บทที่ 1 อารัมภบท จักรพรรดิ์สุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 1 อารัมภบท จักรพรรดิ์สุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่
ในทิศตะวันตกอันห่างไกล มีวัตถุที่เป็นที่ต้องการของหลาย ๆ คน เนื่องจากมันมีพลังอำนาจที่ไร้ขีดจำกัด
ชาวตะวันตกเรียกมันว่าชิ้นส่วนวิญญาณ มันสามารถมอบความแข็งแกร่งให้แม้แต่ชาวบ้านในการยกก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองเพื่อขว้างมันใส่ศัตรู
และนั่นคือระดับความแข็งแกร่งที่แม้แต่ขอทานที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆก็สามารถจะได้รับจากการผสานกับชิ้นส่วนวิญญาณที่มีคุณภาพต่ำที่สุด
สำหรับชิ้นส่วนวิญญาณที่มีคุณภาพสูงกว่านั้น พวกมันให้พลังทางกายภาพและพลังเวทย์มนตร์แก่มนุษย์ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่โหดร้าย และสิ่งมีชีวิตที่น่าสยดสยองซึ่งตามหลอกหลอนพวกเขามาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล
ด้วยความละโมบของมนุษย์ต่อชิ้นส่วนพลังวิญญาณนั้นเป็นสาเหตุหลักในการก่อสงครามหลายครั้ง
ทุกอาณาจักรที่มีชิ้นส่วนพลังวิญญาณคุณภาพสูง หนึ่งหรือสองชิ้นปรากฏขึ้นในดินแดนของตน แต่ไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องมันหรือไม่มีนักรบที่คู่ควรพอที่จะสามารถครอบครองมันไว้ได้ สุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมเดียวกันกับบรรพบุรุษของตน พวกเขาตกจะเป็นเป้าหมายการทำลายล้าย และในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์โบราณไป
ในทางกลับกัน อาณาจักรที่รอดพ้นจากช่วงเวลาที่ปั่นป่วนของการปรากฎตัวของชิ้นส่วนวิญญาณระดับสูงได้ จะสามารถนำพาดินแดนพวกเขาให้ได้รับการยกฐานะให้กลายเป็นมหาอำนาจของโลก หรือแม้แต่กลายเป็นจักรวรรดิ!
และนี้คือเรื่องราวของจักรพรรดิ์สุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่
มีชิ้นส่วนพลังวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในดินแดนของเขา
วันที่มันปรากฎ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับแสงสะท้อนของแม่น้ำแห่งสายเลือด และแทรกด้วยแม่น้ำสีน้ำเงินที่ไหลผ่านอาณาจักรสุริยันต์โชติช่วงและพุ่งต่อไปยังอาณาจักรเพื่อนบ้านทั้งสี่ทำให้ทุ่งธัญพืชมีสีสันสดใส
มันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกเพื่อบอกให้ราชาทั้งห้าแห่งดินแดงตระวันออกอันไกลโพ้นได้รู้ว่ามันมาเยือนแล้วและอยู่ที่ไหน ทั้งหมดนี้เพื่อจุดไฟแห่งความโลภในใจของพวกเขาและทำให้พวกเขาเริ่มก่อสงครามเย็นขึ้น
การนองเลือดนั่นคือสิ่งที่มันต้องการทำให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือว่าจะเป็นนักรบ มันต้องการเห็นมนุษย์เข่นฆ่ากันเองด้วยดาบเหล็กที่เย็นยะเยือกและด้วยเวทมนตร์อันเจิดจรัส
มันต้องการเต้นรำอยู่ท่ามกลางเสียงร้องแห่งความสิ้นหวังที่ออกมาจากปากอันอ่อนโยนของเด็กกำพร้าและคนพิการที่หมดหวัง เพราะมันเป็นเหมือนท่วงทำนองที่ขับกล่อมจิตวิญญาณของมันให้เบินบาน
มันหวังที่จะกลบจิตวิญญาณของมันด้วยกลิ่นเลือดและสนิมที่ฟุ้งอยู่ในอากาศอันเป็นผลลัพธ์มาจากสงครามนองเลือด
แน่นอนว่ามันเป็นชิ้นส่วนวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นชิ้นส่วนชิ้นส่วนวิญญาณที่มีจิตสำนึกชั่วร้าย
ราชาสามในสี่พระองค์มองข้ามไม่เพียงแค่สนธิสัญญาสันติภาพที่พวกเขามีกับราชาสุริยันต์โชติช่วงเท่านั้น แต่ยังมองข้ามความสยดสยองและความเสียหายของสงครามในอดีตที่พวกเขายังไม่ฟื้นตัวและทำการโจมตีอาณาจักรสุริยันต์ด้วยความหวังที่จะกลืนกินดินแดนและชิ้นส่วนพลังวิญญาณของเขาพร้อมทั้งเกณฑ์ผู้คนของเขาเพื่อให้ได้แรงงานจำนวนมาก
ยินนกสามตัวด้วยหินก้อนเดียว
พวกเขาจะรออะไรอีกล่ะ
โอกาสทองเช่นนี้จะไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านพวกเขาเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นหลังจากพวกเขาตกลงร่วมมือกันแล้วจึงทำการโจมตีอาณาจักรสุริยันต์ทันที
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการรวมพลังของทั้งสามอาณาจักร พวกเขาก็ยังล้มเหลวในการโค่นล้มอาณาจักรสุริยันต์
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุริยันต์ เพื่อเป็นการของขอโทษราชาสุริยันต์ผู้ซึ่งผสานเข้ากับชิ้นส่วนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และได้รับพลังที่เหนือจินตนาการมา
พวกเขาจึงต้องยอมจำนนต่อเขาอย่างไม่เต็มใจ
อาณาจักรเดียวที่ไม่ได้ถูกโจมตีในขณะที่สามอาณาจักรทำการรุกราน เขายังเต็มใจที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุริยันต์ภายใต้กดข่มของราชาแห่งสุริยันต์
เป็นวันที่อาณาจักรทั้งห้ากลายเป็นหนึ่งเดียว ดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้นได้สถาปนาจักรพรรดิขึ้นแล้ว!