ตอนที่ 1383 ผู้พิทักษ์และผู้เสียสละ
ตอนนี้สาวๆ ที่อยู่ในกำแพงแก้วต่างดีใจที่เย่ว์หยางได้สติจากอาการคลุ้มคลั่ง
ทางด้านไจ้จื้อเทียนทรุดตัวคุกเข่ารออยู่แล้ว
นอกเสียจากว่าเจ้านายถึงแล้ว
พวกเขาจะไม่คุกเข่าต่อสิ่งมีชีวิตใดๆต่อให้เป็นยอดนักสู้อย่างเทพพิทักษ์เขากวงหมิงก็ตามเขาทำแค่เพียงคำนับ ทันทีที่พวกไจ้จื้อเทียนคุกเข่าเสวี่ยอู๋เสียรีบเรียกอาหมันและอาหงกลับส่วนฮุยไท่หลางพัวพันจิวจื้อเทียนไม่เลิกรา ทำให้เย่ว์หยางเตะมันกลับไปเจ้าแม่จันทรายังมีสีหน้าสง่างาม นางไม่ตอแยฮั่วเล่อเทียนอีกต่อไป นางยืนอยู่ข้างๆเย่ว์หยางและถอนหายใจเบาๆ “เทียนอี้ผู้นี้มาเร็วกว่าที่เราคิด”
เดิมทีต้องการเวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงป้องกันมิติเวลาเอาไว้ตอนนี้ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงโลกแกนสมดุลได้แล้ว
“ฝ่าบาทล่ะ...” เย่ว์หยางกังวลว่าเขาจะไม่สามารถกักตัวราชันย์ไร้ใจ แต่ฝ่าบาทยังหยุดเทียนอี้ด้วยความฝันที่แท้จริงได้เขาสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับนางบาดเจ็บหรือเปล่า?
“ตราบใดที่ความฝันยังไม่สลาย ฝ่าบาทจะไม่ตกอยู่ในอันตราย” เจ้าแม่จันทรารีบปลอบใจเย่ว์หยาง
“เป็นเช่นนั้นแน่นอน”ร่างของเทียนอี้ปรากฏที่ท้ายเส้นทางโบราณอีกครั้ง และสีหน้าท่าทางของเขาสงบและเป็นธรรมชาติยอมรับว่าเจ้าแม่จันทราคาดการณ์ได้ถูก “แม้ว่าข้าจะผ่านมาได้อีกครั้งแต่ข้ารู้สึกว่าอารมณ์และกฎสวรรค์สลายไปมาก แต่ข้าก็ไม่สามารถทำลายมิติลวงของเย่เมิ่งได้นางเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชม ก่อนหน้านั้นฝันของนางทรมานจิตใจที่อ่อนแอของข้าได้”
“ท่านเจ้าภูเขากวงหมิงเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ดูเหมือนท่านไม่มีจุดอ่อนแม้แต่น้อย”เจ้าแม่จันทราคาดว่าศัตรูผู้นี้แข็งแกร่งกว่าตอนออกจากความฝันอย่างน้อยร้อยเท่า
ไม่มีความอ่อนแอในใจ
ยกเว้นการเป็นรองในเรื่องขอบเขตและพลังเทพเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีหัวหน้าเทพแห่งภูเขากวงหมิง
เทียนอี้ส่ายหน้าและปฏิเสธ“ไม่ ข้าเคยคิดว่าข้าใกล้สมบูรณ์ที่สุด และหัวใจของข้าไม่มีความอ่อนแออย่างไรก็ตามหลังจากได้รู้แจ้งอีกครั้งข้าพบว่าข้ามีข้อบกพร่องในตัวมากมายเกินไปถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะชะลอความสมบูรณ์แบบของตนเองออกไปอีกสักหมื่นปี ถึงในเวลานั้นข้าเชื่อว่าข้าจะมีความมั่นใจในการประลองชะตาอย่างเพียงพอแน่นอน”
เทียนอี้ผู้แข็งแกร่งและทรงพลังกลับกลายเป็นคนถ่อมตัวและมีเหตุผล
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ไกลออกไปมองหน้ากันเองนี่ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เมื่อศัตรูตระหนักรู้ตัวว่ามีจุดอ่อน นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่ยุ่งยากที่สุดอย่างมิต้องสงสัยในทางตรงกันข้ามหากศัตรูสำคัญตนเองว่าไร้เทียมทาน จะทำให้เรื่องง่ายกว่ามาก
การพบกันครั้งแรกของเขากับเทียนอี้นั้นอยู่ในดินแดนความฝันของฝ่าบาทหลังจากนั้นเขามองผ่านจักษุญาณทิพย์ในตอนนั้นศัตรูยังมีจุดอ่อนให้เห็นบ้างอย่างผิวเผิน แต่เมื่อพบกันอีกครั้งเขากำลังโกรธแทบคลุ้มคลั่งไม่มีลักษณะชักจูงเหนี่ยวนำ แต่ครั้งนี้เขาเห็นเทียนอี้เป็นครั้งที่สามไม่มีอุปสรรคขวางกั้นเขารู้สึกหวาดกลัวและสะท้านในหัวใจ
เดิมทีเทียนอี้ก็ทรงพลังน่ากลัวพออยู่แล้ว
ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างมากทรงพลังมากอย่างไม่อาจจินตนาการได้แม้แต่เย่ว์หยางที่ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินก็ยังรู้สึกสะท้านหวาดหวั่นในใจมือเท้าเกร็ง
ไฟต่อสู้กำลังเผาผลาญแต่มิอาจเผาผลาญได้เต็มที่ คู่ต่อสู้แบบนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตความอดทนของเขา เย่ว์หยางรู้สึกไร้พลัง
นี่ขนาดยังไม่เริ่มสู้!
ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้รอจนการต่อสู้สุดท้ายจบลงมิต้องอับอายขายหน้าต่อคู่ต่อสู้หรือ?
“เจ้ากลับไป!”เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็นที่หน้าผากเขากลืนน้ำลายคำหนึ่งเพื่อคลายความตึงเครียดและส่งสัญญาณให้เจ้าแม่จันทราออกไปทันที เจ้าแม่จันทรากอดแขนเขาและพยายามฝืนยิ้มให้เขา“ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะเป็นศัตรูแบบไหน ข้าจะอยู่กับเจ้า!เนื่องจากเป็นการประลองชะตา ก็ควรจะมีความเท่าเทียมกันไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเจ้าก็จะได้เปรียบ”
“ข้ายอมรับว่ามีหลายอย่างที่เย่ว์ไตตันดีกว่าข้า ก็อย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ถ้าข้ามีเวลาอีกสักหมื่นปี ข้าจะไม่เลือกประลองชะตาในทันที” ความคิดในปัจจุบันของเทียนอี้นั้นถ่อมตัวมากไม่เหมือนกับเป็นเจ้าตำหนักสูงสุด ไม่เหมือนกับเทพปกครองภูเขากวงหมิงแต่ดูเหมือนนักรบแดนสวรรค์ธรรมดาผู้ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากสู้กับเย่ว์หยาง
“เจ้าแน่ใจนะว่าทำดีที่สุดแล้วแล้ว?”เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงจู่ๆ ก็ถามขึ้น
“ไม่”เทียนอี้ส่ายหน้า
“ยอดเยี่ยม!!!” เทพพิทักษ์ภูเขากวงหมิงชื่นชมเป็นครั้งแรก “เจ้าสามารถรู้จักตัวเองได้อย่างมีสตินั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้ามีความบริสุทธิ์หมดจดมากขึ้นเป็นการพิสูจน์ว่าผู้อาวุโสของเราทุ่มเทไปไม่สูญเปล่า หากเจ้ามีเวลาสักหมื่นปีในการทำตัวเองให้สมบูรณ์แบบจากนั้นค่อยร่วมประลองชะตาเทพจอมราชันย์อีกครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ตามนั่นคือเหตุผลหลักที่ตำแหน่งเทพจอมราชันย์ต้องมีการเสียสละมากถึงเพียงนี้”
“อะไรนะ?”เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้สะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนี้”
“เจ้าคือเทพผู้ปกครองเขากวงหมิงข้าคือเทพพิทักษ์เขากวงหมิง เจ้าบอกได้ไหมว่าเท่าที่ข้าพิทักษ์ปกป้องมาโดยตลอดนั้นเพื่ออะไร?”เทพพิทักษ์เขากวงหมิงย้อนถาม
“ไม่,ข้าไม่ต้องการให้ท่านเสียสละ!” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้สนองตอบและมีร่องรอยอารมณ์ปั่นป่วนปรากฏในดวงตาของเขา
“เกียรติยศสูงสุดของการเป็นเทพพิทักษ์ก็คือเสียสละตนเอง”เทพพิทักษ์เขากวงหมิงมาหยุดยืนอยู่หน้าเทียนอี้ด้วยความภาคภูมิใจรัศมีเทพของเขาสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เป็นสิบล้านเท่าและบัลลังก์เทพของเขาที่แตกสลายเปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนดวงดาวเป็นพันล้านดวงฝ่ามือยักษ์ของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงกดลงบนศีรษะของเทียนอี้พลังเทพของเขาถูกส่งเข้าร่างเทียนอี้อย่างต่อเนื่อง “จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อสามารถแบกเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ให้เย่ว์ไตตันได้ นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีเสียสละเพื่อเขา ในแต่ละสนามรบมนุษย์นับไม่ถ้วนเพื่อปกป้องเทพจอมราชันย์ที่พวกเขาเทิดทูนสุดหัวใจ..ถ้าเจ้าต้องการเอาชนะการประลองชะตาครั้งนี้ แดนสวรรค์ก็จะต้องเสียสละ ไม่เพียงแต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แต่ยังต้องทุ่มเทอีกหลายชีวิตสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้รวมทั้งข้าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงด้วยเช่นกัน”
“แต่ข้ามีพลังมากพอจะเอาชนะเย่ว์ไตตันได้ท่านไม่ต้อง...” เทียนอี้ไม่ได้ดิ้นรนแต่เขาไม่ได้ต้องการให้เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และสหายต้องมาเสียสละเพื่อเขา พวกเขาเสียสละมามากพอแล้ว ควรจะได้มีความสุขกับทุกสิ่งหลังจากได้รับชัยชนะแทนที่จะมากล่าวคำอำลาก่อนเวลาเมื่อเขามาถึงหน้าประตู
“เจ้ามีพลังแข็งแกร่งแต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถโค่นล้มเอาชนะฝ่ายตรงข้ามอย่างเย่ว์ไตตันได้อย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเจ้าจะโค่นล้มเขาได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเหนือตัวเองได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเทพคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ หรือเครื่องพันธนาการใดๆที่เจ้ามี ล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของเจ้า เจ้าไม่เพียงแต่ต้องรับมรดกแห่งเทพเท่านั้นแต่ยังต้องฆ่าข้าด้วยมือเจ้าเอง! ตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากเรื่องส่วนตัวของเจ้าเพื่อส่งเสริมขอบเขตในระดับสูงขึ้นนี่คือเรื่องพื้นฐานที่สุด หากเจ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเพ้อฝันถึงตำแหน่งเทพจอมราชันย์อีกต่อไป!”
เย่ว์หยางตกใจ
บัดซบเทียนอี้แข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว นี่พวกเจ้ายังยกความดีความชอบให้เขาอีกหรือ? นี่ไม่คิดจะให้คนอื่นรอดอยู่เลยหรือ!
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือนี่เป็นการเสียสละมากเกินไปหรือไม่? รับตกทอดพลังฝีมือไม่ต้องพูดถึง แต่อีกฝ่ายกลับต้องฆ่าตนเอง ด้วยวิธีนี้ถือเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่นักหรือ? ไม่ต้องการให้ศัตรูอีกฝ่ายยอมจำนนเชียวหรือ?
แหล่งกำเนิดพลังของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงถูกอัดฉีดเข้าไปในร่างของเทียนอี้
ร่างเทพที่อยู่เบื้องหลังเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ขยายโตขึ้นเดิมทีเป็นร่างเทพทองสูงสามหมื่นเมตรและด้วยการตกทอดมรดกพลังอย่างไม่เห็นแก่ตัวของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงรัศมีแสงขยายจนถึงห้าหมื่นเมตรก่อนจะหยุดลงอย่างช้าๆบัลลังก์เทพเข้ากันได้กับคุณลักษณะของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงมีวงจักรขนาดใหญ่พิเศษใหญ่มากจนคลุมทั้งร่างเทพทั้งหมดของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้สร้างขึ้นจากพลังเทพและพลังกฎสวรรค์
ตรงกันข้ามกับรัศมีเทพของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงที่หมองหรี่ลงอย่างรวดเร็วร่างของเขาค่อยๆ เหี่ยวและเปื่อยสลายลง
ถ้าไม่มีพลังเทพสนับสนุนคาดว่าแม้แต่เย่ว์หยางเขาก็คงต้านไม่ได้
บัลลังก์เทพเดิมก็มีพลังเทพไม่สิ้นสุดอยู่แล้ว
ชิ้นส่วนของบัลลังก์ค่อยๆร่วงตกลงๆ และเร็วกว่าการพังทลายของร่างเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง ยกเว้นแต่ดวงตาที่ยังลุกโชนแต่แทบไม่มีประกายเทพหลงเหลือออกมาไม่มีวี่แววของความสง่างามผ่าเผยและความหยิ่งผยองที่เคยมีเหมือนเมื่อก่อนในร่างเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง
“เจ้ายังจะรออะไรอีก?”เทพพิทักษ์เขากวงหมิงพยายามข่มความเจ็บปวดและตวาดเสียงดัง“การเสียสละของข้าผู้เป็นเทพก็เพื่อคุณธรรมและเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ข้ามีความสุขความยินดีแล้วเจ้ายังจะลังเลอะไร?”
“เข้าใจแล้ว”เทียนอี้หลับตาและหลั่งน้ำตาสีทองสองสาย
มือของเขาแทงกลับไปข้างหลัง
แทงลึกเข้าไปในอกของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง
รอจนกระทั่งเทียนอี้ชักมือกลับในมือถือหัวใจที่ยังเต้นอยู่ เทียนอี้กัดฟันแน่นบดขยี้หัวใจที่ไม่มีสิ่งใดป้องกันด้วยพลังเทพจนเป็นผุยผง
ร่างของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงเหมือนกับเงาจางหายไปในแสงเทพที่เปล่งออกมาจากร่างของเทียนอี้และบัลลังก์เทพของเขากลายเป็นเหมือนเม็ดทราย
กระจายอยู่ในที่นั้นเอง
สีหน้าของเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงเหลือบมองไปทางเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ใต้ภูเขานั้นฝังคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้หัวใจของเขาตกตะลึง ตอนนี้เขาได้เริ่มต้นบนเส้นทางแห่งการเสียสละถูกกำหนดให้เป็นอิสระและหลับไปโดยไม่ได้รับอะไรตอบแทน แต่เขาหัวเราะ “หอทงเทียนสามารถมีวีรบุรุษที่ทำเพื่ออนุชนรุ่นหลังได้แดนสวรรค์ก็มีเช่นกัน และทำได้ไม่น้อยด้อยค่าไปกว่าเจ้า..”
เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงหัวเราะ
เขาหันหลังกลับและก้าวเดินเข้าไปในส่วนลึกของเส้นทางโบราณ
ทุกๆย่างก้าวตามเส้นทาง ร่างของเขาหลอมละลายเพราะผลสะท้อนของกฎสวรรค์ และเลือดปรากฏเป็นทางใต้เท้าของเขายืดขยายออกไป เมื่อถึงจุดหนึ่งเสียงหัวเราะก็หยุดลงเหลือไว้แต่เพียงรอยเลือด
สายลมมิทราบพัดมาจากที่ใดคราบเลือดมีไฟลุกไหม้ทันที
แผดเผา
รอยเลือดระเหย
ไม่เหลือร่องรอยให้เห็นแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อนในโลก
เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้กัดฟันกำหมัดแน่นและสูดหายใจลึกเมื่อเขาสงบอารมณ์ได้ เขาลืมตาอีกครั้งก็ไม่มีความแปรปรวนทางอารมณ์อีกต่อไปแต่กลับมีความเหี้ยมหาญมุ่งมั่นจะทำทุกอย่าง แสงเทพในดวงตานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพยัคฆ์ที่จ้องมองลูกแกะขณะจ้องมองเย่ว์หยางถึงหมื่นเท่า
เขามองดูคู่ต่อสู้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ในการประลองชะตา
“แย่แล้ว!ไ เย่ว์หยางรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาไปชั่วขณะ ศัตรูที่ตั้งป้อมข้างหน้านี้จะจัดการอย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเทียนอี้ผู้นี้เปิดเผยอย่างเห็นได้ชัดนั่นสำคัญหรือไม่? ต้องรีบจบเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้แต่เพียงพร่ำบ่น
******* ****