ตอนที่แล้วตอนที่ 34 : ลูกพี่ลูกน้อง ฉินเสี่ยวเทา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 36 : สินค้าชุดใหญ่

ตอนที่ 35 : เสี่ยวหลาน


ฉินกั๋วตงและฉินหยุนไม่ได้อยู่ที่บ้านของฉินกั๋วเหลียงนานนัก หลังจากพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง พวกเขาก็จากไป

ขณะเดินอยู่บนถนน ฉินกั๋วตงก็กล่าวว่า "เสี่ยวหยุน ลูกลองดูสักหน่อยสิ ว่าร้านขายเสื้อผ้าของเรายังต้องการคนเพิ่มไหม ลูกพอจะช่วยพี่เสี่ยวเทาได้บ้างไหม?"

ธุรกิจร้านขายเสื้อผ้ากำลังเฟื่องฟูและเงินเดือนของพนักงานทั่วไปคือ 5,000 หยวน

เมื่อเทียบกันแล้ว เงินเดือนของฉินเสี่ยวเทานั้นต่ำเกินไป แต่ฐานเงินเดือนส่วนใหญ่ในเขตชิงหวู่นั้นก็อยู่ในระดับนี้

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด "พ่อครับ บุคลิกของพี่เสี่ยวเทาจืดชืดเกินไป ผมว่าเขาไม่เหมาะกับพนักงานขายเสื้อผ้าเลย"

การขายต้องใช้วาทศิลป์และจัดการกับลูกค้าได้ดี ซึ่งบางคนอาจไม่เหมาะกับงานด้านนี้

"เฮ้อ.. อนาคตของลูกชายทั้งสองคนของเขา น่ากังวลกันทั้งคู่ ต่อจากนี้เราทำยังไงได้บ้าง" เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน ฉินกั๋วตงกล่าวพลางส่ายหัว

นอกจากฉินเสี่ยวเทาแล้ว ฉินกั๋วเหลียงยังมีลูกชายอีกคนหนึ่ง คือฉินเสี่ยวไห่ ซึ่งตอนนี้อายุ 26 ปีและกำลังทำงานอยู่ที่โรงงานเครื่องจักรในเมืองด้วยเงินเดือน 4,000 หยวน วันสองวันค่อยกลับมาที

ฉินกั๋วตงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ในความคิดของเขา ทั้งสามครอบครัวมีสายเลือดเดียวกัน หากครอบครัวใดมีปัญหา พวกเขาควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ฉินหยุนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอน เขาช่วยได้เท่าที่เขาช่วยไหวเท่านั้น ถ้าหากเขาต้องคอยดูแลเหล่าญาติๆอยู่ตลอด เขาคงไม่สามารถไปทำสิ่งอื่นได้

‘เดี๋ยวค่อยดูว่าในอนาคตจะมีโอกาสช่วยพี่เสี่ยวเทาไหม’ ฉินหยุนคิดกับตัวเอง

เมื่อตอนพวกเขายังเด็ก เด็กๆเหล่านี้ชอบเล่นกับฉินเสี่ยวเทาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาอยู่กับฉินเสี่ยวเทาในช่วงวันหยุด

ฉินเสี่ยวเทาในตอนนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนนี้ เมื่อก่อนเขาค่อนข้างเป็นคนพูดมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป บุคลิกของทุกคนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา

...

หลังจากพักอยู่บ้านเกิดได้หนึ่งวัน ในช่วงเย็นวันถัดมา ครอบครัวของฉินหยุนก็กลับมาที่เขตชิงหวู่ เพราะเป็นกังวลเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

วันเวลาผ่านไปและเงินที่ได้รับจากร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองสาขาก็เพิ่มขึ้นมากทุกวันเช่นกัน

หลังจากที่นำรองเท้ามาขายเพิ่ม มีบางคนที่เลือกซื้อรองเท้า แต่ก็มีคนซื้อเสื้อผ้าน้อยลงเช่นกัน เมื่อนับรวมกันแล้ว ยอดขายรายวันแทบไม่ต่างจากเดิมเลย

"ดูเหมือนว่ารูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งจะมีความสามารถแค่รวบรวมโชคมาไว้ที่ที่จัดวางมันเท่านั้น ถึงแม้จะเพิ่มสินค้าอย่างอื่น กำไรก็ไม่ได้เยอะขึ้นเลย" ฉินหยุนเริ่มเข้าใจระบบมากขึ้น

คำแนะนำของฉินซวนก่อนหน้านี้ทำให้ฉินหยุนรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อมีคนซื้อเสื้อผ้ามากเท่าไร ก็ย่อมมีคนที่ซื้อรองเท้ามากเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะขายเพิ่มได้ไม่มาก แต่กำไรที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดดังกล่าวจะผิดอย่างสิ้นเชิง

ผลลัพธ์ของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง จะมีผลแค่ในพื้นที่เดียว ในพื้นที่นี้ หากคุณขายแค่เสื้อผ้าอย่างเดียว ยอดขายที่ได้คือ 6,000 หยวน แต่ถ้าคุณขายเสื้อผ้า รองเท้า และสิ่งเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ยอดขายที่ได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 6,000 หยวนเช่นกัน มันจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก

ดังนั้น หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ฉินหยุนก็ขอให้ฉินซวนยกเลิกการขายรองเท้าในร้าน

ท้ายที่สุดมันก็ใช้พลังงานในการจัดการกับมันมากเกินไป

และเมื่อเขามาเช็คยอดที่ร้านในทุกวัน สิ่งที่ฉินหยุนมักจะทำคือ ปล่อยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งบางส่วนให้ลอยไปที่ร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนที่เปิดโดยซุนหยาตง และให้มันคลุมทับเสื้อผ้าราคาแพงจำนวนหนึ่งในร้านของเขาอยู่สักครู่ เพื่อช่วยให้ร้านของซุนหยาตงขายดีขึ้น

...

ณ ตลาดค้าส่งอู๋ซื่อ ในเวลานี้ มีชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดคนหนึ่ง กำลังมองไปรอบๆและเอ่ยถามอะไรบางอย่างเป็นครั้งคราวกับคนแถวนั้น

เขตชิงหวู่มีขนาดเล็กเกินไป โดยธรรมชาติแล้วจึงมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าไม่มากนัก ดังนั้นถ้าหากอยากรับเสื้อผ้าและสิ่งอื่นๆไปขาย จึงต้องเข้ามาที่แห่งนี้เท่านั้น

ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการนั่งแท็กซี่จากเขตชิงหวู่มายังตลาดค้าส่งอู๋ซื่อ

อีกด้านหนึ่งของตลาดค้าส่ง ก็มีคนสองคนกำลังจับจ่ายซื้อของอยู่เช่นกัน

"คุณน้าคะ เสื้อผ้าพวกนี้มีหลายแบบมากเลย" หญิงสาวผมหางม้าตัวสูงหน้าหวานเอ่ยปากขึ้น

ผู้หญิงข้างๆเธอ ดูเหมือนอายุประมาณ 30 ปี ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนโยน ผมของเธอถูกมัดด้วยโบว์แบบสบายๆ และเธอก็ถือกระเป๋าใบสีขาวไว้ในมือ เมื่อเห็นแวบแรกก็ทำให้นึกถึงคำสองคำได้ทันที—— —ปัญญาชน

“แน่นอน ตลาดเสื้อผ้าตอนนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก มีข่าวลือว่าสต๊อกเสื้อผ้าที่ผลิตโดยเหล่าโรงงานเสื้อผ้ามีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งประเทศนานถึงสิบปี เราจะทำเงินได้ยังไง ถ้าเราไม่มองหาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ?” หญิงสาวปัญญาชนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“เยอะมาก!” สาวหน้าหวานอุทาน

เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ทันใดนั้นเธอก็มองไปในระยะไกล แล้วอดไม่ได้ที่จะผงะ ราวกับว่าเธอคิดว่ามองผิด

แต่เธอก็รีบร้องเรียก "ฉินหยุน!"

จากระยะไกล ฉินหยุนเห็นเสี่ยวหลาน จึงเดินตรงไปหา

"บังเอิญจริงๆ" ฉินหยุนถอดแว่นกันแดดออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

"ใช่ บังเอิญจริงๆ" เสี่ยวหลานยิ้มและถามต่อ "ทำไมนายถึงใส่แว่นกันแดดล่ะ?"

เธอสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวและกางเกงเป็นผ้าเดนิม เธอมีรูปร่างที่สมส่วนดูอ่อนหวานและมีชีวิตชีวามาก

"หลานหลาน นี่ใครเหรอ?" ถัดจากเสี่ยวหลาน หญิงสาวปัญญาชนถามด้วยความสงสัย

"คุณน้าคะ นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของหนู ฉินหยุน"

เสี่ยวหลานแนะนำ แล้วพูดกับฉินหยุนว่า "นี่คือน้าของฉัน"

"สวัสดี" เหวินหยามองไปที่ฉินหยุนและพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสังเกตเขาไปด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหลานสาวของเธอปฏิบัติต่อเด็กผู้ชายแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงความชอบ อย่างน้อยหลานสาวของเธอก็ไม่ได้รังเกียจเด็กผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้อย่างแน่นอน แถมยังดูชอบเขาอีกเล็กน้อยด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้

‘อืม..เขาค่อนข้างสูง ดูสดใสแถมยังหล่ออีกด้วย ไม่รู้ว่านิสัยของเขาจะเป็นยังไง?’ เหวินหยาคิดกับตัวเอง

ตอนนี้เสี่ยวหลานอายุ 18 ปีพอดี ซึ่งกำลังจะเข้ามหาลัยเร็วๆนี้ และเมื่อเธอเข้าเรียนในมหาลัยแล้ว พวกเธอก็คงไม่สามารถห้ามเธอจากเรื่องรักๆใคร่ๆได้ อย่างมากสุดก็ทำได้แค่ให้คำแนะนำนิดหน่อย

ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร กลับสนับสนุนให้เสี่ยวหลานมีความรักในมหาลัยด้วยซ้ำ

"สวัสดีครับ" ฉินหยุนยิ้มตอบเมื่อเขาได้ยินคำทักทายของเหวินหยา

"ฉินหยุน นายมาที่นี่เพื่อเลือกเสื้อผ้าไปขายงั้นเหรอ?" เสี่ยวหลานถามอย่างสงสัย

"อืม ฉันมาดูนิดหน่อย" ฉินหยุนพยักหน้า

หลังจากเขาพูดจบ เหวินหยาก็อดไม่ได้ที่จะถาม "หลานหลานครอบครัวของเพื่อนร่วมชั้นของหนูเปิดร้านขายเสื้อผ้าด้วยงั้นเหรอ?"

เสี่ยวหลานพยักหน้าและกล่าวว่า "ใช่ค่ะ เหมือนกับคุณน้าเลย ฉินหยุนเขาก็เปิดร้านขายเสื้อผ้าในเขตชิงหวู่เหมือนกัน และธุรกิจก็ดีมากด้วย"

"โอ้ เราทำธุรกิจเหมือนกันด้วย?" เหวินหยายิ้ม

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า "หลานหลาน หนูซื้อเสื้อผ้าครั้งล่าสุดมาจากร้านของฉินหยุนใช่ไหม?"

เธอเปิดร้านขายเสื้อผ้า และส่วนมากเสี่ยวหลานก็จะเอาเสื้อผ้าทั้งหมดจากร้านของเธอไปใส่ ดังนั้นครั้งล่าสุดเมื่อเธอเห็นเสี่ยวหลานซื้อเสื้อผ้ามาจากที่อื่น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยมาก แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร

เมื่อได้ยินคำถามของผู้เป็นน้า เสี่ยวหลานก็แสยะยิ้มสองสามครั้ง ไม่อยากพัวพันกับหัวข้อนี้ต่อ

"คุณน้าคะ ร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดโดยฉินหยุน ชื่อว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน คุณน้าเคยได้ยินไหมคะ?" เธอถามด้วยรอยยิ้ม

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน!?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหวินหยาก็ผงะไปชั่วขณะและพูดว่า "หลานหลาน ร้านที่เปิดโดยเพื่อนร่วมชั้นของหนู ชื่อว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนงั้นเหรอ?"

"ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?" เสี่ยวหลานผงะและงงงวยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจว่าทำไมน้าของเธอถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้

เธอเคยเห็นร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าร้านนั้นมันมีอะไรพิเศษ

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด