ตอนที่ 53 : ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋
"พี่ใหญ่ เรื่องในโรงงานผมก็ฝากด้วยนะครับ ช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งๆหน่อยนะ เพราะต้องดูแลหลายๆเรื่องเลย" ฉินหยุนมองไปที่พี่ใหญ่ฉินซวน และกล่าวออกมา
ตอนนี้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนถือว่าเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ในตอนแรกมีแค่ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนร้านเดียว จากนั้นก็ตามมาด้วยร้านที่สอง ต่อมาก็มีร้านรองเท้าเพิ่มขึ้นอีกร้าน และตอนนี้ในที่สุดก็มีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่มขึ้นมาอีก
ราวกับว่าหลอดพลังงานของฉินซวนไม่มีวันหมด เพราะเธอมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการมากขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่เป็นไร ตอนนี้พ่อกับแม่ของเราก็ช่วยดูแลร้านให้อยู่ ที่พี่ต้องทำก็แค่ไปตลาดค้าส่งเป็นประจำเพื่อสั่งซื้อเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ๆเท่านั้นเอง
ฉินซวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ตอนนี้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเพิ่งจะ เปิด พี่จึงต้องโฟกัสกับที่นี่แทน พี่สามารถจัดการมันได้"
แม้ว่าฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยจะไม่เก่งในการบริหารจัดการร้านขายเสื้อผ้า แต่ ณ ตอนนี้พวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ แค่เช็คเสื้อผ้าและรองเท้าในร้านทุกวัน และตรวจสอบยอดขาย ถือว่าเป็นเรื่องง่ายๆ
ธุรกิจของทั้งสามร้านนั้นร้อนแรงอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นหรือกิจกรรมอะไร พวกเขาจึงไม่ได้ยุ่งวุ่นวายมากนัก
"โอเค ผมเชื่อว่าพี่จัดการสิ่งต่างๆได้ดีแน่นอน" ฉินหยุนพยักหน้า
อันที่จริงเขาไม่ได้วางแผนที่จะเปิดร้านเพิ่มอีก ฉินหยุนคิดว่าในเขตชิงอู๋เปิดแค่สองสามแห่งก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งพ่อกับแม่และพี่สาวของเขาสามารถจัดการได้ไม่ยากมาก และเขาก็ไม่จำเป็นต้องรับผู้จัดการร้านมาเพิ่มด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป เสื้อผ้าบนแบบร่างก็ถูกทำแพทเทิร์นออกมา จากนั้นก็ตัดขอบและเย็บเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสื้อผ้าที่ใช้เป็นตัวอย่างก็ได้รับการผลิตออกมาอย่างสมบูรณ์
จากนั้นกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมากก็เริ่มต้นขึ้น และงานของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ
...
เขตชิงอู๋ ถนนเหยียนหู่ ในเวลานี้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามาก มีผู้คนมากมายมารวมตัวกัน
วันนี้ร้านบาร์บีคิวที่นี่กำลังจะเปิดทำการ
"ร้านหนิงเซี่ยบาร์บีคิว" นี่คือชื่อร้านอาหารแห่งนี้
และนี่คือร้านบาร์บีคิวที่เปิดโดยเซียวหลาน
"มีคนเยอะมาก" ไม่ไกลจากที่นี่ ฉินหยุนก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน
ร้านขายเสื้อผ้าของเขาที่มีลูกค้ามากมายนั้น โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพราะค่ายกลจากระบบ แต่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่น
ในขณะนี้ เซียวหลานกำลังยืนอยู่หน้าร้านบาร์บีคิว เธอมีทั้งใบหน้าและรอยยิ้มที่สวยงาม เมื่อมันมารวมอยู่ในคนๆเดียว เธอก็สามารถกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนได้อย่างง่ายดาย
ข้างๆเซียวหลาน มีหญิงสาวลักษณะท่าทางฉลาดสุขุมยืนอยู่ ใบหน้าของเธอดูคุ้นเคยมาก เธอก็คือเหวินหยาน้าของเซียวหลานนั่นเอง
และข้างๆพวกเธอ ก็มีหญิงวัยกลางคนสวมใส่รองเท้าส้นสูงยืนอยู่คนหนึ่ง เธอถือกระเป๋าหนังสีดำไว้ในมือ เมื่อสังเกตดูดีๆก็จะเห็นได้ว่าใบหน้าของเซียวหลานดูคล้ายกับใบหน้าของเธอมาก แต่มองดูโดยรวมแล้วเธอดูเชยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และเธอไม่เผยรอยยิ้มออกมาเลย เธออาจจะแสดงออกโดยไม่รู้ตัว แต่กลิ่นอายของเธอดูไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
‘เธอคือแม่ของเซียวหลานงั้นเหรอ เหมือนฉันเคยเห็นเธอที่ไหนสักที่เลย’ ในขณะนี้ฉินหยุนกำลังคิดอย่างเงียบๆ
เขาแน่ใจว่าเขาจำได้แม่น แต่เขาน่าจะเคยเห็นโดยบังเอิญ
มีซุ้มขนาดใหญ่และกระเช้าดอกไม้มากมายที่อยู่หน้าร้านบาร์บีคิว แต่เขาไม่คิดว่านั่นคือคอนเนคชั่นของเซียวหลานเอง
"ฉินหยุน นายก็มาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?" ขณะที่ฉินหยุนกำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
เมื่อมองไปที่ที่มาของเสียง ฉินหยุนก็เห็นหญิงสาวตัวเล็กหน้าตาธรรมดาสวมแว่นตาคนหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า "จางเสี่ยวหยา"
นี่คือเพื่อนร่วมโต๊ะของเซียวหลาน
"เสี่ยวหยา ฉินหยุน!"
ในขณะนี้เอง เซียวหลานก็สังเกตเห็นทั้งสองคนที่อยู่ทางฝั่งนี้เช่นกัน เธอจึงรีบเดินเข้ามา
"ว้าว เซียวหลาน เธอน่าทึ่งมาก เธอเปิดร้านบาร์บีคิวขนาดใหญ่แบบนี้ได้ยังไง" จางเสี่ยงหยาเอ่ยชมเชย
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวของเซียวหลานร่ำรวยมาก
“ไม่ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือของครอบครัวฉันต่างหาก” เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เธอมองไปที่ฉินหยุน ยิ้มพลางกล่าวว่า "การสละเวลามาที่นี่ของบอสฉิน คงไม่ได้ขัดขวางนายจากการหาเงินไช่ไหม?"
ฉินหยุนยิ้ม วางกระเช้าดอกไม้ในมือของเขาลงและกล่าวว่า "นักศึกษาเซียวหลานล้อเล่นแล้ว"
"หลานหลาน สองคนนี้ใครเหรอ" ตอนนี้เอง หญิงวัยกลางคนที่ถือกระเป๋าหนังสีดำก็เดินเข้ามาถาม
"แม่คะ นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของหนูเอง จางเสี่ยวหยาและฉินหยุน" เซียวหลานแนะนำอย่างเป็นกันเอง
เหวินหยุนมองไปที่จางเสี่ยวหยาและฉินหยุน แววตาของเธอมีร่องรอยของการตรวจสอบโดยที่เธอไม่รู้ตัว ราวกับว่าผู้นำตำแหน่งสูงกำลังจ้องจับผิดผู้ใต้บังคับบัญชา
เมื่อเห็นการจ้องมองเช่นนี้ จางเสี่ยวหยาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ฉินหยุนไม่รู้สึกอะไรเลย
‘ความสัมพันธ์ระหว่างฉินหยุนกับหลานหลานคืออะไร?’ ในขณะนี้เหวินหยุนแอบคิดในใจ
จางเสี่ยวหยาไม่เป็นไร แต่ฉินหยุนเป็นเด็กผู้ชาย!
คราวนี้ลูกสาวของเธอเปิดร้านบาร์บีคิว และเธอก็ได้ยินว่าหลานหลานเชิญเพื่อนร่วมชั้นมา 2 คน ทีแรกเธอคิดว่าพวกเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงกันทั้ง 2 คน แต่เธอไม่คาดคิดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นเด็กผู้ชาย
การได้รับเชิญมาที่นี่ แสดงถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
“นี่คือแม่ของฉัน” หลังจากกล่าวจบ เซียวหลานก็เอ่ยแนะนำอีกครั้ง
"สวัสดีครับ,ค่ะ คุณป้า" ทั้งฉินหยุนและจางเสี่ยวหยาต่างก็เอ่ยทักทาย
"เสี่ยวหยา นี่คือน้าของฉัน" จากนั้นเซียวหลานก็มองไปที่ฉินหยุนอีกครั้ง และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ฉินหยุน ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำคุณน้าอีกครั้งใช่ไหม?"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูด เหวินหยุนก็คิดในใจอีกครั้ง ‘ดูเหมือนว่าฉินหยุนกับเสี่ยวหยาจะรู้จักกัน’
"หลานหลาน เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูก พาพวกเขาเข้าไปในร้านกันเถอะ" เธอกำลังคิดเรื่องอื่นในขณะที่เธอกล่าวออกมา
เซียวหลานพยักหน้า จากนั้นก็พาฉินหยุนและจางเสี่ยวหยาเข้าไปในร้าน และจัดที่ให้พวกเขานั่งด้วยกัน
"เชฟที่ร้านบาร์บีคิวของฉันทำอาหารเก่งมาก พวกเธอต้องลองชิมดู" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"เห้อ.. เซียวหลาน ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก"
จางเสี่ยวหยากล่าวด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ แต่เธอก็ยิ้มอีกครั้งและเอ่ยว่า "แต่วันนี้ ถ้าฉันกินไม่อิ่ม ฉันจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น"
ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "บอสเซียว ไปดูแลลูกค้าคนอื่นเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา"
วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดร้าน เซียวหลานคงจะยุ่งมาก
ผู้คนเข้าๆออกๆในร้านอยู่ตลอด โต๊ะก็เกือบเต็มแล้ว และกลิ่นหอมของบาร์บีคิวก็แรงมาก ซึ่งมันดึงดูดให้ลูกค้าบางคนเข้ามาในร้านแห่งนี้ด้วยความสนใจ
การเปิดร้านใหม่ กำลังเป็นเทรนด์ที่นิยม
"หืม..?"
ในขณะที่ชิมรสชาติบาร์บีคิวอยู่ ฉินหยุนก็บังเอิญมองไปทางสถานที่ที่คนหลายคนกำลังมา ผู้เดินนำมาเป็นชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีหน้าท้องใหญ่ยื่นออกมา
แม้ว่าเขาจะเหลือบมองดูแค่เพียงแวบเดียว แต่ฉินหยุนก็จำเขาได้ทันที
"เซียวเหิงจุน!"
ทันใดนั้น ความคิดมากมายก็ปรากฏขึ้นในใจของฉินหยุนทันที
เซียวเหิงจุนยังมีอีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋!
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เขตชิงอู๋ยังไม่ได้พัฒนามากนัก ดังนั้นเซียวเหิงจุนจึงเริ่มดึงดูดเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ หลังจากผ่านมาเกือบ 30 ปี ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการออกนโยบายต่างๆ เขตชิงอู๋จึงได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และโรงงานของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ในปี 2014 มีข่าวลือว่าทรัพย์สินของโรงงานเครื่องจักรเหิงจุนที่ก่อตั้งโดยเซียวเหิงจุนนั้น มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านหยวน!
และตอนนี้ เวลาผ่านไปประมาณ 8 ปีแล้ว คาดว่าทรัพย์สินของเขาต้องมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
"เซียวเหิงจุน ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋ ปรากฏตัวที่นี่จริงๆงั้นเหรอ?"
ภายใต้การจ้องมองของเขา เซียวหลาน เหวินหยุนแม่ของเธอ และน้าเหวินหยา ไปที่ด้านข้างของเซียวเหิงจุน พูดบางอย่างกับเขาสองสามคำ แล้วเขาก็ออกจากที่นี่ไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ในใจของฉินหยุนก็เริ่มคาดเดาบางอย่าง
‘เป็นไปได้ไหมที่เซียวหลานจะเป็นลูกสาวของเซียวเหิงจุน?’
เขารู้สึกว่าการคาดเดาของเขาไม่น่าเชื่อถือเล็กน้อย เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เซียวเหิงจุนก็เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋แล้ว และสถานะของเขาก็ยังไม่สั่นคลอนมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเขาฟังเรื่องเหล่านี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว
‘ตอนที่ฉันเรียนอยู่มอต้น เซียวเหิงจุนก็เคยมาที่โรงเรียนของเราเพื่อบริจาคเงินให้ ดูเหมือนว่าในตอนนั้นคนที่ยืนข้างๆฉันจะเป็นเหวินหยุนคนนี้’ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มจำได้
(จบตอน)