ตอนที่แล้วตอนที่ 37 : ร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 : คะแนนสอบเข้ามหาลัย

ตอนที่ 38 : ยอดขายต่ำสุด


จากระยะไม่ไกลมาก ฉินซวนและคนอื่นๆก็เริ่มสังเกตเห็นสถานการณ์ในร้านของซุนหยาตงได้อย่างรวดเร็ว

"ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนแห่งนั้นไปทางเสื้อผ้าราคาแพงแบบจัดเต็มเลย" ฉินซวนกล่าวด้วยความประหลาดใจ

ถัดจากเธอ ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "พวกเขาอาจจะคิดว่า ถ้าขายเสื้อผ้าราคาแพงมากกว่า ลูกค้าน่าจะซื้อเยอะขึ้น"

เขาเอ่ยพลางยิ้ม และในตอนนี้เองมือขวาของเขาก็คลายออกเล็กน้อย ทันใดนั้นเส้นแสงแปลกๆจากร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนก็ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นก็หดกลับอย่างรวดเร็วลอยเข้ามาครอบคลุมร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนข้างๆเขาอย่างสมบูรณ์

‘ดูเหมือนว่าซุนหยาตงกับคนอื่นๆจะติดใจกันหมด’ ใบหน้าของฉินหยุนสงบนิ่ง ขณะที่เขาคิดกับตัวเอง

การทำการตลาดของร้านเสื้อผ้าแบบปกติ คือการดูว่าเสื้อผ้าประเภทไหนเหมาะสำหรับขายในร้านเสื้อผ้าของคุณ ในขณะที่เปิดร้านอยู่ก็สังเกตดูว่าแบบไหนขายดีจึงค่อยรับมาขายเพิ่มมากขึ้น

ตัวที่ขายยาก ก็จะค่อยๆเอาออกไป นี่คือแนวปฏิบัติของเจ้าของร้านเสื้อผ้าแทบทุกคน

ก่อนหน้านี้ฉินหยุนปล่อยให้รูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งแบบย่อย ไปคลุมทับเสื้อผ้าราคาแพงของร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน ทำให้ลูกค้าเหล่านั้นซื้อเฉพาะเสื้อผ้าที่มีราคาแพงเท่านั้น นี่ทำให้ซุนหยาตงรู้สึกว่าการขายเสื้อผ้าเกรดนี้เป็นเรื่องง่าย

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป เสื้อผ้าราคาแพงในร้านเสื้อผ้าของเขาก็เพิ่มขึ้นจากสามหรือสี่ตัวเป็นห้าหรือหกตัว แล้วก็มากกว่าหนึ่งโหลหรือมากกว่ายี่สิบตัว

เมื่อมีเสื้อผ้าราคาแพงมากขึ้น ระยะเวลาที่ฉินหยุนใช้ไปกับการควบคุมรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งเพื่อให้ครอบคลุมร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนก็เพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งก็นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆของยอดขายเสื้อผ้าราคาแพงเหล่านั้น เช่นเดียวกับที่ซุนหยาตงคิด

แล้วในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าถ้าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดในร้านเป็นเสื้อผ้าราคาแพง เขาก็จะขายได้มากกว่านี้แน่นอน!

ตามการอนุมานก่อนหน้านี้ของฉินหยุน ซุนหยาตงควรจะไปซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเพิ่มเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากนี้

แต่ตอนนี้เขาทำมันแล้ว

"เมื่อเป้าหมายสำเร็จแล้ว รูปแบบการรวบรวมโชคลาภนี้ก็จะไม่ครอบคลุมร้านเสื้อผ้าฉีหยุนอีกต่อไป"

การใช้เวลาทุกวันเพื่อดูแลร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนโดยเฉพาะ ทำให้มันส่งผลกระทบต่อธุรกิจของร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผลกระทบนั้นไม่ได้มากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองสาขากำลังเฟื่องฟู โดยมีกำไรสุทธิต่อวันมากกว่าหมื่นหยวน ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่สนใจเกี่ยวกับการสูญเสียเล็กน้อยนี้มากนัก

ได้เงินน้อยลงจะเป็นอะไรไป? ถ้าหากมีโอกาสแก้แค้นก็ต้องรีบชำระ!

...

ฉินหยุนกำลังคิดกับตัวเองอยู่ในใจ ขณะที่ซุนหยาตงและซุนเจี้ยนเฉียงกำลังรอลูกค้าอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน

พวกเขาตั้งตารอคอยลูกค้าทุกคนทั้งที่เคยมาและจากไป

ในมุมมองของพวกเขา หากครั้งก่อนเหล่าลูกค้าคิดว่ามีแบบชุดให้เลือกน้อยเกินไปในร้าน ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้เมื่อพวกเขาเห็นสไตล์ชุดที่หลากหลายมากขึ้น ลูกค้าเหล่านั้นคงจะซื้อสักตัวสองตัวอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม 1 ชั่วโมง...2 ชั่วโมง...

ผ่านมาหลายชั่วโมง แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่ร้าน

"เจี้ยนเฉียง ทำไมวันนี้ลูกค้าน้อยจัง?" ซุนหยาตงอดไม่ได้ที่จะถามลูกชายของเขา

ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าในร้าน เขาได้แต่มองดูผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าบางคนจากไป แต่ตอนนี้ภายในร้านถูกแทนที่ด้วยเสื้อผ้าราคาแพงที่ใครๆก็อยากซื้อ เขารอไม่ไหวแล้วที่ต่อจากนี้จะได้เห็นร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนได้รับความนิยม

ท้ายที่สุดแล้ว ในช่วงยี่สิบวันที่ผ่านมา จำนวนเสื้อผ้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นทุกวัน และกำไรก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นในใจเขาจึงมั่นใจมาก

อย่างไรก็ตาม จิตใจที่มั่นคงก่อนหน้านี้กลับรู้สึกเหมือนกำลังค่อยๆถูกฉุดลงเหวไปทีละนิด

ซุนเจี้ยนเฉียงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "พ่อครับ ไม่ต้องกังวล ก่อนหน้านี้ตอนเราเปิดร้านครั้งแรกก็ไม่มีลูกค้าสักคนไม่ใช่เหรอ แต่หลังจากนั้นก็ขายได้มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถึงเวลา ใช่ไหม?"

ใครจะสามารถรู้ได้ว่าลูกค้าจะเข้าประตูร้านมาตอนไหน? อาจไม่มีสักยอดขายเลยภายในหนึ่งวัน แต่เมื่อประตูร้านกำลังจะปิด ธุรกรรมขนาดใหญ่ก็มาถึงทันที เป็นไปได้เช่นกันที่คำสั่งซื้อชุดใหญ่จะมาถึงทันทีที่ประตูร้านเปิด แต่ก็อาจเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะขายสินค้าสักชิ้นในวันถัดไป สิ่งเหล่านี้มีความไม่แน่นอนโดยสิ้นเชิง

มันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับในร้านของพวกเขามาก่อน

"อาจจะเป็นแบบนั้น" ซุนหยาตงพยักหน้าและรอต่อไป

ในที่สุดก็มีกลุ่มคนเดินมาจากนอกประตู เห็นได้ชัดว่าเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีเจ็ดคน พวกเขามองมาที่ร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนและเดินเข้ามาภายในร้าน

"ธุรกิจมาถึงแล้ว!" เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเจ็ดคนเดินเข้ามา ดวงตาของซุนหยาตงก็เป็นประกาย และเขารีบเดินไปข้างหน้า

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร สมาชิกในครอบครัวของลูกค้าคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า "ให้ตายเถอะ ทำไมเสื้อผ้าในร้านนี้ถึงแพงจัง ทั้งหมดนี้มีราคาตั้งหลายพันหยวน!"

หลังจากที่เขาพูดจบ คนอื่นๆ อีกหลายคนก็เปิดปากพูดเช่นกัน

"พระเจ้า ชุดนี้ขายตั้ง 1,300 หยวน!"

"ฉันคิดว่าฉันเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูชื่อดังร้านหนึ่งซะอีก"

"เถ้าแก่หิวเงินมากงั้นเหรอ?!"   

คนเหล่านี้แสดงความประหลาดใจออกมาทั่วใบหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าราคาเสื้อผ้าในร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆที่พวกเขาเข้ามา จะน่ากลัวขนาดนี้

โดยทั่วไปแล้ว เฉพาะเสื้อผ้าในร้านค้าแบรนด์ดังเท่านั้นที่ราคาจะสูงมาก

แม้ว่าตอนนี้เสื้อผ้าจะมีราคาตั้งแต่หลายพันถึงหลายหมื่นหยวน แต่เสื้อผ้าที่คนส่วนใหญ่สวมใส่ก็ยังคงมีราคาแค่หลายร้อยหยวน และพวกเขาไม่สามารถจ่ายแพงขนาดนั้นได้

หลังจากพูดจบ ครอบครัวนี้ก็จากไปทันที เหมือนกับว่าพวกเขารู้สึกกลัวป้ายราคาเหล่านี้โดยสิ้นเชิง

ซุนหยาตงไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทำได้เพียงมองดูคนไม่กี่คนจากไปอย่างช่วยไม่ได้

ถัดจากเขา ซุนเจี้ยนเฉียงมองไปที่ใบหน้าที่เศร้าหมองเล็กน้อยของผู้เป็นพ่อ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างระมัดระวัง "พ่อ ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย ร้านเราปิดตอนสี่ทุ่ม ต้องมีลูกค้ามาซื้อเสื้อผ้าแน่ๆ เรารออีกหน่อย"

ซุนหยาตงพยักหน้า แต่ก็ยังไม่เอ่ยอะไร

พ่อกับลูกชายก็พากันรอต่อไป

หกโมงเย็น...หนึ่งทุ่ม...สามทุ่ม...

ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีลูกค้าเข้ามาในร้านบ้าง แต่พวกเขาก็หันหลังกลับทันทีหลังจากเห็นราคาเสื้อผ้า

ในช่วงเวลาเกือบสิบชั่วโมงตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำ ลูกค้าในร้านก็ลดลงอย่างกระทันหัน และไม่มียอดขายเสื้อผ้าเลยสักตัว

ยอดขายของวันที่ 22 มิถุนายน มีการขายเสื้อผ้าแค่ตัวเดียว ซึ่งมันถูกขายไปในช่วงเช้า

ร้านเสื้อผ้าฉีหยุน เปิดดำเนินการมา 22 วันติดต่อกัน และวันนี้เป็นวันที่ยอดขายสินค้าต่ำที่สุด

...

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันที่ 23 มิถุนายน เวลา 10.00 น เป็นวันที่ผลสอบเข้ามหาลัยจะประกาศออกมา ในตอนเช้าฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยไม่ได้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้า แต่นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

หลังจากการสอบเข้ามหาลัยจบลงฉินหยุนก็ซื้อแล็ปท็อปเป็นของตัวเอง

เขาชักชวนให้พ่อกับแม่ซื้อด้วย แม้ว่าฉินกั๋วตงจะไม่ได้เรียนมหาลัย แต่เขาก็เรียนถึงชั้นมัธยมปลาย โดยพื้นฐานแล้วจึงไม่มีปัญหากับการท่องอินเทอร์เน็ต แต่พวกเขาบอกว่าการซื้อสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์

"เสี่ยวหยุน คะแนนที่ประเมิณออกมา ลูกแน่ใจว่ามันถูกไหม?"

ในเวลานี้ จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะถาม "แม่ได้ยินมาจากคนอื่นๆ ว่าการสอบเข้ามหาลัยครั้งนี้ยากกว่าครั้งก่อนๆมาก และคะแนนคร่าวๆที่ประเมิณออกมาของลูกก็สูงขึ้นกว่าตอนสอบทดลองครั้งก่อนมากกว่าสิบคะแนนด้วย"

ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินฉินหยุนพูดว่าคะแนนโดยประมาณนั้นอยู่ระดับแถวหน้า แต่ตอนนี้เมื่อคะแนนสอบกำลังจะออกมา จู่ๆเธอก็อดประหม่าไม่ได้

ฉินกั๋วตงที่อยู่ข้างๆ เขากล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้จักนิสัยของเสี่ยวหยุนสักหน่อย มีแต่เขาจะประเมินมันต่ำไปด้วยซ้ำ"

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังประหม่ามากเช่นกัน เมื่อมองไปที่มือที่กำแน่นของเขา

หลังจากเลี้ยงลูกมา 10 กว่าปี สิ่งสำคัญอันดับแรกที่พวกเขาใส่ใจก็คือการที่ลูกจะสอบเข้ามหาลัยดีๆได้ไหม

(จบตอน)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด