ตอนที่ 36 : สินค้าชุดใหญ่
เหวินหยาไม่ได้ตอบกลับคำถามของเสี่ยวหลาน แต่เธอมองไปที่ฉินหยุนด้วยใบหน้าแปลกๆ
เธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าและมักจะไปร้านเสื้อผ้าร้านอื่นตอนที่มีเวลาว่าง ธุรกิจร้านเสื้อผ้าส่วนใหญ่เจ๊งไปแล้วครึ่งหนึ่ง การทำธุรกิจประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
แต่ตอนนี้ จู่ๆร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และธุรกิจก็ยังเป็นที่นิยมมากอีกด้วย
เปิดตัวอย่างกระทันหันตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีลูกค้าเข้าร้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
เธอยังทำการศึกษารูปแบบการตลาดของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเป็นพิเศษอีกด้วย แต่เธอไม่ได้เบาะแสใดๆเพิ่มเลย คุณภาพกับราคาของเสื้อผ้าในร้านนั้นดีมาก แต่ร้านขายเสื้อผ้าหลายๆร้านก็เป็นเช่นนี้ คุณภาพกับราคาต่างก็คุ้มค่าเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้แล้ว ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ไม่มีข้อได้เปรียบในด้านอื่นๆอีก ในความคิดของเธอ สไตล์เสื้อผ้าในร้านก็ค่อนข้างมั่ว การจัดวางสินค้าก็ไม่ได้มีความพิถีพิถันมากนัก แต่เหล่าลูกค้าดันไปซื้อแค่เฉพาะที่ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนเท่านั้น
เธอประเมินว่ายอดขายรายวันของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นไม่น้อยแน่นอน ร้านแรกเพิ่งเปิดไปในเดือนพฤษภาคม แต่ในเวลาไม่ถึงเดือน ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาที่สองก็เปิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน และธุรกิจของร้านสาขาที่สองนี้ยังคงเฟื่องฟูเหมือนเดิม
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมร้านๆนี้ถึงได้รับความนิยมมากอยู่เสมอ และเธอเองก็ยังสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับเจ้าของร้าน และตอนนี้ ในที่สุดเธอก็ได้รู้เกี่ยวกับมัน แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับหลานสาวของเธอ
ในใจของเหวินหยาตอนนี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอยิ้มและกล่าวว่า "ฉินหยุน คาดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวของคุณจะเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ร้านนั้นธุรกิจดีมากและฉันก็อิจฉามันมากจริงๆ"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "แค่โชคดีน่ะครับ"
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก
เมื่อเห็นว่าตัวของฉินหยุนไม่ได้เกิดคลื่นอารมณ์ใดๆจากคำชมของเธอเลย สิ่งนี้ทำให้ความรู้สึกดีที่มีต่อฉินหยุนของเหวินหยาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย โดยปกติแล้วเหล่าคนหนุ่มสาวมักจะชอบโชว์ออฟเป็นพิเศษ
หลังจากคำพูดของฉินหยุนจบลง เสี่ยวหลานก็ยิ้มขึ้นอีกครั้งและพูดว่า "ฉินหยุน ร้านที่ป้าของฉันเปิดชื่อว่าร้านเสื้อผ้าหยาเก๋อ ไม่รู้ว่านายเคยได้ยินไหม?"
"ร้านเสื้อผ้าหยาเก๋อ?" เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฉินหยุนก็อดกระตุกไม่ได้ เพราะนี่คือร้านเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเขตชิงหวู่ เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมายและพื้นที่ของร้านยังมีขนาดมากกว่า 300 ตารางเมตรอีกด้วย
"แน่นอน ฉันรู้จักร้านนี้" ฉินหยุนพยักหน้า
หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามคำ เขาก็พูดว่า "งั้นฉันขอตัวก่อน"
พูดตามตรง ตอนนี้เขากับเหวินหยาและเสี่ยวหลานบังเอิญพบกันที่นี่ และไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะไปเยี่ยมชมตลาดค้าส่งแห่งนี้ด้วยกัน คงจะไม่ดีเท่าไรหากแสดงออกมากเกินไป
ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาและเหวินหยาได้พบกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหวินหยายิ้มและพูดว่า "ถ้ามีโอกาส ไว้ฉันจะขอไปเรียนรู้การบริหารร้านจากฉินหยุนสักหน่อย"
"ไม่กล้า ไม่กล้า" ฉินหยุนพูดอย่างรวดเร็ว
ข้างๆเธอ เสี่ยวหลานโบกมือด้วยรอยยิ้มและพูดว่า "ฉินหยุน ผลสอบเข้ามหาลัยจะออกเร็วๆนี้แล้ว ถ้านายทำคะแนนได้ดี อย่าลืมชวนฉันไปทานอาหารเย็นด้วย"
"ไม่ลืมแน่นอน" ฉินหยุนพูดพลางยิ้ม
พวกเขาแยกกันตรงนี้ เมื่อเห็นว่าฉินหยุนเดินออกไปแล้ว เสี่ยวหลานถามอย่างสงสัยว่า "คุณน้าคะ ดูเหมือนคุณน้าจะสนใจในตัวฉินหยุนใช่ไหม?"
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่น้าของเธอจะให้ความสนใจผู้อื่น
เมื่อมองไปที่หลานสาวของเธอ จู่ๆเหวินหยาก็ถามว่า "หลานหลาน ครอบครัวของเพื่อนร่วมชั้นของหนู เขารวยไหม"
"หนูคิดว่า น่าจะไม่นะ"
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เสี่ยวหลานก็ส่ายหัวแล้วพูด "ตั้งแต่ตอนมอปลายปีสาม เมื่อฉินหยุนปิดเทอมช่วงฤดูร้อน เขามักจะออกไปทำงานพาร์ทไทม์อยู่เสมอ ดังนั้นภูมิหลังครอบครัวของเขาจึงไม่น่าจะดีเท่าไร"
"ทำงานพาร์ทไทม์ตอนมอปลายปีสามเนี่ยนะ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหวินหยาก็ผงะ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินคำตอบดังกล่าว
คนที่รวยจริงๆ แม้ว่าพวกเขาอยากจะลับคมชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่เลือกที่จะลับคมในช่วงเวลาสำคัญเช่นปีที่สามของโรงเรียนมัธยมปลายเด็ดขาด
"คุณน้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉินหยุนเขามีอะไรพิเศษงั้นเหรอ?" เสี่ยวหลานอดไม่ได้ที่จะถาม
ในตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความสงสัย
เหวินหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "หนูรู้ว่าครอบครัวของฉินหยุนเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน งั้นหนูรู้หรือเปล่าว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทำกำไรได้มากแค่ไหน?"
เมื่อเห็นความสงสัยในดวงตาของเสี่ยวหลาน เหวินหยาพูดเบาๆ ว่า "กำไรสุทธิต่อเดือนอย่างน้อย 100,000 หยวน!"
"100,000 !?" เสี่ยวหลานรู้สึกตกใจ
เธอไม่เคยติดต่อกับร้านขายเสื้อผ้ามาก่อน เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้ว่ามันทำกำไรได้แค่ไหน แต่เหวินหยาอยู่ในแวดวงธุรกิจนี้มามากว่า 10 ปี โดยพื้นฐานแล้วแค่สังเกตร้านค้าอื่นๆ เธอก็สามารถตัดสินสถานการณ์ทั่วไปในร้านนั้นได้ทันที
ร้านเสื้อผ้าเล็กๆ แห่งนั้นได้กำไรเป็น 100,000 หยวน? ครอบครัวของฉินหยุนสามารถสร้างรายได้ 100,000 หยวนต่อเดือนงั้นเหรอ?
นี่ยังใช่คนเดียวกับชายหนุ่มที่ทำงานพาร์ทไทม์ในตอนที่เรียนอยู่มอปลายปีสามและถูกพูดถึงโดยบางคนในห้องเรียนอยู่งั้นเหรอ?
"นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้เปิดสาขาที่สองแล้ว"
เหวินหยากล่าวต่อ "ธุรกิจของร้านสาขาที่สองยังคงเฟื่องฟูมาก และถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ผลกำไรต่อเดือนคาดว่าคงจะไม่ต่ำกว่า 100,000 หยวนแน่"
...
"ที่นี่มีคนที่ขายเสื้อผ้าราคาสูงไม่ค่อยมากนัก" ขณะที่พวกเหวินหยากำลังคุยกัน ฉินหยุนก็กำลังเดินไปรอบๆตลาดค้าส่ง
เขาเดินมาถึงที่ร้านหนึ่งอย่างช้าๆ
เถ้าแก่ของร้านมองไปที่ฉินหยุนและหยุดคำพูดที่กำลังจะออกมา
ฉินหยุนดูเด็กเกินไป เขาน่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่ และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ
"ปล่อยด่วนๆ เสื้อผ้าคุณภาพสูง!"
ฉินหยุนมองไปที่ป้ายหน้าร้าน หลังจากยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินเข้าไปและพูดด้วยรอยยิ้ม "บอส ธุรกิจเป็นยังไงบ้างครับ"
ขณะที่พูด เขายื่นบุหรี่จงหัวออกไปให้ด้วย
เมื่อเถ้าแก่ร้านเห็นบุหรี่คุณภาพดี ดวงตาของเขาสว่างขึ้น เขารับมันไปทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม "ธุรกิจของฉันดีมาก น้องชาย นายสนใจเสื้อผ้าราคาส่งไหม เสื้อผ้าที่นี่ล้วนมีราคาต่ำสุด ถ้าไม่ใช่ว่าฉันมีธุระต้องรีบไปที่อื่น ฉันจะไม่ปล่อยราคาต่ำขนาดนี้แน่นอน”
ฉินหยุนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้และเริ่มคุยกับเถ้าแก่ร้าน
"คุณพูดว่า ที่นี่มีเสื้อผ้ามากกว่า 2,000 ตัวงั้นเหรอ?" ฉินหยุนเอ่ยถาม
หลังจากคุยกันอยู่ครู่หนึ่งและสูบบุหรี่ของฉินหยุนไปอีกมวน เถ้าแก่จางเฉียงก็มั่นว่าฉินหยุนไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อเสื้อผ้าของเขา ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและพูดว่า "น้องชาย ฉันจะไม่ปิดบังมันจากนาย ฉันไปรับเสื้อผ้ามาจากโรงงานเสื้อผ้าหลายแห่งซึ่งล้วนเป็นแหล่งสินค้าคุณภาพสูง แต่ตอนนี้ฉันมีงานเหล่านั้นค้างอยู่ในมือมามากกว่าครึ่งปีแล้ว และมีเพียงไม่กี่คนที่ซื้อมันไปขาย"
เสื้อผ้าราคาแพง ถ้านำไปขายที่ร้านค้าแบรนด์ดังๆเหล่านั้น ผลิตมากแค่ไหนก็ไม่พอขาย กลับกัน ถ้านำไปขายที่ร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปกลับขายแทบไม่ได้สักตัว
เสื้อผ้าที่ผลิตโดยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ส่วนใหญ่มีราคาถูกและมีไม่กี่ตัวที่มีราคาสูง แม้ว่าจะมีราคาสูง แต่เสื้อผ้าเหล่านั้นก็อาจจะไม่ใช่สินค้าคุณภาพสูงทั้งหมด
นอกจากนี้ยังใช้เวลามากเป็นพิเศษ ในการตามหาแหล่งสินค้าที่น่าพอใจจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าต่างๆ
ดังนั้นแม้จะรู้ว่าการซื้อจากโรงงานนั้นถูกกว่า แต่ร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปมักจะมาที่ตลาดค้าส่งเพื่อรับเสื้อผ้าไปขายมากกว่า
กล่าวโดยเปรียบเทียบ การซื้อเสื้อผ้าในตลาดค้าส่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่า และโดยพื้นฐานแล้วพวกมันเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ถูกคัดเลือกมาจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอีกทีแล้ว
จากการสนทนา ฉินหยุนรู้ว่าเถ้าแก่ร้านนี้มาจากที่อื่นและที่บ้านพอมีเงินอยู่เล็กน้อย เมื่อเขามาที่ตลาดค้าส่งอู๋ซื่อเพื่อทำธุรกิจ เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะทำเงินได้มากมาย แต่น่าเสียดาย พอเขาได้เข้าสู่ตลาดจริงๆกลับพบเจอแต่ความผิดหวัง
จนถึงตอนนี้เสื้อผ้าของเขาขายไม่ได้สักตัว
"น้องชาย ถ้านายสนใจ ฉันจะให้ราคาที่ต่ำสุดๆกับนายเลย" เถ้าแก่จางเฉียงถามอย่างมีความหวัง
เขาเห็นว่าฉินหยุนดูเหมือนจะรู้สึกสนใจสินค้าชุดนี้เล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "ผมไม่ได้สนใจมัน"
เขามองไปที่ใบหน้าที่ผิดหวังของจางเฉียง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แต่ราคาของคุณต่ำกว่าราคาที่อื่น บางทีหลังจากนี้อาจจะมีคนที่สนใจสินค้าชุดนี้ก็ได้"
(จบตอน)