บทที่ 41: น้องสามเคยเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด
“พี่สาม พูดอะไรของท่าน? จำข้าไม่ได้แล้วหรือ ฮึ่ม!”
ตอนนี้หลงหลิงเอ๋อรู้สึกสดชื่นสบายตัวมาก นางรู้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน นางจึงคิดว่าพวกพี่ชายจงใจแกล้งตน เด็กสาวเลยพองแก้มใส่พวกเขาแบบแง่งอน
หลงจงแตะจมูกของเขาพลางพึมพำเบา ๆ ว่า "ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ในสายตาของข้ามันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น…"
“พี่สาม ท่านพูดว่าอะไรนะ!”
"ไม่ ๆ ข้ากำลังชมว่าเจ้าดูดี!"
เป็นอะไรที่หาชมได้ยากยามที่หลงจงจะไม่พ่นพิษใส่คนอื่น
ในอดีต หลงหลิงเอ๋อมักจะกลิ้งตัวอยู่ในโคลนกับเหล่าพี่ชาย ซึ่งพวกเขาก็มองนางเป็นน้องคนหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้แตกต่างจากพวกตนเลย
พอพี่ ๆ ได้เห็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาว พวกเขาก็ได้รู้จักกับคำว่าอ่อนโยนและน่ารักจากตัวหลงหลิงเอ๋อสักที ถ้าพวกหลงอวี้ไม่รู้มาก่อนก็คงคิดว่าแม่ใจยักษ์เอาน้องสาวคนเก่าไปทิ้งในป่าเสียแล้ว
ในใจของพี่ชายคนโต เขาแอบตำหนิตัวเองเล็กน้อย เขานี่มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ลูกสาวของบ้านอื่นล้วนบอบบางไม่ต้องใช้แรงงานหนัก แต่เขากลับปล่อยให้หลงลิงเอ๋อไปลำบากกับเขาและน้องคนอื่น ๆ
ดูเหมือนว่าหญิงชั่วคนนั้นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริง ๆ และนางก็ช่วยน้องสาวของเขาอาบน้ำด้วยตัวเอง
ใช่แล้ว! ผู้หญิงย่อมแตกต่างจากผู้ชาย ในอนาคตหลิงเอ๋อจะมีแม่ที่รักนาง เอาใจใส่นาง รวมถึงคอยทะนุถนอมนางอยู่ตลอด มันเป็นเรื่องที่ดีมาก
"ฮึ่ม! ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว" สาวน้อยทำหน้ามุ่ยมองไปที่หลงอวี้อีกครั้ง แล้วหันกลับมาถามอย่างมีความหวัง "พี่ ๆ เสื้อผ้าใหม่ของข้าดูดีไหม?"
ในตอนนั้นเอง รอยยิ้มที่มีเสน่ห์หาได้ยากปรากฏบนใบหน้าของคนเป็นพี่ใหญ่ "สวยมาก หลิงเอ๋อสวยที่สุด"
ทางด้านหลงเหยา เขาเป็นคนที่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด จากนั้นเขาบินไปหาพี่สาวพลางสูดดมกลิ่นตัวอีกคนจากด้านซ้ายบ้างขวาบ้าง ซึ่งมันกลายเป็นภาพที่ดูวุ่นวายไปหมด
ในขณะที่หลงเซียวยืนอยู่ข้างหลังพี่น้องคนอื่นด้วยดวงตาว่างเปล่าที่เปิดกว้าง ริมฝีปากสีซีดเม้มเบา ๆ พร้อมกับร่องรอยของความปรารถนาฉายชัดบนใบหน้าของเขา
ถ้าข้าได้เห็นน้องสาวด้วยตาของข้าเอง...
ตอนนี้ในหัวของเด็กทุกคนมีความกังวลที่แตกต่างกันออกไป
อีกด้านหนึ่ง หูเจียวเจียวเทน้ำสีดำในอ่างออก แล้วเติมน้ำอุ่นสะอาดเข้าไปแทนที่ ก่อนที่เธอจะเดินมาเรียกเด็ก ๆ
"ใครจะอาบต่อดี?"
เจ้าตัวเล็กทั้งหลายมองไปที่แม่จิ้งจอกอย่างประหลาดใจปนสับสน
“เราก็จะต้องอาบด้วยงั้นหรือ?” หลงจงจ้องมองผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หูเจียวเจียวพูดอย่างจริงจังว่า "แน่นอนว่าแม่ต้องขัดพวกเจ้าให้เงาวับ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ได้ยังไงถ้าเนื้อตัวเจ้าไม่สะอาด? เจ้าอยากให้เสื้อผ้าใหม่สกปรกงั้นหรือ?"
หญิงสาวไม่รอช้าก้าวไปดึงแขนลูกชายคนที่ 3 ไปที่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาออก
หลงจงทำได้เพียงปกป้องกระโปรงหนังสัตว์ของตัวเองเอาไว้โดยใช้มือทั้ง 2 ข้างจับไว้แน่น พร้อมจ้องมองแม่ใจยักษ์ด้วยท่าทางเหมือนเด็กสาวที่กำลังถูกล่วงละเมิด
“ทำอะไรน่ะ อย่ามาแตะต้องเสื้อผ้าของข้า!”
เสียงเล็กแหลมนั้นพูดข่มขู่อีกฝ่ายเหมือนลูกสิงโตขนฟู
“ฮ่า ๆ นี่เจ้าเขินแม่ใช่ไหม?” หูเจียวเจียวหลุดหัวเราะออกมา
เธอชอบแกล้งเด็กคนนี้มาก เพราะเวลาแกล้งเขาทีไรก็มีปฏิกิริยาตอบโต้เสมอซึ่งมันน่ารักดี
หลงจงยังคงแสดงท่าทางต่อต้านไม่เลิก “ใคร…ใครขี้อาย! อย่าแตะต้องข้านะ!”
“ถ้าไม่ให้แม่แตะตัวเจ้าแล้วแม่จะช่วยเจ้าอาบน้ำได้ยังไง?”
“ข้าอาบเองได้ ข้าไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของท่าน”
“เจ้าอาบเองได้จริงหรือ?” ผู้เป็นแม่มองลูกชายจอมดื้อรั้นอย่างไม่เชื่อ
"ข้า..." ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็นึกภาพของหลงหลิงเอ๋อก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำและหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นมาได้ทันที แล้วเขาก็เถียงไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
หูเจียวเจียวที่เห็นการแสดงออกของลูกชายคนที่ 3 อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่เธอก็คิดว่าภูตส่วนใหญ่นั้นแก่แดด และลูกวัย 6 ขวบก็เริ่มที่จะเหมือนเด็กวัยรุ่น ดังนั้นเธอควรให้พื้นที่ส่วนตัวพวกเขาด้วย
พอคิดอย่างนั้น หญิงสาวก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งลงในอ่างน้ำในสภาพที่มีกระโปรงหนังสัตว์อยู่ แล้วเธอก็ช่วยเขาสระผมกับถูหลังเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เขาจัดการเอาเอง
ในระหว่างขั้นตอนทั้งหมด หลงจงหลับตาพลางใช้มือกุมขอบอ่างไว้แน่น ประหนึ่งว่าเขากำลังเจ็บปวดทรมาน
ภาพนั้นทำให้แม่จิ้งจอกไม่รู้ว่าตัวเองควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แค่อาบน้ำยังเจ็บขนาดนี้เลยหรือ?
หูเจียวเจียวมองไปยังหัวรังนกที่พันกันจนเป็นปมของหลงจง แล้วคิดว่าจะช่วยตัดแต่งมันให้เหมือนกับหลงหลิงเอ๋อ แต่เขากลับต่อต้านอย่างรุนแรง
“ไม่! ท่านห้ามแตะต้องผมของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องตัดผม!” หนุ่มน้อยผู้มีแผลเป็นบนใบหน้ายกมือขึ้นกุมหัวเอาไว้ ในขณะที่เส้นผมเปียกชื้นแนบอยู่ตรงแก้ม เขาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็งจนดวงตาแดงก่ำ
เหมือนเด็กหนุ่มคิดว่าการตัดผมก็ไม่ต่างจากการฆ่าเขา
จิ้งจอกสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลงจงถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้
เมื่อเธอไม่มีทางเลือก เธอจึงเกลี้ยกล่อมเขาอย่างนุ่มนวล
“จงเอ๋อ ผมของเจ้าพันกันจนกลายเป็นปมหมดแล้ว แม่ว่าจะตัดผมของเจ้าให้สั้นลงกว่านี้นิดนึง แล้วภายหลังมันก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ได้”
ทว่าหลงจงกลับถูกกระตุ้นและผลักเธอออกไปพร้อมกับคำรามเสียงเกรี้ยวกราด "ข้าไม่ตัด ข้ารู้ว่าท่านจงใจ ท่านอยากให้ทุกคนเห็นแผลเป็นของข้า ให้พวกเขาหัวเราะเยาะข้า ออกไปให้พ้น ออกไป!"
หลังจากที่หูเจียวเจียวได้ยินคำพูดของลูกชาย ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาไม่ยอมตัดผมเพราะต้องการใช้ผมมาปกปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้า ดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนคำพูด
“เอาล่ะ ๆ แม่จะไม่ตัดผมของเจ้าแล้ว เดี๋ยวแม่จะช่วยเช็ดผมเจ้าให้แห้ง ตกลงไหม?”
แต่ถึงกระนั้น หลงจงยังคงถอยหนีผู้เป็นแม่ไปด้วยท่าทางที่ไม่อยากเข้าใกล้เธออีกเลย
หญิงสาวกลัวว่าเขาจะเป็นหวัด เธอจึงต้องส่งผ้าเช็ดตัวให้เขาและปล่อยอีกฝ่ายเช็ดตัวให้แห้งเอง
เมื่อแม่จิ้งจอกอาบน้ำให้เด็กหนุ่มเสร็จ เธอก็รู้สึกว่าลูก ๆ มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาผ่อนคลายลงมาก แต่วันนี้มันแปลกไปเล็กน้อย
พอเธอคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอกลับไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่หลงจงเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสร็จแล้ว เขาก็ออกจากบ้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนเด็กที่รออยู่ข้างนอกก็มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครตามเด็กหนุ่มไป
หูเจียวเจียวรู้ว่าเขาจะไม่ไปไหนไกล หากเธอตามเขาไปมันจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นเธอจึงทำได้แต่รอให้เขาสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วหญิงสาวก็ไปจัดการอาบน้ำลูกที่เหลือให้เสร็จก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน
การอาบน้ำให้หลงอวี้กับหลงเซียวเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาทั้ง 2 เหมือนให้ความไว้วางใจกับผู้เป็นแม่ ไม่นานหลังจากนั้น แม่จิ้งจอกก็เทน้ำสีดำสกปรกทิ้งอีก 2 ครั้งและเด็กหนุ่ม 2 คนก็ได้รับการตัดผมจนดูเรียบร้อยสวยงาม
ส่วนหลงเหยาที่รออยู่นานสองนานก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาเอาแต่ตะโกนว่า "ฮว่า! ฮว่า!" ด้วยเสียงเล็กแหลมเพราะกลัวว่าแม่จะลืมเขาไป
หูเจียวเจียวอาบน้ำให้ลูกน้อยอีกครั้ง เสร็จแล้วเธอก็ผูกโบว์ลายดอกไม้ที่หัวมังกร
เด็กชายตัวน้อยชอบโบว์เส้นนี้ เขาตื่นเต้นมากพลางมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของแม่ ทำให้หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมา
ขณะนี้ในใจของเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับท่าทีผิดปกติของหลงจง
ในตอนนั้นเอง หลงเซียวมายืนอยู่ข้างหลังหูเจียวเจียวโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนที่เสียงเย็นชาและไม่แยแสจะดังขึ้น "ตอนที่เขาอายุ 5 ขวบ น้องสามเพิ่งจะกลายร่างเลยไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เต็มที่ ตอนนั้นพี่ใหญ่ได้รับคำสั่งจากท่านให้ไปหาของกินข้างนอกมาให้ แล้วท่านก็สั่งให้น้องสามจุดไฟทำอาหารเพื่อรอพี่ใหญ่กลับมา...”
หลังจากที่หูเจียวเจียวได้ยินคำพูดของลูกชายคนรอง เธอก็ขมวดคิ้วประกอบกับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เธอไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงรีบถามออกไปว่า "แล้วเป็นยังไงต่อ?"
ทันทีที่คำพูดออกมาจากปาก จิ้งจอกสาวก็ตระหนักว่าปฏิกิริยาของตัวเองนั้นแปลกเกินไป เธอเลยอธิบายด้วยเสียงที่เบาลง
“เซียวเซียว ความจริงแล้ว หลังจากที่แม่หัวแตกครั้งก่อน แม่ก็จำไม่ได้ว่าตอนเด็ก ๆ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าบ้าง”
หลงเซียวผงะเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เขาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะแสดงรอยยิ้มที่เยือกเย็นดุจดั่งน้ำแข็งในฤดูหนาว
"แล้วเรื่องราวเป็นยังไงต่อน่ะหรือ? หึ..."
“น้องสามก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่ง เขาก่อไฟแต่บังเอิญตกลงไปในกองไฟระหว่างที่ย่างเนื้อและถูกไฟครอกไปครึ่งหน้า ตอนนั้นนอกจากท่านจะไม่ช่วยชีวิตน้องสามแล้ว ท่านยังดุด่าซ้ำเติมเขาที่ทำให้เนื้อสกปรก”
“ข้าได้ยินมาจากพวกภูตในเผ่าว่าน้องสามเคยเป็นคนที่หน้าตาดีมาก มีวันหนึ่งเขาถูกหลอกไปที่ริมแม่น้ำ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เอาผมปิดหน้าปิดตาและไม่เคยยิ้มอีกเลย ถ้าท่านอยากจะตัดผมของเขา มันก็ไม่ต่างจากการฆ่าเขาทั้งเป็น”
หัวใจของหูเจียวเจียวก็กระตุกวูบหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายคนรอง ตามมาด้วยหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจจนหนักอึ้ง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในบรรดาลูกเหล่านี้ หลงจงเป็นคนที่เกลียดเธอที่สุด...
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามักจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับเธอ
ปรากฎว่าเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมที่ทำให้เขาเสียโฉม!
หูเจียวเจียวนึกไม่ออกว่าลูกวัย 5 ขวบจะเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อใบหน้าของเขาถูกไฟเผา แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือการดูถูกและไม่แยแสของคนเป็นแม่
คิดแล้วหญิงสาวก็รู้สึกแสบจมูก ทว่าจู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงมองไปที่หลงเซียวอย่างกระตือรือร้น "แล้วดวงตาของเจ้าล่ะ..."