ตอนที่ 47 : เซียวหลานเปิดร้านบาร์บีคิว
"โถ่พ่อ ตอนนี้พ่ออายุแค่สี่สิบเอง" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าพ่อมีรถ ไม่ว่าพ่อกับแม่จะไปที่ไหนมันก็สะดวกกว่าเยอะเลย พ่อไปเรียนเถอะ"
หลังจากเอ่ยอีกไม่กี่คำ ฉินกั๋วตงก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ก็ได้ พ่อจะไปเรียนขับรถ"
มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบรถบ้าง? อันที่จริงในใจของเขานึกอิจฉาคนอื่นที่มีรถให้ขับอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยพูดมันออกมา
หลังจากงานเลี้ยงสังสรรค์ในครอบครัวจบลง ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ทั้งครอบครัวของฉินหยุนก็พากันกลับไปที่เขตชิงอู๋
...
วันต่อมา ฉินหยุนโทรติดต่อเซียวหลานและชวนเธอไปทานอาหารเย็น
ที่ถนนย่านการค้า ฉินหยุนเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าของเขา
“บอสคะ”
เมื่อเห็นฉินหยุนกำลังเข้ามาในร้าน พนักงานที่กำลังยุ่งวุ่นวายก็เอ่ยทักทาย
พวกเธอรู้อยู่แล้วว่าฉินหยุนเป็นเจ้าของตัวจริงของร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้ แม้ว่าทำงานที่นี่จะค่อนข้างเหนื่อย ยุ่งอยู่ตลอดทั้งวันตั้งแต่ตอนเข้างานไปจนถึงตอนเลิกงาน แต่เงินเดือนที่ฉินหยุนให้ก็ถือว่าดีมาก
เงินเดือน 5,000 หยวนก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเธอรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว
หลังจากเดินดูในร้านสักพัก ฉินหยุนก็มองออกไปข้างนอกร้านและเดินออกไป
ที่ถนนย่านการค้า เซียวหลานเดินเข้ามา เธอสวมชุดสีขาว มัดผมทรงหางม้า ผิวของเธอขาวใส ดูไร้ที่ติเมื่อเธอยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องลงมา
"บอสฉิน ธุรกิจไปได้ดีนี่นา" เซียวหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ในเวลานี้ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมากินข้าวกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
ฉินหยุนไม่ได้พูดถึงธุรกิจของเขา แต่ยิ้มและเอ่ยว่า "เซียวหลาน มีสตรีทฟู้ดแถว RT-Mart เราไปหาอะไรกินที่นั่นกันเถอะ"
ก่อนหน้านี้พวกเขานัดกันไว้ก่อนแล้ว
เซียวหลานพยักหน้าและไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อมาถึงทั้งสองคนก็เริ่มสั่งปลาย่าง
"ฉินหยุน จดหมายตอบรับของนายมาถึงแล้วใช่ไหม นายเลือกเอกคณะอะไรหรอ?"
"บริหารธุรกิจ" ฉินหยุนตอบตรงๆ "เธอล่ะ เลือกเอกคณะอะไร?"
"ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันแล้ว" เซียวหลานกล่าวต่อ "ฉันเลือกคณะบริหารการเงิน"
พวกเขาทั้งสองคนเลือกมหาลัยเจียงหยวนเหมือนกัน เพียงแต่คนละคณะ
"ดูเหมือนว่าที่บอสฉินเลือกสาขาวิชานี้ เพราะในอนาคตเขาวางแผนที่จะเปิดบริษัทขนาดใหญ่แน่นอน" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้ธุรกิจของฉินหยุนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเขาได้เปิดร้านขายรองเท้าเพิ่มอีกแห่งแล้ว และธุรกิจก็ยังคงเฟื่องฟู
ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่นักเรียนมัธยมปลายปีสามอย่างพวกเขาโดยพื้นฐานแล้วจะใช้ชีวิตด้วยความสนุกสนาน ผ่อนคลายอย่างสบายใจที่สุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆเลย แต่ฉินหยุนกลับกำลังทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็โบกมือและพูดว่า "ตอนนี้คงได้แค่คิดเล่นๆ"
ทั้งสองกำลังคุยกัน แต่เซียวหลานลังเลอยู่สองสามครั้ง ดูเหมือนว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินหยุนก็เอ่ยถามอย่างสงสัย "เซียวหลาน เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันไหม"
เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน เซียวหลานก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล และพูดว่า "ฉันเพิ่งเปิดร้านของตัวเอง ฉันยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ฉินหยุน นายช่วยไปดูให้ฉันหน่อยได้ไหม"
ฉินหยุนเปิดร้านค้าสามแห่งติดต่อกัน และทำเงินได้มากมาย ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่อยากจะลองดูบ้าง
เหตุมันเกิดจากการที่เธอว่างจนไม่มีอะไรให้ทำในวันหยุดฤดูร้อนนี้ และเธอก็เบื่อที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ดังนั้นจู่ๆเธอก็เกิดความคิดนี้ขึ้นมา
ตอนนี้เธออยากจะขอเรียนรู้จากฉินหยุน
ในความเห็นของเธอ ร้านค้าทั้งหมดที่เปิดโดยฉินหยุนนั้นขายดีมากทุกร้าน ดังนั้นเขาน่าจะมีเคล็ดลับพิเศษ
"เปิดร้านของตัวเอง?" ฉินหยุนผงะ
เขาชำเลืองมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเซียวหลานเลย แต่เนื่องจากเธอสามารถเปิดร้านเองได้ ภูมิหลังครอบครัวของเธอจึงไม่น่าจะเลวร้ายนัก
ถ้าเขาไม่ถูกลอตเตอรี่ และได้รับเงินเป็นแสนหยวนในคราวเดียว ร้านขายเสื้อผ้าของเขาก็คงจะไม่สามารถเปิดขึ้นได้เลย
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ฉินหยุนยิ้มและเอ่ยว่า "แน่นอน เธอเปิดร้านขายอะไรล่ะ"
"ถ้านายได้เห็นเดี๋ยวก็จะรู้เอง" เซียวหลานกล่าวพลางกระพริบตา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ทำอะไรไม่ถูก ส่วนเซียวหลานก็ยังคงแสร้งทำเป็นลึกลับต่อไป
...
"นี่คือร้านที่เธอเปิด?"
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ในขณะนี้ ฉินหยุนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มองไปที่ผู้คนที่กำลังพลุกพล่านอยู่ภายในร้านที่อยู่ข้างหน้าเขา
ขนาดของร้านนี้ที่คำนวนคร่าวๆคือ มากกว่า 130 ตารางเมตร มีโต๊ะตั้งอยู่ในร้านมากกว่า 10 โต๊ะ ซึ่งเป็นของใหม่ทั้งหมด
ทีแรกเขาคิดว่าเซียวหลานอาจจะเช่าร้านพื้นที่เล็กๆ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้
ค่าเช่าร้านขนาด 40 ตารางเมตรที่ฉินหยุนเช่าอยู่คือ 4,000 หยวนต่อเดือน และค่าเช่าร้านขนาด 130 ตารางเมตรจะต้องแพงมากกว่านั้นแน่นอน!
และนี่คือร้านบาร์บีคิว ดูจากขนาดแล้วเห็นได้ชัดว่ามันไม่เล็กเลย
ร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุน แม้ว่าจะเป็นร้านขนาดเล็ก แต่ปัจจุบันฉินหยุนมีพนักงานในร้านมากกว่าสิบคน แค่จ่ายเงินเดือนต่อเดือนอย่างเดียวก็ตีไปหลายหมื่นหยวนแล้ว บวกกับราคาทุนเสื้อผ้าอีก ฯลฯ สามารถจินตนาการถึงรายจ่ายต่อเดือนของเขาได้เลย
และร้านอาหารบาร์บีคิวที่มีพื้นที่ร้อยกว่าตารางเมตรนี้ต้องใช้คนมากกว่าร้านขายเสื้อผ้าแน่นอน
มีตั้งแต่ จำนวนเชฟในการทำบาร์บีคิว คนที่คอยย่างบาร์บีคิว พนักงานเสิร์ฟ บริกร พนักงานล้างจาน ไม้เสียบบาร์บีคิว ตะแกรงย่าง เตาย่าง ฯลฯ สามารถจินตนาการได้เลย
นอกจากนี้ การเตรียมบาร์บีคิวยังซับซ้อนมากกว่าอย่างอื่นอีกด้วย ฉินหยุนคำนวณค่าใช้จ่ายของร้านบาร์บีคิวตรงหน้าเขาอย่างคร่าวๆ และคาดว่าหากเขาต้องการเปิดร้านแบบเดียวกัน เขาต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 300,000 หยวน หรืออาจจะมากกว่านั้น
"เป็นไงบ้างฉินหยุน ร้านนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?" เซียวหลานถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินหยุนมองไปที่เซียวหลานพลางถอนหายใจ "ฉันไม่นึกเลยว่าในห้องเรียนของเราจะมีเศรษฐีนีน้อยอยู่ด้วย"
ก่อนหน้านี้เซียวหลานเคยพูดไว้ว่า ร้านนี้เพิ่งเริ่มเปิดทดลองเท่านั้น แต่ดูสิ แค่เปิดทดลองก็ใช้เงินไปสามหรือสี่แสนหยวนแล้ว เดาได้ไม่ยากเลยว่าพื้นหลังครอบครัวของเธอจะเป็นยังไง
เขาเปิดร้านไปสามแห่งแล้ว แต่พื้นที่ทั้งหมดรวมกันยังมีขนาดเล็กกว่าร้านเดียวของเซียวหลานซะอีก
เมื่อนึกถึงตอนที่ซุนเจี้ยนเฉียงเคยโอ้อวดความร่ำรวยของเขาในตอนที่เรียนอยู่ อันที่จริง ครอบครัวของซุนเจี้ยนเฉียงมีแค่เพียงซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าไม่กี่แห่ง การพูดถึงสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าเซียวหลานอาจไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
“เศรษฐีนีน้อยตัวจริง!”
เซียวหลานไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรกับชื่อที่ฉินหยุนใช้เรียกเธอ เธอกล่าวว่า "อย่าคิดว่าฉันใช้เงินไปเยอะในการเปิดร้านๆนี้ อันที่จริง ร้านนี้เป็นของครอบครัวฉัน และไม่มีค่าเช่า แถมครอบครัวของฉันก็ทำธุรกิจอาหารสดและอาหารทะเลด้วย ดังนั้นฉันจึงสามารถรับสินค้ามาได้เลย ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อ ส่วนใหญ่จะไปจ่ายให้กับพนักงานในร้านมากกว่า"
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอจึงสามารถเปิดร้านได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่รับสมัครพนักงานครบทุกคน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของฉินหยุนก็อดกระตุกไม่ได้ เขาถึงกับเหม่อไปชั่วขณะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รีบฟื้นคืนทันที
"บอสฉิน โปรดช่วยฉันดูหน่อยนะว่ามีอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง ต่อไปเมื่อนายมาที่นี่ ฉันจะให้นายกินบาร์บีคิวฟรีทุกมื้อเลย" เซียวหลานเอามือไพล่หลัง ผมหางม้าของเธอแกว่งไปมาเล็กน้อย เธอมองไปที่ฉินหยุนและกล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับฉินหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอมักจะรู้สึกว่าฉินหยุนดูเหมือนจะมีความลับบางอย่าง และเธอก็อดไม่ได้ที่อยากจะเข้าไปสำรวจมัน
หลังจากมองดูแล้ว ฉินหยุนก็ส่ายหัวและกล่าวว่า "การจัดร้านค่อนข้างดูดี ตราบใดที่รสชาติดี ธุรกิจก็ไม่น่าจะแย่เกินไป"
ล้อเล่นหรือเปล่า? เขามีประสบการณ์อะไรบ้างในการเปิดร้านค้า? ก่อนหน้านี้ เหวินหยา ป้าของเซียวหลานก็ยังรู้สึกว่าเสื้อผ้าในร้านของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิงอยู่เลย แต่ฉินหยุนอาศัยค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งจึงไม่ขาดแคลนลูกค้า ดังนั้นสิ่งที่เขาเน้นคือทัศนคติการบริการของพนักงานในร้าน และการปฏิบัติต่อลูกค้าให้ดี
ถ้าคุณประพฤติดี คุณก็อยู่ต่อ แต่ถ้าประพฤติไม่ดี คุณก็จะถูกไล่ออกทันที พนักงานในร้านก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปแล้วถึงสองคน
(จบตอน)