ตอนที่ 30 : รู้สึกพึงพอใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวหลานฮวา ฉินซวนจึงยิ้มและพูดว่า "ไม่เป็นไรค่ะแม่"
ก่อนหน้านี้ โจวหลานฮวามักจะเผลอพูดโดย "ไม่ได้ตั้งใจ" เกี่ยวกับเงิน 100,000 หยวนทุกครั้ง แต่ในเมื่อตอนนี้เงินถูกคืนมาครบแล้ว เธอจึงไม่รู้สึกรีบร้อนนัก
"ตอนนี้ที่ร้านมีเงินเพียงพอ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถขอให้น้องชายของฉันคืนเงินให้ได้"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ต้าจุนและโจวหลานฮวาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นอีก
‘จ่ายเงินเดือนพนักงานจำนวนมาก และยังเหลือเงินมาใช้หนี้คืนอีก 100,000 หยวน พวกเขายังเหลือเงินอีกงั้นเหรอ สรุปแล้วร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดโดยน้องชายเสี่ยวซวนทำกำไรได้มากขนาดไหนกัน?’
โจวหลานฮวาคิดอยู่ในใจ ยิ้มและพูดว่า "เสี่ยวซวน ตอนนี้ลูกทำงานอยู่ที่ร้านของน้องชาย และเขายังให้เงินเดือนสูงขนาดนี้กับลูกอีก เราไม่รู้จะขอบคุณยังไง ทำไมเราไม่ชวนพวกเขามากินข้าวเย็นด้วยกันในคืนพรุ่งนี้ล่ะ ก่อนหน้านี้เรายุ่งกันมาก และเราก็ไม่ได้นัดรวมตัวกันมาพักหนึ่งแล้ว”
“ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวฉันจะบอกพวกเขาเอง” ฉินซวนพยักหน้า
เธอรู้สึกได้ว่าทัศนคติของโจวหลานฮวาที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ในอดีต ฉินซวนรู้ว่าครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน และต้องเห็นพ่อแม่ทำงานหนักจนมีผมหงอกตั้งแต่อายุยังน้อย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะออกมาช่วยเหลือ
เมื่อเห็นราคาอสังหาริมทรัพย์กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยจึงรู้สึกร้อนใจที่จะซื้อบ้าน เธอจึงเกลี้ยกล่อมหลี่อี้หังเพื่อให้พ่อกับแม่ของเธอยืมเงิน 100,000 หยวนเพื่อไปซื้อบ้าน
แม้ว่าหลี่อี้หังจะสามารถหาเงินได้มาก แต่มากสุดก็ปีละ 2-3 แสนหยวนเท่านั้น หลังจากหักค่าผ่อนบ้าน, ค่าใช้จ่ายในครอบครัว, และค่าเล่าเรียนที่เพิ่มขึ้นของเสี่ยวจุนแล้ว ชีวิตของเขาก็ยังถือว่าติดขัดนิดหน่อย
ด้วยเหตุนี้หลี่ต้าจุนและโจวหลานฮวาจึงพูดมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้
เธอรู้ว่าเธอถูกปฏิบัติด้วยไม่ดี แต่เธอก็ทำได้เพียงอดทนไว้ ท้ายที่สุดแล้วโจวหลานฮวาก็พูดแค่ไม่กี่คำ และเธอก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่ตอนนี้ ฉินหยุนน้องชายของเธอจู่ๆก็เปิดร้าน และธุรกิจก็ดีมากจนสามารถสร้างรายได้หลายแสนต่อเดือนได้อย่างง่ายดาย!
น้องชายของเธอขอให้เธอคอยบริหารดูแลร้านและยังจ่ายเงินเดือนให้เธอเดือนละเกือบ 10,000 หยวน
ในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน เงิน 100,000 หยวนที่เป็นหนี้ครอบครัวฝั่งสามีของเธอก็ได้รับการชำระคืน
ในช่วงเวลาสั้นๆ สถานการณ์ของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เมื่อก่อนตอนที่เธอเลี้ยงลูกที่ยังเล็กอยู่ เธอก็หางานเสริมทำในเวลาว่าง และได้เงินเล็กๆน้อยๆมาจุนเจือครอบครัว ทำแบบเดิมซ้ำๆอยู่ทุกวัน
แต่ตอนนี้ เธอยุ่งอยู่ในร้านเสื้อผ้าแทบทุกวัน ต้องคอยเลือกเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ๆมาขาย ต้องคอยแนะนำลูกค้า แต่เธอก็รู้สึกมีชีวิตชีวามาก
สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับอนาคต
...
วันที่ 2 มิถุนายน อากาศแจ่มใส อุณหภูมิสูงถึง 33 องศาเซลเซียส อากาศยังคงร้อนอบอ้าวอย่างต่อเนื่อง
และธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองสาขาก็ยังคงร้อนแรงและไม่ขาดแคลนลูกค้าเช่นเคย
"เสี่ยวหยุน พี่ลองตรวจสอบร้านเสื้อผ้าร้านอื่นๆดู และเห็นว่าบางร้านก็ขายทั้งรองเท้าทั้งเสื้อผ้าพร้อมกัน" ฉินซวนกล่าวต่อ "พี่คิดว่าร้านของเราสามารถลองทำตามได้"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซวน หัวใจของฉินหยุนก็กระตุก
เขาเอาแต่คิดถึงการขายเสื้อผ้า แต่ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย
ที่เรียกว่าเครื่องนุ่งห่ม มันคือสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต โดยทั่วๆไปมันหมายถึงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ทั้งท่อนบนและท่อนล่าง รวมทั้งรองเท้าด้วย
ในขณะที่กำลังซื้อเสื้อผ้า หากคุณเห็นรองเท้าสักคู่ ก็เป็นไปได้ที่จะซื้อพวกมันทั้งหมดพร้อมๆกัน
นอกจากนี้ ฉินหยุนยังคิดว่าเขาสามารถสร้างความก้าวหน้าในด้านอื่นๆได้
ท้ายที่สุด ด้วยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
เสื้อผ้าไม่ใช่ทางเลือกเดียว
ฉินหยุนไม่ใช่คนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ และตอนนี้เขาอายุเพียง 18 ปี แถมยังไม่มีประสบการณ์มากนัก เขาแค่ทำในสิ่งที่เขาคิดและพยายามปรับปรุงไปทีละนิด
“พี่ใหญ่ พี่ไปดูรองเท้าเถอะ 2-3 วันนี้ผมน่าจะไม่ว่าง ถ้าพี่ไม่คิดมาก ลองเลือกจากร้านส่งได้โดยตรง แล้ววางขายในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองสาขาได้เลย” หลังจากคิดอยู่สักครู่ฉินหยุนก็พูดออกมา
"โอเค" ฉินซวนพยักหน้าและพูดว่า "เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้"
เธอรู้ว่าช่วงนี้ฉินหยุนจะทุ่มเทพลังงานส่วนไปที่การสอบเข้ามหาลัย
วันนี้เป็นวันที่ 2 และเหลือเวลาอีกเพียงสี่วันเท่านั้นก่อนจะถึงวันสอบเข้ามหาลัย
หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง ฉินซวนก็ยิ้มและพูดว่า "เสี่ยวหยุน อาหารพร้อมแล้ว ไปทานอาหารเย็นที่บ้านพี่กัน"
ฉินหยุนพยักหน้าตอบ อาหารมื้อนี้ได้ตกลงกันล่วงหน้าไว้แล้ว
ทั้งสามคนมาที่บ้านของฉินซวน
บ้านของฉินซวนมีพื้นที่ 110 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนกลางมีมากกว่า 10 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่อีก 90 ตารางเมตร แบ่งเป็นห้องนอน 3 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้อง
การตกแต่งภายในของบ้านทั้งหลังนั้นดีมาก เรียบง่ายและสง่างาม ซึ่งทำให้สายตาของฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยแสดงความอิจฉาออกมาเลยทีเดียว
บ้านที่พวกเขาเช่าอยู่ตอนนี้มีขนาดเล็กกว่าบ้านหลังนี้มาก และยังตกแต่งไปเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย
"คุณน้า คุณตา คุณยาย!"
เมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวนอกประตู เด็กชายตัวเล็กๆ หลี่จุนรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนอย่างมีความสุข
"ลูกสะใภ้ พวกเขามาแล้ว" ในเวลานี้ โจวหลานฮวาก็ออกมาจากครัวแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นฉินกั๋วตง จ้าวเหมยและฉินหยุน เธอจึงยิ้มออกมาท่าทีดูกระตือรือร้นมาก
“เสี่ยวซวน รินชาให้พวกเขาสักถ้วยหน่อย อาหารใกล้เสร็จแล้ว” โจวหลานฮวาบอกฉินซวน
“ไดค่ะแม่” ฉินซวนยิ้มและพยักหน้า
โจวหลานฮวาไม่เคยกระตือรือร้นขนาดนี้มาก่อนเลย
ในขณะนี้ หลี่อี้หังเรียกให้ฉินหยุนนั่งลง แล้วหลี่ต้าจุน หลี่อี้หัง ฉินกั๋วตงและฉินหยุน ทุกคนก็นั่งลงบนโซฟา
"เสี่ยวหยุน ฉันไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่หยางกวงซิตี้ถึงสองรอบ และธุรกิจก็ยังร้อนแรงมาก ธุรกิจของนายดีกว่าพี่เขยอย่างฉันแล้ว" หลี่อี้หังถอนหายใจ
เขามีรายได้มากกว่าหนึ่งแสนหยวนต่อปี แลกกับการทำงานอย่างหนัก แต่ร้านๆเดียวของฉินหยุนมีรายได้เท่ากับเขาภายในหนึ่งเดือน
ตอนนี้พวกเขาเปิดร้านสาขาที่สองแล้ว เป็นไปได้ว่ากำไรจะสูงขึ้นอีกในเดือนมิถุนายน
เขาถามฉินซวนโดยตรงเลยเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเมื่อคืนนี้ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "ผมแค่โชคดี"
ทั้งสี่คนคุยกันอย่างสบาย ๆ แม้ว่าฉินหยุนจะอายุน้อยที่สุด ถึงขึ้นยังเรียนอยู่และยังไม่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย แต่ก็ไม่มีใครมองว่าเขาเป็นเด็ก
"เสี่ยวหยุน เธอจะสอบเข้ามหาลัยในเร็วๆนี้ใช่ไหม จะสมัครเข้ามหาลัยไหนล่ะ?" หลี่ต้าจุนถามด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเขาเคยพบกับฉินหยุนมาก่อน แต่ในความเห็นของเขา ฉินหยุนไม่ได้พิเศษอะไร และเขาไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์จะลงเอยเช่นนี้
นักเรียนมัธยมปลายที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 100,000 หยวนจากการเปิดร้านขายเสื้อผ้า หากไม่ใช่เพราะตัวอย่างมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาคงคิดว่ามันคือเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน
"ต้องดูคะแนนก่อนครับ"
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ถ้าเป็นไปได้ ผมจะเข้ามหาลัยในจินหลิง"
"อืม.. จินหลิงก็ไม่เลว ทำข้อสอบให้ดีล่ะ" หลี่ต้าจุนพยักหน้า
ทั้งสี่คนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
"ได้เวลาทานข้าวแล้ว" ไม่กี่นาทีต่อมาฉินซวนก็เชิญพวกเขานั่งลง
"พี่น้อง ฉันไม่คิดเลยว่าแค่เราไม่ได้เจอกันในช่วงเวลาสั้นๆ พวกคุณก็เปิดร้านขายเสื้อผ้ากันแล้ว มาเถอะ ฉันขอให้ร้านเสื้อผ้าของพวกคุณเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ" โจวหลานฮวากล่าวกับจ้าวเหมยด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหมยมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอและพูดว่า "มันเป็นความคิดของเสี่ยวหยุนทั้งหมด เราจะไปมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นได้อย่างไร"
แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ฟังออกถึงความภาคภูมิใจในน้ำเสียงของเธอ
ในอดีตเธอมักจะรู้สึกด้อยกว่าเสมอต่อหน้าโจวหลานฮวา และไม่กล้าพูดเสียงดังมาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะครอบครัวยากจนและเป็นหนี้โจว หลานฮวา ชีวิตลำบากและเหน็ดเหนื่อยอยู่ทุกวัน กระดูกสันหลังคดงอ แทบไม่มีความหวังต่ออนาคต
แต่ตอนนี้ ลูกชายของเธอถูกแจ็กพอตรางวัลลอตเตอรี่และเปิดร้านขายเสื้อผ้า เขาสามารถหาเงินได้หลายพันหยวนต่อวันและแม้แต่หลายแสนหยวนต่อเดือน
เงินที่ครอบครัวเคยยืมมาก็ได้ชำระคืนแล้ว และยังมีเงินอยู่ในมืออีกด้วย
และตอนนี้ ร้านขายเสื้อผ้ายังคงทำเงินได้อยู่ บางทีในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ อาจจะสามารถชำระคืนค่ากู้ซื้อบ้านได้โดยตรง
วันเวลาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเพียงในฝันของเธอเท่านั้น
เธอไม่เป็นหนี้อีกต่อไป แถมยังมีเงินอยู่ในมือ และมีร้านค้าอีกสองแห่ง ดังนั้นความมั่นใจของเธอจึงแข็งแกร่งขึ้นในทันใด
"ใช่แล้ว ฉันคิดว่าเสี่ยวหยุนมีความสามารถตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาครั้งแรกเลย"
โจวหลานฮวาพยักหน้า มองฉินหยุนและพูดด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวหยุน ป้าขออวยพรให้เธอโชคดี"
"ขอบคุณมากครับคุณป้า" ฉินหยุนรีบยืนขึ้นและดื่มเครื่องดื่มในมือของเขาทันที
ทั้งครอบครัวมีความสุข พากันส่งเสียงหัวเราะออกมาอยู่ตลอด
เมื่อถึงเวลากลับ ฉินซวนก็ออกมาส่งฉินหยุนและคนอื่นๆ
"เสี่ยวซวน ลูกอยู่บ้านนี้เป็นยังไงบ้าง พ่อแม่สามียังพูดจาไม่ดีใส่ลูกอยู่หรือเปล่า?" จ้าวเหมยมองไปที่ลูกสาวของเธอแล้วถามเสียงเบา
เธอรู้มาบ้าง เกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินซวนที่บ้านหลังนี้
แต่เธอทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่บอกลูกสาวว่าไม่ต้องสนใจ ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาสำหรับคำพูดที่ไม่พึงประสงค์เล็กน้อยเหล่านั้น
"แม่ ตอนนี้พ่อแม่สามีของฉันไม่ได้พูดอะไรเลย และพวกเขามักจะยกย่องเสี่ยวหยุนด้วย" ฉินซวนยิ้ม
ครอบครัวตระกูลฉินของเธอเติบโตขึ้น และเธอยังสามารถหาเงินได้มากมาย เธอจึงมีความมั่นใจในครอบครัวฝั่งนี้มากขึ้นเช่นกัน
(จบตอน)