ตอนที่ 1384 แผ่นดินทลาย การประลองเริ่มต้น!
ภูเขากวงหมิง
จอมปีศาจไคเทียนขมวดคิ้วเขายืนอยู่ด้านล่างและมองขึ้นไปที่ภูเขากวงหมิงเป็นภูเขามหึมาใหญ่โตที่มิอาจคาดคิดได้
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกับว่าไม่เคยเห็นภูเขาขนาดใหญ่สูงตระหง่านขนาดนี้มาก่อน แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เขามีความมุ่งมั่นจะถล่มเขากวงหมิงและกวาดล้างแดนสวรรค์ทั้งหมด สาเหตุที่เขามีสีหน้าเช่นนี้ก็เพราะว่าตำหนักกลางส่วนใหญ่บนภูเขากวงหมิงทั้งหมดหายไป
ฉับพลันทันที
มันหายไป
ตำหนักกลางบนภูเขากวงหมิงทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มใดก็ตาม ตอนนี้มองไม่เห็นเลย เหลือแต่พื้นที่ว่างของอาคาร เดิมทีก่อนจะก้าวเดินเข้าไปข้างในจะต้องมีบันไดแสงและประตูแสงสำหรับแสดงความเคารพบูชาแต่กลับไม่มีอะไรเหลือให้เห็น สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือ เทพผู้พิทักษ์,เทวทูตและนักรบแห่งแสง ฯลฯ ซึ่งแต่เดิมนั้นถูกไคเทียนสังหารพวกเขาหายไปพร้อมกับตำหนักทันที ต่อหน้าต่อตาของจอมปีศาจไคเทียนไม่ทราบว่าพวกเขาหายไปในที่ใด
เหลือไว้แต่เพียงคนรับใช้ที่อยู่ในอาการหวั่นเกรงและหวาดกลัวอยู่บนภูเขากวงหมิงหลังจากพวกเขาสูญเสียพลังวิญญาณสนับสนุน ความรู้สึกจิตใจของพวกเขาพังทลายบางพวกกรีดร้องวิ่งพล่านไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?”จอมปีศาจไคเทียนรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก
ผ่านไปเป็นเวลานานเขาจึงรู้สึกสะกิดใจ
ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้...เจ้าผู้นี้ทำเรื่องผีสางใดกันแน่? แต่เมื่อทำอย่างนี้จะได้ประโยชน์อะไร?
จอมปีศาจไคเทียนงงงวยเขาเตรียมจะหันกายจากไปแม้ว่าเขามีความตั้งใจจะถล่มภูเขากวงหมิงให้ราบและพิชิตแดนสวรรค์ แต่เมื่อมีเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นเขาตัดสินใจรอดู ไม่รีบทำสงคราม
ขณะจะยกเท้าย่างก้าว หลังจากฉีกมิติเวลาเกิดแผ่นดินรุนแรงที่สั่นสะท้านถึงวิญญาณ
หัวมองกลับไป
ไม่ว่าจะมองอย่างไรดวงตาของไคเทียนแสดงอาการหวาดกลัว
เพราะเขาเห็นฉากภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ภูเขากวงหมิงที่ไม่มีสิ่งใดจะสั่นคลอนได้แม้แต่เทพยังต้องถอนหายใจเมื่อพบเห็นกำลังพังทลาย คราวนี้จอมปีศาจไคเทียนไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเสียงที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงราวกับว่าภูเขากวงหมิงที่เป็นเสาค้ำฟ้ากำลังแตกทำลาย โลกทั้งใบสั่นสะท้านภูเขากวงหมิงมีเสียงปริแตกอยู่ตลอดเวลาและในบรรดารอยแยกที่เกิดขึ้นมากมายเหมือนใยแมงมุมรอยแยกที่สั้นที่สุดมีความยาวหมื่นเมตร หนาที่สุดอาจจะกว้างหลายแสนเมตร
ยอดเขาเทพที่มีความสูงมากกว่าล้านเมตรกลับหักตรงกลาง
การล้มพังทลายของมันนำไปสู่การพังทลายของภูเขากวงหมิงทั้งหมด
จอมปีศาจไคเทียนอ้าปากค้าง
เขารู้สึกคอแห้งผากไม่สามารถพูดออกได้สักคำ
ในขณะที่ลาวาปะทุระเบิดเป็นล้านๆครั้ง ยอดเขาสีทองก็ทลายถล่มลงมาท้องฟ้าทั้งหมดกลับกลายเป็นมืดมิดเพราะการถล่มลงครั้งนี้ ชั่วขณะท้องฟ้าที่มีแสงเทพค่อยสลัวลงและดับไป
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ในที่สุดจอมปีศาจไคเทียนก็รู้สึกตัว เขาหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข“จริงหรือนี่? เพื่อให้ได้ตำแหน่งเทพจอมราชันย์ เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ถึงกับยอมสละภูเขากวงหมิงเชียวหรือ?ช่างเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจเสียจริง! เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้าต้องการพาตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเลื่อนไปอยู่ในโลกระดับสูงหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า อ่อนเดียงสาเสียจริงๆ หากปราศจากการสนับสนุนของเขากวงหมิงหากปราศจากพลังแสงสว่างและพลังเทพอย่างต่อเนื่องหากไม่มีปีศาจเฒ่าเหล่านั้นยอมละทิ้งทุกอย่างในอดีตเพื่อต้อนรับอนาคตของเจ้าด้วยทัศนคติใหม่ เจ้าคิดว่าจะประสบความสำเร็จได้จริงหรือ? เทียนอี้เอย เทียนอี้ คนฉลาดอย่างเจ้าก็ไม่สามารถทนต่อสิ่งที่น่าดึงดูดใจอย่างนี้ได้ ก็เหมือนกับที่ข้าเคยทำในตอนนั้น เจ้าตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้าและเริ่มพบกับทางตันที่ถูกกำหนดไว้ว่าไม่มีทางถอยได้ไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าทรงพลังมาก และฉลาดมาก ใช่แล้วเจ้าคือยอดอัจฉริยะสมบูรณ์แบบ ข้ายินดีด้วยที่เจ้าเป็นคนเช่นนั้น แม้ว่าข้าก็เป็นอัจฉริยะเช่นกันแต่ข้าอาจะดีกว่าเจ้าเล็กน้อย แต่อย่างน้อยข้าก็มีสติยับยั้งชั่งใจในเรื่องนี้อยู่ครึ่งหนึ่ง
“ขอให้โชคดี เทียนอี้!”
“ในฐานะรุ่นอาวุโส ข้าต้องการบอกว่าข้ามีความสุขมากที่เห็นเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น”
“ตอนนี้ข้าสบายใจขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยข้าไม่ได้เดียวดายอีกต่อไปไม่เปลี่ยวเหงาอีกต่อไปแล้ว!”
“ใช่แล้ว ข้าไม่เคยบอกความจริงเกี่ยวกับความล้มเหลว ข้าจะเก็บความลับนี้เอาไว้และมองดูด้วยสายตาเย็นชา มองอัจฉริยะที่เกิดขึ้นนับต่อแต่นี้ไปดูพวกเขาพยายามกันอย่างเต็มที่ ในที่สุดพวกเขาก็ก้าวไปบนเส้นทางที่ไม่มีทางหวนกลับ ฮ่าฮ่าฮ่า.... เทียนอี้เจ้าเป็นคนแรก บางทีอาจไม่ใช่เจ้า อาจเป็นเทพพิทักษ์เขากวงหมิง แต่ไม่เป็นไรสิ่งที่ข้าต้องการทำในตอนนี้และเป็นสิ่งเดียวที่ข้าต้องการทำนั่นคือ ทำลายอัจฉริยะอย่างเจ้า โลกนี้กลายเป็นโลกที่น่าสนใจขึ้นบ้างเล็กน้อย ข้าควรเร่งปฏิกิริยาสักเล็กน้อยดีไหม? ใช่แล้วข้าต้องการให้แดนสวรรค์มีชีวิตชีวาและตื่นเต้นขึ้นไปอีก!”
จอมปีศาจไคเทียนอารมณ์ดีหัวเราะจนน้ำตาไหล
มือของเขาค่อยๆ ตัดเปิดประตูเทพ
จากนั้นหัวเราะ
ก้าวย่างเดิน
ห่างออกไป
เมื่อร่างของเขาหายไปในท้องฟ้าพื้นแท่นสักการะขนาดมหึมาเทวรูปสีทองขนาดใหญ่ซึ่งเคยเป็นของเทพพิทักษ์เขากวงหมิงเริ่มถล่มพลังทลายลง
กระแทกกับพื้นอย่างหนักรุนแรง
แรงระเบิดกวาดทำลายล้างไปทั่วปฐพีรุนแรงยิ่งกว่าพลังทำลายล้างที่น่ากลัวของเทพนับหมื่น
ในโลกแกนสมดุลเจ้าตำหนักเทียนอี้กำลังเผชิญหน้ากับเย่ว์หยางไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของจอมปีศาจไคเทียน
สีหน้าของเขาสงบ มุ่งมั่นไม่มีความแปรปรวนอยู่ในสายตาของเขา เป็นสายตาที่ไร้ความปราณีอย่างสิ้นเชิงสามารถเอาชนะความเกลียดชังและฆ่าได้อย่างไม่มีความโกรธหรือความเศร้า ไม่มีการดูถูกดูแคลนหรือละเลยมีเพียงอย่างเดียวคือถือความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ เดิมทีเทียนอี้ก็มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าอยู่แล้ว ในขณะนี้เขาได้รับตกทอดพลังทั้งหมดจากเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ถ้ามีร้านรับพนันเย่ว์หยางจะไม่วางเดิมพันที่ฝ่ายตนเองแม้แต่แดงเดียว
ปัญหาก็คือเด็กหนุ่มข้ามโลกไม่มีทางเลือกที่สองเลยในตอนนี้
ไม่ ไม่
การประลองชะตาตัดสินเทพจอมราชันย์ในอนาคตทำให้เขาต้องฝืนใจยืนเผชิญหน้าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
ในขณะนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเหมือนกับยืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ บางทีในวินาทีต่อไปเขาอาจจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านหรือในวินาทีถัดไปเขาอาจจะกระเด็นออกนอกมิติด้วยพลังโจมตีที่น่ากลัวได้
“อัญเชิญเกราะเทพอี้เทียน!” เทียนอี้สีหน้าเรียบเฉยใจของเขาเหมือนกับหลุมดำ ไม่ว่าสิ่งใดถูกโยนเข้าไปก็จะถูกดูดกลืนหายไป
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะบดขยี้ศัตรูได้แต่เขาก็ยังเรียกพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
ชุดเกราะเทพของวิเศษชิ้นที่สี่จากสมบัติเทพหกชิ้นของหอทงเทียนถูกเทียนอี้นำไปเปลี่ยนแปลงเป็นของตนเองนามว่า ‘เกราะเทพต้านสวรรค์’
แน่นอนว่า! การอัญเชิญเกราะเทพของวิเศษชิ้นที่สี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและมีสมบัติเทพจำนวนมากที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาทีละชิ้นบางอย่างเย่ว์หยางก็เคยอ่านพบเจอในหนังสือประวัติศาสตร์โบราณ อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย แม้แต่จะได้ยินเขาก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
เกราะเทพ หมวกรบเทพ ปีกเทพ แหวนเทพ...
และโล่เทพ
ปรากฏว่าเด็กหนุ่มที่มีเทพสมบัติวิเศษมากมายและทำให้ทุกคนด้อยค่า ตอนนี้เขาได้แต่ตะลึงมองเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ด้วยความรู้สึกด้อยกว่าทันที
ซวยเป็นบ้านี่คือทรราชเจ้าถิ่นของแท้จริงๆ! ทั้งหล่อทั้งรวยสมบูรณ์แบบเทียนอี้ก็เหมือนกับเย่ว์หยางเรียกง้าวออกมาไว้ข้างตนเอง เย่ว์หยางกล้าพูดได้ว่าพลังของสมบัติเหล่านี้สามารถทำลายเกราะเพลิงอมฤตของเขาได้อย่างแน่นอนมิฉะนั้นเทพพิทักษ์เขากวงหมิงคงจะไม่ยอมสละสิทธิ์
“ทำไมต้องเป็นข้าทุกที?”
เย่ว์หยางถอนหายใจดำเนินการต่อ
เขาเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานขอแค่ใช้ชีวิตที่มีสาวๆ อยู่รอบตัวใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไปวันๆไม่ต้องมีความสุขมากเกินไป ไม่คิดจะมีอะไรอื่นเลย สำหรับภารกิจสำคัญในการกอบกู้หอทงเทียนและฟื้นฟูสามเผ่าพันธุ์ใหญ่นั้นควรจะเป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานอย่างเขาด้วย? ตั้งแต่ยุคจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและฝ่าบาท ต่อมาก็เป็นจักรพรรดิอวี้และจื้อจุน นี่หาใครไม่ได้แล้วหรือแม้แต่ตงฟางที่ชอบอยู่ในเงามืดหลังฉากก็ยังดีอย่างไรก็ตามเขาต้องเต็มใจรับภารกิจสำคัญนี้ในการช่วยเหลือผู้คนเขาพบว่าเขาไม่ต้องการเป็นนกที่เผชิญเกาฑัณฑ์ตัวแรก
ท่านไม่เคยถามความเห็นข้าเลย
แค่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมา
ยังไม่ทันได้แปรงฟันด้วยซ้ำ
จู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่าจะต้องประลองชะตาและต้องเป็นการตัดสินแพ้ชนะด้วย บัดซบจริงๆ นี่เป็นการต่อสู้ตัดสินเป็นตาย! ข้าไม่เล่นเกมนี้ได้ไหม?
“ถ้าไม่ต้องสู้แล้วเจ้าจะชนะได้ไหม? มิตรภาพที่ดีย่อมนำไปสู่ความมั่งคั่งที่ดีไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางบ่นในใจเงียบๆ “ตราบเท่าที่พวกเจ้าคนจากแดนสวรรค์ถอนกำลังไปจากหอทงเทียนจัดการเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านั้น เจ้าก็แค่เป็นเทพจอมราชันย์ของเจ้าไปเราก็แค่อยู่กันเองของเราไปวันๆ”
“พลังของเทพจอมราชันย์และสิทธิ์ปกครองโดยธรรมเกิดจากการการเสียสละที่ไม่มีที่สิ้นสุดและการแข่งขันที่ดุเดือด แดนสวรรค์ของเรากระหายชัยชนะและต้องการการเสียสละหากเจ้าตอบแทนการเสียสละแบบนี้ได้ อย่างนั้นข้าจะอนุญาตให้เจ้ายอมแพ้” ความหมายของเจ้าตำหนักสูงสุดชัดเจนยิ่ง ถ้าเขานำเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงกลับมาได้ชุบชีวิตคนที่ตายได้และชดใช้ผลการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง
“เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงถูกเจ้าฆ่าเองไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าตาลุงเทียนอี้ไร้เหตุผลจริงๆ
“ข้าจะต้องฆ่าเจ้าเพื่อเป็นการทดแทนคุณ” เทียนอี้มีทัศนคติเช่นนี้
“อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันเลยใช่ไหม?” เย่ว์หยางหงุดหงิด
“การประลองชะตาตั้งแต่เริ่มแรกไม่เคยห้ามมิให้มีการตายได้เลย” หน้าของเจ้าตำหนักเทียนอี้ยังคงสงบ “เย่ว์ไตตัน ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรก็ตามข้าก็จะไม่หวั่นไหว เจ้าไม่มีทางเลือกมีแต่ต้องสู้”
“เจ้า, เจ้าข่มเหงกันเกินไปแล้วข้าไปทำให้เจ้าขุ่นเคืองอะไรกัน? ข้ายังเป็นผู้เยาว์แท้ๆ เป็นพวกเจ้าเหล่าปีศาจเฒ่ารวมกันข่มกลั่นแกล้งข้าข้าไปเป็นหนี้พวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดีพวกเจ้าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าคน คนอื่นได้แต่ต้องก้มหน้าเชื่อฟังนี่หรือที่คนรุ่นเก่าทำกัน?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอยู่ในใจขอเงขา
“ข้าเองก็ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายพันปีเจ้าเพียงฝึกฝนมาแค่สิบกว่าปี แต่เจ้ากลับยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับข้า ข้าควรจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมหรือไม่?” เทียนอี้ถาม
“นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าบังคับข้าข้าไม่เคยคิดเรื่องอย่างนั้นมาก่อน” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“อย่างนั้น นี่ก็คือพรหมลิขิต”เทียนอี้สรุป
“นั่นไงเล่า!” เย่ว์หยางจะมีความสุขมากเมื่อเขาไม่มีที่ไป ถ้ายังมีทางรอดเขาอาจจะขี้เกียจแต่เมื่อถูกต้อนจนเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาจะไม่เพ้อฝันขอความเมตตากรุณาของศัตรู แต่จะต่อสู้จนตัวตาย เพลิงอมฤตลุกพรึ่บอีกครั้งด้วยจิตวิญญาณนักสู้ของเขา “เทียนอี้! เจ้าคิดว่าจะตัดสินข้าได้ง่ายๆ ใช่ไหม? ข้าก็รู้แจ้งเรื่องการทำลาย การสร้างและความนิรันดร บางทีข้าอาจชนะเจ้าไม่ได้แต่เจ้าต้องการจะฆ่าข้าใช่ไหม? มาลองดูก็ได้ ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ว่าข้าก็ฝึกฝนหนักมาหลายพันปีเช่นกันพี่ใหญ่มังกรปีศาจก็ฝึกมาเป็นล้านปีในโลกไร้ที่สิ้นสุด ที่นั่นเวลาไม่มีความหมาย!”
“เฮ้ย..ไอ้เด็กบ้า บังอาจเอาเรื่องการฝึกฝนของข้ามาเป็นเรื่องบังหน้าได้ไง!” มังกรปีศาจเมื่อได้ยินเรื่องน่าอายของตนก็รีบส่งเสียงท้วงทันทีเรื่องน่าอายแบบนี้ถ้าแพร่ขยายไปเป็นพันไมล์ภาพพจน์เขาคงเสียหายแน่นอน
**** *** ****