ตอนที่ 33 : กลับสู่บ้านเกิด
ฉินหยุนพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของฉินกั๋วตง
ฉินซวนพี่สาวคนโตให้ยืมเงินมา 100,000 หยวนเพื่อกู้ซื้อบ้าน และขอยืมบางส่วนจากครอบครัวของลุง ซึ่งพวกเขายืมมา 20,000 หยวน
หลังอาหารเย็น ฉินหยุนมาที่ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาถนนย่านการค้า หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็มุ่งหน้าไปที่ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนที่เปิดโดยซุนหยาตง และเดินเข้าไป
ในเวลานี้ นอกจากซุนหยาตงแล้ว ซุนเจี้ยนเฉียงเองก็อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุนด้วย
"พ่อ ผมบอกแล้ว เสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้ขายง่ายมาก ผมว่าเราต้องสั่งมาเพิ่มอีก" เมื่อเขาเดินมาถึงด้านนอกร้าน ฉินหยุนก็ได้ยินคำพูดของซุนเจี้ยนเฉียงโดยที่ยังไม่ได้เข้าไปข้างในร้านเลย
"ยิ่งมีลูกค้ามากเท่าไร เสื้อผ้าที่เราขายก็ต้องมากขึ้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีตัวเลือกให้ซื้อมากนัก"
เมื่อฉินหยุนเดินเข้ามา เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี
"บอสฉิน"
เมื่อเห็นฉินหยุนใกล้เข้ามา ซุนหยาตงก็พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ฉินหยุนมองไปรอบๆร้านค้าและพูดว่า "เป็นยังไงบ้างครับบอสซุน ธุรกิจไปได้ดีไหม?"
"อืม..แทบจะไม่ได้กำไรเลย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะรักษามันไว้" เขาพูดพลางถอนหายใจ
แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ในเวลานี้ซุนหยาตงก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก
ตอนนี้เขาสามารถขายเสื้อผ้าได้วันละสองถึงสามตัว และพวกมันล้วนเป็นเสื้อผ้าที่มีราคาแพง แม้ว่าจะขายได้แค่ไม่กี่ชิ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาได้กำไรน้อยลงเลย ดังนั้นในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เขาจึงมีรายได้เป็นเงินหลายพันหยวน
สิ่งนี้ดีกว่าการเก็บค่าเช่ามาก
ตอนนี้จำนวนเสื้อผ้าราคาแพงในร้านของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้มีการโชว์ให้ลูกค้าเห็นแค่เพียงสามตัว แต่ตอนนี้มันมีมากกว่าสิบตัวแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าราคาแพงนั้นขายง่าย สิ่งนี้สังเกตได้จากยอดขายของซุนหยาตงที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‘ค่อยๆงับเหยื่อไปเถอะ’
ใบหน้าของฉินหยุนสงบนิ่งขณะที่เขาคิดกับตัวเอง
ตลอดทุกวันที่ผ่านมา เขาได้สั่งให้รูปแบบการรวบรวมโชคลาภมาครอบคลุมเสื้อผ้าราคาแพงบางส่วนในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน ด้วยความช่วยเหลือของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภ ร้านขายเสื้อผ้าฉีหนุนจึงสามารถขายได้แต่เสื้อผ้าราคาแพง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเสื้อผ้าราคาแพงมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฉินหยุนก็ได้ปล่อยให้รูปแบบการรวบรวมโชคลาภคลุมทับพวกมันมากขึ้นเช่นกัน
‘ไม่รู้ว่าซุนหยาตงจะโลภมากได้ขนาดไหนกัน’ เขากำลังรออยู่
"ฮ่าฮ่า..ฉินหยุน ร้านขายเสื้อผ้าของฉันไม่เหมือนกับร้านของนายหรอกนะ" หลังจากที่ซุนหยาตงพูดจบ ซุนเจี้ยนเฉียงก็หัวเราะ
แม้ว่าเขาจะหัวเราะ แต่เขาก็อารมณ์ไม่ดีเท่าไร
ข้อสอบเข้ามหาลัยครั้งนี้ยากเกินไปและคำถามที่เขาไม่รู้คำตอบก็มีมากมาย ดังนั้นคาดว่าคะแนนสอบของเขาครั้งนี้น่าจะไม่สูงนัก
ฉินหยุนไม่ได้อยู่ในร้านนี้นาน หลังจากมองดูแล้วเขาก็จากไปทันที
‘หึ แล้วถ้าธุรกิจไปได้ดีล่ะ? ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ยอดขายของร้านนายก็ลดลงเหมือนกันหรอกเหรอ’
เมื่อเห็นฉินหยุนจากไป ซุนเจี้ยนเฉียงก็เย้ยหยันอยู่ในใจ
เมื่อส่วนเล็กๆของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งถูกแบ่งออก เป็นธรรมดาที่ยอดขายของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะแย่ลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายมากนัก
เมื่อคิดกับตัวเองเสร็จ ซุนเจี้ยนเฉียงก็มองไปที่ซุนหยาตงและพูด "พ่อครับ ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านเรามีเสื้อผ้าราคาถูกขายออกไปแค่สามตัว แต่เสื้อผ้าราคาแพงหลายสิบตัวได้ขายออกไปแล้ว น่าจะดีกว่าถ้าเปลี่ยนทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าราคาแพง เพื่อให้มีตัวเลือกมากขึ้น และลูกค้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็อาจจะซื้อก็ได้"
อันที่จริง ภายใต้ออิทธิพลของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภ ลูกค้าทุกคนที่เข้าร้านมาไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องซื้อเสื้อผ้าทุกคน ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนสามารถขายเสื้อผ้าได้หลายสิบตัวก็จริง แต่ก็มีคนอีกหลายร้อยคนที่แค่ลองสวมเสื้อผ้าเหล่านี้เฉยๆ
เช่นเดียวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ในทุกวันขายเสื้อผ้าได้หลายสิบตัว แต่ก็มีอีกหลายร้อยคนที่มาลองสวมมันเฉยๆอยู่ทุกวัน
ท้ายที่สุด ลูกค้าที่ใช้เงินซื้อเสื้อผ้าจริงๆก็ยังมีไม่กี่คน
ซุนหยาตงส่ายหัวและพูดว่า "ให้ฉันดูอีกทีก่อน"
ราคาที่รับมาของเสื้อผ้าราคาแพงเหล่านี้ก็สูงเอาเรื่องเช่นกัน แม้ว่าจะตั้งขายได้มากกว่า 1,000 หยวน แต่ราคาทุนของมันก็มากกว่า 500 หยวนแล้ว ยังมีบางชุดที่ราคาทุนเกือบ 600 หยวน ทุกวันนี้สายตาของผู้คนร้ายกาจมาก ลูกค้าหลายคนสามารถเปรียบเทียบคุณภาพของเสื้อผ้าได้เพียงแค่มองดู
เป็นเรื่องง่ายที่จะโดนด่า หากคุณขายของหนึ่งชิ้นที่ราคาทุนแค่ 100 หยวน ในราคา 1,000 หยวน
และยังมีเสื้อผ้าประเภทเดียวกันมากกว่าหนึ่งโหล แถมยังมีอีกหลากหลายสไตล์ หลังจากคำนวณเล็กน้อยเราก็จะเห็นว่าต้นทุนของราคาที่รับมาขายนั้นสูงเพียงใด
ตอนที่ฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก เขาก็ไม่ได้รับเสื้อผ้าที่ราคาสูงมากมาขาย ส่วนใหญ่ที่รับมามีราคาแค่ประมาณ 100 หยวน แต่พวกมันทั้งหมดก็ใช้เงินเกือบ 100,000 หยวน และเงินที่เขาได้จากการถูกลอตเตอรี่ก็ถูกใช้ไปกับมันทั้งหมด
แม้ว่าซุนหยาตงจะมีฐานะร่ำรวยในเขตชิงหวู่ แต่ส่วนใหญ่ธุรกิจของเขาประกอบด้วยร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตไม่กี่แห่ง ดังนั้นเงินเก็บของเขาจึงมีจำกัด
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในครอบครัวของเขาก็สูงมาก และซูเปอร์มาร์เก็ตจะต้องมีเงินเพียงพอสำหรับสต๊อกสินค้าอีกด้วย
เมื่อเห็นซุนหยาตงตอบเช่นนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงก็ไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงเงียบลง
เขาแอบพูดในใจ ‘ตาแก่นี่ขี้ขลาดเกินไป ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าร้านนี้เหมาะสำหรับขายเสื้อผ้าราคาแพงมาก แต่เขาก็ยังมัวลังเลอยู่ได้’
ถ้าเป็นเขา เขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดในร้านให้เป็นเสื้อผ้าราคาแพง บางทีลูกค้าหลายร้อยคนที่มาที่ร้านก่อนหน้านี้ อาจจะถูกเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าที่ซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดแทน
...
บ้านเกิดของฉินหยุนถูกเรียกว่าหมู่บ้านฉินเจีย ในอดีต มีหลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน บ้านที่อยู่ที่นั่นเป็นบ้านชั้นเดียว มีขนาดไม่เท่ากัน ไม่มีก๊อกน้ำ หรือห้องน้ำ ฯลฯ ถ้าหากต้องการน้ำ ก็ต้องไปตักเอาที่แม่น้ำเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 10 ปีก่อนบ้านของครอบครัวเหล่านี้ถูกสั่งให้รื้อถอนออกทั้งหมด แน่นอน เพราะความห่างไกลของพื้นที่จึงไม่มีเงินค่ารื้อถอนใดๆเลย และเหล่าผู้อาศัยเดิมก็ถูกจัดสรรให้ไปอยู่ที่ชุมชนชนบทแห่งใหม่
ครอบครัวของฉินหยุนเองก็ควักเงินจ่ายออกไป 50,000 หยวน บ้านในชุมชนชนบทแห่งใหม่หลังนี้จึงเป็นของครอบครัวของเขา
บ้านสามชั้น ขนาด 90 ตารางเมตร ครอบครัวของฉินหยุนอาศัยอยู่ที่นี่มานานนับสิบปีแล้ว
"กั๋วตง จ้าวเหมย กลับมาแล้วเหรอ"
"ลูกของพวกนายสอบเข้ามหาลัยเสร็จแล้วเหรอ"
"การสอบเป็นไงบ้าง"
ในชุมชนชนบท สิ่งที่น่าชื่นชอบที่สุดคือการที่คน 7-8 คนรวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ พวกเขาสามารถรวมตัวกันได้ทุกที่ และพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง บ้านใครมีลูกแต่งงาน บ้านใครลูกได้เงินเดือนเท่าไร ถ้าคุณอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆในหมู่บ้าน คุณก็สามารถรู้ได้ทันทีเมื่อคุณพูดคุยกับพวกเขา
เมื่อเห็นคนสามคนมาจากนอกชุมชน คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็ตะโกนทักทาย
"ฉันกลับมาแล้ว!" มองไปที่ผู้คนในหมู่บ้าน ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขากลับถึงบ้านและเริ่มทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ พวกเขากลับมาก่อนแล้วช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม แต่หลังจากเปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทุกคนก็ยุ่งมาก ดังนั้นจึงยังไม่ได้กลับมา
"เสี่ยวหยุน ตามพ่อไปที่บ้านของลุงเพื่อเอาเงินไปคืนให้เขากัน" เมื่อเห็นว่าทำความสะอาดบ้านใกล้เสร็จแล้ว ฉินกั๋วตงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อตอนขามา พวกเขาถอนเงิน 20,000 หยวนออกจากธนาคารมาด้วย
"ได้ครับพ่อ" ฉินหยุนพยักหน้า
ทั้งสองเดินเข้าไปในชุมชนและพบเจอคนรู้จักเป็นครั้งคราว
อาศัยอยู่ที่นี่มานับสิบปี โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาต้องรู้จักผู้คนส่วนใหญ่ที่พวกเขาพบเจอบนท้องถนนแน่นอน
"กั๋วตง นี่คือลูกชายของนายเหรอ เขาหล่อมาก เขาสูงกว่านายครึ่งหัวแล้ว"
มีคนพูดแซว
ฉินกั๋วตงหัวเราะและพูดว่า "ตอนหนุ่มๆฉันก็หล่อ แต่ตอนนี้แก่แล้ว รูปร่างของฉันก็เลยหดลง"
แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจมัน
เมื่อมีเงิน ในใจของเขาก็มีความมั่นใจมากขึ้น ฉินกั๋วตงในตอนนี้ยืนตัวตรงมากขึ้นซึ่งแตกต่างจากในอดีต ที่เมื่อเขาเดินหลังของเขาจะงอลงโดยไม่รู้ตัว
หลังจากเดินไปอีกสองนาที ฉินกั๋วตงและฉินหยุนก็มาถึงบ้านของผู้เป็นลุง
(จบตอน)