ตอนที่ 29 : ครอบครัวของฉินซวน
เมื่อได้ยินลูกค้าถาม พนักงานรีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "แน่นอนค่ะ"
หลังจากลองสวมแล้ว ลูกค้าก็ชำระเงินทันทีในไม่กี่นาทีต่อมา
"ขายได้แล้วเหรอ!?"
เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าถูกขายออกไปแล้ว ใบหน้าของซุนหยาตงก็แสดงความตื่นเต้นทันที
ลูกค้ารายนี้ไม่ใช่หน้าม้าที่ถูกจ้างมา แต่เขาคือลูกค้าจริงๆ เพียงพริบตาเดียวเขาก็ได้กำไรมา 600 หยวน และเงินที่จ่ายไปในวันนี้ก็ได้รับกลับคืนทันที
ห้าสิบนาทีต่อมา ก็มีลูกค้าอีกคนหนึ่งมาซื้อเสื้อผ้าราคา 1,000 หยวนอีกตัว
ในที่สุด ซุนหยาตงก็ทำกำไรได้หลังจากที่ขายเสื้อผ้าชุดนี้
ค่าใช้จ่ายของวันนี้ก็ถือว่าได้รับทุนคืน
และอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา เสื้อผ้าตัวที่สาม ราคา 1,100 หยวนก็ถูกขายออกไปอีกครั้ง
"พ่อ ผมไม่คิดเลยว่าจะไม่มีใครซื้อเสื้อผ้าราคาถูกพวกนี้ แต่กลับมีคนซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแทน!" ซุนเจี้ยนเฉียงกล่าวอย่างตื่นเต้น
"ฮ่าฮ่า.. ฉันก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน" ซุนหยาตงหัวเราะ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างร้านของเขากับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็คือ ร้านของเขามีเสื้อผ้าราคาแพงขาย แต่เขารับมาเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น และเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะขายได้หมดทุกตัวในทันที
"พ่อ ผมคิดว่าเราสามารถรับเสื้อผ้าที่มีราคาแพงพวกนี้มาได้อีก เราน่าจะขายได้ดีกว่านี้แน่นอน" ซุน เจี้ยนเฉียงเสนอความคิดหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"ใจเย็นๆ เราคอยดูสถานการณ์กันก่อน" เมื่อได้ยินคำแนะนำของซุนเจี้ยนเฉียง ซุนหยาตงไม่ได้ตัดสินใจทำตามทันที เห็นได้ชัดว่าเขามีความระมัดระวังเล็กน้อย
ไม่ไกลจากที่นี่ ฉินหยุนยืนเฝ้ามองอยู่เงียบๆ
ภายใต้การควบคุมของเขา เส้นสายลึกลับบางเส้นก็ลอยออกมาจากร้านเสื้อผ้าฉีหยุน และเข้าครอบคลุมร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งหมดอีกครั้ง
"ซุนหยาตง ซุนเจี้ยนเฉียง ถ้าพวกแกต้องการเล่น งั้นฉันก็จะเล่นกับพวกแกเอง" มองไปที่ร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน ใบหน้าที่เรียบเฉยของฉินหยุน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ปรากฎประกายแสงที่แหลมคมขึ้นแวบหนึ่ง
การตัดช่องทางทำมาหากินของคนอื่น ก็เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา ก่อนหน้านี้ธุรกิจร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นเป็นที่นิยมมาก แต่พวกซุนหยาตงก็หันเหความสนใจมาที่ร้านของเขาจนได้
ถ้าภายใต้สถานการณ์ปกติที่เขาไม่มีระบบโชคลาภ หากพวกซุนหยาตงยึดร้านเสื้อผ้าคืน และถึงแม้ฉินหยุนจะเปิดร้านใหม่ได้ แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้เหมือนเดิม
ท้ายที่สุดแล้วความนิยมของร้านก็ขึ้นอยู่กับเวลา สถานที่ และการสัญจรของผู้คนที่เหมาะสม
และถ้าเขายอมเปิดร้านต่อ เขาก็ต้องคอยแบกรับค่าเช่าสูงเสียดฟ้าที่เสนอโดยซุนหยาตง
เนื้อชิ้นใหญ่นี้เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ส่วนซุนหยาตงนั้นเป็นเหมือนหมาป่าที่หิวกระหาย ที่อยากจะลองกัดเนื้อชิ้นนี้เข้าไปคำใหญ่โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเขาไม่มีวิธีจัดการกับมัน เขาก็ทำได้แค่มองดูอย่างช่วยไม่ได้
แต่น่าเสียดายที่โชคลาภนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฉินหยุนโดยสิ้นเชิง! และตอนนี้เขาเริ่มที่จะโต้กลับแล้ว!
ไม่ใช่สไตล์ของฉินหยุน ที่จะทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากคุณตกเป็นเป้าหมายของหมาป่าผู้หิวโหย คุณจะต้องขว้างก้อนหินใส่หมาป่าตัวนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!
...
สี่ทุ่มหลังจากปิดร้าน ฉินซวนก็กลับถึงบ้าน
ในเวลานี้ หลี่อี้หังกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพลางคุยกับพ่อแม่ของเขา
พ่อของหลี่อี้หังเคยเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ แต่ตอนนี้เขาเกษียณแล้ว ส่วนแม่ของเขาเคยทำงานในโรงงาน และตอนนี้เธอก็อยู่ในสถานะพักผ่อนเช่นกัน
หลี่อี้หังและฉินซวน ทั้งคู่ต้องทำงาน ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่ชั่วคราวเพื่อช่วยดูแลหลานชายของพวกเขา
“พ่อ แม่ สามี” เมื่อเห็นทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟา ฉินซวนก็ทักทาย
"กลับมาแล้วเหรอ" หลี่อี้หังมองไปที่ฉินซวนและพูดด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่พ่อแม่ของเขาแค่พยักหน้าให้เล็กน้อย
พวกเขายังมีอคติต่อฉินซวนอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว ครอบครัวของฉินซวนนั้นยากจนเกินไป ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้ความยากจนจะไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรม แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกดูถูกโดยผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ฉินซวนยังขอยืมเงิน 100,000 หยวนเพื่อให้ครอบครัวฉินนำไปซื้อบ้านอีก
บ้านที่ลูกชายของพวกเขาซื้อด้วยเงินที่หามาอย่างยากลำบากยังคงต้องผ่อนอยู่เลย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกยืมเงินไป 100,000 หยวน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่พอใจฉินซวนมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้จะนำเงินไปฝากธนาคารไว้เฉยๆ แต่ก็ยังได้ดอกเบี้ย มีประโยชน์กว่าแน่นอน
จากมุมมองของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าฉินซวนเป็นคนประเภทที่เอื้อเฟื้อครอบครัวฉินของเธอก่อนแน่ หากเธอได้รับสิ่งดีๆมา
“ยังมีข้าวอยู่ในหม้อหุงข้าว เดี๋ยวผมไปอุ่นให้” หลี่อี้หังพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร สามี ฉันกินมาเรียบร้อยแล้ว” ฉินซวนส่ายหัวแล้วพูด
เธอมองไปที่พ่อแม่ของหลี่อี้หังและพูดว่า "พ่อแม่ สามี วันนี้ฉันได้รับเงินเดือนแล้ว"
"โอ้? ได้เท่าไหร่เหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่อี้หังยิ้มทันที
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินซวนพูด พ่อแม่ของหลี่อี้หัง หลี่ต้าจุนและโจวหลานฮวา ก็สนใจเล็กน้อย
“เป็นร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดโดยน้องชายของเสี่ยวซวนใช่ไหม เงินเดือนจะถูกจ่ายในวันที่ 1 ก็คือวันนี้” โจวหลานฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ในใจของเธอนั้นคิดอีกแบบ เธอรู้ว่าฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้า และตอนนี้ฉินซวนกำลังทำงานในร้านน้องชายของเธอ แต่โจวหลานฮวาไม่ค่อยรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเธอก็ไม่ได้ถามเพิ่มเติม
“9,000 หยวน ถูกโอนมาแล้ว” ฉินซวนพูดด้วยรอยยิ้ม
“9,000?” เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซวน ,หลี่อี้หัง หลี่ต้าจุนและ โจวหลานฮวา ต่างก็ตกตะลึง
สมัยนี้ 9,000 หยวนคือเงินเดือนที่สูงมาก!
หลี่อี้หังไม่ค่อยเท่าไร เพราะเขารู้มาบ้างเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน แต่สำหรับหลี่ต้าจุนและภรรยา พวกเขาสองคนรู้สึกตกใจมาก
9,000 หยวนต่อเดือน ไม่ใช่ว่าในหนึ่งปีมันจะมากกว่า 100,000 หยวนอีกหรอกเหรอ?
“เสี่ยวซวน ร้านขายเสื้อผ้าของน้องชายลูกทำกำไรได้มากไหม?” โจวหลานฮวาอดไม่ได้ที่จะถาม
หากสามารถจ่ายได้เดือนละ 9,000 หยวน แสดงว่าร้านขายเสื้อผ้าจะต้องทำเงินได้มากมายแน่นอน
ฉินซวนยิ้มและพูดว่า "โชคดีที่มันดีกว่าร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปนิดหน่อย"
นอกจากโจวหลานฮวาแล้ว หลี่ต้าจุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "เสี่ยวซวน มีพนักงานในร้านของลูกกี่คน"
ฉินซวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอกล่าวว่า "พนักงานสิบคน รวมถึงอีกสองคนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในวันหยุดสุดสัปดาห์"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซวน หลี่ต้าจุนก็ถอนหายใจและกล่าวว่า "ขนาดว่ามีพนักงานตั้งสิบคน แต่ยังคงสามารถให้เงินเดือนสูงเช่นนี้กับลูกได้ ดูเหมือนว่าร้านเสื้อผ้าที่น้องชายของลูกเปิด จะทำกำไรได้ไม่น้อยเลย"
มีพนักงานหลายคน ลำพังแค่จ่ายเงินเดือนเดือนเดียวก็หมดไปหลายหมื่นหยวนแล้ว!
ดังนั้นกำไรของร้านขายเสื้อผ้าอย่างน้อยก็ 100,000 หยวน!
"พ่อครับ ผมเคยไปดูที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วย ธุรกิจกำลังเฟื่องฟูจริงๆ แถมวันนี้ยังเปิดอีกสาขาที่หยางกวงซิตี้ด้วย ผมไปดูตอนที่ผมกลับมาตอนกลางคืน แม้จะเป็นเวลาสองทุ่มหรือสามทุ่ม ก็ยังมีคนซื้อเสื้อผ้าในร้านอยู่เลย" หลี่อี้หังพูดด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นทางผ่านหยางกวงซิตี้ระหว่างทางกลับบ้านจากโรงงานเล็กๆที่เขาทำงานอยู่ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ
“เปิดอีกสาขางั้นเหรอ?” หลี่ต้าจุนและโจวหลานฮวามองหน้ากัน
ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก แต่เขาไม่เคยคิดว่าน้องชายของฉินซวน จะเริ่มต้นธุรกิจและเปิดสาขาที่สองในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้
ในขณะนี้เอง จู่ๆความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของโจวหลานฮวา
‘ในเมื่อทำกำไรได้ขนาดนี้ มาดูกันว่าพวกเขาจะคืนเงิน 100,000 หยวนได้ไหม’ เธอคิดกับตัวเอง
ทุกวันนี้มีตัวอย่างมากมายที่เหล่าญาติๆยืมเงินแล้วไม่ใช้คืน
สถานที่ที่เธออยู่อาศัยก็มีกรณีคล้ายๆกัน ครอบครัวหนึ่งมีลูกชาย 2 คน ลูกชายคนโตอายุ 30 ปี แต่ทางครอบครัวยังไม่มีเงินซื้อบ้าน
ครอบครัวนี้จึงไปหาญาติเพื่อขอยืมเงิน 300,000 หยวน เมื่อไม่กี่ปีก่อน
เมื่อสภาพครอบครัวทางฝั่งนี้ดีขึ้น ครอบครัวญาติจึงมาขอเงินคืน แต่ครอบครัวฝั่งนี้บอกว่าจะคืนเงินให้เมื่อตอนลูกชายแต่งงาน
เป็นอะไรที่แปลกมาก ฉันต้องการเงินคืนตอนนี้ และมันขึ้นอยู่กับคุณงั้นเหรอที่จะเลือกเวลาคืนได้? ถ้าลูกชายของคุณไม่แต่งงานเลย คุณก็จะไม่คืนเงินฉัน ว่างั้น?
เหตุการณ์นี้ทำให้โจวหลานฮวาเกิดอาการระแวงอย่างมาก
ตอนนี้เอง ฉินซวนดูเหมือนจะรู้ว่าโจวหลานฮวากำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดว่า "พ่อ แม่ พวกเขาคืนเงิน 100,000 หยวนให้ฉันแล้ว มันอยู่ในโทรศัพท์มือถือของฉัน และสามารถถอนออกได้ทุกเมื่อ"
“เงิน 100,000 หยวนถูกส่งคืนแล้วงั้นเหรอ?!”
โจวหลานฮวารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฉิน ซวน แต่เธอรีบพูดว่า “โอ้ เสี่ยว ซวน ไม่จำเป็นต้องรีบคืนเงินก็ได้ ตอนนี้พ่อแม่และน้องชายของลูกจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเปิดร้าน ไม่ต้องรีบๆ รออีกสักหน่อยก็ได้”
(จบตอน)