ตอนที่ 31 : เงินเดือน
"ดีแล้ว"
จ้าวเหมยพยักหน้าและพูด "น้องชายของลูกเป็นคนมีความสามารถ ในอนาคตชีวิตเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน"
"แน่นอน" ฉินซวนพยักหน้า เธอมองไปที่ฉินหยุนแล้วพูดว่า "เสี่ยวหยุน ขอบคุณนะ"
"พี่ใหญ่ พี่พูดอะไร เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันนะ" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาถูกดูแลโดยฉินซวนเสมอเมื่อตอนเขายังเป็นเด็ก
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่และพี่สาวของเขา ฉินหยุนก็รู้สึกพึงพอใจเช่นกัน
สำหรับเขาแล้ว การหาเงินเพื่อให้คนในครอบครัวยิ้มได้มากขึ้นนั้น ก็เพียงพอแล้ว
...
3 มิถุนายน
ในบ้านเช่า จางชิงกำลังนอนหลับ เพราะวันนี้เธอเข้างานตอน 14.00 น.
"ติ๊ง.."
เสียงข้อความเข้าดังขึ้นในโทรศัพท์ จางชิงพลิกตัวบนเตียงและแตะโทรศัพท์ทันที
เธอไม่ได้นอนจนกระทั่งตีหนึ่งเมื่อคืนนี้ และตอนนี้เธอก็ง่วงมาก เธอตรวจสอบข้อความด้วยความสะลึมสะลือ จากนั้นจางชิงก็ตัวแข็งไปชั่วขณะ
“อะไรนะ!!!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในห้อง
"เสี่ยวชิง เกิดอะไรขึ้น?!" ข้างนอกห้อง ซุนถิงถิงเปิดประตูและเดินเข้ามา เธอมองไปที่จางชิงด้วยผมที่ยุ่งเหยิงและถามอย่างสงสัย
เช้าขนาดนี้เกิดอะไรขึ้น?
ปกติเวลานี้เธอออกจากบ้านเช่าไปแล้ว แต่วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงไม่จำเป็นต้องไปทำงาน
จางชิงถือโทรศัพท์มือถือและพูดอย่างตื่นเต้นว่า "เสี่ยวถิง ฉันได้รับเงินเดือนแล้ว!"
"โอ้? เธอได้เงินเดือนเท่าไร?" ซุนถิงถิงถามด้วยความสงสัย
เธอรู้ว่าเงินเดือนของจางชิงจะถูกจ่ายให้ในวันที่ 3 และก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกอิจฉามากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เงินเดือนของโรงแรมที่เธอทำอยู่จะถูกจ่ายให้ในวันที่ 20 ของเดือน ซึ่งยังเหลือเวลามากกว่าครึ่งเดือนถ้านับจากตอนนี้
"ดูข้อความนี้สิ"
จางชิงยื่นโทรศัพท์และพูดอย่างตื่นเต้นว่า "4,700 ฉันได้รับ 4,700 หยวน!"
"เยอะมาก!?"
เมื่อได้ยินคำพูดของจางชิง เธอก็มองไปที่ข้อความที่ถูกส่งโดยธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีนบนมือถือ ซุนถิงถิงรู้สึกประหลาดใจมาก ก่อนหน้านี้ เงินเดือนของจางชิงขณะที่ทำอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าร้านเก่าอยู่ที่ 2,500 หยวนเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อเธอเปลี่ยนมาทำงานในร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุน เธอก็ได้รับเงินเดือนที่สูงขนาดนี้โดยที่ยังไม่ครบเดือนเลย
"ฮี่ฮี่.. ธุรกิจในร้านไปได้ดี ดังนั้นเงินเดือนที่ฉันได้รับก็สูงขึ้นเป็นธรรมดา"
จางชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับเงินเดือนมากกว่า 4,000 หยวน
"ไปกันเถอะ เสี่ยวถิง ไปช้อปปิ้งและซื้อเสื้อผ้ากัน!"
จางชิงรีบลุกขึ้นจากเตียง ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง และเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ตอนนี้ฉันมีเงินแล้ว และฉันก็มีหลายอย่างที่ต้อง ซื้อ!"
เธอไปอาบน้ำทั้งๆที่ยังตื่นเต้นอยู่
ซุนถิงถิงยังคงตกใจเล็กน้อย
เธอทำงานในโรงแรม 8 ชั่วโมงต่อวัน และมักจะต้องทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยครั้งในตอนกลางคืน บางครั้งเมื่อมีแขกติดต่อเข้ามา เธอก็ต้องรอให้แขกออกไปก่อน กว่าจะกลับบ้านได้ก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เมื่อมีแขกดื่มเหล้า เธอก็ต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาถึงตีหนึ่งตีสอง
ทำงานหนักขนาดนี้ ได้เงินเดือนแค่ 5,000 หยวนเอง
ส่วนจางชิงเป็นเพียงพนักงานแคชเชียร์ในร้านขายเสื้อผ้า และงานที่ทำก็ง่ายกว่างานของเธอมากอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองมาที่ถนนย่านการค้าเพื่อเดินเล่น และก็เดินมาถึงร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนโดยไม่รู้ตัว
"จางชิง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้างานไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาที่ร้านล่ะ?" เมื่อเห็นจางชิงกำลังเข้ามา ฉินซวนก็เดินไปถามด้วยรอยยิ้ม
"พี่ซวน วันนี้ฉันได้รับเงินเดือนแล้ว ฉันอยากจะซื้ออะไรบางอย่าง เลยว่าจะซื้อเสื้อผ้าสักสองชุด ฉันเลยมาซื้อมันในร้านของฉันเอง" จางชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เสื้อผ้าในร้านนี้มีราคาที่คุ้มค่ามาก ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เธอจะซื้อที่นี่
"งั้นเธอลองสวมมันเองได้เลย เราจะไม่บริการเธอหรอกนะ" ฉินซวนหัวเราะ
จางชิงสัมผัสกับเสื้อผ้าเหล่านี้อยู่ทุกวัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคอยแนะนำเธอเหมือนลูกค้าคนอื่น
"ยังไงก็ตาม ฉันจะให้สลิปเงินเดือนของเธอสำหรับเดือนที่แล้วด้วย"
ฉินซวนหันกลับเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วยื่นแผ่นกระดาษให้จางชิง
เงินเดือนพื้นฐาน: 2,700
ค่าเข้างานเต็มเวลา: 400
โบนัสค่าคอมมิชชั่น: 1,300
ค่าล่วงเวลา: 300
รวมทั้งหมด 4,700 หยวน
ในเวลานี้ ซุนถิงถิงก็เฝ้าดูอยู่เช่นกัน
เธอรู้ว่าฐานเงินเดือนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนคือ 3,000 หยวน ค่าเข้างานเต็มเวลา 500 หยวน และโบนัสค่าคอมต่างๆอีก 1,500 หยวน เมื่อดูจากใบสลิปนี้การหักเงินเดือนออกน่าจะเป็นเพราะร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดร้านครั้งแรกในวันที่ 5 อีกสี่วันก่อนหน้านี้จึงไม่ถูกนับรวม
ไม่เช่นนั้นคงได้รับเงินเดือนมากถึง 5,000 หยวนแน่ๆ
"พี่ซวน พี่ทำงานต่อเถอะค่ะ" จางชิงยังคงตื่นเต้นอยู่
ไม่ใช่แค่เธอ แต่ในเวลานี้พนักงานในร้านทุกคนล้วนมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าทั้งนั้น เพราะพวกเธอได้รับเงินเดือนกันครบทุกคนแล้ว
ด้วยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง ฉินหยุนจึงไม่มีปัญหาในการหาเงินเลย เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่ได้ใจจืดใจดำกับพนักงานมากนัก
หลังจากจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าและเดินออกจากร้านแล้ว ซุนถิงถิงก็อดไม่ได้ที่จะถาม "เสี่ยวชิง ร้านขายเสื้อผ้าของเธอยังรับพนักงานอยู่ไหม?"
เมื่อเห็นลูกค้าเดินไปมาในร้าน ใครๆก็สามารถจินตนาการได้ว่าร้านนั้นเป็นที่นิยมขนาดไหน ซุนถิงถิงเริ่มคิดที่อยากจะเปลี่ยนงานและมาทำงานในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแล้ว
"ตอนนี้ยังไม่รับเพิ่ม เว้นแต่ว่าจะมีคนลาออกหรือเปิดสาขาใหม่ เราค่อยรับสมัครพนักงานอีกกลุ่ม" จางชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง
มีพนักงานประจำแปดคนในร้าน สี่คนในกะเช้าและอีกสี่คนในกะบ่าย ไม่นับจ้าวเหมยและฉินซวน
นอกจากนี้ยังมีพนักงานพาร์ทไทม์อีก 2 คน ที่มาทำงานในวันที่พนักงานประจำหยุดงาน
“เสี่ยวถิง เธออยากมาทำงานที่นี่เหรอ?” เธอมองไปที่ซุนถิงถิงแล้วถาม
"ฉัน... ช่างมันเถอะ แค่ถามดูนิดหน่อย" ซุนถิงถิงชะงักชั่วขณะแล้วส่ายศีรษะ
ความคิดที่จะเข้ามาทำงานในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่กี่วินาที แต่เธอก็ระงับมันลงอย่างรวดเร็ว
ประการแรก เธอไม่มีประสบการณ์การทำงานในร้านขายเสื้อผ้า
ประการที่สอง ธุรกิจร้านเสื้อผ้าไม่มั่นคง ช่วงที่ร้านเป็นที่นิยม ค่าจ้างพนักงานอาจจะสูง แต่ถ้าเป็นช่วงตกกระแสค่าจ้างที่พนักงานได้ก็อาจจะต่ำลง
หลายๆร้านที่กำลังเป็นที่นิยม จู่ๆก็ปิดตัวลงกระทันหัน และเธอเห็นสิ่งเหล่านี้มาหลายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม โรงแรมที่เธอทำงานอยู่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ที่รวมการจัดเลี้ยงและที่พักเข้าด้วยกัน ซึ่งจะไม่มีปัญหาเหล่านี้
ถ้าเธอลาออกจากงานเพื่อมาทำที่นี่และมาเจอกับร้านเสื้อผ้าที่อยู่ในช่วงขาลงพอดี เธอจะสูญเสียมากกว่าที่เธอได้รับแน่นอน
"ยังไงก็ตาม ตอนนี้กิจการที่ร้านนี้นั้นดีมาก" แม้ว่าเธอจะระงับความคิดของเธอลงแล้ว แต่ซุนถิงถิงก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและผู้คนที่กำลังเข้าออก
เธอรู้ว่าเจ้าของร้านนี้เป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย และร้านที่เปิดโดยนักเรียนมัธยมปลายกลับกลายเป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ถ้าเธอไม่ได้เห็นมันกับตา เธอเองก็คงไม่เชื่อ
...
ธุรกิจร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง และในเวลานี้เจ้าของร้านเสื้อผ้านั้น เขากำลังอยู่ในโรงเรียน
โรงเรียนมัธยมชิงหวู่หมายเลข 1 ณ ตอนนี้ก็ได้ล่วงมาถึงชั้นเรียนคาบสุดท้ายแล้ว
“เอาล่ะ นักเรียน ฉันรู้ว่าตลอดมานี้ฉันจู้จี้จุกจิกกับชั้นเรียนของพวกเธอมามาก และสุดท้ายนี้ ฉันขอให้พวกเธอทุกคนโชคดีในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และขอให้ทุกคนสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองเลือกได้”
ครูประจำชั้นของห้อง 18 แสดงรอยยิ้มที่หาได้ยากบนใบหน้าของเขาออกมา
“เสือหน้าบึ้งอย่างครูประจำชั้น ยิ้มได้ด้วยเหรอ”
“พระเจ้า พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นจากทิศตะวันตก”
นักเรียนทุกคนในห้องเรียนพากันประหลาดใจ
หลังจากพูดจบครูประจำชั้นก็ออกจากห้องเรียนไป
เวลาในการสอบเข้ามหาลัยคือวันที่ 7 และ 8 และชั้นเรียนมัธยมปลายปี 3 ก็จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการก่อนหน้านั้นสามวัน
"หึ ในที่สุดก็ไม่มีคาบเรียนแล้ว!" ข้างๆฉินหยุน โจวหยางอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ยิ้มและพูดว่า "นายรอคอยวันนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ?"
โจวหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า "แม้ว่าฉันจะตั้งตารอ แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยเมื่อวันนี้มาถึง"
"เสแสร้ง" ฉินหยุนด่าด้วยรอยยิ้ม
ตอนเรียนมัธยมปลายปีสาม เรามักจะบ่นสิ่งต่างๆออกมาอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อเราจากมาจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานเราก็มักจะหวนนึกถึงวันเวลาเหล่านั้นอยู่เสมอ
(จบตอน)