์นี้งานในส่วนที่เหลือจะเป็นเพียงแค่งานประกอบและมันก็จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จในเร็ววัน
ในที่สุดมันก็ดูเหมือนกับว่าเซี่ยเฟยจะได้ยานรบตามที่เขาได้ออกแบบเอาไว้อย่างครบถ้วนและยานสตีลฟอลคอนที่นอนหลับใหลมานานก็ใกล้พร้อมที่จะขึ้นบิน
พลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด!
พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด!
ความไวที่รวดเร็วที่สุด!
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้สตีลฟอลคอนย่อมต้องกลายเป็นหนึ่งในยานฟริเกตชั้นนำในจักรวาลอย่างแน่นอน!
ขนาดของกล่องโลหะสีเงินกล่องนี้เกือบ 20 ลูกบาศก์เมตรพอดี ซึ่งมันก็เพียงพอที่เขาจะเก็บมันเข้าไปภายในแหวน
“เยี่ยมไปเลย! ในที่สุดพวกเราก็ได้เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์กลับมาแล้ว” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกันเนื่องมาจากว่ามันมียานขนส่งจอดอยู่ในโกดัง มันก็หมายความว่าสถานที่แห่งนี้ย่อมจะต้องมีทางเข้าออกสำหรับยานอยู่อย่างแน่นอน
เสียงระเบิดบนพื้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและเซี่ยเฟยก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เสียที
เขาสามารถทิ้งอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ในโกดังแห่งนี้ได้ แล้วค่อยหาโอกาสกลับมาขนพวกมันออกไปภายหลัง ถ้าหากว่าเขาสามารถเอาอาวุธทั้งหมดออกไปขายได้จริง ๆ มันย่อมจะต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
หลังทำการสำรวจเซี่ยเฟยก็ได้พบกับกล่องโลหะติดอยู่บนผนังด้านซ้าย ซึ่งหลังจากที่เขาได้เปิดกล่องเขาก็ได้พบกับปุ่มที่มีป้ายกำกับไว้ว่า ‘เปิดช่องทาง’
ทันทีที่เซี่ยเฟยใช้มือกดปุ่ม มันก็มีเสียงเครื่องจักรเริ่มทำงาน ก่อนที่ผนังด้านหน้าของเขาจะเปิดออกและเผยให้เห็นเส้นทางที่กว้างมากพอจะให้ยานขนส่ง 2 ลำเคลื่อนที่สวนกัน
ตูม!
เสียงระเบิดบนพื้นดังขึ้นอีกครั้งและทำให้ไฟภายในโกดังดับลงอย่างกระทันหัน แต่ในคราวนี้ไฟไม่ได้เปิดขึ้นมาอีกต่อไปซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะระบบไฟได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด
เซี่ยเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างตกลงมาจากข้างบน เขาจึงรีบกระโดดหลบและกดสวิตช์เปิดไฟฉายจากนาฬิกาที่ข้อมือ
ตูม!
เมื่อหันกลับไปชายหนุ่มก็ได้เห็นบล็อกคอนกรีตขนาดประมาณลูกฟุตบอลตกลงมายังจุดที่เขาได้ยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้และทำให้พื้นบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมยุบลงไปบนพื้น
เหตุการณ์ในปัจจุบันมันก็ดูเหมือนกับว่าโครงสร้างคอนกรีตของโกดังได้ถูกพังทลายลงไปแล้ว ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้มองขึ้นไปด้านบนเขาก็ได้พบกับรอยแตกที่กำลังแตกแยกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
“ระเบิดรุนแรงเกินไป! อาคารนี้ทนไม่ไหวแล้ว” เซี่ยเฟยอุทานอย่างตื่นตระหนก
“แรงระเบิดในก่อนหน้านี้น่าจะเกิดขึ้นมาจากลูกแก้วสีแดง แต่ถ้าหากว่าลูกแก้วสีดำระเบิดขึ้นมาด้วยล่ะก็แย่แน่” อันธกล่าวหลังจากพิจารณาสถานการณ์
หลังได้ยินวิญญาณนักฆ่าพูดจนจบเซี่ยเฟยก็ไม่สนใจอาวุธราคาแพงในโกดังอีกต่อไป เพราะเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพยายามหนีเอาชีวิตรอด
“อย่าพึ่งไป! ถ้าหากว่าลูกแก้วสีดำระเบิดนายจะหนีไปแบบนี้ไม่ไหวแน่” อันธตะโกนขัดจังหวะขึ้นมา
“แล้วฉันต้องทำยังไง” เซี่ยเฟยถามด้วยความกังวล
“ไปที่ยานขนส่งนั่น!” อันธกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ยานขนส่ง จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า
“ความเร็วของยานขนส่งเร็วกว่าความเร็วสูงสุดของนาย 15 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีโครงโลหะผสมไทเทเนียม รีบขับยานลำนั้นแล้วหนีออกไปด้านนอกเร็วเข้า!”
“นายพูดเล่นหรือเปล่า ฉันขับยานไม่เป็น!” เซี่ยเฟยตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ
“ฉันสอนได้น่า รีบ ๆ ขึ้นยานไปเถอะ” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
โกดังแห่งนี้กำลังจะพังแล้ว เซี่ยเฟยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องรีบเคลื่อนที่เข้าไปยังห้องนักบิน
ทันใดนั้นมันก็มีแรงระเบิดขึ้นมาอีกครั้งและทำให้โครงสร้างคอนกรีตไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้อีกต่อไป พื้นคอนกรีตด้านบนจึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และมีบล็อกคอนกรีตเป็นจำนวนมากร่วงหล่นลงมาราวกับลูกเห็บ
“ใจเย็น ๆ กดปุ่มสตาร์ทแล้วดันคันเร่งขึ้นมาโล้ด!” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
เมื่อเซี่ยเฟยกดปุ่มสตาร์ทเขาก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของเครื่องยนต์พร้อมกับเปลวไฟสีน้ำเงินที่พุ่งออกมาทางบริเวณด้านหลังของยาน
หลังจากนั้นเมื่อเขาดันคันบังคับเปลวไฟด้านหลังก็ถูกพ่นออกไปยาวกว่า 10 เมตรพร้อมกับเครื่องยนต์ทั้งเครื่องที่เกิดอาการสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเร่งเครื่องสุดกำลังแล้วแต่ตัวยานขนส่งก็ยังคงหยุดอยู่กับที่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?” เซี่ยเฟยถามอย่างตื่นตระหนก
“ทำไมมันถึงไม่ขยับนะ?” อันธใช้มือเกาคางพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด
ท่าทางของวิญญาณนักฆ่าทำให้เซี่ยเฟยเครียดจนมีเส้นเลือดสีดำปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
“อ๋อใช่แล้ว! รีบกดปุ่มปลดแรงโน้มถ่วงตรงนี้ซะ!! ปกติถ้ายานลงจอดพวกมันจะถูกล็อกเอาไว้ด้วยเครื่องแรงโน้มถ่วงเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเคลื่อนที่” อันธอุทานพร้อมกับตบหน้าผากของตัวเอง
ถึงแม้ว่าอันธจะมีอารมณ์ขันแต่เซี่ยเฟยก็ไม่มีเวลามาบ่นวิญญาณตนนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้กำปั้นทุบเข้าไปที่ปุ่มควบคุมแรงโน้มถ่วงอย่างแรงและทำให้ยานขนส่งพุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุน
การเคลื่อนที่อย่างฉับพลันทำให้ร่างของเซี่ยเฟยถูกดันจนติดเบาะและทำให้เขาไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้!
ก่อนหน้านี้เขาได้เร่งความเร็วเอาไว้อย่างเต็มที่ ดังนั้นทันทีที่เขาปลดระบบแรงโน้มถ่วงที่ทำหน้าที่คล้ายกับเบรกมือ มันก็ทำให้ตัวยานพุ่งออกไปข้างหน้าเหมือนกับม้าป่าที่กำลังพยศ
เซี่ยเฟยพยายามใช้มือคอยควบคุมพวงมาลัยเอาไว้แต่ฝ่ามือของเขากลับเต็มไปด้วยเหงื่อ
ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นติด ๆ กัน 2 ครั้งพร้อมกับอุโมงค์ด้านหลังที่พังทลายลงมา
สถานการณ์ในปัจจุบันคล้ายกับฉากในหนัง ที่หลังจากยานขนส่งได้เคลื่อนที่ผ่านไป พื้นที่ในบริเวณนั้นจะยุบตัวกลายเป็นซากปรักหักพังในทันที!
สถานการณ์วิกฤติหนักมาก!
เซี่ยเฟยยังคงพยายามควบคุมยานขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงบล็อกคอนกรีตที่ร่วงหล่นมาตรงหน้า โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเฉียบแหลมกว่าคนทั่วไปมาก มันจึงทำให้เขายังสามารถหลบหนีบล็อกคอนกรีตได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
หลังขับยานมาได้ไม่นานพื้นด้านหน้าก็เริ่มมีความลาดเอียงมากยิ่งขึ้น เซี่ยเฟยจึงดึงพวงมาลัยเข้ามาหาตัวและทำให้ตัวยานพุ่งออกไปในมุม 45 องศา!
ฟู้ววว~
ยานขนส่งของเซี่ยเฟยพุ่งออกมาท่ามกลางเนินเขา หลังจากที่ยานเคลื่อนที่ผ่านไปเพียงแค่ไม่นาน อุโมงค์ที่เคยเป็นรันเวย์ก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
สถานการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกหมดแรงอย่างฉับพลันจนทำให้ร่างของเขาทรุดตัวลงไปบนเก้าอี้
แต่ในทันใดนั้นมันก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วมันก็เป็นแรงระเบิดที่สร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งดวงดาว
คลื่นเสียงที่เกิดจากการระเบิดมากพอที่จะทำลายแก้วหูของผู้ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วมันก็ยังมีเปลวไฟขนาดมหึมาแผ่กว้างออกไปราวกับคลื่นสึนามิ!
***************
นี่มันฉากในหนังแอ็คชั่นชัด ๆ! เหมือนพี่เฟยไปเล่นหนังพวกมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลเลย