บทที่ 17 : ลู่หยานผู้โกรธเกรี้ยว
บทที่ 17 : ลู่หยานผู้โกรธเกรี้ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ใหญ่จางเฟิงหยู ครูและนักเรียนที่อยู่รอบๆ ก็เงียบลงและกลั้นหายใจในขณะที่พวกเขามองไปที่ลู่หยาน
ท้ายที่สุดแล้ว ลู่หยานก็ได้ผ่านระดับความยากที่น่าขันมา และมันก็ทำให้ทุกคนสงสัยว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นได้
เมื่อมองไปที่สายตาของครูและนักเรียนที่อยู่รายรอบ ลู่หยานก็เงียบลงในขณะที่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามของอาจารย์ใหญ่
เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขาได้ปลุกอาชีพลับขึ้นมาถูกไหม?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปิดซ่อนความแข็งแกร่งของเขา แต่ลู่หยานก็ไม่ต้องการจะเปิดเผยอาชีพลับของเขาอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่เติบโตเพียงพอ
ในขณะนี้ หวังมู่เต๋อก็เดินเข้ามาและพูดว่า “เธอไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ แน่นอนว่ามันเป็นเพราะพรสวรรค์ของเธอด้วย”
“ไม่คิดงั้นหรอ? ลู่หยานได้รับหนังสือสกิลทหารโครงกระดูกมา อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียนรู้มันและเข้าสู่ดินแดนลับ เขาก็ได้ทำความเข้าใจมันใหม่และพัฒนามันจนกลายเป็นโครงกระดูกระดับสูง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเราที่จะบอกว่าพรสวรรค์ของลู่หยานนั้นทรงพลังแค่ไหน”
“ชุดเกราะขั้นสุดยอดและเคียวสีดำที่ปรากฎขึ้นตอนท้ายเองก็จะต้องเป็นพลังอันเดดที่ลู่หยานทำความเข้าใจมาได้แน่ๆ”
“แม้ว่าเนโครแมนเซอร์จะมีสกิลน้อยมาก แต่พรสวรรค์ของลู่หยานในพลังอันเดดก็อาจกล่าวได้ว่าไม่เคยปรากฎที่ไหนมาก่อน เขาจะกลายเป็นเนโครแมนเซอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคตอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะสามารถฟื้นฟูอาชีพเนโครแมนเซอร์ให้กลายมากโด่งดังก็ได้”
หวังมู่เต๋อมีสีหน้ามั่นใจ ราวกับว่าเขาเข้าใจมานานแล้วว่าทำไมลู่หยานถึงทรงพลังมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังมู่เต๋อ ครูและนักเรียนที่อยู่รอบๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันสามารถอธิบายได้ด้วยพรสวรรค์ของเขาในพลังอันเดดเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากสกิลของลู่หยานนั้นทรงพลังสองเป็นอย่างมาก มันไม่แปลกเลยที่เขาจะเลือกความยากระดับฝันร้าย
นี่คือความมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาเอง
ลู่หยานมองไปที่หวังมู่เต๋อแล้วยิ้ม “ผมเพิ่งจะเข้าใจสกิลอันเดดอันทรงพลังทั้งสองอย่าง ครั้งนี้ผมค่อนข้างโชคดีมากจริงๆ ที่สามารถเคลียร์ระดับฝันร้ายได้”
แม้ว่าลู่หยานจะถ่อมตัว แต่ครูและนักเรียนที่อยู่รอบๆ ก็ยังชื่นชมเขา
หลังจากเสร็จสิ้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มันก็จะใช้เวลาอีกสามวันกว่าผลจะออก
ในเวลานั้น รางวัลต่างๆ ก็จะถูกแจกจ่ายด้วย
จางเฟิงหยูรู้ว่าลู่หยานอยู่ในสามอันดับแรกของทั้งจังหวัดอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงให้รางวัลของโรงเรียนแก่ลู่หยานล่วงหน้า
ห้ายาเสริมแก่นและสามล้านเหรียญพลังงาน
เหรียญพลังงานเป็นสกุลเงินในระดับที่สูงขึ้น หนึ่งเหรียญพลังงานเทียบเท่ากับสิบหยวน อย่างไรก็ตาม บางอย่างก็สามารถซื้อได้ด้วยเหรียญพลังงานเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง สามล้านเหรียญพลังงานจึงเทียบเท่ากับสกุลเงินพื้นฐานสามสิบล้านหยวน
นี่เป็นรางวัลสูงสุดของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของโรงเรียนมัธยมอันดับสี่ จางเฟิงหยูมั่นใจว่าลู่หยานจะเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน และมันก็ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีปัญหาใดๆ ในการมอบรางวัลให้กับเขาล่วงหน้า
ลู่หยานรับรางวัลมาและไม่รอหยางเว่ย เขาเลือกที่จะเปิดโทรศัพท์และเตรียมโทรหาลั่วหลิวลี่เพื่อบอกข่าวดีกับเธอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ขึ้น ลู่หยานก็เห็นสายที่ไม่ได้รับหลายสาย พวกมันทั้งหมดมาจากผู้อำนวยการฮวง
ทำไมจู่ๆ ผู้อำนวยการฮวงถึงโทรหาเขา? ค่ารักษาพยาบาลไม่น่าจะหมดเร็วขนาดนั้นนี่?
ลู่หยานขมวดคิ้วเล็กน้อยและโทรกลับ
“ฮัลโหล? ลู่หยานได้ยินไหม? เมื่อกี้ฉันโทรหาเธอไม่ติดเลย มันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับลั่วหลิวลี่ รีบมาโรงพยาบาลให้เร็วเลย!”
เสียงของผู้อำนวยการฮวงค่อนข้างเป็นกังวล เมื่อพูดจบเขาก็วางสายไป
ร่างกายของลู่หยานแข็งค้างก่อนที่เขาจะรีบออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่
จางเฟิงหยูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตระหนักได้ว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับลู่หยาน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรีบวิ่งไล่ตามไป
ในปัจจุบัน ลู่หยานก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในโรงเรียนมัธยมอันดับสี่ เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
ลู่หยานรีบวิ่งออกจากโรงเรียนและยืนอยู่ริมถนนเพื่อหยุดรอรถอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ในขณะนั้นเอง รถสีดำคันหนึ่งก็ได้หยุดอยู่ตรงหน้าลู่หยาน
จางเฟิงหยูลดกระจกหน้าต่างลงและมองไปที่ลู่หยาน “ลู่หยานเกิดอะไรขึ้น? เธอกำลังจะไปไหน รีบขึ้นมาบนรถเลย”
ลู่หยานไม่พูดอะไรและกระโดดเข้าไปในรถโดยตรง เขามองไปที่จางเฟิงหยูและพูดว่า “อาจารย์ใหญ่ ไปโรงพยาบาลใจกลางเมือง มันจะดีมากถ้าอาจารย์รีบไป”
เมื่อเห็นสีหน้าวิตกกังวลของลู่หยานแล้ว จางเฟิงหยูก็ไม่เสียเวลาหายใจและเหยียบคันเร่งตรงไปยังโรงพยาบาลใจกลางเมือง
ภายในสิบนาที จางเฟิงหยูก็ได้มาถึงที่โรงพยาบาล
ลู่หยานเปิดประตูรถและรีบวิ่งเข้าไป
จางเฟิงหยูเองก็รีบวิ่งตามหลังไปเช่นกัน
ในไม่ช้า ลู่หยานก็มาถึงวอร์ดของลั่วหลิวลี่ แต่เขาก็ไม่เห็นลั่วหลิวลี่
“ลู่หยาน! ตรงนี้!”
เสียงของผู้อำนวยการฮวงดังขึ้นมาจากด้านข้าง เขายืนอยู่ที่ทางเข้าห้องฉุกเฉินไม่ไกลและโบกมือ
ลู่หยานมองไปที่ห้องฉุกเฉินซึ่งมีการผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง และหัวใจของเขาก็จมดิ่งลงในทันที
ลู่หยานคว้าข้อมือของผู้อำนวยการฮวงและถามว่า “ผู้อำนวยการฮวง เกิดอะไรขึ้น? พี่สาวของผมอยู่ที่ไหน?”
ผู้อำนวยการฮวงขมวดคิ้วและพูดว่า “ตอนสิบเอ็ดโมงเช้า เมื่อพยาบาลไปเปลี่ยนชุดให้พี่สาวของเธอ พยาบาลก็พบว่าพี่สาวของเธอได้นอนหมดสติไปแล้ว ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือดและอาการบาดเจ็บ เธอก็หนักหนาสาหัสมาก เธอถูกส่งไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนเพื่อเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน”
“อะไรนะ?!” ลู่หยานพูดด้วยความโกรธว่า “มันเป็นไปได้ยังไง? ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลหรอ? มันเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นกับพี่สาวของผมได้ยังไง?”
ผู้อำนวยการฮวงรีบพูดว่า “ไม่ต้องวิตกกังวลไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับโรงพยาบาลของเรา หลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว เราก็ได้รู้ว่ามีชายสวมหน้ากากเข้าไปในวอร์ดของพี่สาวเธอและทำลายกล้องข้างใน เขาน่าจะเป็นคนทำสิ่งนี้!”
“แต่นี่เองก็เป็นความประมาทเลินเล่อของพวกคุณด้วย! คนแปลกหน้าจะเข้ามาในวอร์ดของพี่สาวผมได้ยังไง!” ลู่หยานโกรธมากเมื่อได้ยินข้อแก่ตัวของอีกฝ่าย
จางเฟิงหยูรีบเดินออกมาข้างหน้า “ลู่หยานใจเย็นๆ สิ่งสำคัญในตอนนี้คือสถานการณ์ของพี่สาวเธอ คุณคือผู้อำนวยการฮวงใช่ไหม พี่สาวของลู่หยานเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อลู่หยานได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ฟื้นคืนสติเล็กน้อย เขาปล่อยข้อมือของผู้อำนวยการฮวงและจ้องเขม็งไปที่เขา
ผู้อำนวยการฮวงกล่าวว่า “จากสถานการณ์ในตอนแรก ชีวิตของลั่วหลิวลี่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว ถึงอย่างนั้น ความเสียหายในครั้งนี้ก็ได้ทำให้สถานการณ์ของเธอย่ำแย่ลง โดยเฉพาะแขนขวาของเธอ มันมีโอกาสสูงมากที่จะพิการ”
ร่างกายของลู่หยานสั่นสะท้าน เขาระงับความโกรธในใจและมองไปที่ผู้อำนวยการฮวง “กล้องวงจรปิด! เอากล้องวงจรปิดมา!”
เขาต้องการจะรู้ว่าใครกันที่ทำสิ่งนี้กับลั่วหลิวลี่
ผู้อำนวยการฮวงไม่ลังเลที่จะพาลู่หยานไปดูกล้องวงจรปิด
กล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์เป็นไปตามที่ผู้อำนวยการฮวงกล่าว ชายสวมหน้ากากสีดำเดินเข้ามาในวอร์ดของลั่วหลิวลี่และจากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาพบสถานการณ์ของลั่วหลิวลี่และรีบแจ้งแพทย์ให้เข็นลั่วหลิวลี่ไปที่ห้องฉุกเฉิน
“ผู้ชายพวกนี้เป็นใคร!” ลู่หยานมองไปที่ชายสวมหน้ากากบนหน้าจอ และอยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
ผู้อำนวยการฮวงกล่าวว่า “เราเองก็ยังไม่แน่ใจ เราได้โทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ผู้ร้ายก็ระมัดระวังตัวมาก เขาไม่ได้เปิดเผยรูปร่างหน้าตาเลย มันคงยากมากที่จะตามหาเขาเจอ”
ที่ด้านข้าง จางเฟิงหยูก็เห็นอารมณ์ของลู่หยานผันผวนขึ้นอีกครั้งและรีบเดินไปข้างหน้า “ลู่หยาน อย่าตื่นตระหนกไป ฉันรู้จักผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย เขามีทีมค้นหาที่จัดตั้งขึ้นมาโดยผู้เชี่ยวชาญ เราจะสามารถตามหาตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน”
“ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ เพราะงั้นสงบสติอารมณ์เอาไว้ก่อน เธอเพิ่งจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จและใช้พลังงานไปมาก หากเธอทำให้ร่างกายของเธอแบกรับภาระเช่นนี้อีก มันก็จะเป็นปัญหาเอาได้”