ตอนที่ 48 : เปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า
"ฉันก็คิดว่าธุรกิจนี้น่าจะไปได้ดีมาก" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในความเป็นจริงเธอมั่นใจในร้านอาหารที่เธอเปิดมาก แววตาของเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เมื่อเธอนึกถึงฉากในอนาคตที่ร้านอาหารบาร์บีคิวแห่งนี้กำลังเป็นที่นิยม
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหลาน ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ร้านบาร์บีคิวของเธอจะเปิดเมื่อไร"
"วันที่สิบห้าของเดือนนี้"
เซียวหลานกล่าวต่อ "เมื่อถึงตอนนั้น นายต้องมาที่นี่ด้วยนะบอสฉิน"
"ฉันจะมาแน่นอน" ฉินหยุนพยักหน้า
หลังจากแยกกับเซียวหลานและเดินไปตามถนนแล้ว ฉินหยุนก็นึกถึงความคิดหนึ่งที่เพิ่งแวบขึ้นมา
"เมื่อกี้เซียวหลานบอกว่าร้านนี้เป็นของครอบครัวของเธอเอง และวัตถุดิบสำหรับทำบาร์บีคิวก็นำมาจากครอบครัวของเธอโดยตรง โดยพื้นฐานแล้วเท่ากับว่ามันไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันสามารถลองทำได้เหมือนกัน"
ฉินหยุนคิดกับตัวเอง "แม้ว่าฉันจะไม่สามารถซื้อร้านเพื่อประหยัดค่าเช่าได้ แต่ฉันสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้ามาขายได้"
ในเขตชิงอู๋ แม้แต่ร้านค้าขนาดแค่ 40 ตารางเมตรก็ยังมีราคาหลายแสนหยวน ระดับของเขาในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงินเก็บทั้งหมดไปซื้อที่เพื่อเปิดร้านๆหนึ่ง ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย
อย่างไรก็ตามเขาสามารถเริ่มต้นจากเสื้อผ้าได้
"เสื้อผ้าทั้งหมดที่ขายในร้าน เราได้มาจากตลาดค้าส่ง และเสื้อผ้าราคาขายส่งในตลาดค้าส่งก็ถูกนำมาจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า"
ฉินหยุนไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน ท้ายที่สุด ร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วยินดีที่จะไปที่ตลาดค้าส่งเพื่อหาเสื้อผ้ามาขายโดยตรงมากกว่า
ตลาดค้าส่งมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ในขณะที่เสื้อผ้าในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นมีไม่กี่แบบและคุณภาพก็ไม่สม่ำเสมอเช่นกัน ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการคัดเลือกเสื้อผ้าเหล่านั้น
อันที่จริง ราคาของเสื้อผ้าที่ขายในร้านของเขา 200 หยวนนั้น ราคาส่งของมันคือ 100 หยวน แต่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เสื้อผ้าเหล่านั้นอาจมีราคาเพียงไม่กี่สิบหยวนหรือสิบกว่าหยวนเท่านั้น
นั่นคือราคาต้นทุนของมัน
"ฉันมีค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องกังวลว่าเสื้อผ้าจะขายไม่ได้ และระบบรวบรวมโชคลาภสามารถสร้างค่ายกลรวบรวมโชคลาภได้ทุกเดือน หรือก็คือ 12 จุดในหนึ่งปี และมันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ที่เขตชิงอู๋ฉันจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าแค่ 2 ร้าน ส่วนที่เหลือสามารถเลือกเปิดในที่อื่นได้"
ฉินหยุนคิดกับตัวเอง
ไม่เพียงแค่นั้น แต่หลังจากนี้อีกสองเดือน เขาก็จะสามารถเปิดค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองได้ ซึ่งไม่ต้องคำนวนก็สามารถรู้ได้ว่าในหนึ่งวันเขาจะขายเสื้อผ้าได้มากมายแน่นอน
"ในเมื่อมีร้านเสื้อผ้าจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงมีความต้องการเสื้อผ้าเป็นจำนวนมากเช่นกัน ถ้าฉันเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตเสื้อผ้าเอง ฉันก็จะขายสินค้าจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของฉันได้โดยตรง ซึ่งมันจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแน่นอน"
ในเวลานี้ แววตาของฉินหยุนเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ การเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอาจใช้เงินเป็นจำนวนมากในตอนเริ่มต้น แต่ในภายหลัง เมื่อเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากขึ้น ผลประโยชน์ของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
เช่นเดียวกับตอนนี้ ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนของเขามียอดขายต่อเดือนมากกว่า 400,000 หยวน แต่กำไรสุทธิที่แท้จริงมีเพียงแสนกว่าหยวนเท่านั้น
ในจำนวนนั้น หลายหมื่นหยวนหมดไปกับเงินเดือนของพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ และอีกหลายแสนหยวนหมดไปกับค่าเสื้อผ้าที่รับมาขาย ซึ่งมากกว่าครึ่งเลยก็ว่าได้
หากคุณเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณเอง ราคาทุนเสื้อผ้าหลายแสนหยวน อาจมีราคาเพียงหลักหมื่นหยวนเท่านั้น และคุณสามารถประหยัดเงินได้มากกว่าแสนหยวนในคราวเดียว!
และถ้าหากมีร้านเสื้อผ้าสิบแห่ง ก็ยิ่งสามารถประหยัดเงินได้หนึ่งล้านหยวนต่อเดือน!
นี่คือการประหยัดต้นทุนที่แท้จริง!
"เมื่อผลกำไรเพิ่มขึ้น ระบบรวบรวมโชคลาภก็จะอัปเกรดได้เร็วขึ้นด้วย" ฉินหยุนตั้งตารอคอย
นอกจากค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองที่จะได้จากระบบแล้ว น่าจะยังมีค่ายกลรวบรวมโชคระดับที่สามหลังจากนั้นอีก และข้อกำหนดสำหรับยอดคงเหลือที่ต้องใช้ในการเปิด คงจะสูงมากกว่านี้แน่นอน
ทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้เสร็จ ฉินหยุนก็ไปคุยกับฉินซวนพี่สาวคนโตและพ่อกับแม่ของเขา
"เสี่ยวหยุน แกบอกว่าอยากจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอย่างนั้นเหรอ?" ฉินซวนรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินฉินหยุนเอ่ยถึงความคิดของเขา
"เสี่ยวหยุน ตอนนี้ข้างนอกมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่มากมาย ในโรงงานเหล่านั้นยังมีเสื้อผ้ามากมายกองอยู่ข้างใน พ่อว่ามันเสี่ยงเกินไป ดูอย่างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ป้าของลูกทำงานสิ มันเพิ่งปิดตัวลงได้ไม่นานนี้เอง" ฉินกั๋วตงคิดสักพักแล้วกล่าวออกมา
การเปิดร้านขายเสื้อผ้านั้นง่ายมาก จริงๆแล้วก็คือการรับเสื้อผ้าราคาทุนมาจากร้านค้าส่งต่างๆ และให้พนักงานในร้านขายให้
อย่างไรก็ตาม การเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นเป็นคนละเรื่อง มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องใช้พนักงานตำแหน่งต่างๆมากมาย เช่น ดีไซเนอร์ ช่างแพทเทิร์น พนักงานQC พนักงานฝ่ายขาย ช่างตัดเย็บ และอื่นๆอีก ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เวลาในการสรรหาและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาแรงงานฝีมือดีสักคน
สิ่งเหล่านี้ยังไม่ถือว่ายากเท่าไร แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการผลิตเสื้อผ้าออกมาและการขายออกไป รูปแบบธุรกิจเช่นนี้แตกต่างจากร้านค้าบนท้องถนนอย่างสิ้นเชิง
จ้าวเหมยก็อยู่ใกล้ๆเช่นกัน โดยเธอรู้สึกเห็นด้วยกับฉินกั๋วตง
“พ่อ แม่ พี่ใหญ่ ที่ผมจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้น ไม่ใช่ว่าจะผลิตเสื้อผ้าขายให้คนอื่น แต่เพื่อจัดหาสินค้าให้ร้านขายเสื้อผ้าที่เราเปิดขึ้นเอง ตามแผนของผม ในอนาคตเราจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้น ถ้าเรายังคงรับเสื้อผ้าจากร้านค้าส่งเหล่านั้นมาขายต่อไป ต้นทุนที่เราใช้ก็จะสูงมากขึ้นด้วย แต่เราจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย ถ้าเราเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของเราเอง” ฉินหยุนมองไปที่ครอบครัวของเขาพลางอธิบายให้ฟัง
เมื่อฉินกั๋วตง จ้าวเหมยและฉินซวนได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนพูด แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
แม้ว่าทุกครั้งสิ่งที่ฉินหยุนทำ จะคาดเดาไม่ได้สักเท่าไร แต่ข้อเท็จจริงก็แสดงให้เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องเสมอ
พวกเขาเพียงแค่ต้องทำตามความคิดของฉินหยุนเท่านั้น
ในเวลาเพียงสองเดือน สถานะของฉินหยุนในใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัยและเมื่อฉินหยุนได้ตัดสินใจอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธมัน
"เสี่ยวหยุน แกจะเปิดใหญ่แค่ไหน?" หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินซวนพี่สาวคนโตก็ถามขึ้น
ฉินหยุนคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
“เอาสัก 20 คนก่อน”
“20 คนเหรอ เยอะไปไหมลูก?” จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะถาม
ตอนนี้พวกเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพียงสองร้าน ขนาดพื้นที่คือ 40 ตารางเมตร เสื้อผ้าที่ผลิตโดยคน 20 คนต่อเดือนนั้นเกินความต้องการของร้านเสื้อผ้าทั้งสองแห่งอย่างแน่นอน
"แม่ไม่ต้องกังวลไปครับ หลังจากผลิตเสื้อผ้าแล้ว เดี๋ยวเราก็ค่อยๆขายมันได้" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขามีค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง อันที่จริง แม้ว่าเสื้อผ้าที่ผลิตออกมาให้ร้านค้าทั้ง 2 แห่งจะขายไม่หมดก็ไม่เป็นไร เขาไม่กังวลกับมันเลย
ถ้าไม่ได้จริงๆ เขาก็จะใช้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งคลอบคลุมโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าทั้งหมดแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องมีพ่อค้าร้านส่งหรือร้านขายเสื้อผ้าส่งคำสั่งซื้อมาอย่างแน่นอน
"พี่ใหญ่ รีบจัดทำข้อมูลรับสมัครเลย เราจะรับสมัครดีไซน์เนอร์ ช่างแพทเทิร์น ฯลฯ"
ฉินหยุนกล่าวต่อ "ถ้าหาไม่ได้จริงๆ พี่ลองไปถามดูที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ปิดไปแล้วก็ได้"
"โอเค เดี๋ยวพี่จะจัดการให้ทันที" ฉินซวนก็พยักหน้า
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "หาโรงงานที่ขนาดใหญ่หน่อยนะครับ อย่างน้อยสัก 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป"
"มากกว่า 2,000 ตารางเมตร?" ฉินซวนตกตะลึงอีกครั้ง
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพนักงานแค่ 20 คนในอาคารโรงงานขนาดใหญ่ ดังนั้นในอนาคตฉินหยุนยังต้องการรับสมัครคนเพิ่มด้วย
เธอมองไปที่ฉินหยุน และดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานในใจของเขา
แต่เธอไม่ได้ถามอะไรต่อเพียงแค่ตอบตกลง
"อย่างสุดท้าย ผมจะไปสัมภาษณ์ดีไซน์เนอร์ที่รับสมัครเข้ามาเอง"
…
โจวซินหยา และถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 พวกเธอเรียนเอกสาขาวิชาการออกแบบแฟชั่นในวิทยาลัยวิชาชีพ ทางวิทยาลัยไม่มีการจัดหางานให้ พวกเธอจึงต้องหางานด้วยตัวเองเมื่อตอนที่ทั้งคู่ใกล้จะเรียนจบ
"ซินหยา เธอหางานได้หรือยัง?" ถังเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยถาม
ถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก เธอมีรูปร่างเล็กและใบหน้าเด็กที่ทำให้ผู้คนอยากจะหยิกเธอด้วยความเอ็นดู เสียงของเธอนุ่มนวลและคล้ายขี้ผึ้ง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกต้องการอยากจะปกป้องเธอ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอก็พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฉันยังไม่เจอที่ที่ดีเลย ฉันดูมาสองสามที่แล้ว ค่าจ้างที่พวกเขาให้นั้นต่ำเกินไป"
คนที่พูดคือหญิงสาวอีกคนในชุดธรรมดา ถึงเธอจะไม่สวยมาก แต่เธอก็สวยในแบบที่ทำให้ทุกคนมองเธอด้วยความสบายใจ
"เฮ้อ.. ทำไมเราถึงเรียนวิชาเอกแบบนี้ในวิทยาลัยของเรากันนะ คนในชั้นเรียนก็ยังบ่นว่าได้เงินเดือนน้อยกันทุกคนเลย" ถังเซี่ยวเซี่ยวถอนหายใจ
(จบตอน)