ตอนที่แล้วตอนที่ 68: ซื้อของเถื่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70: ศิษย์อาจารย์และหมาแก่

ตอนที่ 69: แรงกดดัน


ตอนที่ 69: แรงกดดัน

เครื่องยนต์ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนหลักของยานอวกาศ แล้วมันก็เปรียบเสมือนกับหัวใจสำหรับมนุษย์ ดังนั้นหากใครปราศจากหัวใจที่แข็งแรง ใครคนนั้นก็จะไม่สามารถทำงานหนักอย่างต่อเนื่องได้

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ตั้งใจที่จะใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูงในการซ่อมแซมสตีลฟอลคอนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แน่นอนว่าเครื่องยนต์ย่อมเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่ไม่มีข้อยกเว้น

เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากบริษัทสกายเซอร์เพนท์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องยนต์ชั้นนำเพียงแค่ไม่กี่บริษัทภายในพันธมิตร

ขณะเดียวกันหากเครื่องยนต์รุ่นธรรมดาสามารถผลิตแรงขับสูงสุดได้ 100 หน่วย เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ก็สามารถที่จะผลิตแรงขับออกมาได้ถึง 130 หน่วยซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปถึง 30%

หากใครต้องการที่จะได้รับเทคโนโลยีระดับสูงสุด พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายมากกว่าปกติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นมาเพียงแค่เล็กน้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 จะสูงกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปเพียงแค่ 30% แต่กลไกที่เกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดันประสิทธิภาพขึ้นมาเพียงแค่นี้กลับอยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไปไปไกล

ว่ากันว่าเพื่อที่จะทำการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ทางบริษัทได้ทำการออกแบบเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ขึ้นมามากกว่า 10,000 ครั้งและต้องใช้เวลานานกว่า 100 ปีกว่าจะสามารถผลิตเครื่องยนต์รุ่นแบล็คเซอร์เพนท์ 130 ได้สำเร็จ

กระบวนการในการผลิตอุปกรณ์ชั้นแนวหน้าของจักรวาลมีความซับซ้อนมากและทำให้อุปกรณ์ระดับสูงสุดเหล่านี้ถูกปล่อยออกมาในท้องตลาดเพียงแค่เล็กน้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าทางบริษัทจะขายเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ออกมาบ้างเป็นครั้งคราวแต่ราคาของพวกมันก็สูงเกินกว่าเครื่องยนต์รุ่นปกติไปไกล

ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าบรรดาผู้ผลิตชั้นนำยังมีข้อตกลงร่วมกันว่า ผลิตภัณฑ์ชั้นแนวหน้าของพวกเขามีเอาไว้สำหรับองค์กรชั้นแนวหน้าในจักรวาลเท่านั้น พวกมันจึงแทบที่จะไม่ตกมาอยู่ในมือของคนโดยทั่วไปเลย

ด้วยเหตุนี้เองเซี่ยเฟยจึงเข้าใจดีว่าการพลาดโอกาสในการได้ครอบครองเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากแค่ไหน ซึ่งหลังจากที่เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ลุงไม่จำเป็นต้องทำท่าทางท้อแท้แบบนั้นก็ได้ พวกเราค่อยมาคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์กันทีหลัง ท้ายที่สุดจักรวาลก็กว้างใหญ่มาก ผมไม่เชื่อว่าลุงจะไม่สามารถหาเครื่องยนต์คุณภาพสูงเครื่องอื่นได้”

เมื่อได้รับคำปลอบใจพอตเตอร์ก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่เขาและเซี่ยเฟยจะเดินทางกลับไปยังทิศทางที่พวกเขาได้เดินมา

ระหว่างทางกลับบรรยากาศค่อนข้างที่จะตึงเครียดอยู่เล็กน้อย โดยเซี่ยเฟยกำลังคิดถึงคนที่ชื่อว่าเฒ่าเคที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักชายชราคนนี้เลย แต่คนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักกลับได้เข้ามาขัดขวางการซ่อมแซมยานของเขาไปแล้ว

ชิ้นส่วนอุปกรณ์ประกอบยานที่พอตเตอร์ได้สั่งเอาไว้ถูกส่งไปที่อู่อย่างต่อเนื่องผ่านทางบริษัทขนส่งระหว่างดวงดาวต่าง ๆ แต่ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดยังไม่เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมยานอวกาศ มันจึงจำเป็นจะต้องใช้เครื่องออกแบบโมเดล 3 มิติในการผลิตชิ้นส่วนบางอย่างที่ขาดไป

ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาจากเครื่องออกแบบโมเดล 3 มิติจะถูกส่งไปยังเครื่องมือกลอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง ก่อนที่เครื่องมือกลพวกนี้จะทำการผลิตชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบขึ้นมา

แม้ว่าวิธีการนี้จะพอชดเชยชิ้นส่วนที่ขาดหายไปได้แต่การออกแบบชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทำให้ความคืบหน้าในการซ่อมแซมยานของเซี่ยเฟยเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ผู้ที่รับผิดชอบในการออกแบบโมเดล 3 มิติคือหลานสาวของพอตเตอร์ผู้มีชื่อว่า ‘ลีน่า’ โดยเด็กสาวคนนี้เป็นเด็กสาวผิวสีอายุประมาณ 20 ปี แต่เธอก็มีความละเอียดในการทำงานที่สูงมากและเธอยังทำงานร่วมกับพอตเตอร์อยู่ในห้องออกแบบทั้งวันทั้งคืน

ระหว่างการซ่อมแซมเซี่ยเฟยก็ยังคงถือคีมอเนกประสงค์ทำงานร่วมกันกับพวกโบเดนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เวลาได้ผ่านพ้นไปกว่า 1 เดือนอย่างรวดเร็ว

ใน 1 เดือนที่ผ่านมานี้เซี่ยเฟยได้เติบโตขึ้นมาจากมือใหม่ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยานอวกาศเลยกลายเป็นช่างซ่อมยานผู้มีประสบการณ์อย่างเต็มตัว

ทุก ๆ วันเขาจะทำงานถึงวันละ 15 ชั่วโมง โดยในระหว่างนั้นเขาก็ได้กินอาหารไปพร้อมกับช่างเครื่องคนอื่น ๆ และดื่มสังสรรค์กันเป็นครั้งคราว แต่ไม่ว่างานจะหนักหนาซักแค่ไหนเซี่ยเฟยก็ไม่เคยปริปากบ่นออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ในช่วงเวลากลางคืนที่ทุกคนกำลังพักผ่อนเซี่ยเฟยจะใช้เวลาในการฝึกฝนวันละ 6 ชั่วโมง โดยในบางครั้งเขาจะได้พูดคุยกับแอวริลบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความคืบหน้าของการซ่อมยานและฟังเธอบ่นเกี่ยวกับเรื่องครูสอนดนตรีหรือครูสอนศิลปะ

ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเหล่าบรรดาช่างเครื่องที่นำโดยโบเดนก็สนิทสนมกับเซี่ยเฟยด้วยความรวดเร็ว พวกเขาจึงมักที่จะนำอาหารท้องถิ่นมาให้ชายหนุ่มลองกินอยู่เป็นประจำ ขณะที่เซี่ยเฟยก็มักจะแบ่งปันบุหรี่และชาที่เขานำติดตัวมาให้กับช่างเครื่องเหล่านี้

แม้ว่าทุกคนจะชอบดื่มชาแต่ช่างเครื่องทุกคนต่างก็ส่ายหน้าให้กับบุหรี่ของเซี่ยเฟย

ความจริงพวกเขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าชายหนุ่มจะสูดควันที่มีกลิ่นฉุนพวกนี้เข้าไปทำไม คล้ายกับเซี่ยเฟยกำลังจ่ายเงินเพื่อทำร้ายร่างกายตัวเอง

ชายหนุ่มทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มโดยไม่สนใจคำวิจารณ์ของช่างเครื่องทุกคน เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยชินกับบุหรี่ยี่ห้อนี้มาตั้งนานแล้ว

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ต้องยอมรับเลยว่าช่างเครื่องที่ถูกฝึกฝนโดยลุงพอตเตอร์ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่สมควรจะต้องเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ เพราะทุกคนต่างก็มีทักษะพิเศษเฉพาะตัว เช่น บางคนมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการซ่อมแซมระบบวงจร ขณะที่บางคนก็มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมแซมระบบกรองอากาศ

นอกจากงานซ่อมแซมที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันแล้วเซี่ยเฟยยังเพิ่มงานอื่นให้กับตัวเองโดยการขอเรียนรู้ทักษะพิเศษจากช่างแต่ละคนที่มีความถนัดแตกต่างกันไป

ทุกครั้งที่เซี่ยเฟยได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องซ่อมบำรุง เขาจะเริ่มตั้งคำถามบางอย่างขึ้นมาในหัวของตัวเอง ก่อนจะคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้วยวิชาความรู้ที่เขาเพิ่งได้รับมา

แม้ว่าความคืบหน้าในการซ่อมยานจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและน่าเบื่อ แต่เซี่ยเฟยได้พัฒนาทักษะงานช่างของเขาขึ้นมาด้วยความเร็ว ทำให้แม้แต่ช่างรุ่นเก๋าอย่างพอตเตอร์ก็ยังต้องมองไปยังชายหนุ่มคนนี้ด้วยความชื่นชม

ในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้เริ่มมีอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงไม่เพียงพอทำให้เซี่ยเฟยมักที่จะต้องทำงานพักหนึ่งหยุดพักหนึ่งและต้องรอจนกว่าจะมีอะไหล่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่ เขาจึงจะสามารถเริ่มทำงานต่อไปได้

เมื่อได้เห็นลุงพอตเตอร์ที่เต็มไปด้วยความกังวลเซี่ยเฟยก็ไม่เลือกที่จะพูดอะไรออกมา ในความเป็นจริงเขาไม่เคยถามถึงความคืบหน้าของการซ่อมแซมยานครั้งนี้ด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าลุงพอตเตอร์ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว

ถึงแม้ว่าชิ้นส่วนประกอบยานส่วนใหญ่จะล่าช้าเนื่องมาจากการออกแบบและการผลิต แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำก็มีเพียงแค่การรอคอยเท่านั้น ปัญหาที่สำคัญจริง ๆ ควรจะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์มากกว่า

ช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยมักที่จะใช้สตาร์เน็ตเวิร์กในการค้นหาชิ้นส่วนที่เหมาะสมและเขายังได้ใช้เงิน 10 ล้านสตาร์คอยเพื่อทำการอัพเกรดบัญชีของเขาให้เข้าถึง 3 ภูมิภาคดาวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

น่าเสียดายที่จำนวนของเครื่องยนต์ระดับสูงในตลาดมีอยู่น้อยมากและถึงแม้ว่าเครื่องยนต์เหล่านี้จะถูกนำออกมาปล่อยขายอยู่บ้าง แต่ผู้ขายก็มักที่จะให้ความสนใจกับผู้ซื้อรายใหญ่เป็นอันดับแรก ทำให้เซี่ยเฟยยังไม่สามารถที่จะหาเครื่องยนต์ที่เหมาะสมมาประกอบเข้ากับยานอวกาศของเขาได้

ในช่วงเริ่มต้นของการออกแบบยานก่อนการซ่อมบำรุง เซี่ยเฟยได้ตัดสินใจเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกชิ้นให้กลายเป็นอุปกรณ์ระดับสูงสุด ดังนั้นถ้าหากว่าเขาไม่สามารถหาซื้อเครื่องยนต์ที่เหมาะสมได้ยานอวกาศของเขาก็จะคล้ายกับนักวิ่งที่ขาขาด ซึ่งมันไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของตัวยานเท่านั้นแต่มันยังจะลากประสิทธิภาพโดยรวมของตัวยานลงมาจากเดิมอีกด้วย

ขณะเดียวกันเฒ่าเคก็ไม่ได้โผล่หน้ามาสร้างปัญหาให้กับพอตเตอร์เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว แต่มันมักจะมีเครื่องบินลาดตระเวนคอยบินมาใกล้อู่บ้างเป็นครั้งคราวทำให้อู่ถูกเสียงดังรบกวนและกระแสลมจากเครื่องบินยังพัดทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ปลิวกระจายออกไป สร้างความลำบากให้ช่างในอู่ต้องวิ่งไปเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นอยู่เป็นประจำ

นอกจากนี้มันยังมีชายฉกรรจ์บางคนคอยจ้องมองเข้ามาภายในอู่และหลายครั้งเซี่ยเฟยยังได้พบเห็นคนเหล่านี้ในระหว่างที่เขาทำการฝึกฝน แต่เขาก็ต้องคอยรั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวก่อนที่อะไร ๆ จะชัดเจน

แม้ว่าในระหว่างการทำงานช่างเครื่องต่าง ๆ จะยังคงหัวเราะเฮฮากันอยู่เช่นเคย แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าพายุใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้วทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

เช้าวันนี้เซี่ยเฟยลุกขึ้นมาจากเตียงตามปกติก่อนที่เขาจะล้างหน้าและถือคีมอเนกประสงค์มุ่งตรงไปยังเวิร์กช็อป แต่อย่างไรก็ตามภาพที่เขาเห็นกลับกลายเป็นโบเดนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นเพียงคนเดียวและท่าทางของเขาก็เหมือนกับคนที่ความคิดกำลังสับสน

“อะไรกัน? นี่พี่ทะเลาะกับเมียอีกแล้วหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

โบเดนส่ายหัวเป็นคำตอบก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างกังวลว่า

“วันนี้ทุกคนไม่มาทำงานทั้ง ๆ ที่มันควรจะเริ่มประชุมงานของวันนี้ได้แล้ว”

เซี่ยเฟยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เขาจะมองไปยังนาฬิกาบนข้อมือ

เมื่อคืนเขาคุยกับแอวริลดึกไปหน่อยทำให้วันนี้เขาตื่นสายและมาทำงานช้ากว่าเวลาปกติ

ขณะเดียวกันช่างในอู่ของลุงพอตเตอร์ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ตรงต่อเวลา โดยพวกเขาจะเริ่มทำงานก่อนเวลางานอย่างน้อย 15 นาทีและในปกติช่วงเวลานี้พวกเขาก็สมควรที่จะต้องยุ่งกับงานแล้ว

เซี่ยเฟยจุดบุหรี่ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โบเดนพร้อมกับมองขึ้นไปยังเมฆสีดำบนท้องฟ้า

“พี่พอจะรู้เรื่องอะไรไหม?”

โบเดนพยักหน้ารับเป็นคำตอบโดยไม่พูดอะไร

เมื่อเซี่ยเฟยมองไปรอบ ๆ เขาก็มองเห็นคนน่าสงสัยบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอู่ที่กำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่ด้วยอุปกรณ์คล้ายกล้องส่องทางไกลภายในมือ

“หึ!” เซี่ยเฟยพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับใช้มือตบไปที่ไหล่ของโบเดนเบา ๆ

“ตอนนี้มีคนจับตาดูพวกเราอยู่ พวกเราควรเริ่มทำงานตามปกติ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงจะคิดว่าพวกเรากำลังกลัวพวกมันอยู่”

“นายพูดถูก! ยิ่งพวกมันอยากเห็นความกลัวจากพวกเรามากเท่าไหร่ พวกเราก็สมควรจะต้องอดทนให้มากขึ้นเท่านั้น!” โบเดนตอบพร้อมกับลุกจากพื้นด้วยสีหน้าอันจริงจัง

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยและโบเดนก็เริ่มทำงานประจำวันเหมือนตามปกติ แต่งานที่พวกเขาจะต้องทำเป็นงานที่แต่เดิมต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ถึงเก้าคน ดังนั้นไม่ว่าใครก็คงจะสามารถจินตนาการได้ว่าช่างเครื่องทั้งสองคนนี้จะต้องพบกับความยากลำบากมากเพียงใด

ถึงแม้ว่าภาระงานจะหนักขึ้นมากกว่าเดิมแต่พวกเขาก็ยังคงทำงานอย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่นอะไร

ระหว่างนั้นพอตเตอร์ก็ได้เดินออกมาจากห้องออกแบบแต่ถึงแม้ว่าเขาจะเดินเข้าเดินออกห้องมาแล้วถึงสองครั้ง เขาก็ยังคงเห็นเซี่ยเฟยและโบเดนทำงานหนักต่อไป ชายชราจึงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและส่ายหัวก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปภายในห้อง

ในตอนเที่ยงเซี่ยเฟยและโบเดนก็พักผ่อนและกินอาหารเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าปกติ เพราะพวกเขาต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้า ทำให้พวกเขาเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไร

ท้ายที่สุดพลังของคนสองคนก็มีอยู่อย่างจำกัดและถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานอย่างหนักแต่พวกเขาก็ทำงานไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวหากนับจากความก้าวหน้าตามปกติ

ในทันใดนั้นเองมันก็มียานอวกาศสีกากีร่อนลงมาในบริเวณอู่ด้วยความเร่งรีบก่อนที่ ‘ชไนเดอร์’ ผู้ซึ่งเป็นช่างประจำอู่จะรีบวิ่งลงมาจากยานด้วยความตื่นตระหนก

“ลุงพอตเตอร์อยู่ไหน?” ชไนเดอร์รีบกล่าวถาม

ระหว่างนั้นโบเดนได้มองไปที่ชไนเดอร์ด้วยสีหน้าที่ดุดัน ก่อนที่เขาจะก้มหน้ากินอาหารต่อไปโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของผู้มาใหม่เลย

เหตุการณ์นี้ทำให้ชไนเดอร์ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจและเขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องทำอะไรต่อไปดี

เมื่อบรรยากาศเริ่มไม่ดีเซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเก็บกล่องอาหารกลางวันเข้าที่แล้วเดินไปที่ชไนเดอร์

“ลุงพอตเตอร์อยู่ในห้องออกแบบครับ ว่าแต่พี่กินข้าวมาแล้วหรือยัง?”

ชไนเดอร์ยังคงก้มศีรษะลงอย่างละอายใจแต่เมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นมาเขาก็ได้อุทานออกมาว่า

“อ่ะ! ลุงพอตเตอร์”

เมื่อเซี่ยเฟยหันศีรษะไปด้านหลังเขาก็ได้พบว่าลุงพอตเตอร์ได้มายืนอยู่ที่ด้านหลังของเขาแล้ว

“ผม...ผม...” ชไนเดอร์ลังเลอยู่นานแต่เขาก็คิดคำพูดออกมาไม่ได้

ขณะเดียวกันพอตเตอร์ก็ได้หยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าและยื่นมันให้กับชไนเดอร์ จากนั้นเขาก็ใช้มือของเขาลูบไปที่ศีรษะของผู้มาใหม่เบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบหัวลูกหลานของตัวเอง

“นี่คือเงินเดือนและโบนัสของนาย หลังจากนี้ไปหาอู่ดี ๆ ทำงานซะ ด้วยฝีมือของนายการหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน หลายปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนให้นายมากมายนัก เงินในซองนี่ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยจากฉันก็แล้วกัน” พอตเตอร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

“ไม่ใช่! ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอค่าชดเชย... ผมแค่รู้สึกว่าผมทำงานที่นี่มาตั้งหลายปี อย่างน้อยถ้าผมจะต้องไป ผมก็ควรจะต้องมาบอกลาลุงก่อน ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะให้อภัยตัวเองไม่ได้!” ชไนเดอร์กล่าวพร้อมกับเริ่มร้องไห้คล้ายกับเด็กที่ทำอะไรผิด

คำตอบจากลูกน้องทำให้พอตเตอร์รีบยัดซองเงินเดือนไปไว้ในมือของชไนเดอร์ จากนั้นเขาก็รีบหันหลังและเดินกลับไปที่ห้องออกแบบ

ปั๊ก! เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ!

ชไนเดอร์คุกเข่าลงบนพื้นก่อนที่จะใช้มือตบหน้าของตัวเอง ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานแก้มทั้งสองข้างของเขาก็เริ่มบวม

เซี่ยเฟยต้องการที่จะเข้าไปห้ามปรามแต่เขาก็ต้องอดทนเอาไว้ เพราะในเวลานี้ชไนเดอร์จำเป็นจะต้องระบายความทุกข์ของเขาออกไป ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้เขาจะต้องรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน

“ลุงพอตเตอร์พวกเราทนไม่ไหวแล้ว! พวกเขา…พวกเขา… ผมขอโทษ! ผมมันเป็นไอ้สารเลว! ผมมันไม่ใช่มนุษย์!” ชไนเดอร์ด่าตัวเองซ้ำ ๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟาย

พอตเตอร์หยุดเท้าของเขาลงอย่างกระทันหันพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ฉันรู้… นายเลิกโทษตัวเองได้แล้ว กลับไปเถอะ”

อย่างไรก็ตามชไนเดอร์ก็ยังคงทุบตีตัวเองราวกับคนบ้า จนกระทั่งเลือดไหลออกมาจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาจึงเลือกที่จะลุกยืนขึ้นและเดินจากไปด้วยความสิ้นหวัง

โบเดนจ้องไปยังยานอวกาศที่กำลังบินจากไปก่อนที่เขาจะถมน้ำลายและสบถออกมาว่า

“ขอให้แกมีความสุขกับการทำงานในอู่ของไอ้ชั่วเค”

“ว่าแต่พี่ไม่ไปกับเขาหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันไม่มีวันทิ้งอาจารย์ไปไหนเด็ดขาด!” โบเดนกัดฟันตอบ

ทันใดนั้นโทรศัพท์รุ่นเก่าในกระเป๋าของโบเดนก็มีเสียงดังขึ้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและพูดว่า

“ฉันขอไปรับสายก่อนนะ”

โบเดนเลือกไปคุยโทรศัพท์ตรงบริเวณมุมด้านหนึ่งของเวิร์กช็อป แต่ในคราวนี้เซี่ยเฟยไม่สามารถระงับความสงสัยของเขาได้อีกต่อไป เขาจึงใช้วิชาพลางจิตพร้อมกับแอบตามไปเงียบ ๆ

เสียงจากอีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเสียงของผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นเสียงภรรยาของโบเดน แต่ในตอนนี้เธอกำลังส่งเสียงร้องไห้ตีโพยตีพายพร้อมกับตะโกนใส่โบเดนจากอีกด้านของโทรศัพท์

โบเดนยืนฟังภรรยาด่าอย่างนิ่งเงียบราวกับท่อนไม้และเขาก็ยังเลือกที่จะไม่พูดอะไรตอบกลับไปแม้คำเดียว

เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าพี่ชายหัวทึบของเขาคนนี้กำลังแบกรับแรงกดดันอะไรอยู่ แต่คำพูดถัดไปของโบเดนก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก

“พวกเราเลิกกันเถอะ เธอไปเอาเอกสารหย่าแล้วมาให้ฉันเซ็นที่อู่ได้เลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะไม่มีวันทิ้งอาจารย์เด็ดขาด” โบเดนกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

หลังจากกล่าวจบโบเดนก็วางสายก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างดึงผมตัวเองและส่งเสียงครางออกมาอย่างเจ็บปวด

เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นาน นายช่างผิวดำก็ลุกยืนขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเดินกลับเข้าไปในเวิร์กช็อปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

จากสถานการณ์ในปัจจุบันมันเห็นได้ชัดเลยว่าเฒ่าเคคงจะใช้วิธีการอะไรบางอย่างกดดันช่างภายในอู่ของพอตเตอร์เพื่อให้เขาได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ถึงแม้ว่าช่างภายในอู่จะไม่ได้พูดอะไรแต่พวกเขาก็คงจะอดทนอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด

เมื่อแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นช่างบางคนก็เลือกที่จะยอมแพ้และผู้ชายที่แข็งกระด้างราวกับก้อนหินอย่างโบเดนก็ยังถูกบังคับให้ต้องเลิกรากับภรรยา

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมันจึงทำให้อู่ที่เคยมีชีวิตชีวาหลงเหลืออยู่เพียงแค่พอตเตอร์, โบเดน, พ่อครัวที่ชื่อซ่งซาน, ลีน่าผู้ซึ่งมีหน้าที่ออกแบบโมเดล 3 มิติและเซี่ยเฟยเท่านั้น

นอกเหนือจากมนุษย์ทั้งสี่คนนี้ก็ยังมีสุนัขเฒ่าผู้มีชื่อว่า ‘ชิงชิง’ คอยเฝ้าประตู แต่สุนัขตัวนี้แก่เกินกว่าจะเดินได้และขนส่วนใหญ่บนร่างกายของมันก็หลุดร่วงออกมาจนเกือบหมดแล้ว

ตลอดทั้งวันมันจะลากสังขารออกไปนอนรับแสงแดดแต่ไม่คิดที่จะกินหรือดื่มอะไรเข้าไปเลย ทุกคนจึงรู้อยู่แล้วว่ามันคงจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในไม่ช้า

เซี่ยเฟยยืนพิงยานอวกาศพร้อมกับสูบบุหรี่เข้าไปหลายม้วนและคิดพิจารณาสถานการณ์นี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็โยนก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วใช้เท้ากระทืบบุหรี่พร้อมกับกดปุ่มสื่อสารบนไมโครคอมพิวเตอร์รูปนาฬิกา

“ซันนี่! ช่วยอะไรฉันหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

***************

เอาแล้ว!! พี่เฟยจะเคลื่อนไหวแล้ว!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด