ตอนที่แล้วตอนที่ 44 : ยอมรับชะตากรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 46 : ป้าฉินตงเหมย

ตอนที่ 45 : ฉลอง


***ขอแก้ไขชื่อ จาก เฟิงหลาน(น้าสะใภ้ของฉินหยุน) เป็น เฝิงหลาน แล้วก็คำว่า เขตชิงหวู่ เป็น เขตชิงอู๋***

——————————————

"5,100?" ซุนถิงถิงตกตะลึง ฐานเงินเดือนของจางชิงรวมทั้งโบนัสด้วยอยู่ที่ 5,000 หยวน

และเดือนที่แล้วจางชิงก็ทำงานเต็มทุกวัน จึงได้เกินกว่านั้นด้วยซ้ำ!

"เสี่ยวถิง พรุ่งนี้เธอหยุดงานหรือเปล่า พรุ่งนี้ฉันหยุดพักผ่อน เราไปช้อปปิ้งกันเถอะ" จางชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อมองไปที่จางชิงผู้ไร้ความกังวล ซุนถิงถิงก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกอิจฉาหรืออะไรกันแน่

เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจอยู่ทุกวัน เงินเดือนที่ได้รับก็เพียงแค่ 5,000 หยวน และตอนนี้จางชิงก็ถือว่ามาถึงระดับเธอแล้ว

ซุนถิงถิงมีความต้องการที่จะลาออกอีกครั้ง แต่เธอก็รีบระงับความคิดดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

จางชิงไม่รู้ว่าซุนถิงถิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดต่อ "เสี่ยวถิง ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าอยากซื้อรองเท้าสักคู่ใช่ไหม เดี๋ยวฉันพาเธอไปดูที่ร้านขายรองเท้าของเราเอง"

"ร้านขายรองเท้า?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนถิงถิงถามด้วยความสับสน "ไม่ใช่ว่าร้านเธอขายเสื้อผ้าหรอกเหรอ?"

ก่อนหน้านี้เธอรู้มาว่ามีร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพียงสองร้านเท่านั้น

"เพิ่งเปิดใหม่" จางชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ร้านขายรองเท้าเพิ่งเปิดเมื่อ 2 วันก่อน อยู่ติดกับร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาถนนย่านการค้าที่เราไปครั้งก่อนเลย ธุรกิจก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน"

ซุนถิงถิงเงียบ เธอไม่เคยติดต่อกับร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุน แต่เธอรู้เรื่องเหล่านี้จากจางชิง

ในเวลาเพียงแค่สองเดือน ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองแห่งก็เปิดขึ้น และตอนนี้ก็ยังมีร้านรองเท้าเปิดเพิ่มมาอีก ในพริบตาก็เป็นเจ้าของร้านค้าถึงสามร้าน ความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้นั้นน่าทึ่งมาก

...

ในเดือนกรกฎาคม บนท้องฟ้าไม่มีเมฆ แสงแดดที่ร้อนระอุก็ดูเหมือนพร้อมจะคร่าชีวิตผู้คนให้เหือดแห้ง บนถนนคอนกรีต หากคุณทำไข่สดหล่นแตก คุณสามารถหยิบไข่ดาวขึ้นมากินได้ภายในไม่กี่วินาทีเลย

ในเวลานี้ ครอบครัวของฉินหยุนกำลังมีความสุขมาก เพราะประกาศรับสมัครจากมหาลัยเจียงหยวนมาถึงแล้ว!

หลังจากได้รับจดหมายแจ้ง ฉินหยุนและคนอื่นๆก็กลับไปที่บ้านเกิดของพวกเขา

"จ้าวเหมย ฉันได้ยินมาว่าเธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าในเขตและธุรกิจกำลังเฟื่องฟูเลย ทำไมเธอถึงมีเวลาว่างกลับมาเหรอ?" เมื่อเห็นจ้าวเหมยและคนอื่นๆ ชาวบ้านก็ยิ้มพลางถามไถ่

เขตชิงอู๋ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่ เมื่อตอนที่ผู้คนจากหมู่บ้านฉินเจียต้องการจะซื้อของ พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่ถนนย่านการค้า และหลังจากผ่านมามากกว่าสองเดือน ในที่สุดก็มีคนเห็นจ้าวเหมย

“เสี่ยวหยุนสอบเข้ามหาลัยผ่านแล้ว เราเลยจะกลับบ้านไปฉลองที่บ้านกัน” จ้าวเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ สอบผ่านแล้วเหรอ มหาลัยไหนล่ะ?” ชาวบ้านถามด้วยความสงสัย

ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ มีกิจกรรมให้ทำไม่มาก และสิ่งเล็กๆ น้อยๆนี้สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้

“มหาลัยเจียงหยวน” จ้าวเหมยกล่าวกับพวกเขาด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม

"มหาลัยเจียงหยวนงั้นเหรอ? เป็นมหาลัยระดับไหนกัน?" ผู้สูงวัยหลายคนในหมู่บ้านมีความรู้ที่จำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงถามเรื่องนี้กับคนหนุ่มสาว เพราะพวกเขาสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยเจียงหยวนได้จากโทรศัพท์มือถือ

"โอ้..นั่นคือมหาลัยระดับ 211 แห่ง ลูกชายของเธอสอบได้ดีมาก" ชาวบ้านอุทาน

หมู่บ้านของพวกเขาเป็นสถานที่เล็กๆที่มีประชากรน้อยนิด แต่กลับมีคนที่สามารถสอบเข้ามหาลัยระดับ 211 ได้

"เสี่ยวหยุนมีความสามารถจริงๆ"

"เด็กคนนี้เรียนเก่งมาตลอด เขาเคยได้ที่หนึ่งตอนอยู่โรงเรียนประถมฉินคุนของเรา แถมคะแนนของเขายังอยู่ในอันดับต้นๆของโรงเรียนเมื่อตอนที่เขาอยู่ชั้นมอต้นด้วย"

ในสายตาของชาวบ้านมีทั้งความชื่นชมและความอิจฉาอยู่ชัดเจน ในมุมมองของพวกเขา การได้เข้าเรียนในมหาลัยที่ดีก็นับว่ามีโอกาสเริ่มต้นที่ดี

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวเหมยไม่เคยหุบลงเลยตั้งแต่เข้ามาในหมู่บ้าน และเธอยังกล่าวเสียงดังกับผู้หญิงในหมู่บ้านว่า ต่อให้เธอเปิดร้านได้สิบแห่ง ก็ยังไม่ดีเท่ากับการที่ลูกชายของเธอสอบเข้ามหาลัยดีๆแบบนี้ได้เลย

ข้างๆเธอ ฉินกั๋วตงก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเช่นกัน เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนเหล่านั้นยิ้มให้ พูดคุยกันไม่กี่คำ เขาก็ส่งบุหรี่ให้ตลอดระหว่างทาง

เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ชาวบ้านก็ยังคงพูดถึงเรื่องนี้อยู่

“ตอนนี้ครอบครัวของกั๋วตงกำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้วจริงๆ แถมลูกชายของเขาก็สอบเข้ามหาลัยดีๆแบบนี้ได้อีก”

"ได้ยินมาว่าร้านที่เปิดโดยครอบครัวของเขาบนถนนย่านการค้าเป็นที่นิยมมาก ฉันได้ยินมาจากป้าจินหลันว่าเธออยู่ในร้านนานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ลูกค้าในร้านก็ไม่ลดลงเลย พวกเขาเข้ามาซื้อเสื้อผ้ากันตลอด"

"ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าครอบครัวของกั๋วตงจะมีรายได้หลายหมื่นหยวนต่อเดือนหรอกเหรอ?!"

ในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ ครอบครัวของฉินกั๋วตงนั้นยากจนมาก ขณะอยู่บนถนนเขาก็ยังต้องเดินก้มหน้า ใบหน้าของเขาเหี่ยวย่นและซีดเซียว แถมคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลา

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของฉินกั๋วตงและจ้าวเหมย พวกเขายังเป็นเช่นนั้นเหมือนเมื่อก่อนอยู่เหรอ?

...

เมื่อฉินหยุนกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ของเขาก็กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวัน ฉินหยุนต้องการช่วย แต่ก็ถูกไล่ออกมา

หลังจากนั้นไม่นานมีเสียงดังมาจากนอกบ้าน และฉินหยุนก็รู้ว่านั่นคือน้าสะใภ้เฝิงหลานเมื่อฟังจากเสียงของเธอ

แน่นอน คำพูดต่อจากนั้นก็ยืนยันการคาดเดาของฉินหยุนได้

"พี่รอง พี่สะใภ้รอง วันนี้มีอาหารหลายอย่างที่ต้องทำตอนเที่ยง เดี๋ยว ฉันช่วยพวกคุณเอง" เฝิงหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไม่ใช่แค่เฝิงหลานเท่านั้นที่มา แต่ยังรวมถึงลุงสามของฉินหยุน ฉินกั๋วปิน ลูกพี่ลูกน้องฉินเฝิงอวี่ และลูกพี่ลูกน้องฉินเสี่ยวฉีต่างก็มาด้วยเช่นกัน

ฉินเฝิงอวี่แก่กว่าฉินหยุนสองปี ปัจจุบันเขากำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยในหางโจว

"โอ้ เสี่ยวหยุน หลานสอบเข้ามหาลัยเจียงหยวนได้ ในตระกูลฉินของเรา หลานทำได้ดีที่สุดเลยรู้ไหม" เมื่อเห็นฉินหยุน เฝิงหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

ในเดือนมิถุนายน เธอได้รับเงินเดือนทั้งหมด 6,200 หยวน ซึ่งสูงกว่าค่าจ้างในโรงงานมากกว่า 2,000 หยวนเลยทีเดียว

"เสี่ยวอวี่ ลูกต้องเรียนรู้จากน้องชายของลูกบ้าง เขาไม่เพียงมีผลการเรียนที่ดีเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถอีกด้วย" เฝิงหลานพูดกับลูกชายของเธออีกครั้ง

เธอก็จะพอใจอย่างยิ่งถ้าลูกชายของเธอมีความสามารถสักครึ่งหนึ่งของฉินหยุน

หลังจากพูดจบเฝิงหลานก็ไปช่วยจ้าวเหมยทำอาหารต่อ ตอนนี้เองที่ฉินเฝิงอวี่มาที่ด้านข้างของฉินหยุนและถามอย่างสงสัย "เสี่ยวหยุน ทำไมจู่ๆนายถึงมีความสามารถมากขนาดนี้? ร้านขายเสื้อผ้าของนายทำเงินได้มากมายจริงเหรอ?”

เมื่อเทียบกับการเข้ามหาลัยดีๆ ได้ของฉินหยุน เขาสนใจการทำธุรกิจของฉินหยุนมากกว่า

เขารู้ว่าแม่ของเขาทำงานในร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดโดยครอบครัวของลุงรองของเขาด้วย

"แค่โชคดีน่ะ" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“พี่เสี่ยวอวี่ ผมได้ยินจากแม่ของผมว่า ตอนอยู่ที่มหาลัยพี่มีแฟนแล้วเหรอ?” เขาเปลี่ยนเรื่อง

"ฮ่าๆ.." เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน ฉินเฝิงอวี่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า "ก็พี่ชายของนายหล่อมาก พี่สะใภ้ของนายเลยไล่ตามจีบฉันเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนที่ฉันจะตกลงอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไร"

"จริงเหรอ?" เห็นได้ชัดว่าฉินหยุนไม่เชื่อ

แต่ยีนของตระกูลฉินนั้นดีจริงๆ โดยพื้นฐานแล้วผู้ชายจะสูงกว่า 1.8 เมตรและมีลักษณะใบหน้าที่ดี ส่วนผู้หญิงนั้นสูงประมาณ 1.65 เมตร และพวกเธอก็สวยทุกคน

"แหวะ!"

หลังจากฉินเฝิงอวี่พูดจบ ฉินเสี่ยวฉีที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของเธอก็จงใจแสร้งทำเป็นอาเจียน

"พี่ฉินหยุน อย่าฟังเรื่องไร้สาระของพี่ชายหนู เขานั่นแหละที่ไล่ตามจีบพี่สะใภ้" เธอพูดโดยไม่ลังเล

"เอาจริงดิ?" ฉินหยุนสบถออกมาทันที

ฉินเฝิงอวี่จ้องมองน้องสาวของเขาอย่างไม่พอใจ แต่ฉินเสี่ยวฉีไม่กลัวเขาเลยสักนิด พร้อมกับจ้องมองกลับมาที่เขา

ในตอนนี้เองก็มีบุคคลอื่นเข้ามาจากนอกบ้าน

เมื่อเห็นคนหลายคน ฉินหยุน ฉินเฝิงอวี่ และฉินเสี่ยวฉีก็รีบตะโกนทักทาย "ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่"

เป็นฉินกั๋วเหลียงและจางพ่านตี้นั่นเองที่มา และฉินเสี่ยวเทา ลูกพี่ลูกน้องของของฉินหยุนก็ตามหลังมาเช่นกัน

"เสี่ยวหยุน ดีมาก ครั้งนี้หลานได้เข้ามหาลัยที่ดี นับเป็นเกียรติกับตระกูลฉินของเรามาก" ลุงใหญ่ฉินกั๋วเหลียงตบไหล่ของฉินหยุนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด