ตอนที่แล้วตอนที่ 1004 รักถั่ว (爱豆)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1006 เป้าหมายในอนาคตของเธอ..

ตอนที่ 1005 และนี่มันก็คือ …ธรรมชาติของมนุษย์


หลินฟาน ได้สังเกตเห็นความวุ่นวายในวงการบันเทิงในปัจจุบัน.. ทั้ง กระแสคนดัง ในตอนนี้ก็ได้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล หลังจากได้มีการกําเนิดของ กระแสคนดัง ก็ได้มีการรวมตัวของแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่ยอมจ่ายเงินอย่างบ้าคลั่ง ให้กับไอดอลของพวกเขา ทั้งพวกเขาก็ยังดูเต็มใจที่จะถูกตัดกุยช่าย(1)

แน่นอนว่า นายทุนส่วนใหญ่ก็ต้องการแสวงหาผลกำไร หลังจากเห็นคุณค่าของ ไอดอล แล้ว นายทุนก็ได้เริ่มทำการผลิต ไอดอล ออกมาเป็นจำนวนมากด้วยวิธีต่างๆ

วงการบันเทิงทุกวันนี้ ก็ได้มีวิธีการผลิตดาราหลักๆ ก็คือ การคัดตัว อีกอย่างก็คือการถ่ายทำละครตันเหม่ย (Boy's Love) และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ได้มีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อเดบิวต์ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการบ่มเพาะไอดอล..

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามวัตถุประสงค์ของ นายทุน ที่จะสร้าง ไอดอล ขึ้นมา มันก็ขาดคำว่า ‘เงิน’ ไปไม่ได้แม้แต่คำเดียว สำหรับ นายทุนแล้ว ไอดอล ก็คือผลงานชิ้นหนึ่ง ที่พูดแล้วมันก็ออกจะดูไม่ค่อยน่าฟัง แต่มันก็คือการใช้มนุษย์คนหนึ่งมาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกอบโกยเงิน..

โลกใบนี้มีแต่ผลประโยชน์ โลกใบนี้มีแต่ความวุ่นวาย นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อมีผลกำไรที่เหมาะสม ทุนก็จะมีความกล้าหาญ และกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ถ้าได้กำไรห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยอมที่จะเสี่ยง ถ้าได้กำไรร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็กล้าเหยียบย่ำกฎเกณฑ์ในโลกทั้งปวง และถ้าเกิดว่า ..ได้กำไรแบบสามร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็กล้าที่จะกระทำความผิดทางกฎหมาย และแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการถูกแขวนคอก็ตาม..

เมื่อวัตถุประสงค์ได้กลายเป็นการแสวงหาผลกําไรแล้ว ความวุ่นวายก็ย่อมที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในกระบวนการนี้ พวกเขาก็จะใช้ทุกวิธีการ เพื่อเพิ่มผลกําไรสูงสุด และแม้แต่กระทั่งละเมิดต่อกฎหมาย

และนี่มันก็คือ …ธรรมชาติของมนุษย์

วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยทุน ตามทฤษฎีของนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ วงการบันเทิงก็ต้องมีสิ่งสกปรกโสโครกซ่อนเอาไว้อยู่แล้ว ทั้งไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครบางคนจะใช้คำว่า ‘แวดวงของความวุ่นวาย’ มาเพื่อบรรยายวงการบันเทิง..

ครั้งหนึ่งเคยมีดาราคนหนึ่งโดนเด้ง สัญญา หยิน-หยาง และได้เลี่ยงภาษีไปหลายร้อยล้านหยวน และสิ่งนี้ก็ได้เปิดเผยให้เห็นถึงยอดภูเขาน้ำแข็งของความวุ่นวายในวงการบันเทิง..

ว่ากันว่าหลังจากดาราคนนี้ ได้ถูกกําปั้นเหล็ก(ลงทัณฑ์) ดาราหลายคนที่ได้ทำการหลีกเลี่ยงภาษี ก็ได้เริ่มทำการจ่ายภาษีอย่างเชื่อฟังทันที..

ในทํานองเดียวกัน นายทุน ที่ต้องการสร้าง ไอดอล ขึ้นมาเพื่อหวังผลกำไร จุดประสงค์ก็คือเพื่อรับเงินในกระเป๋าของแฟนๆ เพื่อตัดกุยช่าย.. นายทุนจึงย่อมต้องทําทุกอย่างเท่าที่จะทําได้ และยังได้ทำการปลูกฝังการดํารงอยู่ที่เรียกว่า ‘วงการแฟนคลับ’

กล่าวโดยย่อ วงการแฟนคลับ ก็คือ กลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบดาราคนใดคนหนึ่ง ผู้ที่ได้เข้ามาในวงการแฟนคลับ ก็ล้วนแล้วแต่เป็น ‘แฟนคลับเดนตาย’ หรือ ‘แฟนคลับตัวยง’ ของดาราคนนั้นๆ, ในวงการแฟนคลับ ดาราไอดอล ก็เปรียบได้ดั่ง เทพเจ้าสูงสุด และเหล่าแฟนคลับก็เปรียบได้เสมือนผู้ศรัทธา..

วงการแฟนคลับ ได้ใช้เงินออกไปอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเทพเจ้าของตัวเอง เช่น หากดาราไอดอลคนนั้นได้ออกอัลบั้ม ออกนิตยสาร หรือมีพรีเซนเตอร์ใหม่ๆ เข้ามา วงการแฟนคลับก็จะใช้วิธีการระดมทุน เพื่อเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก

ในสายตาของ คนในวงการแฟนคลับ ดาราไอดอลของตน ก็คือคนที่เก่งที่สุด และโด่งดังที่สุด พวกเขาเหล่านี้ก็จะต้องถูกล้างสมอง และรับไม่ได้ที่คนอื่นจะมาวิจารณ์ดาราไอดอลของตัวเอง ทั้งยังยอมรับไม่ได้ที่คนอื่นจะมาพูดจาล้อเลียน หรือหัวเราะเยาะดาราไอดอลของตัวเอง ดังนั้นก็เลยได้มีพฤติกรรมที่จะเข้าไปควบคุมคำวิจารณ์ให้กับดาราไอดอลของพวกเขา…

ทั้งนี้ นายทุน ยังได้หาบัญชีการตลาด มาเพื่อยุแยงตะแคงรั่ว จุดประสงค์ก็เพื่อเพิ่มความจงรักภักดีให้กับวงการแฟนคลับ จนได้เกิดเป็นศึกด่าทอกันของวงการแฟนคลับถึงสองวง และเพื่อให้แฟนคลับได้ทุ่มเงิน เพื่อเพิ่มทุน ยังได้จงใจเอาสองกระแสดารา มาเปรียบเทียบ จนส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เปรียบกัน ท่ามกลางวงการแฟนคลับ…

ตัวอย่างเช่น ถ้าดาราไอดอลสองคน ได้ออกอัลบั้ม และเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาสองคนนี้ใครดังกว่าอีกคน เหล่าแฟนคลับก็จะพากันทุ่มเงินกันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อไล่ตามกันไป…

เมื่อได้เห็นแฟนคลับทั้งสองกลุ่มได้พากันเปรียบเทียบกัน นายทุนก็ได้หัวเราะอยู่เบื้องหลัง ทั้งยังยิ้มไม่หุบ พวกนี้มันก็เป็นเงินทั้งนั้น และสุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการเข้ากระเป๋านายทุน

อาจกล่าวได้ว่า ความวุ่นวายในวงการแฟนคลับไม่สามารถจบได้ในสามวัน สามคืน แต่โดยสรุปแล้ว ในวงการแฟนคลับ ส่วนใหญ่ก็ประกอบไปด้วยกลุ่มวัยรุ่น ทั้งในเรื่องมุมมองทั้งสามของกลุ่มเยาวชนเหล่านี้ ก็ช่างน่าเป็นห่วงในระยะยาว…

หลินฟาน สามารถคาดการณ์ได้ว่า หากมันยังคงพัฒนาเช่นนี้ต่อไป.. ประเทศจะต้องลงมือ และดำเนินการแก้ไขวงการแฟนคลับ อย่างแน่นอน.. เมื่อถึงเวลานั้น ‘กําปั้นเหล็ก’ ของประเทศก็จะต้องทุบลงมา และกลุ่มคนแรกๆ ที่จะเป็นผู้โชคร้าย ก็คือดาราไอดอลคนดัง ..เหล่านี้

ไม่มีอะไรอื่นมากกว่านี้ เพราะดาราไอดอลเหล่านี้ เกิดจากนายทุนที่นายทุนนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการตัดต้นหอม และเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในวงการแฟนคลับ…

การเอาดาราไอดอลมาลงทัณฑ์ ก็คือการเคาะภูเขาสะท้านนายทุน ..ที่อยู่เบื้องหลัง นั่นก็เพื่อให้นายทุนเหล่านี้ หนีบหางตัวเองเอาไว้ แล้วอย่าได้กระทำอะไรบ้าบิ่น และอย่าได้คิดว่าจะสามารถรักษาตัวเองไว้ได้..

วัฒนธรรมแฟนคลับ ได้ส่งผลร้ายต่อวัยรุ่นที่กำลังไล่ตามดาราไอดอลมากมาย โดยเฉพาะวงการแฟนคลับ ที่ชอบอวดอวยดาราไอดอลของตัวเอง และพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะหลงเชื่อ ราวกับคนตาบอดได้โดยง่าย, ถ้าหากรูปลักษณ์ของดาราไอดอลคนนี้เป็นบวกมันก็ยังดี แต่หากพอดาราไอดอลคนนี้ทำชั่ว และได้ถูกเปิดเผย และก็กลายไปเป็นศิลปินที่ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นมุมมองของเหล่าแฟนๆ ก็จะถูกทำลายลง

หลินฟาน ตอนนี้ เขาได้รู้อยู่แล้วว่า ..อีกไม่นานก็จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ..ในวงการบันเทิง, แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นจาก หัว อี้อู่

เมื่อ หัว อี้อู่ ได้เกิดพลิกคว่ำ มันก็มีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นโอกาสในการเข้าแก้ไขวงการบันเทิงอย่างจริงจัง และหลินฟาน ก็จะเป็นคนที่มีส่วน และจะเป็นผู้ที่จุดเปลวไฟนี้ขึ้นมา..

ในวงการบันเทิง คนที่ หลินฟาน ห่วงใยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น หนิง เสี่ยวเยว่..

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หนิง เสี่ยวเยว่ ก็ได้กลายเป็นดารา ที่เกิดเป็นกระแสนิยมในขณะนี้ เพราะด้วยกลไกการสร้าง ไอดอล ของนายทุน ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของ หนิง เสี่ยวเยว่ ยังคงถือว่าไม่ดีนัก ซึ่งจะทําให้เธอกลายมาเป็นเป้าหมายที่เด่นชัด และต้องแบกรับแรงกดดันจากรอบด้าน..

หลินฟาน กล่าวว่า แม้ว่าการสร้างรูปแบบเช่นนี้ออกมาจะเป็นวิธีการผลิต ไอดอล ออกมาได้เป็นจํานวนมาก แต่รูปแบบนี้มันก็ยังมีสิ่งที่ควรค่า..

นั่นก็คือ การจัดอันดับตามค่าความนิยม ข้อดี ก็คือ ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้เองจะได้รับการขุดค้น และสามารถมองเห็นได้ ทั้งพวกเขาก็ได้พึ่งพาข้อได้เปรียบของตนเอง เพื่อดึงดูดเหล่าแฟนๆ ยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีคุณค่าสูงมากขึ้นเท่านั้น และจริงๆ แล้วนี่ก็เป็นการยืนยันตัวตนจริงๆ สําหรับพวกเขา

ตัวอย่างเช่น ผู้เข้าแข่งขัน เพราะเขาได้ร้องเพลงเพราะ เต้นเก่ง และได้รับการสนับสนุนจากเหล่าแฟนคลับนับไม่ถ้วน,จนได้เข้าสู่รอบเดบิวต์ในตำแหน่ง C

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ หนิง เสี่ยวเยว่ เพราะเธอหน้าตาสวย มีบุคลิกที่น่ารัก และได้รับความรักจากเหล่าแฟนคลับจำนวนนับไม่ถ้วนไม่แพ้กัน, และนี่มันก็คือการยืนยันคุณค่าของ หนิง เสี่ยวเยว่…

เมื่อเทียบกับคนรวยรุ่นสอง หรือการใช้ความสัมพันธ์ของครอบครัวเพื่อยัดเยียดให้ได้เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยเงินทุน หลินฟาน กลับรู้สึกชื่นชมดาราเหล่านี้ที่ได้ถูกผู้ชมเลือกสรรค์เข้ามาเองมากกว่า และแน่นอนว่าพวกเขาจะมีคุณค่าในการบ่มเพาะมากกว่าคนรวยรุ่นสอง ที่ได้ใช้ความสัมพันธ์ของครอบครัวเข้ามาอย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะพวกเขามีพื้นฐานของ “การคัดเลือกเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย” และได้รับการทดสอบตั้งแต่ก่อนการเดบิวต์..

คนรวยรุ่นสองอย่าง หลิว อีน่า ที่ได้ถูกยัดเข้ามาในวงการบันเทิง แน่นอนว่าเธอมีแฟนๆ ไม่กี่คน และไม่ว่าเธอจะไปเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ก็ไม่มีใครซื้อ ดังนั้น มันจึงไม่มีมูลค่าทางการค้าใดๆ เลย แต่กลับ หนิง เสี่ยวเยว่ ที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ แต่ก็ได้มีแฟนคลับนับไม่ถ้วนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแบรนด์นี้ และมูลค่าทางการค้า มันก็สะท้อนให้เห็นอยู่แล้ว

นอกจากปัจจัยอื่นๆ แล้ว ถ้าหากให้ หลินฟาน เลือกระหว่าง หลิว อีน่า กับหนิง เสี่ยวเยว่ มาเพื่อฝึกฝน หลินฟาน จะต้องเลือก หนิง เสี่ยวเยว่ ..อย่างแน่นอน

เพราะจากการคาดการณ์ในอนาคตของวงการบันเทิง หลินฟาน เขาได้มีความคาดหวังเอาไว้สูงมากสําหรับ หนิง เสี่ยวเยว่ เขาไม่ได้ต้องการให้ หนิง เสี่ยวเยว่ เป็นเพียงไอดอล และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้ หนิง เสี่ยวเยว่ กลายมาเป็นเครื่องมือของนายทุนในการตัดกุยช่ายได้เช่นกัน

เขาเองหวังที่สุดว่า หนิง เสี่ยวเยว่ จะสามารถหลุดรอดพ้นจากพันธนาการ ไอดอล และกลายมาเป็นดาราตัวจริงได้

ในวงการบันเทิง ไอดอล ได้อยู่ในจุดต่ำสุดของการดูถูก นักแสดง และนักร้อง ที่ได้มาจากชั้นเรียนมืออาชีพเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ดูถูก ไอดอล รูปแบบนี้มันก็เหมือนกับสาวกที่ดีของนิกายที่มีชื่อเสียง ที่เอาแต่ดูถูกพวกนอกรีต..

และแน่นอนว่าสาวกจากนิกายที่มีชื่อเสียง ก็ย่อมมีความรู้สึกที่เหนือกว่า และรู้สึกว่าตนเองสูงส่งกว่า ทั้งนี้การที่จะถูกปลูกฝังเอาไว้เช่นนี้ มันก็ดูเป็นเรื่องปกติทั่วไปอยู่แล้ว..

แต่ในความเป็นจริง สาวกที่มาจากนิกายที่มีชื่อเสียงนั้น ก็ยังมีพวกไร้ค่า และไร้ความสามารถ นั่นก็เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา ยังไม่ดีเท่ากับ พวกนอกรีตที่พวกเขาเอาแต่ดูถูก แต่นั่นมันก็เพราะพวกเขามีชื่ออยู่ในนิกาย พวกเขาจึงได้กล้าที่จะดูถูกผู้คน..

หลินฟาน เคยอ่านนวนิยายเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ และเขาชอบดูผู้ฝึกฝนบ่มเพาะธรรมดาๆ ที่ได้ใช้ดาบเดินเข้าไปจัดการอย่างดุเดือด และแน่นอนว่าเขาคนนี้ก็ได้เข้าจัดการกับเหล่าสาวกที่แสนจะหยิ่งยโส และช่างเอาแต่เสแสร้ง..

ดังนั้น หลินฟาน จึงยินดีที่จะปลูกฝังบ่มเพาะ หนิง เสี่ยวเยว่ และทั้งหมดมันก็เพื่อเป็นการตบหน้าคนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น…

(1)[ตัดกุยช่าย (割韭菜)] - หมายถึง การทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ทุนรอน และทรัพยากรอื่นๆ ทั้งหมดจนสร้างผลประโยชน์เบ่งบานเต็มที่แต่ก็ถูกผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกว่ามาตัดเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด